แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว….Talk คานส์ @ที่คลับ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับนาย” ไอ้โจ้ลูกน้องคนสนิทของผมเดินมาบอกหลังจากที่เดินตรวจรอบ ๆ คลับแล้วไม่เจอสิ่งปกติอะไร สิ่งปกติที่ผมหมายถึงคือพวกที่มันชอบพกปืนเข้ามาแล้วก่อความวุ่นวายในคลับ ถ้าเจอคนพวกนี้ผมจะจัดการมันทิ้งซะ “อื้ม กูจะขึ้นไปตรวจเอกสารข้างบนสักหน่อย” “ครับนาย” “ให้แอลขึ้นไปด้วยไหมคะ ^_^” ผู้หญิงที่นั่งข้างกายของผมเสนอขึ้นมา “ฉันจะขึ้นไปคนเดียว” ผมบอกชัดเจนก่อนจะแกะมือของเธอที่กอดแขนอยู่ออกอย่างรำคาญ “…แต่คานส์คะ”“อย่าให้ต้องพูดย้ำบ่อยๆ ว่าไม่ได้เธอสำคัญกับฉันขนาดนั้น” ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินผ่านผู้คนในคลับเพื่อจะขึ้นไปยังชั้นสอง ระหว่างทางมักจะมีสายตาของผู้หญิงมองมาที่ผมอย่างยั่วยวน แต่พวกเธอเหล่านั้นไม่ได้ถูกใจผมเลยสักนิด พรึบ!! จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาผม โดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับพูดอย่างรนราน“ชะ ช่วยด้วย ช่วยอลิชด้วย” ใบหน้าหวานยื่นมาใกล้ ผมจึงรีบเอนหน้าหนีก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะมาชนเข้ากับริมฝีปากของผม “ช่วยอะไร ?” ผมถาม ก่อนจะมองทางด้านหลังของเธอแล้วเห็นว่ามีผู้ชายเดินตามมาติดๆ “อะ อลิชกลัว”“ผู้หญิงคนนี้เป็
Talk อลิช ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่หนักอึ้งไปทั้งหัว เพราะไม่เคยดื่มมาก่อนแต่ถูกแพรเพื่อนสนิทบังคับให้ดื่ม แถมยังบังคับให้ฉันแต่งตัวด้วยชุดที่วาบหวิว นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดของเธอฉันคงไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ เมื่อคืนฉันจำได้ว่าดื่มเหล้าจากแก้วของผู้ชายโต๊ะข้างๆ แล้วก็เมาชนิดที่ว่าจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับห้องมาได้ยังไง พอกันทีนี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะดื่มฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นมันรู้สึกหนาวๆ โล่งๆ เหมือนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า จึงค่อยๆ ก้มลงมองตัวเอง ก่อนที่สายตาของฉันจะเบิกกว้างเมื่อพบว่าท่อนบนของตัวเองไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่เลยสักชิ้น “ยะ อย่าบอกนะว่า….” มือของฉันจับที่ผ้าห่มก่อนจะค่อยๆ เปิดออกดูท้อนล่างของตัวเอง ซึ่งมันก็เปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับท่อนบน “ฉันเมาหนักถึงขนาดแก้ผ้านอนเลยหรอเนี่ย” อลิชเอ้ย ถ้าพ่อรู้ว่ากินเหล้าจนเมาไม่ได้สติแบบนี้ต้องโดนก้านมะยมตีก้นลายแน่ๆ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใครสักคนหายใจ ซึ่งมันไม่ได้เสียงหายใจของฉันแน่ๆ จึงค่อยๆ หันมองข้างๆ กับตัวเอง และนั่น!! ทำให้ฉันกำลังจะกรี๊ดออกมาแต่ก็ต้องยกมือมาปิดปากตัวเองไว้ เมื่อหันมองข้างๆ ตัวเอง
Talk คานส์ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอผู้หญิงคนเมื่อคืนอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังทิ้งคาบเลือดบริสุทธิ์เอาไว้บนผ้าปูที่นอน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วสวมใส่เสื้อผ้าอย่างไม่ได้สนใจอะไรมากนัก อย่างที่บอกไว้เมื่อคืนว่าระหว่างเธอกับผมมันเป็นแค่วันไนต์สแตนด์ ผมไม่จำเป็นต้องตามหาเธอ หวังแค่ว่าเธอจะไม่ลืมกินยาคุมตามที่บอกไปเมื่อคืน “นายครับ แม่บ้านบอกว่าเมื่อเช้าเห็นผู้หญิงอยู่ในคลับ….”“อื้ม” ผมพยักหน้ารับรู้ คงจะเป็นเธอคนนั้นที่นอนกับผมเมื่อคืน “ให้แม่บ้านเอาผ้าปูที่นอนมาเปลี่ยนด้วยแล้วกัน”“เอ่อ ได้ครับนาย” ผมเดินมาที่รถเพื่อจะขับไปบ่อนคาสิโน จะไปตรวจความเรียบร้อยสักหน่อยเพราะไม่ได้ไปหลายวัน ช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างยุ่งเลยไม่ค่อยมีเวลาไปตรวจดูงานที่อื่นเท่าไหร่ “ก็แค่วันไนต์สแตนด์จะสนใจทำไมวะ!!” ผมบ่นพึมพำเบาๆ ยอมรับว่าความบริสุทธิ์ของเธอมันทำให้ผมติดใจ ในขณะที่กำลังขับรถอยู่สมองของผมมันเอาแต่คิดวกวนอยู่กับเรื่องเมื่อคืน น้ำเสียงหวานๆ กับร่างกายของผู้หญิงคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวของผม มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดฉิบ!! Talk อลิชฉันนั่งคิดกระวนกระวายใจอยู่นานสองนาน และได้ข้อ
ฉันภาวนาขอให้มีคนมาช่วยดึงคุณคานส์ออกไป ใครก็ได้ ตอนนี้ฉันเกร็งไปทั้งตัวจนฉี่จะลาดอยู่แล้ว “เธอชื่ออะไร” “……” ทะ ทำไงดี ฉันจะตอบคุณคานส์ว่าชื่ออะไรดี ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนั้นฉันได้แทนตัวเองกับเขาว่าอลิชหรือเปล่าด้วยสิ “ฉันถามทำไมถึงไม่ตอบ” ครั้งนี้เขาทำเสียงดุใส่ฉัน“ชะ ชื่อ ชื่อ….” “นายครับคุณธนามารอแล้วครับ” ในขณะที่ฉันกำลังเกร็งจนฉี่จะลาดอยู่นั้น เสียงของใครสักคนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขารีบวิ่งมาหาคุณคานส์ราวกับมีธุระด่วน พระเจ้าช่วยฉันแล้ว!! “ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบสับขาเดินฉับๆ ไม่สนใจเลยว่าจะถูกสายตาของคุณคานส์มองแบบไหน ตอนนี้ขอเพียงแค่ได้เดินออกมาไกลจากเขาเมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ได้แล้วฉันก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เหตุการณ์เมื่อครู่มันยิ่งตอกย้ำว่าฉันควรจะลาออก เมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานฉันวางของไว้แล้วรีบไปเขียนใบลาออกไปยื่น เสร็จแล้วก็กลับมาเก็บของที่โต๊ะ “อลิชเก็บของทำไม” โมเมเธอคืิเพื่อนในบริษัทที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กับฉัน เธอเอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่เก็บของ “ฉันลาออกแล้วน่ะ” ฉันตอบก่อนจะยิ้มแห้งแล้วก้มหน้าเก็บของต่อ “ห๊ะ! เธอลาออกทำไม มีปัญห
ฉันมาหาแพรเพื่อนสนิทที่ร้านคอฟฟี่ ซึ่งเป็นร้านของเธอเอง แพรเป็นเพื่อนฉันตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยและเราสนิทกันมากจนถึงตอนนี้ แพรเธอเป็นลูกเศรษฐีนะแต่ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมากกว่า “ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่ ไม่ทำงานหรือไง” แพรเดินมาหาฉันที่นั่งรออยู่พร้อมกับเอาเค้กช็อกโกแลตที่ฉันชอบมาให้ “ฉันลาออกแล้ว” “ห๊ะ! แกลาออก ทำไมเป็นงั้นล่ะออกทำไม ไหนแกบอกว่างานดีเงินดี” แพรตกใจมากที่ได้ยินฉันบอกแบบนั้น“ฉันอยากกลับไปทำงานใกล้บ้านมากกว่าน่ะ” “แกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคนในบริษัทใช่ไหมอลิช”“จะบ้าหรือไง! อย่างฉันจะไปกล้ามีปัญหากับใครได้” “วันก่อนแกโทรมาถามฉันเรื่องที่เปิดบริสุทธิ์จะรู้สึกยังไง นี่อย่าบอกนะว่าแก….” แพรยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วมองหน้าฉันตาค้าง “บะ บ้าหรือไง หยุดความคิดบ้าๆ ของแกเดี๋ยวนี้เลยนะ”พอฉันบอกแบบนั้นแพรก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วมองฉันด้วยสายตาจับผิด “ดูเหมือนกับว่าแกกำลังมีอะไรที่ปิดบังฉันอยู่นะอลิช” เฮือก!! ว่าแล้วไงถ้าอยู่ต่อหน้าฉันต้องพลาดท่าทำตัวมีพิรุธให้แพรจับได้แน่ๆ “แกเถอะทำไมถึงรู้ว่าเปิดบริสุทธิ์เป็นยังไง แกเคยแล้วใช่ไหม” ฉันถามกลับเพราะกลัวจะถูกจับพิรุธได้ และมันก็
ฉันไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยว หลังจากอ้วกเสร็จก็ขอพี่เอ็มกลับมาที่บริษัทเลย เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานฉันก็ฟุบหน้าหลับที่โต๊ะเพราะรู้สึกเพลียเอามากๆ นอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ฉันต้องสะดุ้งตื่นเพราะมีคนมาสะกิด ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าเป็นพี่เอ็ม และในตอนนี้พนักงานคนอื่นๆ ก็มานั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงานกันหมดแล้ว “อะ อลิชขอโทษค่ะ” ฉันรีบก้มหน้าขอโทษพี่เอ็มเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองนอนหลับ ไม่ได้ตั้งใจทำงาน “พี่ไม่ได้ว่าอะไร ลางานครึ่งวันไหมตอนนี้หน้าอลิชซีดมากเลยนะ”“ไม่เป็นไรค่ะอลิชไหว” “ตอนเที่ยงอ้วกขนาดนั้นจะไหวได้ยังไง กลับบ้านก่อนพี่อนุญาตให้ลาหยุดพรุ่งนี้ด้วย”“แต่อลิช…”“อย่าฝืนร่างกายตัวเองสิอลิช พี่เป็นห่วง” สายตาของพี่เอ็มที่มองอยู่มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเอามากๆ “ขอบคุณค่ะ ถ้าอลิชหายดีแล้วจะรีบกลับมาทำงานนะคะ ^_^” “รีบๆ หายล่ะ ไม่เจอหน้าอลิชพี่คงเหงาแย่”“พี่เอ็มก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลยนะคะ” “พี่พูดจริงๆ นะครับ” ฉันนิ่งไปเมื่อได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของพี่เอ็ม จู่ๆ มันก็รู้สึกมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก “งะ งั้นอลิชกลับบ้านก่อนนะคะ”“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่รถ”“มะ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยิบก
เมื่อรู้ผลว่าตัวเองท้อง ตอนนี้เหมือนกับว่าทุกสั่งรอบๆ ตัวของฉันมันหยุดนิ่ง เหมือนโลกหยุดหมุน ฉันสะตั้นไปนานพอสมควรพร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้ม เมื่อตั้งสติได้แล้วฉันก็กลัวไปหมด กลัวว่าพ่อจะรู้ กลัวว่าพ่อจะด่า เรื่องแบบนี้พ่อต้องไม่ยินดีแน่ๆ “ทำไมฉันถึงพลาดท่าแบบนี้ได้” ฉันก้มหน้าลงเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แต่ยิ่งเช็ดน้ำตามันก็ยิ่งไหลลงมาอาบแก้ม ฉันท้องนั่นหมายความว่าท้องไม่มีพ่อ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง แต่ฉันก็ไม่สามารถไปเรียกร้องไห้เขามารับผิดชอบอะไรได้ ฉันกำที่ตรวจครรภ์ในมือแน่น มันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวว่าฉันควรจะ ‘ทำแท้ง’ “อึก~ ฉันจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง มันบาปนะ” ตอนนี้ฉันกำลังเถียงกับความคิดของตัวเอง แน่นอนว่าฉันไม่กล้าทำแท้ง ฉะ ฉันควรจะทำยังไงดี นี่มันเป็นความผิดพลาดที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ตอนนี้ฉันยังไม่กล้าบอกพ่อแน่ๆ แต่มีหนึ่งคนที่ฉันอยากจะปรึกษานั่นคือแพร ( ฮาย! ว่าไงแกฉันเพิ่งปิดร้านเสร็จนี่เอง ) ( แพร อึก ) พอได้ยินเสียงเพื่อนฉันก็เริ่มสะอื้นหนักขึ้น ทำให้แพรถามอย