ช่วยกันแบกเอาหน่อไม้สวยสะอาดกลับไปยังบ้านไร่บนเนินเขา พ่อค้าผักมารอรับผักและหน่อไม้เหมือนรู้เวลา สายตาของเสี่ยวซงเหลือบตามองพ่อค้าผัก แล้วยิ้มบางๆ
“ไท่...เสี่ยวซงเจ้าสบายดีหรือไม่”น้ำเสียงอ่อนโยน เสี่ยวซงเพียงแค่ก้มศีรษะ น้อยๆ แล้วก็เดินเลี่ยงจากไป พ่อค้าผักยื่นเหรียญเงินให้ท่านเฉิน แป๋มกับเสี่ยวซงและจูจิ้นหอบหน่อไม้ที่ปอกแล้วกลับไปที่บ้าน กลิ่นพะโล้หอมมาแต่ไกลชวนน้ำลายไหลเล่นน้ำและเดินเท้าจนเหนื่อยล้า รู้สึกหิวข้าวเสียจริง ฮูหยินรออยู่หน้าบ้านรับเอาหลัวหน่อไม้จากเสี่ยวซง
เลือกเอาหน่อไม้หน่อใหญ่เพียงหน่อเดียวมาหันเป็นชิ้นบางๆ ใส่ลงไปในหม้อพะโล้ที่มีไข่เป็ดและเนื้อเป็ดตุ๋นจนเป็นสีน้ำตาลเข้าเนื้อ แป๋มชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อต้ม ฮูหยินเฉินอมยิ้ม
“หิวหรือยัง”แป๋มพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“รอเพียงครู่เดียวระหว่างนี้ไปเปลี่ยบนอาภรณ์ของเจ้าเสียหน่อยวันนี้แม่ไปที่ตลาดชื่อเป็ดมาทำพะโล้ ได้อาภรณ์ใหม่สีสวยมาจากในตลาดให้เจ้ากับจูจิ้นพี่น้องอย่างละตัว แล้วยังได้ผ้ามาเย็บอาภรณ์ให้พ่อเจ้าอีกด้วย”
แป๋มยิ้ม ฮูหยินเฉินช่างใจดีเสียจริงแม้จะปากร้ายไปหน่อย เฮ้อหากรู้ว่าแป๋มไม่ใช่จูเจี่ยจะว่าอย่างไรนะ
“เดี๋ยวหนูเอ๊ย ข้าเปลี่ยนอาภรณ์แล้วจะมาช่วยจัดสำรับกับข้าวค่ะ”
วิ่งเข้าห้องของตัวเองไปอาภรณ์สีชมพูสวยสดใส แป๋มหยิบขึ้นมาดูช่างสวยเสียจริงแต่ว่ามองหุ่นตัวเองใส่เข้าไปแล้ว จะสวยเหมือนนางเอกซีรีส์ไหม รีบเปลี่ยนแล้วไปส่องกระจกดูดีกว่า สวมอาภรณ์สีชมพูงดงามจัดแต่งอาภรณ์ให้เข้ารูปก้มลงมองหาสายรัดเอวเพื่อดึงรั้งให้เอวคอดกิ่ว ทำไมไม่เห็นมัน อยู่ตรงไหนหนา เสียงบานประตูเปิดแง้มออก
“จูจิ้น หาสายรัดเอวให้พี่หน่อย ขุดแบบนี้ยุ่งยากเสียจริงใส่ก็ยากดีหน่อยที่มันสวย”สายรัดเอวถูกดึง จนเอวคอด เสียงลมหายใจ เสียงหัวใจเต้นระรัว แป๋มหันหน้าไปด้านหลัง เสี่ยวซงดึงสายรัดเอวค้างไว้แป๋มอ้าปากค้าง
“ฮูหยินให้ข้ามาตามเจ้าไปกินข้าว”เสี่ยวซงจ้องมองแป๋มแววตาอ่อนหวานอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองแป่มในชุดสีชมพูสดใสนั้น แป๋มสบตาก่อนจะพยักหน้าแล้วรีบหันหลังออกเดินจากห้องไป เสี่ยวซงอมยิ้มยกมือขึ้นลูบศีรษะของตัวเองแก้เก้อ
ที่โต๊ะกินข้าวทุกคนพร้อมหน้า กลิ่นพะโล้หอมกรุ่น หน่อไม้อ่อนๆ หั่นบางเป็นชิ้นพอคำกลายเป็นสีเดียวกับไข่เป็ดและเนื้อเป็ด
ท่านเฉินตักไข่ใส่ในถ้วยข้าวเสียงซดน้ำดังลั่นอย่างเปิดเผย จูจิ้นตักเนื้อเป็ดใส่ปากเคี้ยว ฮูหยินเฉินตักหน่อไม้วางลงในถ้วยข้าวให้แป๋ม
“ขอบคุณท่านแม่”ฮูหยินเฉินยิ้มกับกิริยาของแป๋มที่เอ่ยคำขอบคุณ เสี่ยวซงก็ลงมือเช่นกัน
แป๋มใช้ช้อนตักเป่าลมลงไปเบาๆ หน่อไม้ชิ้นบางหั่นตามยาวถูกส่งเข้าปาก กลิ่นพะโล้ที่หอมขึ้นจมูกกับรสหวานของน้ำพะโล้ และความกรอบของเนื้อหน่อไม้บวกกับหน่อไม้ที่อ่อนและสด ขณะที่นำมาปรุงให้รสชาติที่คาดไม่ถึงความหวานผ่านความกรุบกรอบและรสชาติของน้ำพะโล้ที่แทรกซึมเข้าสู่เนื้อหน่อไม้กรอบหอม ช่างลงตัวเสียจริง ใครกันคิดเมนูพะโล้นี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งน้ำพะโล้หน่อไม้ กับข้าวสวยร้อนๆ แป๋มรีบตักอีกชิ้นเข้าปากอย่างไม่ลังเล รสชาติของหน่อไม้สดๆที่นำมาปรุงช่างเอร็ดอร่อยจนบรรยายไม่ถูก เฮ้อถอนหายใจให้กับรสชาติอาหารในแต่ละวัน แต่แปลกกินได้ขนาดนี้ทำไมไม่อ้วนกลับเริ่มรู้สึกตัวเบาสบาย นอนหลับสนิทการขับถ่ายก็ตรงต่อเวลา เสี่ยวซงเหลือบตามองแป๋ม แป๋มอมยิ้มพะโล้หน่อไม่กับใจสั่นๆช่างรู้สึกว่าเข้ากันเสียจริง
“ท่านลุง ข้า อยากจะขออนุญาตท่านลุงเพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านเก่าสักสองสามวัน”
“อืมเชิญตามสบาย ข้าก็ไม่ได้หวงห้ามอะไร แต่ว่าเสี่ยวซงข้าอยากให้เจ้า อยู่ที่นี่เสียด้วยกันไม่จำเป็นต้องไปมาให้ลำบากบ้านเรากว้างขวางอีกทั้งตอนนี้งานปลูกผักในไร่ก็ล้นมือจนบ้านเราทำไม่ทัน เจ้าช่วยเราปลูกผักแบ่งขายในส่วนของตัวเอง บ้างก็ได้ จะปลูกบ้านอยู่ใกล้กันนี้ก็ไม่ขัดเพียงแค่อยากให้เจ้าไม่ต้องร่อนเร่อีกต่อไป”
“ข้ามี พ่อบุญธรรมอาศัยขอทานที่ในตลาดจึงอยากจะแวะเยี่ยมเขาเสียบ้าง”
“ดี เลย ผักกับไข่ไก่ของเรามีมากฮูหยินแบ่งใส่ตะกร้าให้เสี่ยวซงนำกับไปฝากพ่อบุญธรรมของเขามากหน่อยไก่เราออกไข่กินไม่ทันถึงจะส่งเข้าวังหลวงก็ยังเหลือเฟือปีนี้ข้าตั้งใจขยายพันธุ์ไก่อีกมากข้าวสาลีของเราเหลือมากมายในยุ้งฉางเกรงว่าหากปีนี้ยังระบายไม่หมดคงต้อง ทิ้ง”
“เกรงใจไปแล้วเสี่ยวซงไม่อาจรับ”ท่านเฉินล้วงหยิบก้อนเงินในห่อผ้าที่พ่อค้าผักพึ่งส่งให้แบ่งออกเป็นสามกองส่งให้ฮูหยินหนึ่งกอง ให้ เสี่ยวซงหนึ่งกองและให้แป๋มหนึ่งกอง
“ท่านลุง ทั้งผักทั้งหน่อไม้มากมาย เหตุใดค่าตอบแทนถึงน้อยนิดเพียงนี้เสี่ยวซงไม่อาจรับมันไว้ได้”ในใจนึกตำหนิพ่อค้าผักที่ช่างเอาเปรียบบ้านเฉินเหลือเกิน
“รับไปเถอะเจ้าช่วยงานเราไม่น้อยเจ้าคงไม่รังเกียจเงินน้อยนิด”เสี่ยวซงประสานมือตรงหน้า
“ขอบคุณท่านลุง”
“ท่านพ่อจูจิ้นไม่เห็นเคยได้”“จูจิ้นใช้กับท่านแม่”จูจิ้นหน้าเง้า แป๋มแบ่งส่วนของตัวเองออกครึ่งหนึ่งส่งให้จูจิ้น“ข้าไม่เคยได้ไปไหนซื้ออะไร จูจิ้นเจ้ารับไว้”ยิ้มกว้างสดใสปรากฏที่ริมฝีปาก“พี่สาวจูเจียท่านใจดีแปลกๆช่วงนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้น แป๋มยิ้มแหย๋ๆไม่กล้าพูดอะไรจะบอกได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ใช่จูเจีย“รีบไปแล้วรีบกลับมา พวกเรารอเจ้าอยู่ที่นี่”เสี่ยวซงประสานมืออีกครั้งแป๋มยิ้มเศร้าๆ สองสามวันหรือว่าจะไปไม่หวนกลับ...คนเร่ร่อนจะรักใครจริง….“พรุ่งนี้เห็นทีจะต้องเก็บเกี่ยวถั่วแดงเสียทีฝักอ่อนไม่เหลือให้เก็บเป็นผักแล้ว คงเหลือแต่ฝักแก่ๆ เก็บมาแล้วนำไปตากสองสองสามแดดก็เอามาเก็บไว้ได้นานแสนนาน อือ ...ฮูหยินจูจิ้นเก็บใบไผ่มาให้เสียมาก แม้ไม่ใช่ไผ่หม่าจูแต่ใบก็สมบูรณ์ไม่น้อยเหมาะกับการห่อบะจ่าง เก็บถั่วแดงแล้วจึงทำบะจ่างกินกัน ไม่ได้กินเสียนาน”ท่านเฉินพูดไปยิ้มไป“เผือกข้างลำธารก็กำลังลงหัวพอดีพรุ่งนี้หากไม่มีอะไรเร่งด่วนข้าจะไปขุดเผือกเตรียมไว้ ส่วนเกาลัดคงต้องให้จูจิ้นกับจูเจี่ยไปเก็บมาจากท้ายไร่ตอนนี้คงร่วงเกือบหมดต้นแล้ว”“เกาลัดหรือคะ”ดวงตากลมโตยิ่งกลมโตยิ่งขึ้น“เกาลัดเพิ่ง
“ไม่ไม่ไม่ ไม่ใช่แค่เพียงบอกลาแต่ข้าจะบอกว่า รับกลับมาเร้วๆหน่อยพวกเราบ้านเฉินจะต้องคิดถึงท่านแน่”เสี่ยวซงหัวใจพองโต“คนในบ้านเฉินคิดถึง แล้วจูเจียคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่นะ ข้าคงไม่คิดถึงท่านหรอกเพราะว่าวันๆข้าต้องใช้แรงงานเก้บผักปลุกผักในแต่ละวันจะมีเวลาที่ไหนมาคิดถึงท่านจะว่าไปหากอยู่เฉยๆไม่แน่อาจจะคิดถึง”เสี่ยวซงยิ้มเศร้าๆ นางไม่มีใจกับเขาหรืออาจจจะเร็วไปเหมือนนางว่า เขาเผลอใจให้นางเร็วไป แต่จะอย่างไรเรื่องของหัวใจห้ามกันได้หรือวังหลวงซงหยวน ก้าวขาเข้าไปในตำหนักฮ่องเต้ จงต้าหมิงคุมเสื้อคลุมมังกรสีน้ำเงินให้ร่างสูงผึ่งผายมิได้ผอมบาง เช่นแต่ก่อน ท่าทีองอาจสง่างามไม่ต่างจากมังกรหนุ่มอีกทั้งใบหน้ายังหล่อเหลาเมื่ออยู่ในอาภรณ์ที่ดีจึงส่งเสริมให้สง่างามเกินกว่าผู้ใด“เสด็จพ่อส่งคนตามข้าใช่หรือไม่ หากคาดไม่ผิด”จงต้าหมิงยิ้มมุมปาก พยักหน้าขึ้นลง“ฝ่าบาทข้าพระองค์ตามหาไท่จือจนทั่วโรงเตี๊ยมกลางป่าแต่ก็ไม่พบ”เสียงเจื้อยแจ้วของทหารองครักษ์ที่ถูกส่งออกไปตามตัวซงหยวนกำลังเล่าเรื่องราวก่อนหน้านั้น“ไหนจงต้าหมิงบอกว่า พบไท่จือที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองกลางป่านั่น เจ้าไร้ความสามรถจึงหาไท่จือไม่พบ”“ซงหย
แสงแดดสว่างแยงทะลุม่านตาที่กะพริบ ไล่ความแสบร้อนที่เปลือกตา อะไรกันเมื่อคืนรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถกลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงตื่นสายได้ขนาดนี้นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ เฮ้ย ขยับตัวเบาๆ เปิดปากหาวเปิดเปลือกตา“จูเจี่ยแอบมานอน หลับใหลที่นี่อีกแล้วงานในไร่รอเจ้าอยู่ แล้วยังมานอนสบาย”ใครวะมาเสียงดังข้างหู“ตื่นได้แล้วจูเจี่ย”ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ“ฮาวววว”บิดขี้เกียจไปรอบตัว“จูเจี่ย วันนี้ต้องส่งผักเข้าวังหลวง ยังไม่ได้ตามที่กำหนดเจ้ายังกล้ามานอน”เถียงนาน้อย เอ้ย ...ไม่ใช่ ที่นี่มันที่ไหน สวนผักกว้างใหญ่ แล้วยังมีเพิง ไม่สิแถวบ้านเรียกเถียงนา เคยสงสัยไหมไปเถียงทำไมนา“เจ้านี่แย่จริงๆ นอนจนน้ำลายไหลแล้วยังหลับสนิทจนงุนงง”“เอ่อๆๆ คือๆๆๆ ”“ไปโกยขี้หมูใส่ผักเดี๋ยวนี้เลย” หญิงวัยกลางคนมองอย่างไงอย่างไงก็น่าจะเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในที่นี้ ชี้มือไปที่กองขี้หมูกองมหึมาข้างเถียงนา“ต้องไปใช่ไหม”“หญิงบ้านป่าเกียจคร้านเช่นเจ้า ใครกันจะรับเป็นภรรยา ไร้คนสู่ขอข้ามิต้องเลี้ยงเจ้าจนตายหรือไร” ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของแป๋ม ขยับตัวอืดอาด วันๆเคยทำอะไรกันนอกจากนั่งกดแป้นพิมพ์พิมพ์นิยายกับขนมและของว่างข้างโต๊ะคอม
“ผอมขนาดนี้ ข้าจะกล้าใช้งานเขาหรือ นายท่าน”นายท่านที่ว่าเป็นพ่อค้าคนกลางที่ส่งผักเข้าไปขายในวังหลวง หัวเราะจนพุงกระเพื่อม“น่า นึกว่าเอาบุญ ใช้งานหนักงานเบาได้ทั้งหมด ทีแรกข้าตั้งใจจะให้เขาทำงานกับข้า แต่ท่านเจ้าบ้านโปรดเห็นใจ ที่พักอาหารข้าก็มีจำกัดท่านพ่อบ้านมีไร่กว้างขวางโรงเก็บพืชพันธุ์มากมาย ให้เขาได้อาศัยหลบหนาวยามค่ำคืน ผักหญ้าท่านก็เยอะแยะพอได้เป็นอาหาร นึกว่าเอาบุญ” พ่อในโลกนี้ของแป๋มยิ้มอย่างคนที่ใจดี พยักหน้าน้อยๆ แต่ยายป้านี่สิ“โอ๊ย มาอยู่น่ะมาอยู่ได้ แต่ต้องช่วยกันทำงานให้มาก ข้าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงใครฟรีๆ หรอกนะ”“ขอรับนายหญิง จะใช้งานข้าล้วนทำได้ทุกอย่าง”แป๋มเบ้ปาก ตัวผอมบางหุ่นสะโอดสะอง แป๋มตัวใหญ่เหมือนช้างน้ำยังไม่อยากทำเลยงาน“จูเจี่ย มายืนยิ้มทำไม ไม่กินก็ไปโกยขี้หมูได้แล้ว”ท้องร้องจ๊อกๆ กระโดดขึ้นไปบนกระท่อมหรือเถียงนาน้อย ตักข้าวใส่ถ้วยใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวกับผักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ“เสี่ยวซง อยู่ที่นี่ก็ตั้งใจทำงาน”“ขอรับนายท่าน”นายท่านพ่อค้าผักหันไปเจรจากับท่านพ่อ ไม่สนใจเสี่ยวซงผู้นั้นอีกต่อไป เขาเดินไปที่กองขี้หมู โกยมันใส่ตะกร้าสาน แบกไว้บนหลังก้าวเดินไปยังแปลงผัก
ในไร่ที่แสนจะอบอุ่นแสงแดดสีส้ม แม้จะส่องสว่างแต่ไม่ทำให้รู้สึกร้อน วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว“จูเจี่ย เก็บไข่เป็ดกับไข่ไก่ในเล้าให้แม่ด้วย”แป๋มยังไม่ทันจะขยับตัว จูจิ้นวิ่งไปหยิบตะกร้าออกไปก่อนแป๋มเสียอีกเสี่ยวซงมองสองคนพี่น้อง ทำท่าจะขยับตัวตามไปช่วย“เสี่ยวซง มาช่วยข้าหอบฟืนมาเก็บไว้ใกล้เตาผิง อากาศค่อนข้างหนาวไม่แน่คืนนี้อาจมีหิมะแรก ดีที่เราเก็บผักบางส่วนส่งวังหลวงเสียเกือบหมด หิมะตกได้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่”เจ้าบ้านเฉินเดินนำเสี่ยวซงที่ช่วยหอบฟืนมาเก็บไว้ในห้องครัว ใกล้เตาผิงและเตาทำกับข้าวข้างเล้าไก่ แป๋มนึกภาพขี้ไก่และความสกปรกทว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ยายป้ากวาดทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง พื้นแห้งสะอาดตา มีเศษหางจากข้าวสาลีกองบนพื้นเป็นกระจุกบ้างก็ปุไปบนพื้นเล้าไก่ ไข่ไก่วางเรี่ยราดเหมือนถูกนำมาวางไว้ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นเก็บไข่ไก่ใส่ไปในตะกร้าหลายสิบลูกไก่ไข่ตัวอ้วนขนสีน้ำตาลแดง ไม่ได้ตื่นตกใจแต่กลับเดินเข้าหาย่อตัวลงนอนหมอบเหมือนอยากจะออกไข่อยู่ตลอดเวลา แป๋มยิ้ม“จูเจี่ยไข่วันนี้เยอะกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะเมื่อวานท่านพ่อเก็บเศษผักในสวนมาให้มันจิกกินเป็นอาหารว่าง”“ไก่
ห้องเครื่องในวังหลวง“ฮองเฮาและองค์หญิงล้วนนิยมเสวยอาหารที่ทำจากเมนูผักหลากชนิด ว่ากันว่าเสวยผักไปเพียงไม่นาน ผิวพรรณสดใสใบหน้ากลับเต่งตึงไร้รอยหมอง”“ผักส่วนมากรับมาจากบ้านเฉิน ที่ไร่ของท่านเฉินที่นั่นล้วนมีผักมากมาย กลายเป็นไร่แห่งเดียวที่ส่งผักที่ดีเข้ามาในวังหลวง”“ฮะแฮ่ม รีบเตรียมเครื่องเสวยมัวแต่พูดคุย จะไม่ทันเวลาเสวยตอนดึก”ตำหนักใหญ่ฮ่องเต้“ปีนี้ข้าวปลาอาหารขาดแคลนชาวบ้านลำเข็ญ ทว่า มีไร่แห่งหนึ่งปลูกผักได้ดี จึงส่งเข้าวังหลวงเสียหมด ชาวบ้านล้วนอดอยาก เช่นไรจึงจะเรียนรู้วิธีปลูกผักของพวกเขา เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับปัญหาขาดแคลนอาหาร”“ฝ่าบาท ไท่จือเสด็จออกเที่ยวเล่น เดิมหม่อมฉันตั้งใจให้ไท่จือลงไปจัดการเรื่องเหล่านี้ชาวบ้านจะได้อุ่นใจ”“หลายวันมานี้ไท่จือไม่มาที่ท้องพระโรงคงออกไปเล่นสนุกเหมือนเคย งานในราชสำนักยังไม่เคยแตะต้อง เจ้าคิดว่าจะให้เขาไปสนใจเรื่องการปลุกผักเห็นที่จะไม่ได้ผล”“ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาจะดีไหม ลูกคนนี้แม้จะให้ทำยังไม่อยากทำ บางเรื่องไม่พูดแต่กลับเร่งรีบที่จะทำมันยากจะเข้าใจ ฝ่าบาทมีพระบัญชาลงไปคาดว่าไม่น่าจะกล้าขัดบัญชาฝ่าบาทอย่างแน่นอน”“องค์หญิงแ
“ไม่นาน หากกินตามที่ข้าแนะนำ จูเจี่ยของเราจะต้องกลายเป็นหญิงงาม”แป๋มเขินจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเสี่ยวซงอมยิ้ม มองๆไปเสี่ยวซงเวลาอมยิ้มก็หล่อเป็นบ้าเลย“จูเจี่ยจะเขินทำไม”จูจิ้นน้องนรกสมองอัจฉริยะ พูดขึ้นดังๆ“ดีแล้ว พักนี้ทำตัวสมกับเป็นหญิงสาวไม่กระโดกกระเดก เหมือนเมื่อก่อนอย่างนี้ มีหวัง ได้ออกเรือนแน่555”เจ้าบ้านเฉินพูดไปหัวเราะไปด้วยความเอ็นดูแป๋ม“ท่านพ่อว่าแต่สูตรหัวใช้เท้าดองเค็ม...”แป๋มเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน”“ดอกเกลือ น้ำผึ้ง น้ำสะอาดนั่นล่ะคือสิ่งที่ต้องใส่ลงไปในหัวไช้เท้าที่เก็บสดๆ หัวไช้เท้าจึงแสนอร่อยแบบนี้ สูตรนี้พ่อเจ้าคิดขึ้นมาเอง หลายปีมานี้กินของบ้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า” เสี่ยวซงวางถ้วยข้าว ประสานมือตรงหน้า“ขอบคุณท่านลุงที่ ไม่หวงวิชา”“เสี่ยวซง ถึงจะบอกว่าสูตรลับแต่เจ้าบัดนี้ก็เป็นคนในครอบครัวกินข้าวหม้อเดียวกับเราแล้วยังช่วยเราทำงาน ข้าจึงไม่จำเป็นต้องหวงสูตรในเมื่อเป็นของดี ล้วนยิ่งต้องแบ่งปัน”แป๋มอึ้งกับความคิดและคำพูดของเจ้าบ้านเฉินคนอะไรจะดีขนาดนั้นหากเป็นสมัยนี้ต้องลงทุนซื้อสูตรในราคาหลายบาท แม้จะมีให้ดูในอินเทอร์เน็ต แต่มักจะไม่บอกสูตรลับเฉพาะ“ท่านพ่อใจดีจัง”
“จูเจี่ย คราวหลังห้ามถามที่ปลดทุกข์กับข้า ถ้าจะพูดเช่นนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านจุกตายไปเสีย”“เจ้าเด็กบ้า มาให้เขกหัวเสียทีหนึ่ง”กระโดดเข้าใส่ จูจิ้นที่ดึงมือเสี่ยวซงให้วิ่งตามพร้อมกับหัวเราะเสียงใส วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงที่สูงชะลูดไปมา แป๋มลืมตัวลืมตาย วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงเช่นกันเจ้าจูจิ้น หลบอยู่ด้านหลังชะโงกหน้ามาแลบลิ้น แป๋มถลาเข้าด้านหน้าเสี่ยวซง เอื้อมมือหมายจะฟาดไปที่เจ้าเด็กบ้านั่นแต่ทว่ากลับเสียหลัก ชนเข้ากับเสี่ยวซง ร่างผอมบางอย่างไรจะทานน้ำหนักตัว เกือบแปดสิบกิโลของแป๋มไหว ร่างอ้วนเตี้ยของแป๋มล้มลงไปทับเสี่ยวซงเต็มตัวใบหน้าซุกอยู่กับอกอุ่นของเขา เสี่ยวซง ยกมือขึ้นกอดรวบแป๋มไว้ทันทีกลัวว่าแป๋มจะเจ็บตัวไปกว่าที่อยู่บนอกเขา จูจิ้นปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือหัวเราะร่วน“จูจิ้นดึงพี่เขาขึ้นมา เสี่ยวซงคงจะเจ็บตัวแน่ๆ พี่สาวเจ้าน้ำหนักตัวเยอะเพียงนั้น”หานี่ท่านพ่อผู้ใจดีก็หยิกกัดเป็นเหมือนเจ้าน้องจูจิ้นด้วยหรือ ไม่น่าแปลกใจว่าเจ้าจูจิ้นได้นิสัยใครมาคงบวกๆ กันระหว่างพ่อกับแม่ เสี่ยวซงเห็นตัวผอมบางทว่ากับ แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะเขินจนหน้าแดงเขากลับจับเอวหนาของแป๋มดันตัวแป๋มลุกขึ้น อย่า