Talk อลิช
ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่หนักอึ้งไปทั้งหัว เพราะไม่เคยดื่มมาก่อนแต่ถูกแพรเพื่อนสนิทบังคับให้ดื่ม แถมยังบังคับให้ฉันแต่งตัวด้วยชุดที่วาบหวิว นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดของเธอฉันคงไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ
เมื่อคืนฉันจำได้ว่าดื่มเหล้าจากแก้วของผู้ชายโต๊ะข้างๆ แล้วก็เมาชนิดที่ว่าจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับห้องมาได้ยังไง พอกันทีนี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะดื่ม ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นมันรู้สึกหนาวๆ โล่งๆ เหมือนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า จึงค่อยๆ ก้มลงมองตัวเอง ก่อนที่สายตาของฉันจะเบิกกว้างเมื่อพบว่าท่อนบนของตัวเองไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่เลยสักชิ้น “ยะ อย่าบอกนะว่า….” มือของฉันจับที่ผ้าห่มก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดูท้อนล่างของตัวเอง ซึ่งมันก็เปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับท่อนบน “ฉันเมาหนักถึงขนาดแก้ผ้านอนเลยหรอเนี่ย” อลิชเอ้ย ถ้าพ่อรู้ว่ากินเหล้าจนเมาไม่ได้สติแบบนี้ต้องโดนก้านมะยมตีก้นลายแน่ๆ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใครสักคนหายใจ ซึ่งมันไม่ได้เสียงหายใจของฉันแน่ๆ จึงค่อยๆ หันมองข้างๆ กับตัวเอง และนั่น!! ทำให้ฉันกำลังจะกรี๊ดออกมาแต่ก็ต้องยกมือมาปิดปากตัวเองไว้ เมื่อหันมองข้างๆ ตัวเองแล้วเจอกับแผ่นหลังของผู้ชาย ขะ เขาคือใคร ทะ ทำไมถึงมาอยู่ร่วมเตียงกับฉันแบบนี้ ฉันตั้งสติ หายใจเข้าออกช้าๆ บางทีอาจจะยังเมาค้างอยู่ทำให้ตาลายมองเห็นภาพหลอน สองมือของฉันยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองรัวๆ ก่อนจะเพ่งมองอีกครั้ง ก็ยังเห็นแผ่นหลังของผู้ชายอยู่เหมือนเดิม กะ เกิดอะไรขึ้น!! หัวใจดวงน้อยๆ ของเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ฉันกวาดสายตามองไปมองๆ ห้องอีกครั้งถึงได้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!! ที่นี่คือที่ไหน แล้วห้องของใครในขณะที่ฉันกำลังพยายามคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ผู้ชายที่นอนอยู่เขาก็พลิกตัวนอนหงาย ทำให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเขา
“คะ คุณคานส์” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างตกใจอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าเมื่อคืนฉันนอนกับใคร คุณคานส์คือเจ้าของบริษัทที่ฉันเป็นพนักงานฝ่ายบัญชีอยู่ ฉันจำเขาได้แม่นเพราะเวลาที่เขาเดินผ่านฉันก็จะแอบมองอยู่ตลอด ด้วยบุคลิกหน้าตาฐานะของเขา แถมยังเป็นเจ้าของบริษัท ไม่แปลกที่พนักงานผู้หญิงในบริษัทจะหมายตา แต่ทว่าเขาก็ไม่เคยชายตามองใครเลย ละ แล้วทำไมฉันถึงมานอนกับคุณคานส์ได้ มันเกิดอะไรขึ้น ฉันนั่งตัวแข็งทื่อ พยายามคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ฉันมาไปวันเกิดเพื่อนที่คลับแล้วทำไมถึงตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกับเจ้าของบริษัทที่ทำงานได้ยังไง ฉันนั่งสะตั้นอยู่บนเตียงนานหลายนาที ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าต้องรีบออกไปจากที่นี่ ต้องรีบหนีก่อนที่คุณคานส์จะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าของฉัน พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบลุกขึ้น แต่ทว่าตรงนั้นของฉันมันรู้สึกเจ็บเอามากๆ จนทำให้เกือบจะล้มฟุบลงพื้น โชคดีที่ก้มลงจับเตียงไว้ทัน “โอ้ย~ ทำไมถึงเจ็บขนาดนี้นะ” ฉันหนีบขาไว้จนเกร็ง พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองที่เตียง เพราะกลัวว่าคุณคานส์จะตื่นขึ้นมา แต่!! สายตาของฉันดันมองเห็นเลือดที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนเป็นวงกว้าง นะ นั่นมันเลือดใคร ทำไมถึงเปื้อนอยู่ตรงที่ฉันนอน ฉันก้มลงมองที่หว่างขาของตัวเองแล้วเห็นว่ามีสะเก็ดเลือดติดอยู่ ก่อนจะมองเห็นเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้องไปหมด ในตอนนี้ฉันไม่กล้าคิดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันรีบเดินอย่างทุลักทุเลเพื่อมาเก็บเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเข้าห้องน้ำมาแต่งตัวหลังจากแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบออกจากห้องนั้นเพื่อจะกลับไปห้องของตัวเอง พอเดินลงบันไดมาถึงได้รู้ว่าที่นี่คือคลับที่ฉันมาเที่ยวเมื่อคืน ต่างกันแค่บรรยากาศตอนนี้ไม่มีคน
ไม่ได้คิดอะไรมากนักฉันต้องรีบออกมาจากที่นี่ เมื่อออกมาได้แล้วก็เรียกแท็กซี่กลับห้อง#ห้องของฉัน
พอมาถึงห้องฉันก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะกดโทรหาแพรเพื่อนสนิท และได้เห็นว่าเบอร์ของแพรโทรเข้ามาหลายสายมากๆ ( อลิช ทำไมแกไม่รับสายฉันรู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันตามหาแกแทบทั้งคืน แกหายไปไหน แกอยู่ที่ไหนตอนนี้ ) พอแพรกดรับสายเธอก็ยิงคำถามรัวๆ ( ฉันอยู่ห้อง มะ เมื่อคืนเมามากเลยกลับมาก่อนขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ ) ( แกอยู่ที่ห้องแล้วทำไมเมื่อคืนฉันเคาะห้องแกตั้งนานถึงไม่มาเปิด ) ( ฉะ ฉันเมาไง มาถึงห้องก็หลับไปเลยไม่ได้ยินเสียงแกเคาะประตู ) ถ้าเกิดนั่งอยู่ด้วยกันแพรต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันโกหก เพราะว่าฉันเป็นคนที่โกหกไม่เก่งจริงๆ ( แกโทรมาฉันก็สบายใจ นี่ถ้าแกยังไม่ติดต่อมาเย็นนี้ฉันจะไปแจ้งความกับตำรวจแล้วนะเนี่ย ) ( อื้อแพร ฉันขอถามอะไรแกหน่อยสิิ ) ( ว่ามาสิ ) ( คือ…แกรู้ไหมว่าถ้าเราเสียบริสุทธิ์ครั้งแรกจะรู้สึกยังไง ) ฉันเม้มปากแน่นเพื่อรอคำตอบจากเพื่อน ในใจก็กลัวว่าแพรจะสงสัย แต่อีกใจฉันก็อยากรู้ ( มันก็จ็บๆ เจ็บมากเลยแหละ บางคนก็มีเลือดออกที่ตรงนั้น ) ( ระ หรอ ) เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวๆ ในตอนนี้ฉันนั่งเกร็งพร้อมกับกำมือแน่นจนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพราะสิ่งที่แพรบอกมันตรงกับอาการของฉันในตอนนี้ ( แกถามทำไม นี่อย่าบอกนะว่าแก…) ( หยุดคิดเลยนะฉันก็แค่ถามเพราะความอยากรู้ ) ฉันรีบขัดก่อนที่แพรจะคิดว่าฉันนั้นเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ( นี่! แกโตแล้วนะอลิช ควรจะเสียบริสุทธิ์สักที จะเก็บไว้ให้หยักไย่มาเกาะหรือไง ) ( แกพูดบ้าอะไรฉันไม่คุยด้วยแล้ว แค่นี่ก่อนนะ ) ฉันกดวางสายแล้วเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างๆ ตัว ในตอนนี้สมองมันคิดหนัก ฉะ ฉันเสียความบริสุทธิ์ให้คุณคานส์ไปแล้ว แล้วฉันจะกล้าแบกหน้าไปทำงานได้ยังไง มันกลัวไปหมด กลัวว่าเขาจะจำฉันได้ กลัวว่าจะถูกมองว่าง่าย หรือฉันควรจะลาออกดี…Talk คานส์ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอผู้หญิงคนเมื่อคืนอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังทิ้งคาบเลือดบริสุทธิ์เอาไว้บนผ้าปูที่นอน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วสวมใส่เสื้อผ้าอย่างไม่ได้สนใจอะไรมากนัก อย่างที่บอกไว้เมื่อคืนว่าระหว่างเธอกับผมมันเป็นแค่วันไนต์สแตนด์ ผมไม่จำเป็นต้องตามหาเธอ หวังแค่ว่าเธอจะไม่ลืมกินยาคุมตามที่บอกไปเมื่อคืน “นายครับ แม่บ้านบอกว่าเมื่อเช้าเห็นผู้หญิงอยู่ในคลับ….”“อื้ม” ผมพยักหน้ารับรู้ คงจะเป็นเธอคนนั้นที่นอนกับผมเมื่อคืน “ให้แม่บ้านเอาผ้าปูที่นอนมาเปลี่ยนด้วยแล้วกัน”“เอ่อ ได้ครับนาย” ผมเดินมาที่รถเพื่อจะขับไปบ่อนคาสิโน จะไปตรวจความเรียบร้อยสักหน่อยเพราะไม่ได้ไปหลายวัน ช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างยุ่งเลยไม่ค่อยมีเวลาไปตรวจดูงานที่อื่นเท่าไหร่ “ก็แค่วันไนต์สแตนด์จะสนใจทำไมวะ!!” ผมบ่นพึมพำเบาๆ ยอมรับว่าความบริสุทธิ์ของเธอมันทำให้ผมติดใจ ในขณะที่กำลังขับรถอยู่สมองของผมมันเอาแต่คิดวกวนอยู่กับเรื่องเมื่อคืน น้ำเสียงหวานๆ กับร่างกายของผู้หญิงคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวของผม มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดฉิบ!! Talk อลิชฉันนั่งคิดกระวนกระวายใจอยู่นานสองนาน และได้ข้อ
ฉันภาวนาขอให้มีคนมาช่วยดึงคุณคานส์ออกไป ใครก็ได้ ตอนนี้ฉันเกร็งไปทั้งตัวจนฉี่จะลาดอยู่แล้ว “เธอชื่ออะไร” “……” ทะ ทำไงดี ฉันจะตอบคุณคานส์ว่าชื่ออะไรดี ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนั้นฉันได้แทนตัวเองกับเขาว่าอลิชหรือเปล่าด้วยสิ “ฉันถามทำไมถึงไม่ตอบ” ครั้งนี้เขาทำเสียงดุใส่ฉัน“ชะ ชื่อ ชื่อ….” “นายครับคุณธนามารอแล้วครับ” ในขณะที่ฉันกำลังเกร็งจนฉี่จะลาดอยู่นั้น เสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขารีบวิ่งมาหาคุณคานส์ราวกับมีธุระด่วน พระเจ้าช่วยฉันแล้ว!! “ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบสับขาเดินฉับๆ ไม่สนใจเลยว่าจะถูกสายตาของคุณคานส์มองแบบไหน ตอนนี้ขอเพียงแค่ได้เดินออกมาไกลจากเขาเมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ได้แล้วฉันก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เหตุการณ์เมื่อครู่มันยิ่งตอกย้ำว่าฉันควรจะลาออก เมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานฉันวางของไว้แล้วรีบไปเขียนใบลาออกไปยื่น เสร็จแล้วก็กลับมาเก็บของที่โต๊ะ “อลิชเก็บของทำไม” โมเมเธอคืิเพื่อนในบริษัทที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กับฉัน เธอเอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่เก็บของ “ฉันลาออกแล้วน่ะ” ฉันตอบก่อนจะยิ้มแห้งแล้วก้มหน้าเก็บของต่อ “ห๊ะ! เธอลาออกทำไม มีปัญห
ฉันมาหาแพรเพื่อนสนิทที่ร้านคอฟฟี่ ซึ่งเป็นร้านของเธอเอง แพรเป็นเพื่อนฉันตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยและเราสนิทกันมากจนถึงตอนนี้ แพรเธอเป็นลูกเศรษฐีนะแต่ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมากกว่า “ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่ ไม่ทำงานหรือไง” แพรเดินมาหาฉันที่นั่งรออยู่พร้อมกับเอาเค้กช็อกโกแลตที่ฉันชอบมาให้ “ฉันลาออกแล้ว” “ห๊ะ! แกลาออก ทำไมเป็นงั้นล่ะออกทำไม ไหนแกบอกว่างานดีเงินดี” แพรตกใจมากที่ได้ยินฉันบอกแบบนั้น“ฉันอยากกลับไปทำงานใกล้บ้านมากกว่าน่ะ” “แกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคนในบริษัทใช่ไหมอลิช”“จะบ้าหรือไง! อย่างฉันจะไปกล้ามีปัญหากับใครได้” “วันก่อนแกโทรมาถามฉันเรื่องที่เปิดบริสุทธิ์จะรู้สึกยังไง นี่อย่าบอกนะว่าแก….” แพรยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วมองหน้าฉันตาค้าง “บะ บ้าหรือไง หยุดความคิดบ้าๆ ของแกเดี๋ยวนี้เลยนะ”พอฉันบอกแบบนั้นแพรก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วมองฉันด้วยสายตาจับผิด “ดูเหมือนกับว่าแกกำลังมีอะไรที่ปิดบังฉันอยู่นะอลิช” เฮือก!! ว่าแล้วไงถ้าอยู่ต่อหน้าฉันต้องพลาดท่าทำตัวมีพิรุธให้แพรจับได้แน่ๆ “แกเถอะทำไมถึงรู้ว่าเปิดบริสุทธิ์เป็นยังไง แกเคยแล้วใช่ไหม” ฉันถามกลับเพราะกลัวจะถูกจับพิรุธได้ และมันก็
ฉันไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยว หลังจากอ้วกเสร็จก็ขอพี่เอ็มกลับมาที่บริษัทเลย เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานฉันก็ฟุบหน้าหลับที่โต๊ะเพราะรู้สึกเพลียเอามากๆ นอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ฉันต้องสะดุ้งตื่นเพราะมีคนมาสะกิด ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าเป็นพี่เอ็ม และในตอนนี้พนักงานคนอื่นๆ ก็มานั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงานกันหมดแล้ว “อะ อลิชขอโทษค่ะ” ฉันรีบก้มหน้าขอโทษพี่เอ็มเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองนอนหลับ ไม่ได้ตั้งใจทำงาน “พี่ไม่ได้ว่าอะไร ลางานครึ่งวันไหมตอนนี้หน้าอลิชซีดมากเลยนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอลิชไหว” “ตอนเที่ยงอ้วกขนาดนั้นจะไหวได้ยังไง กลับบ้านก่อนพี่อนุญาตให้ลาหยุดพรุ่งนี้ด้วย”“แต่อลิช…”“อย่าฝืนร่างกายตัวเองสิอลิช พี่เป็นห่วง” สายตาของพี่เอ็มที่มองอยู่มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเอามากๆ “ขอบคุณค่ะ ถ้าอลิชหายดีแล้วจะรีบกลับมาทำงานนะคะ ^_^” “รีบๆ หายล่ะ ไม่เจอหน้าอลิชพี่คงเหงาแย่”“พี่เอ็มก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลยนะคะ” “พี่พูดจริงๆ นะครับ” ฉันนิ่งไปเมื่อได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของพี่เอ็ม จู่ๆ มันก็รู้สึกมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก “งะ งั้นอลิชกลับบ้านก่อนนะคะ”“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่รถ”“มะ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยิบก
เมื่อรู้ผลว่าตัวเองท้อง ตอนนี้เหมือนกับว่าทุกสั่งรอบๆ ตัวของฉันมันหยุดนิ่ง เหมือนโลกหยุดหมุน ฉันสะตั้นไปนานพอสมควรพร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้ม เมื่อตั้งสติได้แล้วฉันก็กลัวไปหมด กลัวว่าพ่อจะรู้ กลัวว่าพ่อจะด่า เรื่องแบบนี้พ่อต้องไม่ยินดีแน่ๆ “ทำไมฉันถึงพลาดท่าแบบนี้ได้” ฉันก้มหน้าลงเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แต่ยิ่งเช็ดน้ำตามันก็ยิ่งไหลลงมาอาบแก้ม ฉันท้องนั่นหมายความว่าท้องไม่มีพ่อ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง แต่ฉันก็ไม่สามารถไปเรียกร้องไห้เขามารับผิดชอบอะไรได้ ฉันกำที่ตรวจครรภ์ในมือแน่น มันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวว่าฉันควรจะ ‘ทำแท้ง’ “อึก~ ฉันจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง มันบาปนะ” ตอนนี้ฉันกำลังเถียงกับความคิดของตัวเอง แน่นอนว่าฉันไม่กล้าทำแท้ง ฉะ ฉันควรจะทำยังไงดี นี่มันเป็นความผิดพลาดที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ตอนนี้ฉันยังไม่กล้าบอกพ่อแน่ๆ แต่มีหนึ่งคนที่ฉันอยากจะปรึกษานั่นคือแพร ( ฮาย! ว่าไงแกฉันเพิ่งปิดร้านเสร็จนี่เอง ) ( แพร อึก ) พอได้ยินเสียงเพื่อนฉันก็เริ่มสะอื้นหนักขึ้น ทำให้แพรถามอย
ฉันพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา เพราะกลัวว่าจะถูกพ่อสงสัยหากร้องไห้จนตาบวม หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาอะไรเรียบร้อยแล้วฉันก็ออกมาข้างนอกเพื่อสูดอากาศ สมองจะได้โล่งๆ ฉันเครียดมาจะครึ่งวันแล้ว จะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้ “พ่อ กะ กลับมาแล้วหรอคะ” เดินออกมาไม่ทันไม่ต้องจัว พอเห็นพ่อขึ้นบ้านมาฉันจึบทำตัวไม่ถูก “เอ้อๆ วันนี้งานเสร็จเร็ว” พ่อเดินมานั่งที่โซฟา ฉันจึงรีบไปเอาน้ำมาให้ “แล้วนี่อลันมันจะกลับมาบ้านเมื่อไหร่ ไอ้ลูกคนนี้พ่อโทรไปก็ไม่ยอมรับสาย” “คงปิดเทอมนั่นแหละพ่อ”“ให้มันได้แบบนี้สิ ไม่คิดถึงพ่อกับพี่สาวบ้างเลยหรือไง” ฉันเอาแก้วน้ำวางไว้ให้พ่อ จากนั้นก็นั่งลง ใจมันเต้นรัวๆ เมื่อคิดว่าจะถามเรื่องท้อง แค่เห็นหน้าพ่อปากฉันมันก็ไม่กล้าขยับแล้ว “แล้วนี่หายป่วยหรือยัง พ่อบอกจะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป” “หะ หายแล้วค่ะ” “หายแล้วรึ แต่หน้าลูกยังซีดอยู่เลยนะ” พ่อมองหน้าฉันอย่างเป็นห่วง “เดี๋ยวพ่อโทรให้หมอมาตรวจที่บ้านดีไหมถ้าลูกไม่อยากนั่งรถไป” “พ่อคะ หนูโอเคแล้วค่ะสบายมาก ^_^” “ได้ยินแบบนี้พ่อก็ค่อยหายหวงขึ้นมาหน่อย” “พะ พ่อคะ คือว่า อลิชอยากจะถามอะไรพ่อสักอย่าง”“ว่ามาสิ ถามอ
พ่อโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ทำให้ฉันที่กำลังกอดขาพ่อไว้อยู่รู้สึกกลัวจนตัวสั่น “พ่อถามทำไมถึงไม่ยอมตอบ!!” พ่อผลักฉันออก ดีที่แพรมาประคองไว้ “ลูกไม่มีแฟน ทำไมถึงท้องได้หรือมีแฟนแล้วไม่ยอมบอกพ่อ” “อึก อลิช อึก~ ไม่มีแฟนค่ะ” “ไม่มีแฟนแล้วลูกจะท้องได้ยังไง !!” พ่อตวาดถามเสียงดัง “อย่าบอกนะว่าท้องไม่มีพ่อ” “อลิชขอโทษ อึก~” “อลิชทำไมแกไม่พูดความจริง แกยอมรับแบบนี้ได้ยังไง” แพรถามเพราะฉันไม่ค้านอะไรทั้งนั้นเรื่องที่พ่อถามว่าฉันท้องไม่มีพ่อ “เห็นแต่ลูกคนอื่นไม่เคยคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้กับลูกตัวเอง ทำแบบนี้แล้วพ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” “อึก~” ฉันก้มหน้าสะอื้นออกมาจนสุดเสียง เกร็งไปหมดทั้งตัว “บอกพ่อมาว่าได้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร พ่อจะไปลากตัวมันมารับผิดชอบ พ่อไม่ยอมให้ลูกท้องไม่มีพ่อแบบนี้แน่ๆ!!”“…….” ฉันไม่ยอมบอกว่าผู้ชายที่เป็นพ่อของเด็กในท้องคือ ‘คุณคานส์’“อลิช!! บอกพ่อมาลูกจะปกป้องมันทำไม อยากอายชาวบ้านเขาหรือไง”“พะ พ่อคะ เด็กคนนี้อลิชจะเลี้ยงเขาเอง อึก~” “ไม่มีทาง! ใครที่มันทำกับลูกสาวกำนันเพิ่มแบบนี้ มันจะต้องรับผิดชอบ” พ่อประกาศกร้าว ท่าทางไม่ยอมลดละง่ายๆ แน่ “พ่อ อึก~” “อยากท
“ฉันขอโทษนะอลิชที่พูดไปแบบนั้น ถ้าฉันไม่พูดพ่อแกก็จะยิ่งโมโหมากกว่านี้แน่ๆ”“อึก ~ แกไม่ควรบอกแบบนั้นแพร ไม่ควรพูด” ฉันตำหนิเพื่อน ถึงจะรู้ว่าแพรทำไปเพราะเป็นห่วง แต่ฉันก็ไม่อยากให้พ่อรู้อยู่ดีกว่าคุณคานส์คือพ่อของเด็กในท้อง “เขาทำ เขาก็ต้องรับผิดชอบนะอลิช”“อึก~” “ฉันพูดไปแล้ว พ่อแกรู้แล้ว นี่คือความจริง ฉันอาจจะยุ่งวุ่นวายมากไป แต่ที่ฉันทำก็เพราะกลัวว่าพ่อแกจะทำอะไรแกไปมากกว่านี้นะ” “แต่ฉันไม่ได้อยากให้เขามารับผิดชอบ อึก~” “แกเป็นห่วงตัวเองบ้างไหมอลิช เฮ้อ” แพรตอบฉันนานหลายชั่วโมง ที่ฉันร้องไห้เพราะมันเสียใจ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง รู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเข้าใจฉันเลยว่าฉันไม่ต้องการให้คุณคานส์มารับผิดชอบ เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันไม่อยากให้พ่อรู้ที่อยู่ของคุณคานส์ ไม่อยากให้พ่อไปที่นั่น ฉันควรจะทำยังไงดี เช้าวันต่อมา… เสียงเคาะห้องดังสนั่นขึ้นตามด้วยเสียงพ่อที่ตะโกนเรียกฉัน ฉันที่เพิ่งลุกขึ้นมาอ้วกในห้องน้ำเสร็จก็ต้องรีบมาเปิดประตูให้พ่อ “พะ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ไปแต่งตัว”“ปะ ไปไหนคะ”“ไม่ต้องถามมาก พ่อบอ
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห