ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว….Talk คานส์ @ที่คลับ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับนาย” ไอ้โจ้ลูกน้องคนสนิทของผมเดินมาบอกหลังจากที่เดินตรวจรอบ ๆ คลับแล้วไม่เจอสิ่งปกติอะไร สิ่งปกติที่ผมหมายถึงคือพวกที่มันชอบพกปืนเข้ามาแล้วก่อความวุ่นวายในคลับ ถ้าเจอคนพวกนี้ผมจะจัดการมันทิ้งซะ “อื้ม กูจะขึ้นไปตรวจเอกสารข้างบนสักหน่อย” “ครับนาย” “ให้แอลขึ้นไปด้วยไหมคะ ^_^” ผู้หญิงที่นั่งข้างกายของผมเสนอขึ้นมา “ฉันจะขึ้นไปคนเดียว” ผมบอกชัดเจนก่อนจะแกะมือของเธอที่กอดแขนอยู่ออกอย่างรำคาญ “…แต่คานส์คะ”“อย่าให้ต้องพูดย้ำบ่อยๆ ว่าไม่ได้เธอสำคัญกับฉันขนาดนั้น” ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินผ่านผู้คนในคลับเพื่อจะขึ้นไปยังชั้นสอง ระหว่างทางมักจะมีสายตาของผู้หญิงมองมาที่ผมอย่างยั่วยวน แต่พวกเธอเหล่านั้นไม่ได้ถูกใจผมเลยสักนิด พรึบ!! จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาผม โดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับพูดอย่างรนราน“ชะ ช่วยด้วย ช่วยอลิชด้วย” ใบหน้าหวานยื่นมาใกล้ ผมจึงรีบเอนหน้าหนีก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะมาชนเข้ากับริมฝีปากของผม “ช่วยอะไร ?” ผมถาม ก่อนจะมองทางด้านหลังของเธอแล้วเห็นว่ามีผู้ชายเดินตามมาติดๆ “อะ อลิชกลัว”“ผู้หญิงคนนี้เป็
Talk อลิช ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่หนักอึ้งไปทั้งหัว เพราะไม่เคยดื่มมาก่อนแต่ถูกแพรเพื่อนสนิทบังคับให้ดื่ม แถมยังบังคับให้ฉันแต่งตัวด้วยชุดที่วาบหวิว นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดของเธอฉันคงไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ เมื่อคืนฉันจำได้ว่าดื่มเหล้าจากแก้วของผู้ชายโต๊ะข้างๆ แล้วก็เมาชนิดที่ว่าจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับห้องมาได้ยังไง พอกันทีนี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะดื่มฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นมันรู้สึกหนาวๆ โล่งๆ เหมือนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า จึงค่อยๆ ก้มลงมองตัวเอง ก่อนที่สายตาของฉันจะเบิกกว้างเมื่อพบว่าท่อนบนของตัวเองไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่เลยสักชิ้น “ยะ อย่าบอกนะว่า….” มือของฉันจับที่ผ้าห่มก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดูท้อนล่างของตัวเอง ซึ่งมันก็เปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับท่อนบน “ฉันเมาหนักถึงขนาดแก้ผ้านอนเลยหรอเนี่ย” อลิชเอ้ย ถ้าพ่อรู้ว่ากินเหล้าจนเมาไม่ได้สติแบบนี้ต้องโดนก้านมะยมตีก้นลายแน่ๆ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใครสักคนหายใจ ซึ่งมันไม่ได้เสียงหายใจของฉันแน่ๆ จึงค่อยๆ หันมองข้างๆ กับตัวเอง และนั่น!! ทำให้ฉันกำลังจะกรี๊ดออกมาแต่ก็ต้องยกมือมาปิดปากตัวเองไว้ เมื่อหันมองข้างๆ ตัวเอง
Talk คานส์ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอผู้หญิงคนเมื่อคืนอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังทิ้งคาบเลือดบริสุทธิ์เอาไว้บนผ้าปูที่นอน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วสวมใส่เสื้อผ้าอย่างไม่ได้สนใจอะไรมากนัก อย่างที่บอกไว้เมื่อคืนว่าระหว่างเธอกับผมมันเป็นแค่วันไนต์สแตนด์ ผมไม่จำเป็นต้องตามหาเธอ หวังแค่ว่าเธอจะไม่ลืมกินยาคุมตามที่บอกไปเมื่อคืน “นายครับ แม่บ้านบอกว่าเมื่อเช้าเห็นผู้หญิงอยู่ในคลับ….”“อื้ม” ผมพยักหน้ารับรู้ คงจะเป็นเธอคนนั้นที่นอนกับผมเมื่อคืน “ให้แม่บ้านเอาผ้าปูที่นอนมาเปลี่ยนด้วยแล้วกัน”“เอ่อ ได้ครับนาย” ผมเดินมาที่รถเพื่อจะขับไปบ่อนคาสิโน จะไปตรวจความเรียบร้อยสักหน่อยเพราะไม่ได้ไปหลายวัน ช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างยุ่งเลยไม่ค่อยมีเวลาไปตรวจดูงานที่อื่นเท่าไหร่ “ก็แค่วันไนต์สแตนด์จะสนใจทำไมวะ!!” ผมบ่นพึมพำเบาๆ ยอมรับว่าความบริสุทธิ์ของเธอมันทำให้ผมติดใจ ในขณะที่กำลังขับรถอยู่สมองของผมมันเอาแต่คิดวกวนอยู่กับเรื่องเมื่อคืน น้ำเสียงหวานๆ กับร่างกายของผู้หญิงคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวของผม มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดฉิบ!! Talk อลิชฉันนั่งคิดกระวนกระวายใจอยู่นานสองนาน และได้ข้อ
ฉันภาวนาขอให้มีคนมาช่วยดึงคุณคานส์ออกไป ใครก็ได้ ตอนนี้ฉันเกร็งไปทั้งตัวจนฉี่จะลาดอยู่แล้ว “เธอชื่ออะไร” “……” ทะ ทำไงดี ฉันจะตอบคุณคานส์ว่าชื่ออะไรดี ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนั้นฉันได้แทนตัวเองกับเขาว่าอลิชหรือเปล่าด้วยสิ “ฉันถามทำไมถึงไม่ตอบ” ครั้งนี้เขาทำเสียงดุใส่ฉัน“ชะ ชื่อ ชื่อ….” “นายครับคุณธนามารอแล้วครับ” ในขณะที่ฉันกำลังเกร็งจนฉี่จะลาดอยู่นั้น เสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขารีบวิ่งมาหาคุณคานส์ราวกับมีธุระด่วน พระเจ้าช่วยฉันแล้ว!! “ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบสับขาเดินฉับๆ ไม่สนใจเลยว่าจะถูกสายตาของคุณคานส์มองแบบไหน ตอนนี้ขอเพียงแค่ได้เดินออกมาไกลจากเขาเมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ได้แล้วฉันก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เหตุการณ์เมื่อครู่มันยิ่งตอกย้ำว่าฉันควรจะลาออก เมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานฉันวางของไว้แล้วรีบไปเขียนใบลาออกไปยื่น เสร็จแล้วก็กลับมาเก็บของที่โต๊ะ “อลิชเก็บของทำไม” โมเมเธอคืิเพื่อนในบริษัทที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กับฉัน เธอเอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่เก็บของ “ฉันลาออกแล้วน่ะ” ฉันตอบก่อนจะยิ้มแห้งแล้วก้มหน้าเก็บของต่อ “ห๊ะ! เธอลาออกทำไม มีปัญห
ฉันมาหาแพรเพื่อนสนิทที่ร้านคอฟฟี่ ซึ่งเป็นร้านของเธอเอง แพรเป็นเพื่อนฉันตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยและเราสนิทกันมากจนถึงตอนนี้ แพรเธอเป็นลูกเศรษฐีนะแต่ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมากกว่า “ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่ ไม่ทำงานหรือไง” แพรเดินมาหาฉันที่นั่งรออยู่พร้อมกับเอาเค้กช็อกโกแลตที่ฉันชอบมาให้ “ฉันลาออกแล้ว” “ห๊ะ! แกลาออก ทำไมเป็นงั้นล่ะออกทำไม ไหนแกบอกว่างานดีเงินดี” แพรตกใจมากที่ได้ยินฉันบอกแบบนั้น“ฉันอยากกลับไปทำงานใกล้บ้านมากกว่าน่ะ” “แกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคนในบริษัทใช่ไหมอลิช”“จะบ้าหรือไง! อย่างฉันจะไปกล้ามีปัญหากับใครได้” “วันก่อนแกโทรมาถามฉันเรื่องที่เปิดบริสุทธิ์จะรู้สึกยังไง นี่อย่าบอกนะว่าแก….” แพรยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วมองหน้าฉันตาค้าง “บะ บ้าหรือไง หยุดความคิดบ้าๆ ของแกเดี๋ยวนี้เลยนะ”พอฉันบอกแบบนั้นแพรก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วมองฉันด้วยสายตาจับผิด “ดูเหมือนกับว่าแกกำลังมีอะไรที่ปิดบังฉันอยู่นะอลิช” เฮือก!! ว่าแล้วไงถ้าอยู่ต่อหน้าฉันต้องพลาดท่าทำตัวมีพิรุธให้แพรจับได้แน่ๆ “แกเถอะทำไมถึงรู้ว่าเปิดบริสุทธิ์เป็นยังไง แกเคยแล้วใช่ไหม” ฉันถามกลับเพราะกลัวจะถูกจับพิรุธได้ และมันก็