เจ้าบ้านเฉินเดินนำหน้า ตามด้วยจูจิ้น แป๋มและเสี่ยวซงตามหลัง บนเนินผักเขียวขจีตัดกับขอบฟ้าสีฟ้าสดใส
แป๋มตื่นเต้นเมื่อเห็นผักบุ้งกับ หัวผักกาดกำลังงอกขึ้นมาจากดินสีดำเป็นต้นเล็กๆ เขียวเหลืองน่ารัก
“ท่านพ่อพวกมันงอกออกมาแล้ว”จิ้มมือลงไปยังใบรูปหัวใจชนกันสองใบเล็กๆ บนพื้น
“นั่นล่ะรอให้มีใบจริงของพวกมันออกมาจึงนำไปลงที่แปลงใหญได้”
“ทำไมต้องเอาไปปลูกที่แปลงใหญ่ปลูกในนี้ไม่ได้หรือไร”
"ในนี้เขาเรียกแปลงเพาะ เราจะคัดเฉพาะต้นที่แข็งแรง ไปปลูกในแปลงใหญ่ เราว่านเมล็ดที่นี่หนาแน่นเกินไปปลูกแปลงใหญ่จึงมีพื้นที่ให้พวกมันเติบโต”
“ยุ่งยากเหมือนกันแฮะ”พึมพำเบาๆ
“หากเราไม่อยากยุ่งยาก จะต้องหว่านห่างหน่อยและต้องหมั่นโกยขี้หมูมาใส่พวกมัน แล้วก็คัดสรรเอาเฉพาะต้นที่แข็งแรงในแปลงเพาะไปปลูก พวกที่เหลือยังพอเก็บไว้กินได้ แม้ลำตั้นจะไม่ใหญ่โต สำหรับข้าผักที่ดีที่สุดคือผักสดเก็บสดๆ กินสดๆ ปรุงสดๆ ”
แป๋มยิ้มกว้างเฮ้อโชคดีจังได้ หลุดมาในสวนผัก อย่างที่บอกผักสดๆ อร่อยจริงๆ เก็บเลยแกงเลย สุดยอด
ทางไปบนเขา เป็นทางเล็กๆ คดเคี้ยวเหมือนกับทางเดินเท้าทั่วไป ข้างทางข้างหน้านั่นสูงชันไปเรื่อยๆ แป๋มแบกน้ำหนักตัวที่เกินไปแม้จะรู้สึกว่าตัวเบาไปบางแล้วทว่าก็เหนื่อยหอบได้ง่ายเพราะไม่เคยออกกำลังกาย เสี่ยวซงส่งมือบางเหมือนลำเทียนให้แป๋มจับ แป๋มเหลือบตามองสบตาเสี่ยวซงค้นหาบางอย่าง บางอย่างที่ว่า 555อะไรกันตัวเองอย่างกะตุ่มใครกันจะพิศวาส
ยิ่งมองตอนนี้เสี่ยวซงยิ่งดูหล่อเหลาไม่มีภาพของคนจรเหลืออยู่ แขนที่อัดแน่นเป็นด้วยมัดกล้ามเพราะสองสามวันนี้ทำแต่งานที่ใช้แรง ดวงตาสีกาแฟ จ้องมองตอบก่อนจะยิ้มให้
“ให้ข้าช่วย”
“เขาว่ามิตรภาพยามคับขันย่อมไม่จีรัง ท่านไม่ต้องมาช่วยข้าหรอกข้าไม่อยากได้ความไม่จีรังนั้น”
“หากในยามนี้ข้ามีกำลังวังชา จนสามารถอุ้มเจ้าได้ข้าจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยและมันมิใช่มิตรภาพยามคับขันหากแต่เป็นความ….จริงใจของข้า”
แป๋มอายจนหน้าแดงโดนหนุ่ม โบราณหยอดคำหวาน ส่งมืออ้วนป้อมให้เขาอย่าลืมตัวเสี่ยวซงดึงมือแป๋มขึ้นไปบนช่องทางเดินที่ชันขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสอบอุ่นกับมือบางเย็นเฉียบทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นเสียจริง
ท่านเจ้าบ้านกับจูจิ้น นั่งพักเหนื่อยรออยู่ไม่ไกลนัก จูจิ้นแลบลิ้นใส่แป๋ม เหมือนจะรู้ทันว่าแป๋มกำลังคิดไปไกลกับ เสี่ยวซงคนนี้
“จูเจี่ยแกล้งเดินช้าหรือเปล่า ตัวก็ใหญ่แรงก็เยอะแต่เดินช้า”มาถึงนางก็เล่นงานเลย
“จูจิ้นน้องรักหากเจ้าจะพูดจาน่ารักกว่านี้หน่อย เห็นทีว่าพี่สาวคนนี้จะรักเจ้ายิ่งชีวิต แต่ตอนนี้ ข้า กำลังเหนื่อยๆ ไม่อาจต่อกรกับเจ้า”จูจิ้นเบ้ปาก
“เหนื่อยตรงไหนข้าเห็นชัดๆ ว่าพี่ชายเสี่ยวซง ช่วยดึงมือพี่สาวแทบจะพยุงข้าเสียอีกต้องเดินขึ้นมาเพียงลำพัง มีคนช่วยปานนั้นยังบอกว่าเหนื่อย”
“จูเจี่ยคราวหลังจะต้องหมั่นขยับกายหลายวันมานี้ อาภรณ์ของเจ้า แม่เจ้าเย็บให้ใหม่หลายตัว บอกว่าเจ้าใส่แล้วมันหลวมโคลงไม่น่ารัก พ่อว่าเจ้ารูปร่างดีขึ้นไม่น้อยหากตั้งใจจริงยิ่งกว่านี้ จูเจี่ยของเราจะต้องงดงามหาใครเปรียบ”
เสี่ยวซงอมยิ้ม แป๋มอายม้วนต้วน
ป่าไ่ผ่ ละลานตา ที่เห็นอยู่ข้างหน้า หลังจากที่เดินมาประมาณ สามร้อยเมตร ด้านล่าง ลงไปเป็นธารน้ำเล็กๆ ไหลรินถัดขึ้นมาเป็นป่าไผ่ยืน อวดกันสีเขียวสด สวยจน แป๋มอยากจะหยิบกล้องมาถ่ายรูปไว้หากมีโทรศัพท์คงได้ไปหลายรูปแล้ว ข้างๆกอหน่อไม่มีหน่อไม้หน่อใหญ่มหึมาแทงขึ้นมาจากดินมากมาย ….หน่อไม้จีน ..แป๋มตื่นตาตื่นใจหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ท่านเฉินหยิบเหล็กแบนเหมือนมีดแต่มีหัวตัดเหมือนเสียม แซะหน่อไม้ด้วยความชำนาญ เสี่ยวซงยืนมองก่อนจะขอลองทำดูบ้าง
“ลึกไปมันจะแก่ต้องกะให้พอดี ระหว่างร่องของข้อหน่อไม้แชะเข้าไปจึงจะหลุดออกมาง่ายดาย” แป๋มคันไม้คันมืออยากจะลอง เผลอตัวเข้าไปแย่งเหล็กแซะจากเสี่ยวซง ตั้งท่า123…
”ปึก ปึก”
“555จูเจี่ยตัวก็อ้วนแรงก็เยอะแต่ ไม่ได้เรื่อง”จูจิ้น หยิกอีกตามเคย เสี่ยวซงจับด้ามไม้เหนือมือของแป๋มสองแรงแข็งขัน แซะหน่อไม้หน่อใหญ่ หลุดออกจากโคน สีขาวสะอาดตาของหน่อไม้ น่ากินเหลือเกิน
“อ่อนไปหน่อยหากกะให้พอดี จึงจะไม่ต้องเสียเนื้อหน่อไม้บางส่วนไป”ท่านเฉินอธิบายอย่างใจดี จูจิ้นยิ้มเมื่อเห็นว่าเสี่ยวซง ขยับตัวเข้าใกล้แป๋มยิ่งขึ้น
“จูจิ้นเก็บใบไผ่ไปสักมากหน่อย อีกไม่กี่วันถั่วแดง ก็จะถึงเวลาเก็บแล้ว แม่เจ้าจะได้เอาใบไผ่ห่อบะจ่างให้พวกเจ้าได้กินกัน”บะจ่าง บะจ่าง แป๋มทำตาโต ของโปรด บะจ่างหนึ่งในอาหารที่แป๋มชอบกินที่สุด
จูจิ้นเลือกเก็บใบไผ่ใบที่กว้างและใหญ่ เมื่อท่านเฉินโค่นลำไผ่ลงมากองกับพื้นก่อนจะตัดลำไผ่เป็นท่อนๆ ผ่าเป็นซีกมัดรวมกัน
“ท่านลุงท่านนำไม้ไผ่ไปทำอะไร”
“หลัวผักของเรามีน้อยไปหน่อย ข้าจึงตั้งใจจะสานหลัวใหม่เพิ่มอีกไม่น้อย”เสี่ยวซงพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ หน่อไม้กองพะเนินเป็นภูเขา
“ปอกมันเสียหน่อยจะได้ แบกไปได้สบายไม่หนักอย่างที่ควรจะเป็น”“แล้วจะยังสดอยู่ไหมท่านพ่อ”“อันที่ปอกเปลือกข้าตั้งใจนำไปดองเค็มไว้กินยามที่ หมดฤดูหน่อไม้ แต่บางส่วนนำลงไปทั้งเปลือกส่งเข้าวังหลวงทันทีเพื่อรสชาติที่ดีของมัน”แป๋มยิ้ม“แล้วเราจะเอาไปทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะขนาดนี้”“ให้แม่เจ้าทำพะโล้ไก่ตุ๋นหน่อไม้จีน”“หาหน่อไม้เอามาทำพะโล้ได้ด้วยหรือ”“จูเจี่ย อร่อยที่สุดท่านแม่ทำพะโล้ตุ๋นหน่อไม้จีนรสดีที่สุด”จูจิ้นออกปากเสียเองแป๋ม เริ่มรู้สึกว่าตัวเองน้ำลายสอ“ก่อนอื่น กินกลางวันกันก่อนดีกว่า”ท่านเฉินเอ่ยปากเพราะเห็นว่ากำลังจะเลยเวลากลางวันไปแล้วและทุกๆ คนต่างออกแรงและปีนเนินเขาขึ้นมาเหนื่อยล้าฮูหยินเฉิน เตรียมซาลาเปาไส้ถั่วแดงมาให้หลายลูกนำถั่วแดงที่เหลือมาทำไว้เพื่อจะได้เก็บของใหม่ในปีถัดไป ซาลาเปาที่ยังอุ่นๆ ห่อมาในผ้าฝ้ายสีน้ำตาลแดงถึงสามชั้น“ถั่วแดงของเราใกล้จะหมด พรุ่งนี้ควรจะเก็บเกี่ยวถั่วแดงมาเก็บไว้ ดีที่หิมะแรกยังไ่ม่มาไม่เช่นนั้น การทำงานในแปลงผักค่อนข้างลำบาก”พูดไปก็ส่งซาลาเปาไส้ถั่วแดงให้ก้บทุกคน สีของซาลาเปาไม่ขาวจั๊วหากแต่ออกสีน้ำตาล (สีตุ่นๆ) แป๋มรับเอามาถือไว้ทำไมมันยังอุ่
“บอกมาเขาอยู่ไหน ข้าจะส่งองครักษ์ชุดใหม่ไปตามตัวเขากลับมา”จงต้าหมิงถอนหายใจประสานมือตรงหน้าตำหนักบูรพา“พี่ใหญ่ซงหยวนไม่อยู่ที่นี่ข้าจึงเหมาะจะได้ครอบครองมัน”องค์ชายรองซงหลี่ยิ้มมุมปากขันทีข้างกายยืนอยู่กล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นว่าองค์ชายรองซงหลี่ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ตำหนักบูรพาที่เป็นของซงหยวนแต่ทว่าร้างไร้ผู้คนเพราะซงหยวนไม่เคยเฉียดกาย มีแต่เร้นกายหายไปไม่สนใจครอบครองมันบ้านป่าพ่อบ้านเฉิน ให้ทั้งสามคนเสี่ยวซง แป๋มและจูจิ้นโยนหน่อไม้ลงจากหุบเขาไปด้านล่างที่เป็นลำธารใส ตัวท่านเฉินรอรับหน่อไม้หน่อใหญ่ อยู่ที่ลำธาร หน่อไม้มากมายถูกลำเลียงลงไปจนสิ้นไม่ต้องแบกให้เมื่อยขบนอกจากหน่อที่ปอกเสร็จแล้วจึงหอบใส่หลัว แป๋มเห็นว่ามันหนักอยากจะช่วยเสี่ยวซงแต่เขากลับรวบเอา สายสะพายหลัวไปเสียเอง แป๋มยื้อแย่งมาคืน จะช่วยกันหามคงจะเบาแรงลงไม่น้อยดันไปคว้าเอามือของเสี่ยวซงเต็มเปา ตาคมสบตาของแป๋มนิ่ง แป๋มเองก็ตกตะลึงแต่มีอีกคนที่ยังอยู่ตรงนั้น“ฮะแฮ่มจูเจี่ย ท่านกำลังใช้เวทเมนตร์นางจิ้งจอกกับพี่ชายเสี่ยวซงใช่ไหม”แป๋มสะดุ้งเสี่ยวซงอมยิ้ม ฉันเกลียดเด็กฉันไม่ใช่นางงาม ฉันไม่รักเด็ก“เจ้าน้องบ้า หากจะใช้เวทมนตร์กั
ช่วยกันแบกเอาหน่อไม้สวยสะอาดกลับไปยังบ้านไร่บนเนินเขา พ่อค้าผักมารอรับผักและหน่อไม้เหมือนรู้เวลา สายตาของเสี่ยวซงเหลือบตามองพ่อค้าผัก แล้วยิ้มบางๆ“ไท่...เสี่ยวซงเจ้าสบายดีหรือไม่”น้ำเสียงอ่อนโยน เสี่ยวซงเพียงแค่ก้มศีรษะ น้อยๆ แล้วก็เดินเลี่ยงจากไป พ่อค้าผักยื่นเหรียญเงินให้ท่านเฉิน แป๋มกับเสี่ยวซงและจูจิ้นหอบหน่อไม้ที่ปอกแล้วกลับไปที่บ้าน กลิ่นพะโล้หอมมาแต่ไกลชวนน้ำลายไหลเล่นน้ำและเดินเท้าจนเหนื่อยล้า รู้สึกหิวข้าวเสียจริง ฮูหยินรออยู่หน้าบ้านรับเอาหลัวหน่อไม้จากเสี่ยวซงเลือกเอาหน่อไม้หน่อใหญ่เพียงหน่อเดียวมาหันเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงไปในหม้อพะโล้ที่มีไข่เป็ดและเนื้อเป็ดตุ๋นจนเป็นสีน้ำตาลเข้าเนื้อ แป๋มชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อต้ม ฮูหยินเฉินอมยิ้ม“หิวหรือยัง”แป๋มพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“รอเพียงครู่เดียวระหว่างนี้ไปเปลี่ยบนอาภรณ์ของเจ้าเสียหน่อยวันนี้แม่ไปที่ตลาดชื่อเป็ดมาทำพะโล้ ได้อาภรณ์ใหม่สีสวยมาจากในตลาดให้เจ้ากับจูจิ้นพี่น้องอย่างละตัว แล้วยังได้ผ้ามาเย็บอาภรณ์ให้พ่อเจ้าอีกด้วย”แป๋มยิ้ม ฮูหยินเฉินช่างใจดีเสียจริงแม้จะปากร้ายไปหน่อย เฮ้อหากรู้ว่าแป๋มไม่ใช่จูเจี่ยจะว่าอย่างไรนะ“เดี๋ยวหน
“ท่านพ่อจูจิ้นไม่เห็นเคยได้”“จูจิ้นใช้กับท่านแม่”จูจิ้นหน้าเง้า แป๋มแบ่งส่วนของตัวเองออกครึ่งหนึ่งส่งให้จูจิ้น“ข้าไม่เคยได้ไปไหนซื้ออะไร จูจิ้นเจ้ารับไว้”ยิ้มกว้างสดใสปรากฏที่ริมฝีปาก“พี่สาวจูเจียท่านใจดีแปลกๆช่วงนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้น แป๋มยิ้มแหย๋ๆไม่กล้าพูดอะไรจะบอกได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่จูเจีย“รีบไปแล้วรีบกลับมา พวกเรารอเจ้าอยู่ที่นี่”เสี่ยวซงประสานมืออีกครั้งแป๋มยิ้มเศร้าๆ สองสามวันหรือว่าจะไปไม่หวนกลับ...คนเร่ร่อนจะรักใครจริง….“พรุ่งนี้เห็นทีจะต้องเก็บเกี่ยวถั่วแดงเสียทีฝักอ่อนไม่เหลือให้เก็บเป็นผักแล้ว คงเหลือแต่ฝักแก่ๆ เก็บมาแล้วนำไปตากสองสองสามแดดก็เอามาเก็บไว้ได้นานแสนนาน อือ ...ฮูหยินจูจิ้นเก็บใบไผ่มาให้เสียมาก แม้ไม่ใช่ไผ่หม่าจูแต่ใบก็สมบูรณ์ไม่น้อยเหมาะกับการห่อบะจ่าง เก็บถั่วแดงแล้วจึงทำบะจ่างกินกัน ไม่ได้กินเสียนาน”ท่านเฉินพูดไปยิ้มไป“เผือกข้างลำธารก็กำลังลงหัวพอดีพรุ่งนี้หากไม่มีอะไรเร่งด่วนข้าจะไปขุดเผือกเตรียมไว้ ส่วนเกาลัดคงต้องให้จูจิ้นกับจูเจี่ยไปเก็บมาจากท้ายไร่ตอนนี้คงร่วงเกือบหมดต้นแล้ว”“เกาลัดหรือคะ”ดวงตากลมโตยิ่งกลมโตยิ่งขึ้น“เกาลัดเพิ่ง
“ไม่ไม่ไม่ ไม่ใช่แค่เพียงบอกลาแต่ข้าจะบอกว่า รับกลับมาเร้วๆหน่อยพวกเราบ้านเฉินจะต้องคิดถึงท่านแน่”เสี่ยวซงหัวใจพองโต“คนในบ้านเฉินคิดถึง แล้วจูเจียคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่นะ ข้าคงไม่คิดถึงท่านหรอกเพราะว่าวันๆข้าต้องใช้แรงงานเก้บผักปลุกผักในแต่ละวันจะมีเวลาที่ไหนมาคิดถึงท่านจะว่าไปหากอยู่เฉยๆไม่แน่อาจจะคิดถึง”เสี่ยวซงยิ้มเศร้าๆ นางไม่มีใจกับเขาหรืออาจจจะเร็วไปเหมือนนางว่า เขาเผลอใจให้นางเร็วไป แต่จะอย่างไรเรื่องของหัวใจห้ามกันได้หรือวังหลวงซงหยวน ก้าวขาเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ จงต้าหมิงคุมเสื้อคลุมมังกรสีน้ำเงินให้ร่างสูงผึ่งผายมิได้ผอมบาง เช่นแต่ก่อน ท่าทีองอาจสง่างามไม่ต่างจากมังกรหนุ่มอีกทั้งใบหน้ายังหล่อเหลาเมื่ออยู่ในอาภรณ์ที่ดีจึงส่งเสริมให้สง่างามเกินกว่าผู้ใด“เสด็จพ่อส่งคนตามข้าใช่หรือไม่ หากคาดไม่ผิด”จงต้าหมิงยิ้มมุมปาก พยักหน้าขึ้นลง“ฝ่าบาทข้าพระองค์ตามหาไท่จือจนทั่วโรงเตี๊ยมกลางป่าแต่ก็ไม่พบ”เสียงเจื้อยแจ้วของทหารองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปตามตัวซงหยวนกำลังเล่าเรื่องราวก่อนหน้านั้น“ไหนจงต้าหมิงบอกว่า พบไท่จือที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองกลางป่านั่น เจ้าไร้ความสามรถจึงหาไท่จือไม่พบ”“ซงหย
แสงแดดสว่างแยงทะลุม่านตาที่กะพริบ ไล่ความแสบร้อนที่เปลือกตา อะไรกันเมื่อคืนรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถกลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงตื่นสายได้ขนาดนี้นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ เฮ้ย ขยับตัวเบาๆ เปิดปากหาวเปิดเปลือกตา“จูเจี่ยแอบมานอน หลับใหลที่นี่อีกแล้วงานในไร่รอเจ้าอยู่ แล้วยังมานอนสบาย”ใครวะมาเสียงดังข้างหู“ตื่นได้แล้วจูเจี่ย”ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ“ฮาวววว”บิดขี้เกียจไปรอบตัว“จูเจี่ย วันนี้ต้องส่งผักเข้าวังหลวง ยังไม่ได้ตามที่กำหนดเจ้ายังกล้ามานอน”เถียงนาน้อย เอ้ย ...ไม่ใช่ ที่นี่มันที่ไหน สวนผักกว้างใหญ่ แล้วยังมีเพิง ไม่สิแถวบ้านเรียกเถียงนา เคยสงสัยไหมไปเถียงทำไมนา“เจ้านี่แย่จริงๆ นอนจนน้ำลายไหลแล้วยังหลับสนิทจนงุนงง”“เอ่อๆๆ คือๆๆๆ ”“ไปโกยขี้หมูใส่ผักเดี๋ยวนี้เลย” หญิงวัยกลางคนมองอย่างไงอย่างไงก็น่าจะเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในที่นี้ ชี้มือไปที่กองขี้หมูกองมหึมาข้างเถียงนา“ต้องไปใช่ไหม”“หญิงบ้านป่าเกียจคร้านเช่นเจ้า ใครกันจะรับเป็นภรรยา ไร้คนสู่ขอข้ามิต้องเลี้ยงเจ้าจนตายหรือไร” ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของแป๋ม ขยับตัวอืดอาด วันๆเคยทำอะไรกันนอกจากนั่งกดแป้นพิมพ์พิมพ์นิยายกับขนมและของว่างข้างโต๊ะคอม
“ผอมขนาดนี้ ข้าจะกล้าใช้งานเขาหรือ นายท่าน”นายท่านที่ว่าเป็นพ่อค้าคนกลางที่ส่งผักเข้าไปขายในวังหลวง หัวเราะจนพุงกระเพื่อม“น่า นึกว่าเอาบุญ ใช้งานหนักงานเบาได้ทั้งหมด ทีแรกข้าตั้งใจจะให้เขาทำงานกับข้า แต่ท่านเจ้าบ้านโปรดเห็นใจ ที่พักอาหารข้าก็มีจำกัดท่านพ่อบ้านมีไร่กว้างขวางโรงเก็บพืชพันธุ์มากมาย ให้เขาได้อาศัยหลบหนาวยามค่ำคืน ผักหญ้าท่านก็เยอะแยะพอได้เป็นอาหาร นึกว่าเอาบุญ” พ่อในโลกนี้ของแป๋มยิ้มอย่างคนที่ใจดี พยักหน้าน้อยๆ แต่ยายป้านี่สิ“โอ๊ย มาอยู่น่ะมาอยู่ได้ แต่ต้องช่วยกันทำงานให้มาก ข้าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงใครฟรีๆ หรอกนะ”“ขอรับนายหญิง จะใช้งานข้าล้วนทำได้ทุกอย่าง”แป๋มเบ้ปาก ตัวผอมบางหุ่นสะโอดสะอง แป๋มตัวใหญ่เหมือนช้างน้ำยังไม่อยากทำเลยงาน“จูเจี่ย มายืนยิ้มทำไม ไม่กินก็ไปโกยขี้หมูได้แล้ว”ท้องร้องจ๊อกๆ กระโดดขึ้นไปบนกระท่อมหรือเถียงนาน้อย ตักข้าวใส่ถ้วยใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวกับผักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ“เสี่ยวซง อยู่ที่นี่ก็ตั้งใจทำงาน”“ขอรับนายท่าน”นายท่านพ่อค้าผักหันไปเจรจากับท่านพ่อ ไม่สนใจเสี่ยวซงผู้นั้นอีกต่อไป เขาเดินไปที่กองขี้หมู โกยมันใส่ตะกร้าสาน แบกไว้บนหลังก้าวเดินไปยังแปลงผัก
ในไร่ที่แสนจะอบอุ่นแสงแดดสีส้ม แม้จะส่องสว่างแต่ไม่ทำให้รู้สึกร้อน วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว“จูเจี่ย เก็บไข่เป็ดกับไข่ไก่ในเล้าให้แม่ด้วย”แป๋มยังไม่ทันจะขยับตัว จูจิ้นวิ่งไปหยิบตะกร้าออกไปก่อนแป๋มเสียอีกเสี่ยวซงมองสองคนพี่น้อง ทำท่าจะขยับตัวตามไปช่วย“เสี่ยวซง มาช่วยข้าหอบฟืนมาเก็บไว้ใกล้เตาผิง อากาศค่อนข้างหนาวไม่แน่คืนนี้อาจมีหิมะแรก ดีที่เราเก็บผักบางส่วนส่งวังหลวงเสียเกือบหมด หิมะตกได้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่”เจ้าบ้านเฉินเดินนำเสี่ยวซงที่ช่วยหอบฟืนมาเก็บไว้ในห้องครัว ใกล้เตาผิงและเตาทำกับข้าวข้างเล้าไก่ แป๋มนึกภาพขี้ไก่และความสกปรกทว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ยายป้ากวาดทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง พื้นแห้งสะอาดตา มีเศษหางจากข้าวสาลีกองบนพื้นเป็นกระจุกบ้างก็ปุไปบนพื้นเล้าไก่ ไข่ไก่วางเรี่ยราดเหมือนถูกนำมาวางไว้ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นเก็บไข่ไก่ใส่ไปในตะกร้าหลายสิบลูกไก่ไข่ตัวอ้วนขนสีน้ำตาลแดง ไม่ได้ตื่นตกใจแต่กลับเดินเข้าหาย่อตัวลงนอนหมอบเหมือนอยากจะออกไข่อยู่ตลอดเวลา แป๋มยิ้ม“จูเจี่ยไข่วันนี้เยอะกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะเมื่อวานท่านพ่อเก็บเศษผักในสวนมาให้มันจิกกินเป็นอาหารว่าง”“ไก่