#บ้าน
กว่าจะมาถึงบ้านก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง พอมาถึงพ่อก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นบอกให้ฉันเข้าห้องนอนซะ เพราะตอนนี้มันก็ตีสามแล้ว พอเข้ามาใรห้องก็เห็นแพรนอนหลับอยู่ ฉันไม่ได้ปลุกเธอขึ้นมาเล่าเหตุการณ์ในวันนนี้ เพราะนี่คือเวลานอน และตอนนี้ฉันเองก็ง่วงมากๆเช้าวันต่อมา ฉันที่คิดว่าจะตื่นสายเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอน แต่ความเป็นจริงนั้นฉันตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพราะรู้สึกคลื่นไส้ และหลังจากอ้วกเสร็จมันก็นอนต่อก็ไม่ได้ มันรู้สึกอยากอ้วกตลอดเวลา จนทำให้แพรตื่น
“แพ้หนักเลยหรอแก” แพรถามฉันที่เดินออกมาจากห้องน้ำเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ “อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบเหมือนคนหมดแรงแล้วนั่งลงที่เตียง “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” “ประมาณตีสามน่ะ” “พ่อแกพาไปไหนทำไมถึงนานขนาดนั้น” “…ไปบ้านคุณคานส์” “ห๊ะ!! ทะ ทำไมพ่อแกรู้ที่อยู่เขาเร็วขนาดนั้น” ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ส่ายหน้า “แล้วเขาว่ายังไงแก” แพรรีบถามต่อด้วยความอยากรู้ “เขาจำฉันไม่ได้” พอบอกไปแบบนั้นแพรก็สะตั้นไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด “เกินไปไหม ถึงขนาดจำไม่ได้เชียวหรอ คงจะผ่านผู้หญิงมาเยอะล่ะสิ” “ฉันก็เลยพูดเหตุการณ์ในคืนนั้น เขาถึงจำได้” แพรถอนหายใจออกมาเบาๆ “อย่างน้อยก็ดีที่จำได้ นึกว่าจำไม่ได้แล้วจะไม่ยอมรับผิดชอบอะไร” “…….” “แล้วเขาว่ายังไง รับผิดชอบใช่ไหม” ฉันส่ายหน้าไปมา “ไม่รู้เหมือนกัน เขาบอกว่าอีกสองวันจะมาที่บ้านของฉัน” “แล้วเขารู้จักบ้านแกด้วยหรอ” “คงไม่ยากสำหรับเขาหรอก” “ฉันก็อยากจะอยู่กับแกต่อนะ แต่ต้องกลับวันนี้แล้ว” “อื้อ แค่แกมาหาฉันก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะแพร ^_^” ฉันกับแพรคุยกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะอาบน้ำแล้วออกมากินข้าว แต่ก็ไม่เห็นว่าพ่ออยู่บ้าน “ลุงปลูกคะ พ่อไปไหนหรอคะ” “ไปธุระคงกลับเย็นๆ นู้นแหละครับคุณหนู” “อ๋อค่ะ” “แกนั่งรอก่อน เดี๋ยวฉันไปหาข้าวมาให้กิน” ฉันบอกแพร แต่แพรกลับเป็นฝ่ายดึงให้ฉันนั่ง “แกท้องอยู่ ฉันหาให้แกกินดีกว่า” ได้ยินคำว่าท้องอยู่มันรู้สึกหดหู่ยังไงก็ไม่รู้ เฮ้อ… นั่งรอไม่นานแพรก็ยกอาหารมาให้ ที่บ้านฉันมักจะทำพวกน้ำพริกผักกินซะส่วนใหญ่ ฉันมองชามที่แพรยกมาเสริฟเห็นว่าเป็นแกงฟักทองน้ำตามันก็จะไหลออกมาให้ได้ ฉันรู้ว่าพ่อยังโกรธ และโกรธมากๆ แต่พ่อก็ยังทำแกงฟังทองให้ฉันกินเพราะรู้ว่าฉันเหม็นอาหารทุกอย่าง กินได้แค่แกงฟักทองอย่างเดียวหลังจากที่กินข้าวเสร็จฉันก็เดินมาส่งแพรที่รถ บอกลากันครู่หนึ่งแพรก็ขับรถออกไปจากบ้าน ส่วนฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรจึงเข้าห้องนอน
ฉันคิดว่าคงต้องโทรไปหาพี่เอ็มว่าขอลาออก อาการแพ้ท้องหนักมากขนาดนี้ฉันคงทำงานไม่ได้แน่ๆ แต่ที่ยังไม่ได้โทรไปก็เพราะว่าคิดไม่ออกว่าจะอ้างกับพี่เอ็มยังไงดี เรื่องที่จะลาออกจากงานสองวันผ่านไป…
วันนี้ฉันค่อนข้างที่จะไม่มีสมาธิ จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะคุณคานส์บอกว่าจะมาที่บ้านฉันในอีกสองวันซึ่งนี่มันก็ครบกำหนดแล้ว ฉันไม่อยากให้เขามา ไม่อยากให้เขารับผิดชอบ ได้แต่ภาวนาขอให้เขาผิดคำพูด ดูจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้อยากจะรับผิดชอบรักหรอก หากพ่อไม่ขู่เขาก็ไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ก๊อกๆ เสียงเคาะห้องดังขึ้นทำให้ฉันที่นั่งเหมอลอยอยู่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้อง เห็นว่าเป็นลุงปลูกที่เป็นคนมาเคาะ “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “พ่อกำนันเรียกให้ไปพบครับคุณหนู” “…ค่ะ” ตึกตัก! ตึกตัก! จู่ๆ หัวใจดวงน้อยของฉันมันก็เต้นแรง ฉันยืนขาแข็งอยู่ที่หน้าประตูห้องพักใหญ่ จึงเรียกสติของตัวเองให้กลับมาแล้วเดินออกจากห้องไปหาพ่อ ทันทีที่เดินมาถึงขาของฉันมันก็ต้องหยุดชะงักกะทันหันเพราะสายตามองเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับพ่อ คุณคานส์… เป็นเขาจริงๆ เขามาที่บ้านของฉันตามคำพูดที่เคยพูดไว้ แบบนี้แปลว่าจะรับผิดชอบอย่างนั้นหรอ มะ ไม่นะ ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้นฝากติดตามนิยายเรื่อง เลขายั่วรัก Nc20+ หน่อยนะคะ เรื่องนี้เป็นงานรีไรท์ ใครสายเก็บอีบุ๊คห้ามพลาดเลยค่ะ มีอีบุ๊คแน่นอน อ่านบทแนะนำเรื่องกันไปก่อนเน้อ ถ้าชอบฝากคอมเมนท์และกดถูกใจด้วยนะคะ ฉันเดินมานั่งลงข้างๆ กับพ่อ แล้วก็ต้องหลบสายตาของคุณคานส์ เพราะเขานั้นเอาแต่มองหน้าฉัน “สรุปพร้อมที่จะรับผิดชอบลูกสาวฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้รีบไปหาฤกษ์แต่งงาน” พ่อพูดถึงการแต่งงานเหมือนเร่งรีบ ทำให้ฉันที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้าง แค่คำว่ารับผิดชอบฉันก็ไม่อยากได้ยินแล้ว นี่ถึงขั้นแต่งงานเลยงั้นหรอ เมื่อฉันมองไปที่คุณคานส์เขากลับนั่งทำหน้านิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่สิ! เขามันคนมีแค่หน้าเดียวอยู่แล้ว ฉันไม่เคยเห็นเขาแสดงความรู้สึกอะไรบนใบหน้านอกจากความเย็นชา “พะ พ่อคะ ไม่ต้องถึงขั้น…” “พ่อไม่ยอมให้ลูกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆ” พ่อหันมาบอกเสียงดุ พ่อเอาแต่คิดว่าฉันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน แต่ไม่เคยถามเลยว่าฉันต้องการจะแต่งงานหรือเปล่า การแต่งงานที่เกิดจากความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากความรัก มันจะไปกันรอดได้ยังไง…“ก่อนที่จะพูดเรื่องแต่งงาน มาฟังข้อเสนอของผมก่อนดีกว่าไหมครับ ?” คุณคานส์พูดขึ้นมาเสียงเย็น “ข้อเสนออ
“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ” “ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ”“ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!”“…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว”ฉันคิ
ฉันยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่พ่อทำแบบนี้ ทำให้ฉันเป็นห่วงมากขนาดนี้ “อลิชไม่สนุกกับพ่อเลยนะคะ”“ที่ทำพ่อก็ไม่ได้คิดสนุก” พ่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพูดต่อ “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน” ฉันได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก เพราะสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันกับคุณคานส์เราต้องจดทะเบียนสมรสกันอยู่ดี “ที่พ่อทำก็เพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวพ่อเอง” “…อลิชรู้ค่ะ” ฉันก้มหน้าลงสำนึกผิดอีกครั้ง “พ่อโกรธที่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่พ่อจะโกรธมากกว่าถ้าได้หนุ่มนั่นมันไม่กล้ายอมรับแบบลูกผู้ชาย” “……” “ถ้าพ่อไม่แกล้งทำเป็นโรคหัวใจกำเริบ ก็คงจะได้หัวใจกำเริบจริงๆ เพราะลูกจะไม่ยอมพูดอะไรเลย” “……”พ่อเดินจากไป ฉันทำได้แค่ลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง จู่ๆ มันก็รู้สึกเหนื่อยเอามากๆ ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่สมองมันก็หยุดคิดไม่ได้ พรุ่งนี้จะมีการจดทะเบียนของฉันกับคุณคานส์เกิดขึ้นจริงๆ น่ะหรอ….“อึก อึก อ้วก~” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปอ้วกในท้องน้ำ แค่อ้วกมันก็ทำให้ฉันหมดแรงเอามากๆ ฉันพยุงตังเองออกมาจากห้องน้ำแล้
ฉันไม่ได้ตอบตกลงเรื่องที่คุณคานส์บอกจะให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา และเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เมื่อมาถึงบ้านแทนที่คุณคานส์จะกลับไปกรุงเทพ แต่เขากลับเดินตามฉันเข้ามาภายในบ้าน “นะ ไหนบอกว่ามีธุระไงคะ” ฉันทวงถาม ก่อนหน้านี้เขาทำท่าหงุดหงิดที่ฉันชักช้าเพราะมีงานต้องไปทำไปจัดการไม่ใช่หรือไง “ฉันพูดไปเธอลืมแล้ว ?”“เรื่องอะไรหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมถามกลับอย่างงุนงง เมื่อถูกถามกลับคุณคานส์ก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แบบไม่ค่อยสบอารมณ์ “ไปเก็บเสื้อผ้า” “อะ อลิชไม่ไปอยู่กับคุณหรอกนะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เข้าใจแล้วว่าเขาพูดเรื่องอะไร “ทำเหมือนฉันจะเอาเธอไปฆ่า” “อลิชไม่ไป อะ อลิชจะอยู่กับพ่อ” “ได้! ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอพ่อเธอกลับมา”“ระ รอทำไมคะ พ่อไม่ให้อลิชไปอยู่กับคุณแน่ๆ” “ก็รอดู”สีหน้าของเขาทำให้ฉันกลัว ไหนไม่อยากรับผิดชอบตั้งแต่แรกแล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเขาทำไม ฉันตัดสินใจเดินหนีเขามาที่ห้อง แต่ก็ต้องเดินหยุดแล้วหมุนตัวหันมองทางด้านหลังของตัวเองเมื่อเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมา “ตะ ตามอลิชมาทำไมคะ” คุณคานส์เงียบ แถมยังเดินผ่านหน้าฉันไปที่ห้องนอน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของฉัน ทำให้ต้องรีบเ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพามาที่บ้าน แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะเธอจะรู้สึกยังไง หรือว่าเขาจะคุยกับเธอแล้วเรื่องฉัน เธอรับได้อย่างนั้นหรอ “เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้อง” คุณคานส์สั่งลูกน้องของเขา ฉันมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงเลย เห็นแต่ผู้ชายทั้งนั้น ละ แล้วผู้หญิงที่ฉันเจอวันนั้นเธออยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า…“ห้องของเธออยู่ชั้นบน เดี๋ยวฉันจะให้คนพาไป” “ผะ ผู้หญิงคนนั้นล่ะคะ เธออยู่ด้วยหรือเปล่า เธอจะเข้าใจผิดไหมคะ แล้วคุณคานส์พูดกับเธอเรื่องอลิชหรือยัง ให้อลิชช่วยพูดอีกแรงไหมคะ” ฉันถามออกไปยาวเหยียดแต่ดูเหมือนว่าคำถามของฉันมันจะทำให้เขางุนงง “เธอหมายถึงใคร ?”“ก็ผู้หญิง…”“เฮียคะ” เสียงหวานของผู้หญิงดังขึ้นมา ทำให้ฉันและคุณคานส์หันมอง เจ้าของเสียงหวานคือผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันหมายถึง เธออยู่ที่นี่กับคุณคานส์ ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่เธอดูไม่ได้เดือดร้อนหรือมีท่าทางไม่ชอบฉันเลย หรือว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่อง “จะไปไหน ?” คุณคานส์ยกมือขึ้นมาวางบนศรีษะของเธอคนนั้นแล้วลูบไปมาเบาๆ เขาดูอบอุ่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต่า
บนโต๊ะอาหาร ในตอนนี้มีแค่ฉันกับคุณคานส์ที่นั่งอยู่สองคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาจะกินข้าวพร้อมกับฉัน ทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “ที่บ้านของฉันมีแต่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรเธอควรระวังตัว” “…ค่ะ” คุณคานส์บอกเหมือนว่าฉันจะไปทำอะไรที่มันไม่ดีอย่างนั้นแหละ “ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้โทรศัพท์บ้านในห้องกดโทรสั่ง จะมีเบอร์วางไว้อยู่ข้างๆ มีคนคอยรับสายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”“…ค่ะ” “ฉันไม่ชอบคนที่สอดรู้สอดเห็นสักเท่าไหร่ เธอคงไม่ใช่คนแบบนั้น ?” “…ค่ะ” “พูดเป็นแค่คำเดียว ?” คิ้วหนาของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันเอาแต่ตอบเขาอยู่คำเดียว ก็ฉันไม่รู้หนิว่าต้องพูดอะไร ถึงปากจะบอกให้เราอยู่กันแบบเพื่อนแบบพี่น้อง แต่เขาวางมาดขนาดนี้ฉันเองก็เกร็งนะ “…ค่ะ” ฉันตัดสินใจตอบคำเดิมอีกครั้ง ทำให้คนที่ได้ฟังอย่างคุณคานส์ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยังไม่ทันที่คุณคานส์จะได้พูดอะไรต่ออาหารก็มาเสริฟ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย แต่แปลกจังฉันไม่ได้รู้สึกแพ้กลิ่นอาหารบนโต๊ะเลย มันรู้สึกหิวมากๆ อีกต่างหาก “ขอบคุณค่ะ ^_^” ฉันเงยหน้าขอบคุณพ่อครัวผู้ชายที่มาตักข้าวให้พร้อมกับยิ้มให้เขา แล้วดูเหมือนว่าเขาก็จะเสียอา
“คุยกับหัวหน้าที่ทำงานค่ะ” “หัวหน้า ?” หัวคิ้วของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันบอกแบบนั้น “คะ คืออลิชออกจากงานโดยไม่ได้บอกเขาก่อน เขาก็เลยโทรมาถามค่ะ” พอบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็เงียบ แต่เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่ “แล้วทำไมเธอถึงลาออกจากบริษัทของฉัน ?” เฮือก!! เขาถามแบบนี้ก็แปลว่ารู้แล้วว่าฉันเคยทำงานที่บริษัทของเขาแล้วแล้วเหตุผลล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รู้ มันคิดได้ไม่ยากเลยนะ “เหตุผลที่อลิชลาออกคุณคานส์น่าจะรู้ดีนะคะ เพราะหลังจากคืนนั้นที่มีอะไรกันอลิชก็ลาออก” พูดจบฉันก็เป็นฝ่ายเดินเลี่ยงเข้ามาในบ้าน โดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ เราต่างคนต่างแยกกันเข้าห้องนอนของตัวเอง มันรู้สึกโล่งใจที่ไม่ถูกซักถามอะไรมากกว่านี้ ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องนอนนานหลายชั่วโมง เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเพลียและคลื่นไส้ แถมยังอ้วกออกมาจนหมดแรง ลูกของฉันเล่นงานหนักเลยตอนนี้ อุตส่าห์คิดว่าวันนี้เขาจะไม่ดื้อแล้วแท้ๆ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฉันที่กำลังนอนอยู่จึงค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นไปเปิดประตู “คุณคานส์” ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรคุณคานส์ก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง “ทำไมถึงไม่ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิวค่ะ” “เธอท้องอยู่ จะ
คุณคานส์ขยับใบหน้าเลื่อนมากระซิบบอกข้างๆ กับใบหู “ผัวเมียเวลาอยู่บนเตียงต้องทำอะไรกัน คงไม่ต้องให้ฉันบอก” “อะ อลิชไม่รู้นี่คะ” พอตอบแบบนั้นคุณคานส์เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะหยัดตัวขึ้นแล้วจ้องหน้าฉันเขม็ง เขาลุกขึ้นไปยืนบนปลายเตียงแล้วถอดเสื้อออก ขะ เขาถอดเสื้อทำไม พอถอดเสื้อเสร็จก็เลื่อนมือลงมาปลดเข็มขัดกางเกง จากนั้นก็ออกคำสั่งเสียงดุ“แก้ผ้า แล้วอ้าขาออก” “มะ ไม่” ฉันส่ายหน้ารัวๆ แล้วหนีบขาไว้แน่น เพราะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไรในตอนนี้ “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะให้เธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยไม่ทำอะไรเลย ?”“อลิชท้องอยู่นะคะ ระ เรื่องแบบนั้นทำไม่ได้” ฉันยกเรื่องลูกขึ้นมา มันไม่ใช่ข้ออ้างแต่อยากให้คุณคานส์เขาคิดถึงลูกก่อน“ฉันไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงลูกแน่ แก้ผ้าซะ!!” “มะ ไม่ค่ะ ทำไม่ได้” “จะกลัวทำไม คืนนั้นฉันทำกับเธอไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ไม่เห็นเธอจะบ่น” “……” หะ ห้ารอบเลยหรอ ฉันไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรแบบนั้น “เรื่องคืนนั้นอลิชจำไม่ได้สักหน่อย” “ก็นี่ไง ฉันกำลังจะทบทวนความจำให้เธอ” ฉันหันมองที่ประตูแล้วหันกลับมามองคุณคานส์ที่กำลังปลดเข็มขัด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ทว่ายังไม่ทันท