นอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ฉันต้องสะดุ้งตื่นเพราะมีคนมาสะกิด ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าเป็นพี่เอ็ม และในตอนนี้พนักงานคนอื่นๆ ก็มานั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงานกันหมดแล้ว
“อะ อลิชขอโทษค่ะ” ฉันรีบก้มหน้าขอโทษพี่เอ็มเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองนอนหลับ ไม่ได้ตั้งใจทำงาน “พี่ไม่ได้ว่าอะไร ลางานครึ่งวันไหมตอนนี้หน้าอลิชซีดมากเลยนะ” “ไม่เป็นไรค่ะอลิชไหว” “ตอนเที่ยงอ้วกขนาดนั้นจะไหวได้ยังไง กลับบ้านก่อนพี่อนุญาตให้ลาหยุดพรุ่งนี้ด้วย” “แต่อลิช…” “อย่าฝืนร่างกายตัวเองสิอลิช พี่เป็นห่วง” สายตาของพี่เอ็มที่มองอยู่มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเอามากๆ “ขอบคุณค่ะ ถ้าอลิชหายดีแล้วจะรีบกลับมาทำงานนะคะ ^_^” “รีบๆ หายล่ะ ไม่เจอหน้าอลิชพี่คงเหงาแย่” “พี่เอ็มก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลยนะคะ” “พี่พูดจริงๆ นะครับ” ฉันนิ่งไปเมื่อได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของพี่เอ็ม จู่ๆ มันก็รู้สึกมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก “งะ งั้นอลิชกลับบ้านก่อนนะคะ” “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่รถ” “มะ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกมาจากบริษัท มันรู้สึกเขินพี่เอ็มเอามากๆ จนทำตัวไม่ถูก#บ้าน
วันนี้พ่อออกไปธุระข้างนอกกว่าจะกลับก็คงจะเย็นๆ ส่วนฉันพอมาถึงที่บ้านก็นอนหลับไปเลย มันเพลียแล้วก็รู้สึกขี้เกียจเอามากๆรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีช่วงเย็นๆ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว จึงลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหาอะไรกินที่ครัว
แต่!! พอเปิดตู้กับข้าวออกเท่านั้นแหละ พวกกลิ่นอาหารมันตีเข้าจมูก ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมกับอาการคลื่นไส้จากนั้นจึงรีบวิ่งไปอ้วกที่ระเบียง เพราะคิดว่าถ้าให้วิ่งไปห้องน้ำคงไม่ทันแน่ๆ ฉันป่วยเป็นโรคร้ายอะไรหรือเปล่า ทำไมท้องมันรู้สึกหิวแต่กินอะไรไม่ได้เลย แค่ได้กลิ่นก็เวียนหัวจะอ้วก“ลุงปลูกจะไปไหนหรอคะ” ฉันกำลังเดินลงจากบ้านเพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เห็นลุงปลูกคนงานเก่าแก่ของบ้านเดินผ่านพอดี
“พ่อกำนันให้ลุงไปยกทุเรียนในสวนน่ะครับคุณหนู” ลุงปลูกจะเรียกฉันว่าคุณหนูตั้งแต่ฉันเด็กๆ ที่บ้านฉันมีสวนผลไม้ด้วยคนงานทุกคนก็จะเรียกฉันว่าคุณหนูตามลุงปลูกกันหมด พอฉันได้ยินคำว่าทุเรียนมันก็รู้สึกอยากกินเอามากๆ “อลิชอยากกินทุเรียนจังเลยค่ะ ลุงปลูกแกะให้อลิชหน่อยได้ไหมคะ” พอฉันพูดแบบนั้นลุงปลูกก็ขมวดคิ้วมองฉันแบบแปลกใจทันที “คุณหนูจะกินทุเรียนหรอครับ” มันก็ไม่แปลกที่ฉันจะถูกถามแบบนี้ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตผลไม้ที่ฉันไม่ชอบที่สุดก็คือทุเรียน ฉันไม่ชอบกลิ่นและไม่เคยเดินเข้าไปใกล้ๆ ลูกทุเรียนเลยด้วยซ้ำ หากเห็นว่าตรงหน้ามีทุเรียนวางอยู่ฉันก็จะเดินเลี่ยง “ค่ะ อลิชรู้สึกอยากกินมากๆ ลุงปลูกเอามาให้อลิชบนบ้านด้วยนะคะ ตอนนี้เลยนะคะ” “ค…ครับคุณหนู เดี๋ยวลุงจะรีบเอามาให้ตอนนี้เลย” ฉันฉีกยิ้มหวานให้ลุงปลูกจากนั้นก็ขึ้นบ้านมาดูทีวีรอ ไม่นานเท่าไหร่ลุงปลูกก็เอาทุเรียนมาให้ ฉันหยิบจานขึ้นมาดมกลิ่นมันหอมมาก หอมแบบที่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าทุเรียนหอมขนาดนี้มาก่อน เมื่อดมกลิ่นจนพอใจแล้วฉันก็วางจานลงแล้วหยิบขึ้นมากิน เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อเดินเข้ามาในบ้านพอดี พอหยุดเดินแล้วมองฉันเหมือนตกใจที่เห็นว่าฉันกำลังนั่งกินทุเรียนอยู่ “กินไหมคะพ่อ ^_^” พอฉันถามก็เหมือนว่าพ่อได้สติเดินมานั่งลงข้างๆ กับฉัน “ลูกไม่ชอบกินทุเรียนไม่ใช่หรือไง” “อลิชอยากลองกินดูค่ะ มันก็อร่อยดี ไม่สิอร่อยมากๆ เลยต่างหาก ^_^” คำตอบของฉันเหมือนยิ่งทำให้พ่ออึ้งมากกว่าเดิมอีก “เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน วันนี้ลูกอยากกินอะไรพ่อจะได้ทำให้” “อลิชอยากกินแกงฟักทองค่ะ” “ลูกไม่ชอบกินแกงฟักทองไม่ใช่หรือไง” นั่นสิ! ฉันไม่ชอบกินแกงฟักทองแล้วทำไมถึงรู้สึกอยากกินแบบนี้นะ วันนี้อยากกินแต่ของที่ตัวเองไม่ชอบทั้งนั้นเลย “เดี๋ยวพ่อจะทำให้กินก็แล้วกัน” พ่อเห็นว่าฉันเงียบจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ พูดจบก็เดินแยกตัวขึ้นห้องไปพอถึงมื้ออาหารเย็นจากที่ฉันเหม็นอาหารแน่พอวันนี้เห็นแกงฟักทองฉันก็กินข้าวหมดไปตั้งสามจานแหนะ ปกติฉันไม่ใช่คนกินข้าวเยอะ ครั้งนี้ฉันกินเยอะจนพ่อตกใจ อย่าว่าแต่พ่อตกใจเลยฉันก็ตกใจตัวเองเหมือนกันที่กินเยอะขนาดนี้น่ะ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ฉันไปทำงานแบบไปวันหยุดสองวันเลยก็ว่าได้ เพราะมันเพลียตอนเที่ยงจะกินอะไรก็ไม่ได้อ้วกออกมาหมด ที่ผ่านมาฉันต้องอ้อนให้พ่อทำแกงฟักทองให้กินทุกวันถึงจะกินข้าวได้ อาหารอย่างอื่นแทบแตะไม่ได้เลย โชคดีที่พี่เอ็มเข้าใจ ฉันหยุดงานบ่อยก็ไม่ถูกบ่นแถมพี่เอ็มยังอาสาจะพาฉันไปหาหมออีกต่างหาก แต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้ว เดี๋ยวก็คงหายฉันคิดแบบนั้น แต่เปล่าเลยยิ่งเวลาผ่านไปร่างกายของฉันมันก็เริ่มรู้สึกไม่ปกติ ฉันเพลียและง่วงนอนแทบจะตลอดเวลา วันนี้ฉันพักอยู่บ้านเพราะอ้วกแทบทั้งคืนไม่ได้นอนและไปทำงานไม่ไหว ส่วนพ่อก็ออกไปธุระข้างนอกเหมือนเคย ปกติพ่อไม่เคยอยู่บ้านหรอก ทำงานทุก ว่างๆ ไม่มีอะไรทำฉันก็เลยโทรไปเล่นกับแพร ( ว่าไงแก คิดถึงฉันล่ะสิ ) แพรถามฉัน ( ใช่นะสิ เหงามากเลย ) ( แล้วนี่แกไม่ไปทำงานหรือไงถึงโทรมาได้ ) ( ไม่ได้ไป ช่วงนี้ฉันขาดงานบ่อยมาก ) ( ทำไมล่ะ แกป่วยหรอ ) ( ก็ประมาณนั้น ช่วงนี้ฉันกินอะไรไม่ค่อยได้ กินก็อ้วกออกมาหมด เหม็นอาหาร แต่แปลกฉันไม่ชอบกินทุเรียน ไม่ชอบกินแกงฟังทอง แต่ตอนนี้ทุเรียนกับแกงฟักทองกลายเป็นของโปรดฉันไปแล้ว ) ( แล้วนี่แกไปหาหมอหรือยังอลิช ) ( ยังเลยแก ) ( รีบๆ ไปหาเลยนะ เป็นอะไรจะได้รีบรักษา ) ( ฉันว่าจะไปพรุ่งนี้ ) ( นี่ถ้าแกมีแฟนฉันคงคิดว่าแกท้องไปแล้วนะเนี่ย ) คำพูดของแพรทำให้ฉันสะตั้นไปชั่วขณะ ทะ ท้องอย่างนั้นหรอ เหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มผุดเข้ามาในหัวของฉัน และฉันก็จำไม่ได้ว่าคุณคานส์เขาได้ป้องกันหรือเปล่า ถ้าจะให้ถามเขาก็คงจะไม่ได้อีก ( คะ คนท้องอาการแบบนี้หรือไง ) ฉันถามแพร ( ฉันดูในละครก็เป็นแบบแกเลยนะ คลื่นไส้เหม็นอาหาร ประจำเดือนไม่มา แต่ดีหน่อยที่แกยังโสดและซิงสบายใจได้ แกไม่ท้องหรอก ) ประจำเดือนไม่มาอย่างนั้นหรอ… ( แค่นี้ก่อนนะแพร ) ฉันกดวางสายแล้วรีบไปเปิดดูผ้าอนามัยในลิ้นชัก และก็ต้องตกใจเมื่อผ้าอนามัยไม่มีรอยแกะเลย นั่นหมายความว่าฉันไม่เป็นประจำเดือนเดือนที่แล้ว และเดือนนี้ก็ยังไม่มา ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นแรงเอามากๆ ฉันกดโทรศัพท์พิมพ์เข้าดูเกิ้ลว่าอาการของคนท้องเป็นอย่างไรด้วยมือที่สั่นเทา และพอได้อ่านกระทู้หลายๆ กระทู้ฉันก็เริ่มคิดไม่ตก มีกระทู้หนึ่งแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล หรือ ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเอง ฉันกดปิดจอโทรศัพท์แล้วหยิบกุญแจรถขับออกมาจากบ้านทันที ฉันไม่ลังเลที่จะหาซื้อที่ตรวจครรภ์มาลองตรวจดู เพราะไม่อยากอยู่แบบค้างคาใจ แต่ต้องเลือกร้านที่อยู่ไกลบ้านพอสมควรเพราะพ่อเป็นกำนันคนหลายตำบลรู้จัก หากฉันซื้อที่ตรวจครรภ์ใกล้ๆ บ้านเรื่องนี้อาจจะถึงหูพ่อหลังจากหาซื้อที่ตรวจได้แล้วฉันก็รีบขับรถกลับมาที่บ้าน รีบเข้ามาในห้องนั่งลงที่เตียงอ่านรายละเอียดที่กล่อง
ฉันซื้อที่ตรวจมาสามกล่องนะ เพราะกลัวว่าผลตรวจจะผิดเพี้ยน เมื่ออ่านคำแนะนำที่กล่องเข้าใจแล้วก็เข้าห้องน้ำไปจัดการฉี่ใส่ถาดรองเล็กๆ ที่แถมมาให้กับกล่อง เสร็จแล้วก็เอาที่ตรวจครรภ์จุ่มลง ฉันถือที่ตรวจทั้งสามอันออกมาจากห้องน้ำ กลับมานั่งที่เตียงเหมือนเดิม จากนั้นก็ค่อยๆ ยกที่ตรวจทั้งสามอันขึ้นมามองว่าขึ้นกี่ขีด “สะ สองขีดงั้นหรอ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นที่ตรวจในมือทั้งสามอันขึ้นสองขีดทั้งหมด ก่อนจะหยิบกล่องขึ้นมาอีกครั้งแล้วดูให้แน่ใจว่าขึ้นสองขีดแปลว่าอะไร และฉันก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อขึ้นสองขีดแบบนี้แปลว่า “ฉะ ฉันท้อง…”เมื่อรู้ผลว่าตัวเองท้อง ตอนนี้เหมือนกับว่าทุกสั่งรอบๆ ตัวของฉันมันหยุดนิ่ง เหมือนโลกหยุดหมุน ฉันสะตั้นไปนานพอสมควรพร้อมกับหยดน้ำตาที่มันไหลลงมาอาบแก้ม เมื่อตั้งสติได้แล้วฉันก็กลัวไปหมด กลัวว่าพ่อจะรู้ กลัวว่าพ่อจะด่า เรื่องแบบนี้พ่อต้องไม่ยินดีแน่ๆ “ทำไมฉันถึงพลาดท่าแบบนี้ได้” ฉันก้มหน้าลงเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แต่ยิ่งเช็ดน้ำตามันก็ยิ่งไหลลงมาอาบแก้ม ฉันท้องนั่นหมายความว่าท้องไม่มีพ่อ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง แต่ฉันก็ไม่สามารถไปเรียกร้องไห้เขามารับผิดชอบอะไรได้ ฉันกำที่ตรวจครรภ์ในมือแน่น มันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวว่าฉันควรจะ ‘ทำแท้ง’ “อึก~ ฉันจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง มันบาปนะ” ตอนนี้ฉันกำลังเถียงกับความคิดของตัวเอง แน่นอนว่าฉันไม่กล้าทำแท้ง ฉะ ฉันควรจะทำยังไงดี นี่มันเป็นความผิดพลาดที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ตอนนี้ฉันยังไม่กล้าบอกพ่อแน่ๆ แต่มีหนึ่งคนที่ฉันอยากจะปรึกษานั่นคือแพร ( ฮาย! ว่าไงแกฉันเพิ่งปิดร้านเสร็จนี่เอง ) ( แพร อึก ) พอได้ยินเสียงเพื่อนฉันก็เริ่มสะอื้นหนักขึ้น ทำให้แพรถามอย
ฉันพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา เพราะกลัวว่าจะถูกพ่อสงสัยหากร้องไห้จนตาบวม หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาอะไรเรียบร้อยแล้วฉันก็ออกมาข้างนอกเพื่อสูดอากาศ สมองจะได้โล่งๆ ฉันเครียดมาจะครึ่งวันแล้ว จะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้ “พ่อ กะ กลับมาแล้วหรอคะ” เดินออกมาไม่ทันไม่ต้องจัว พอเห็นพ่อขึ้นบ้านมาฉันจึบทำตัวไม่ถูก “เอ้อๆ วันนี้งานเสร็จเร็ว” พ่อเดินมานั่งที่โซฟา ฉันจึงรีบไปเอาน้ำมาให้ “แล้วนี่อลันมันจะกลับมาบ้านเมื่อไหร่ ไอ้ลูกคนนี้พ่อโทรไปก็ไม่ยอมรับสาย” “คงปิดเทอมนั่นแหละพ่อ”“ให้มันได้แบบนี้สิ ไม่คิดถึงพ่อกับพี่สาวบ้างเลยหรือไง” ฉันเอาแก้วน้ำวางไว้ให้พ่อ จากนั้นก็นั่งลง ใจมันเต้นรัวๆ เมื่อคิดว่าจะถามเรื่องท้อง แค่เห็นหน้าพ่อปากฉันมันก็ไม่กล้าขยับแล้ว “แล้วนี่หายป่วยหรือยัง พ่อบอกจะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป” “หะ หายแล้วค่ะ” “หายแล้วรึ แต่หน้าลูกยังซีดอยู่เลยนะ” พ่อมองหน้าฉันอย่างเป็นห่วง “เดี๋ยวพ่อโทรให้หมอมาตรวจที่บ้านดีไหมถ้าลูกไม่อยากนั่งรถไป” “พ่อคะ หนูโอเคแล้วค่ะสบายมาก ^_^” “ได้ยินแบบนี้พ่อก็ค่อยหายหวงขึ้นมาหน่อย” “พะ พ่อคะ คือว่า อลิชอยากจะถามอะไรพ่อสักอย่าง”“ว่ามาสิ ถามอ
พ่อโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ทำให้ฉันที่กำลังกอดขาพ่อไว้อยู่รู้สึกกลัวจนตัวสั่น “พ่อถามทำไมถึงไม่ยอมตอบ!!” พ่อผลักฉันออก ดีที่แพรมาประคองไว้ “ลูกไม่มีแฟน ทำไมถึงท้องได้หรือมีแฟนแล้วไม่ยอมบอกพ่อ” “อึก อลิช อึก~ ไม่มีแฟนค่ะ” “ไม่มีแฟนแล้วลูกจะท้องได้ยังไง !!” พ่อตวาดถามเสียงดัง “อย่าบอกนะว่าท้องไม่มีพ่อ” “อลิชขอโทษ อึก~” “อลิชทำไมแกไม่พูดความจริง แกยอมรับแบบนี้ได้ยังไง” แพรถามเพราะฉันไม่ค้านอะไรทั้งนั้นเรื่องที่พ่อถามว่าฉันท้องไม่มีพ่อ “เห็นแต่ลูกคนอื่นไม่เคยคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้กับลูกตัวเอง ทำแบบนี้แล้วพ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” “อึก~” ฉันก้มหน้าสะอื้นออกมาจนสุดเสียง เกร็งไปหมดทั้งตัว “บอกพ่อมาว่าได้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร พ่อจะไปลากตัวมันมารับผิดชอบ พ่อไม่ยอมให้ลูกท้องไม่มีพ่อแบบนี้แน่ๆ!!”“…….” ฉันไม่ยอมบอกว่าผู้ชายที่เป็นพ่อของเด็กในท้องคือ ‘คุณคานส์’“อลิช!! บอกพ่อมาลูกจะปกป้องมันทำไม อยากอายชาวบ้านเขาหรือไง”“พะ พ่อคะ เด็กคนนี้อลิชจะเลี้ยงเขาเอง อึก~” “ไม่มีทาง! ใครที่มันทำกับลูกสาวกำนันเพิ่มแบบนี้ มันจะต้องรับผิดชอบ” พ่อประกาศกร้าว ท่าทางไม่ยอมลดละง่ายๆ แน่ “พ่อ อึก~” “อยากท
“ฉันขอโทษนะอลิชที่พูดไปแบบนั้น ถ้าฉันไม่พูดพ่อแกก็จะยิ่งโมโหมากกว่านี้แน่ๆ”“อึก ~ แกไม่ควรบอกแบบนั้นแพร ไม่ควรพูด” ฉันตำหนิเพื่อน ถึงจะรู้ว่าแพรทำไปเพราะเป็นห่วง แต่ฉันก็ไม่อยากให้พ่อรู้อยู่ดีกว่าคุณคานส์คือพ่อของเด็กในท้อง “เขาทำ เขาก็ต้องรับผิดชอบนะอลิช”“อึก~” “ฉันพูดไปแล้ว พ่อแกรู้แล้ว นี่คือความจริง ฉันอาจจะยุ่งวุ่นวายมากไป แต่ที่ฉันทำก็เพราะกลัวว่าพ่อแกจะทำอะไรแกไปมากกว่านี้นะ” “แต่ฉันไม่ได้อยากให้เขามารับผิดชอบ อึก~” “แกเป็นห่วงตัวเองบ้างไหมอลิช เฮ้อ” แพรตอบฉันนานหลายชั่วโมง ที่ฉันร้องไห้เพราะมันเสียใจ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง รู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเข้าใจฉันเลยว่าฉันไม่ต้องการให้คุณคานส์มารับผิดชอบ เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันไม่อยากให้พ่อรู้ที่อยู่ของคุณคานส์ ไม่อยากให้พ่อไปที่นั่น ฉันควรจะทำยังไงดี เช้าวันต่อมา… เสียงเคาะห้องดังสนั่นขึ้นตามด้วยเสียงพ่อที่ตะโกนเรียกฉัน ฉันที่เพิ่งลุกขึ้นมาอ้วกในห้องน้ำเสร็จก็ต้องรีบมาเปิดประตูให้พ่อ “พะ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ไปแต่งตัว”“ปะ ไปไหนคะ”“ไม่ต้องถามมาก พ่อบอ
สิ้นสุดคำพูดของพ่อคุณคานส์ก็มองหน้าฉัน คิ้วของเขาขมวดชนกันยุ่งเหยิง จากสายตาที่เขามองอยู่เหมือนไม่จำเรื่องคืนนั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คุณคานส์สั่งให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายตัวเองขึ้นไปบนห้อง แน่นอนว่าทั้งคู่ต้องมีปัญหากันแน่ๆ เพราะพ่อประกาศลั่นไปแบบนั้น แต่ที่น่าแปลกใจคือเธอไม่โวยวายอะไร แถมยังยอมขึ้นห้องตามคำสั่งของคุณคานส์อย่างว่าง่ายหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปแล้ว คุณคานส์ก็บอกให้ฉันกับพ่อตามเขามาที่ห้องรับแขก “หยุดร้องซะ!!” พ่อหันมาตวาดฉันด้วยน้ำเสียงดุดัน ฉันจึงพยายามฮึบเสียงสะอื้นไว้แล้วยกมือปาดน้ำตาแบบลวกๆ อีกทั้งยังเดินกอดแขนพ่อไปตลอดทาง เพราะกลัวว่าพ่อจะยิงคุณคานส์เข้า #ภายในห้องรับแขก “เชิญนั่งครับ” คุณคานส์ผายมือให้ฉันกับพ่อนั่งลงตรงข้ามกับเขา พ่อกับฉันยอมนั่งลงแต่โดยดี “จะเอายังไงว่ามา!!” เมื่อนั่งลงแล้วพ่อก็ถามกับคุณคานส์เสียงเข้มทันที “ผมไม่เคยพลาดทำผู้หญิงคนไหนท้อง” นี่คือคำตอบของคุณคานส์ น้ำเสียงและสายตาของเขาที่กำลังมองมา มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันเต้นรัวไม่เป็นท่า“พูดแบบนี้แกจะไม่รับผิดชอบลูกสาวฉันใช่ไหม!!” พ่อยกปืนขึ้นมาชี้ไปยังคุณคานส์ ทำให้ลู
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นใจตอบ “ใช่! เป็นฉันเอง” หากว่าเขาไม่ดูถูก ฉันก็คงไม่พูดออกไปหมดเปลือกแบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะจำฉันไม่ได้ เพราะเมื่อเดือนก่อนตอนที่เจอเขาที่บริษัทยังทำเหมือนคุ้นๆ กับฉันอยู่เลย หากรู้ว่าจะลืมง่ายขนาดนี้ฉันคงไม่ต้องลาออกจากงาน “แกจะเอายังไง ลูกสาวฉันท้อง ถึงจะเป็นความผิดพลาดยังไงก็ต้องรับผิดชอบ!!” พ่อประกาศลั่นอีกครั้ง “ตอนนี้ผมยุ่งกับงานที่บริษัท…” “พูดแบบนี้แปลว่าแกจะไม่รับผิดชอบใช่ไหม” พ่อลุกขึ้นพรวดจ้องหน้าคุณคานส์อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อเห็นว่าพ่อลุกขึ้นฉันก็รีบจับแขนพ่อไว้เพราะกลัวว่าพ่อจะไปทำอะไรเขา ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณคานส์แต่เป็นห่วงพ่อ นี่มันบ้านของเขาหากพ่อทำอะไรไป เขาคงไม่เอาพ่อไว้แน่ๆ ดูจากที่บ้านมีลูกน้องมากมายก็พอจะเดาได้ว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากขนาดไหน สายตาของคุณคานส์ไม่ได้มองพ่อ เขากลับเอาแต่มองหน้าฉัน สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้ฉันต้องก้มหน้าลง เพราะไม่อยากถูกจ้องมอง “ผมยังไม่ได้พูดว่าจะไม่รับผิดชอบ อีกสองวันธุระที่บริษัทจะเสร็จ ผมจะไปเคลียร์เรื่องนี้ที่บ้านของคุณ” “พูดแบบนี้แปลว่าแกจะชิ่ง!!” พ่อยังคงไม่เชื่อคำพูดของผู้ช
ฝากติดตามนิยายเรื่อง เลขายั่วรัก Nc20+ หน่อยนะคะ เรื่องนี้เป็นงานรีไรท์ ใครสายเก็บอีบุ๊คห้ามพลาดเลยค่ะ มีอีบุ๊คแน่นอน อ่านบทแนะนำเรื่องกันไปก่อนเน้อ ถ้าชอบฝากคอมเมนท์และกดถูกใจด้วยนะคะ ฉันเดินมานั่งลงข้างๆ กับพ่อ แล้วก็ต้องหลบสายตาของคุณคานส์ เพราะเขานั้นเอาแต่มองหน้าฉัน “สรุปพร้อมที่จะรับผิดชอบลูกสาวฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้รีบไปหาฤกษ์แต่งงาน” พ่อพูดถึงการแต่งงานเหมือนเร่งรีบ ทำให้ฉันที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้าง แค่คำว่ารับผิดชอบฉันก็ไม่อยากได้ยินแล้ว นี่ถึงขั้นแต่งงานเลยงั้นหรอ เมื่อฉันมองไปที่คุณคานส์เขากลับนั่งทำหน้านิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่สิ! เขามันคนมีแค่หน้าเดียวอยู่แล้ว ฉันไม่เคยเห็นเขาแสดงความรู้สึกอะไรบนใบหน้านอกจากความเย็นชา “พะ พ่อคะ ไม่ต้องถึงขั้น…” “พ่อไม่ยอมให้ลูกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆ” พ่อหันมาบอกเสียงดุ พ่อเอาแต่คิดว่าฉันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน แต่ไม่เคยถามเลยว่าฉันต้องการจะแต่งงานหรือเปล่า การแต่งงานที่เกิดจากความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากความรัก มันจะไปกันรอดได้ยังไง…“ก่อนที่จะพูดเรื่องแต่งงาน มาฟังข้อเสนอของผมก่อนดีกว่าไหมครับ ?” คุณคานส์พูดขึ้นมาเสียงเย็น “ข้อเสนออ
“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ” “ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ”“ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!”“…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว”ฉันคิ