“บอกมาเขาอยู่ไหน ข้าจะส่งองครักษ์ชุดใหม่ไปตามตัวเขากลับมา”จงต้าหมิงถอนหายใจประสานมือตรงหน้า
ตำหนักบูรพา
“พี่ใหญ่ซงหยวนไม่อยู่ที่นี่ข้าจึงเหมาะจะได้ครอบครองมัน”องค์ชายรองซงหลี่ยิ้มมุมปากขันทีข้างกายยืนอยู่กล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นว่าองค์ชายรองซงหลี่ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ตำหนักบูรพาที่เป็นของซงหยวนแต่ทว่าร้างไร้ผู้คนเพราะซงหยวนไม่เคยเฉียดกาย มีแต่เร้นกายหายไปไม่สนใจครอบครองมัน
บ้านป่า
พ่อบ้านเฉิน ให้ทั้งสามคนเสี่ยวซง แป๋มและจูจิ้นโยนหน่อไม้ลงจากหุบเขาไปด้านล่างที่เป็นลำธารใส ตัวท่านเฉินรอรับหน่อไม้หน่อใหญ่ อยู่ที่ลำธาร หน่อไม้มากมายถูกลำเลียงลงไปจนสิ้นไม่ต้องแบกให้เมื่อยขบนอกจากหน่อที่ปอกเสร็จแล้วจึงหอบใส่หลัว แป๋มเห็นว่ามันหนักอยากจะช่วยเสี่ยวซงแต่เขากลับรวบเอา สายสะพายหลัวไปเสียเอง แป๋มยื้อแย่งมาคืน จะช่วยกันหามคงจะเบาแรงลงไม่น้อยดันไปคว้าเอามือของเสี่ยวซงเต็มเปา ตาคมสบตาของแป๋มนิ่ง แป๋มเองก็ตกตะลึงแต่มีอีกคนที่ยังอยู่ตรงนั้น
“ฮะแฮ่มจูเจี่ย ท่านกำลังใช้เวทเมนตร์นางจิ้งจอกกับพี่ชายเสี่ยวซงใช่ไหม”แป๋มสะดุ้งเสี่ยวซงอมยิ้ม ฉันเกลียดเด็กฉันไม่ใช่นางงาม ฉันไม่รักเด็ก
“เจ้าน้องบ้า หากจะใช้เวทมนตร์กับใครข้าจะใช้กับเจ้าคนแรก เสกให้จูจิ้นผู้มีวาจาฉะฉานหายไปในพริบตา”
“แล้วจูเจี่ยจะคิดถึงข้า”ยื่นหน้าแลบลิ้น
“ไม่มีทาง หายไปเลยยิ่งดี”จูจิ้นยิ้ม
“ข้าก็จะใช้เวทมนตร์ให้ตัวข้ากลับมาอยู่กับจูเจี่ยเหมือนเดิม พี่ชายเสี่ยวซงท่านรู้ไหมใครๆ ก็ว่าพวกเราเป็นจิ้งจอกเก้าหางเพราะบ้านเราไม่ข้องแวะกับบ้านไหน แต่ข้าเคยถามท่านแม่เรื่องนี้ท่านแม่บอกข้าว่า ที่เราไม่ข้องแวะกับใครเพราะพวกเราสามารถใช้ชีวิตลำพังไม่ต้องพึ่งพาใครทั้งอาหารและผักมากมายไก่หมูและเป็ดเรามี จนไม่ต้องไปรบกวนบ้านอื่นอีกทั้งท่านพ่อเก่งในด้านการปลูกผักจึงไม่จำเป็นต้องไปข้องแวะกับผู้อื่น ชาวบ้านจึงบอกว่าพวกเราเป็นจิ้งจอกเก้าหางเร้นกายจากผู้คน นี่ถ้าจูเจี่ยสวยขึ้นมาคงคิดว่าจูเจี่ยเป็นนางจิ้งจอกแน่ๆ ”
เสี่ยวซงก็อยากจะพูดว่าเขาก็มองว่าแป๋มเป็นนางจิ้งจอก ไม่ว่าจะเป็นท่าทีสดใสกับคำพูดของแป๋มที่มำให้เขารู้สึกชอบ และแป๋มแตกต่างจากคนอื่นน้ำใจเหลือเฟือของแป่ม อีกทั้งการแสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็นของแป๋ม ทำให้เขารู้สึกสนุกมีชีวิตชีวา หรือว่าเป็นความใกล้ชิด หรืออาจเป็นมิตรภาพยามคับขันเหมือนที่แป๋มว่า
เสี่ยวซงสะพายหลัวหน่อไม้ที่ปอกแล้วขึ้นบนไหล่แป๋มก้มหน้าเดินตาม ใจสั่นแม้จะกลบเกลื่อนด้วยคำพูดแบบนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกอยากร้องไห้นี่แป๋มเป็นอะไรไปเห็นชัดๆ ว่าเสี่ยวซงไม่ได้มีท่าทีอะไร ไม่พูดอะไร นิ่งเฉยแล้วยังเย็นชา ที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะเขาเป็นคนดีมากกว่า ไม่ได้คิดอะไรกับแป๋ม
จูจิ้นมองพี่สาว ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือแป๋มไว้ยักคิ้วแผล็บๆ เจ้าน้องบ้า จะชงหรือจะช่วยเท
ด้านล่างท่านเฉินกำลังใช้ทรายในแม่น้ำขัดล้าง คันคายออกจากหน่อไม้จนหน่อไม้ขาวสะอาดไม่มีคันคายกวนใจ
“อาบน้ำกันเสียหน่อย หน่อไม้มันมีคันคายแช่น้ำถูตัวเพียงครู่ก็จะรู้สึกสบายตัว จูจิ้นไม่รอให้บอกรอบสอง กระโจนลงน้ำที่ไหลแต่ทว่าน้ำตื้นแค่หัวเข่ามองเห็นเม็ดทรายและหินสลับสีสวยงามเสี่ยวซงวางหลัว ลงไปขัดถูเอาคันคายออก แป๋มช่วยท่านเฉินขัดเปลือกหน่อไม้ไม่ยอมลงไปเล่นนั้นกับจูจิ้นและเสี่ยวซง
“พี่จูเจี่ยมาเล่นน้ำกัน”ส่ายหน้าไปมา เจ้าเด็กบ้าจะหาเรื่องอะไรแกล้งแป๋มอีก ไม่มีทางซะหรอก แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินจูจิ้นวิดน้ำเข้าใส่แป๋มที่นั่งอยู่ริมตลิ่ง
“555ลงไปเล่นน้ำสิจูเจี่ยนานๆ จะได้สนุกเสียที ไม่แน่สองสามวันนี้อากาศอาจจะหนาวกว่าเดิมคงอีกนานกว่าจะอาบน้ำได้”
จูจิ้นวิดน้ำโดนใบหน้าของแป๋มเต็มเปา
“เจ้าเด็กบ้านี่”
กระโจนลงไปในน้ำวิดน้ำใส่หน้าและหัวของจูจิ้นอย่างบ้าคลั่งจูจิ้นวิ่งไปหลบด้านหลังเสี่ยวซง
แป๋มวิดน้ำใส่หน้าเสี่ยวซงจนไหลลงมาเต็มใบหน้าและแก้มทั้งสองข้าง เสี่ยวซงหัวเราะ เสียงใส แป่มตะลึงมองใบหน้าสว่างสดใสนั้นเพิ่งจะเคยเห็นเสี่ยวซงหัวเราะในครั้งแรกช่างดูดีเสียจริง เคี้ยวสองข้างรับกับใบหน้าที่บัดนี้หล่อเหลาและเปียกปอนสวยเหมือนใบหน้าของผู้หญิง ริมฝีปากแดงระเรื่อชุ่มน้ำเสี่ยวซงเปลี่ยนเป็นอมยิ้มแล้ววิดน้ำใส่แป่มบ้าง จึงกลายเป็นสงคราม เมื่อแป่มถูกโจมตีจากสองชายต่างวัย ตัวเองสัูไม่ถอยอยู่แล้ว เสื้อผ้าที่ใส่อยู่เปียกปอนรัดรูปเพิ่งสังเกตว่าตัวเองมีส่วนเว้าส่วนโค้งขึ้นมาทันทีเมื่อเปียกน้ำ ผมเผ้าหลุดร่วงเปียกปอน ระใบหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย ท่ามกลางแสงแดดและสายน้ำแป๋มไม่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของใครบางคนก็สั่นไหวเช่นกัน
เสียงหัวเราะทั้งของจูจิ้นและแป๋มดังไปทั่วบริเวณ สะท้อนก้องไปในป่าเขา
ช่วยกันแบกเอาหน่อไม้สวยสะอาดกลับไปยังบ้านไร่บนเนินเขา พ่อค้าผักมารอรับผักและหน่อไม้เหมือนรู้เวลา สายตาของเสี่ยวซงเหลือบตามองพ่อค้าผัก แล้วยิ้มบางๆ“ไท่...เสี่ยวซงเจ้าสบายดีหรือไม่”น้ำเสียงอ่อนโยน เสี่ยวซงเพียงแค่ก้มศีรษะ น้อยๆ แล้วก็เดินเลี่ยงจากไป พ่อค้าผักยื่นเหรียญเงินให้ท่านเฉิน แป๋มกับเสี่ยวซงและจูจิ้นหอบหน่อไม้ที่ปอกแล้วกลับไปที่บ้าน กลิ่นพะโล้หอมมาแต่ไกลชวนน้ำลายไหลเล่นน้ำและเดินเท้าจนเหนื่อยล้า รู้สึกหิวข้าวเสียจริง ฮูหยินรออยู่หน้าบ้านรับเอาหลัวหน่อไม้จากเสี่ยวซงเลือกเอาหน่อไม้หน่อใหญ่เพียงหน่อเดียวมาหันเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงไปในหม้อพะโล้ที่มีไข่เป็ดและเนื้อเป็ดตุ๋นจนเป็นสีน้ำตาลเข้าเนื้อ แป๋มชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อต้ม ฮูหยินเฉินอมยิ้ม“หิวหรือยัง”แป๋มพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“รอเพียงครู่เดียวระหว่างนี้ไปเปลี่ยบนอาภรณ์ของเจ้าเสียหน่อยวันนี้แม่ไปที่ตลาดชื่อเป็ดมาทำพะโล้ ได้อาภรณ์ใหม่สีสวยมาจากในตลาดให้เจ้ากับจูจิ้นพี่น้องอย่างละตัว แล้วยังได้ผ้ามาเย็บอาภรณ์ให้พ่อเจ้าอีกด้วย”แป๋มยิ้ม ฮูหยินเฉินช่างใจดีเสียจริงแม้จะปากร้ายไปหน่อย เฮ้อหากรู้ว่าแป๋มไม่ใช่จูเจี่ยจะว่าอย่างไรนะ“เดี๋ยวหน
“ท่านพ่อจูจิ้นไม่เห็นเคยได้”“จูจิ้นใช้กับท่านแม่”จูจิ้นหน้าเง้า แป๋มแบ่งส่วนของตัวเองออกครึ่งหนึ่งส่งให้จูจิ้น“ข้าไม่เคยได้ไปไหนซื้ออะไร จูจิ้นเจ้ารับไว้”ยิ้มกว้างสดใสปรากฏที่ริมฝีปาก“พี่สาวจูเจียท่านใจดีแปลกๆช่วงนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้น แป๋มยิ้มแหย๋ๆไม่กล้าพูดอะไรจะบอกได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่จูเจีย“รีบไปแล้วรีบกลับมา พวกเรารอเจ้าอยู่ที่นี่”เสี่ยวซงประสานมืออีกครั้งแป๋มยิ้มเศร้าๆ สองสามวันหรือว่าจะไปไม่หวนกลับ...คนเร่ร่อนจะรักใครจริง….“พรุ่งนี้เห็นทีจะต้องเก็บเกี่ยวถั่วแดงเสียทีฝักอ่อนไม่เหลือให้เก็บเป็นผักแล้ว คงเหลือแต่ฝักแก่ๆ เก็บมาแล้วนำไปตากสองสองสามแดดก็เอามาเก็บไว้ได้นานแสนนาน อือ ...ฮูหยินจูจิ้นเก็บใบไผ่มาให้เสียมาก แม้ไม่ใช่ไผ่หม่าจูแต่ใบก็สมบูรณ์ไม่น้อยเหมาะกับการห่อบะจ่าง เก็บถั่วแดงแล้วจึงทำบะจ่างกินกัน ไม่ได้กินเสียนาน”ท่านเฉินพูดไปยิ้มไป“เผือกข้างลำธารก็กำลังลงหัวพอดีพรุ่งนี้หากไม่มีอะไรเร่งด่วนข้าจะไปขุดเผือกเตรียมไว้ ส่วนเกาลัดคงต้องให้จูจิ้นกับจูเจี่ยไปเก็บมาจากท้ายไร่ตอนนี้คงร่วงเกือบหมดต้นแล้ว”“เกาลัดหรือคะ”ดวงตากลมโตยิ่งกลมโตยิ่งขึ้น“เกาลัดเพิ่ง
“ไม่ไม่ไม่ ไม่ใช่แค่เพียงบอกลาแต่ข้าจะบอกว่า รับกลับมาเร้วๆหน่อยพวกเราบ้านเฉินจะต้องคิดถึงท่านแน่”เสี่ยวซงหัวใจพองโต“คนในบ้านเฉินคิดถึง แล้วจูเจียคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่นะ ข้าคงไม่คิดถึงท่านหรอกเพราะว่าวันๆข้าต้องใช้แรงงานเก้บผักปลุกผักในแต่ละวันจะมีเวลาที่ไหนมาคิดถึงท่านจะว่าไปหากอยู่เฉยๆไม่แน่อาจจะคิดถึง”เสี่ยวซงยิ้มเศร้าๆ นางไม่มีใจกับเขาหรืออาจจจะเร็วไปเหมือนนางว่า เขาเผลอใจให้นางเร็วไป แต่จะอย่างไรเรื่องของหัวใจห้ามกันได้หรือวังหลวงซงหยวน ก้าวขาเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ จงต้าหมิงคุมเสื้อคลุมมังกรสีน้ำเงินให้ร่างสูงผึ่งผายมิได้ผอมบาง เช่นแต่ก่อน ท่าทีองอาจสง่างามไม่ต่างจากมังกรหนุ่มอีกทั้งใบหน้ายังหล่อเหลาเมื่ออยู่ในอาภรณ์ที่ดีจึงส่งเสริมให้สง่างามเกินกว่าผู้ใด“เสด็จพ่อส่งคนตามข้าใช่หรือไม่ หากคาดไม่ผิด”จงต้าหมิงยิ้มมุมปาก พยักหน้าขึ้นลง“ฝ่าบาทข้าพระองค์ตามหาไท่จือจนทั่วโรงเตี๊ยมกลางป่าแต่ก็ไม่พบ”เสียงเจื้อยแจ้วของทหารองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปตามตัวซงหยวนกำลังเล่าเรื่องราวก่อนหน้านั้น“ไหนจงต้าหมิงบอกว่า พบไท่จือที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองกลางป่านั่น เจ้าไร้ความสามรถจึงหาไท่จือไม่พบ”“ซงหย
แสงแดดสว่างแยงทะลุม่านตาที่กะพริบ ไล่ความแสบร้อนที่เปลือกตา อะไรกันเมื่อคืนรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถกลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงตื่นสายได้ขนาดนี้นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ เฮ้ย ขยับตัวเบาๆ เปิดปากหาวเปิดเปลือกตา“จูเจี่ยแอบมานอน หลับใหลที่นี่อีกแล้วงานในไร่รอเจ้าอยู่ แล้วยังมานอนสบาย”ใครวะมาเสียงดังข้างหู“ตื่นได้แล้วจูเจี่ย”ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ“ฮาวววว”บิดขี้เกียจไปรอบตัว“จูเจี่ย วันนี้ต้องส่งผักเข้าวังหลวง ยังไม่ได้ตามที่กำหนดเจ้ายังกล้ามานอน”เถียงนาน้อย เอ้ย ...ไม่ใช่ ที่นี่มันที่ไหน สวนผักกว้างใหญ่ แล้วยังมีเพิง ไม่สิแถวบ้านเรียกเถียงนา เคยสงสัยไหมไปเถียงทำไมนา“เจ้านี่แย่จริงๆ นอนจนน้ำลายไหลแล้วยังหลับสนิทจนงุนงง”“เอ่อๆๆ คือๆๆๆ ”“ไปโกยขี้หมูใส่ผักเดี๋ยวนี้เลย” หญิงวัยกลางคนมองอย่างไงอย่างไงก็น่าจะเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในที่นี้ ชี้มือไปที่กองขี้หมูกองมหึมาข้างเถียงนา“ต้องไปใช่ไหม”“หญิงบ้านป่าเกียจคร้านเช่นเจ้า ใครกันจะรับเป็นภรรยา ไร้คนสู่ขอข้ามิต้องเลี้ยงเจ้าจนตายหรือไร” ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของแป๋ม ขยับตัวอืดอาด วันๆเคยทำอะไรกันนอกจากนั่งกดแป้นพิมพ์พิมพ์นิยายกับขนมและของว่างข้างโต๊ะคอม
“ผอมขนาดนี้ ข้าจะกล้าใช้งานเขาหรือ นายท่าน”นายท่านที่ว่าเป็นพ่อค้าคนกลางที่ส่งผักเข้าไปขายในวังหลวง หัวเราะจนพุงกระเพื่อม“น่า นึกว่าเอาบุญ ใช้งานหนักงานเบาได้ทั้งหมด ทีแรกข้าตั้งใจจะให้เขาทำงานกับข้า แต่ท่านเจ้าบ้านโปรดเห็นใจ ที่พักอาหารข้าก็มีจำกัดท่านพ่อบ้านมีไร่กว้างขวางโรงเก็บพืชพันธุ์มากมาย ให้เขาได้อาศัยหลบหนาวยามค่ำคืน ผักหญ้าท่านก็เยอะแยะพอได้เป็นอาหาร นึกว่าเอาบุญ” พ่อในโลกนี้ของแป๋มยิ้มอย่างคนที่ใจดี พยักหน้าน้อยๆ แต่ยายป้านี่สิ“โอ๊ย มาอยู่น่ะมาอยู่ได้ แต่ต้องช่วยกันทำงานให้มาก ข้าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงใครฟรีๆ หรอกนะ”“ขอรับนายหญิง จะใช้งานข้าล้วนทำได้ทุกอย่าง”แป๋มเบ้ปาก ตัวผอมบางหุ่นสะโอดสะอง แป๋มตัวใหญ่เหมือนช้างน้ำยังไม่อยากทำเลยงาน“จูเจี่ย มายืนยิ้มทำไม ไม่กินก็ไปโกยขี้หมูได้แล้ว”ท้องร้องจ๊อกๆ กระโดดขึ้นไปบนกระท่อมหรือเถียงนาน้อย ตักข้าวใส่ถ้วยใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวกับผักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ“เสี่ยวซง อยู่ที่นี่ก็ตั้งใจทำงาน”“ขอรับนายท่าน”นายท่านพ่อค้าผักหันไปเจรจากับท่านพ่อ ไม่สนใจเสี่ยวซงผู้นั้นอีกต่อไป เขาเดินไปที่กองขี้หมู โกยมันใส่ตะกร้าสาน แบกไว้บนหลังก้าวเดินไปยังแปลงผัก
ในไร่ที่แสนจะอบอุ่นแสงแดดสีส้ม แม้จะส่องสว่างแต่ไม่ทำให้รู้สึกร้อน วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว“จูเจี่ย เก็บไข่เป็ดกับไข่ไก่ในเล้าให้แม่ด้วย”แป๋มยังไม่ทันจะขยับตัว จูจิ้นวิ่งไปหยิบตะกร้าออกไปก่อนแป๋มเสียอีกเสี่ยวซงมองสองคนพี่น้อง ทำท่าจะขยับตัวตามไปช่วย“เสี่ยวซง มาช่วยข้าหอบฟืนมาเก็บไว้ใกล้เตาผิง อากาศค่อนข้างหนาวไม่แน่คืนนี้อาจมีหิมะแรก ดีที่เราเก็บผักบางส่วนส่งวังหลวงเสียเกือบหมด หิมะตกได้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่”เจ้าบ้านเฉินเดินนำเสี่ยวซงที่ช่วยหอบฟืนมาเก็บไว้ในห้องครัว ใกล้เตาผิงและเตาทำกับข้าวข้างเล้าไก่ แป๋มนึกภาพขี้ไก่และความสกปรกทว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ยายป้ากวาดทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง พื้นแห้งสะอาดตา มีเศษหางจากข้าวสาลีกองบนพื้นเป็นกระจุกบ้างก็ปุไปบนพื้นเล้าไก่ ไข่ไก่วางเรี่ยราดเหมือนถูกนำมาวางไว้ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นเก็บไข่ไก่ใส่ไปในตะกร้าหลายสิบลูกไก่ไข่ตัวอ้วนขนสีน้ำตาลแดง ไม่ได้ตื่นตกใจแต่กลับเดินเข้าหาย่อตัวลงนอนหมอบเหมือนอยากจะออกไข่อยู่ตลอดเวลา แป๋มยิ้ม“จูเจี่ยไข่วันนี้เยอะกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะเมื่อวานท่านพ่อเก็บเศษผักในสวนมาให้มันจิกกินเป็นอาหารว่าง”“ไก่
ห้องเครื่องในวังหลวง“ฮองเฮาและองค์หญิงล้วนนิยมเสวยอาหารที่ทำจากเมนูผักหลากชนิด ว่ากันว่าเสวยผักไปเพียงไม่นาน ผิวพรรณสดใสใบหน้ากลับเต่งตึงไร้รอยหมอง”“ผักส่วนมากรับมาจากบ้านเฉิน ที่ไร่ของท่านเฉินที่นั่นล้วนมีผักมากมาย กลายเป็นไร่แห่งเดียวที่ส่งผักที่ดีเข้ามาในวังหลวง”“ฮะแฮ่ม รีบเตรียมเครื่องเสวยมัวแต่พูดคุย จะไม่ทันเวลาเสวยตอนดึก”ตำหนักใหญ่ฮ่องเต้“ปีนี้ข้าวปลาอาหารขาดแคลนชาวบ้านลำเข็ญ ทว่า มีไร่แห่งหนึ่งปลูกผักได้ดี จึงส่งเข้าวังหลวงเสียหมด ชาวบ้านล้วนอดอยาก เช่นไรจึงจะเรียนรู้วิธีปลูกผักของพวกเขา เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับปัญหาขาดแคลนอาหาร”“ฝ่าบาท ไท่จือเสด็จออกเที่ยวเล่น เดิมหม่อมฉันตั้งใจให้ไท่จือลงไปจัดการเรื่องเหล่านี้ชาวบ้านจะได้อุ่นใจ”“หลายวันมานี้ไท่จือไม่มาที่ท้องพระโรงคงออกไปเล่นสนุกเหมือนเคย งานในราชสำนักยังไม่เคยแตะต้อง เจ้าคิดว่าจะให้เขาไปสนใจเรื่องการปลุกผักเห็นที่จะไม่ได้ผล”“ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาจะดีไหม ลูกคนนี้แม้จะให้ทำยังไม่อยากทำ บางเรื่องไม่พูดแต่กลับเร่งรีบที่จะทำมันยากจะเข้าใจ ฝ่าบาทมีพระบัญชาลงไปคาดว่าไม่น่าจะกล้าขัดบัญชาฝ่าบาทอย่างแน่นอน”“องค์หญิงแ
“ไม่นาน หากกินตามที่ข้าแนะนำ จูเจี่ยของเราจะต้องกลายเป็นหญิงงาม”แป๋มเขินจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเสี่ยวซงอมยิ้ม มองๆไปเสี่ยวซงเวลาอมยิ้มก็หล่อเป็นบ้าเลย“จูเจี่ยจะเขินทำไม”จูจิ้นน้องนรกสมองอัจฉริยะ พูดขึ้นดังๆ“ดีแล้ว พักนี้ทำตัวสมกับเป็นหญิงสาวไม่กระโดกกระเดก เหมือนเมื่อก่อนอย่างนี้ มีหวัง ได้ออกเรือนแน่555”เจ้าบ้านเฉินพูดไปหัวเราะไปด้วยความเอ็นดูแป๋ม“ท่านพ่อว่าแต่สูตรหัวใช้เท้าดองเค็ม...”แป๋มเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน”“ดอกเกลือ น้ำผึ้ง น้ำสะอาดนั่นล่ะคือสิ่งที่ต้องใส่ลงไปในหัวไช้เท้าที่เก็บสดๆ หัวไช้เท้าจึงแสนอร่อยแบบนี้ สูตรนี้พ่อเจ้าคิดขึ้นมาเอง หลายปีมานี้กินของบ้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า” เสี่ยวซงวางถ้วยข้าว ประสานมือตรงหน้า“ขอบคุณท่านลุงที่ ไม่หวงวิชา”“เสี่ยวซง ถึงจะบอกว่าสูตรลับแต่เจ้าบัดนี้ก็เป็นคนในครอบครัวกินข้าวหม้อเดียวกับเราแล้วยังช่วยเราทำงาน ข้าจึงไม่จำเป็นต้องหวงสูตรในเมื่อเป็นของดี ล้วนยิ่งต้องแบ่งปัน”แป๋มอึ้งกับความคิดและคำพูดของเจ้าบ้านเฉินคนอะไรจะดีขนาดนั้นหากเป็นสมัยนี้ต้องลงทุนซื้อสูตรในราคาหลายบาท แม้จะมีให้ดูในอินเทอร์เน็ต แต่มักจะไม่บอกสูตรลับเฉพาะ“ท่านพ่อใจดีจัง”