ฉันเดินมานั่งลงข้างๆ กับพ่อ แล้วก็ต้องหลบสายตาของคุณคานส์ เพราะเขานั้นเอาแต่มองหน้าฉัน
“สรุปพร้อมที่จะรับผิดชอบลูกสาวฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้รีบไปหาฤกษ์แต่งงาน”
พ่อพูดถึงการแต่งงานเหมือนเร่งรีบ ทำให้ฉันที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้าง แค่คำว่ารับผิดชอบฉันก็ไม่อยากได้ยินแล้ว นี่ถึงขั้นแต่งงานเลยงั้นหรอ
เมื่อฉันมองไปที่คุณคานส์เขากลับนั่งทำหน้านิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่สิ! เขามันคนมีแค่หน้าเดียวอยู่แล้ว ฉันไม่เคยเห็นเขาแสดงความรู้สึกอะไรบนใบหน้านอกจากความเย็นชา
“พะ พ่อคะ ไม่ต้องถึงขั้น…”
“พ่อไม่ยอมให้ลูกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆ” พ่อหันมาบอกเสียงดุ
พ่อเอาแต่คิดว่าฉันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน แต่ไม่เคยถามเลยว่าฉันต้องการจะแต่งงานหรือเปล่า
การแต่งงานที่เกิดจากความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากความรัก มันจะไปกันรอดได้ยังไง…
“ก่อนที่จะพูดเรื่องแต่งงาน มาฟังข้อเสนอของผมก่อนดีกว่าไหมครับ ?” คุณคานส์พูดขึ้นมาเสียงเย็น
“ข้อเสนออะไรของแก”
“ผมยินดีจ่ายเงินให้จะเอาเท่าไหร่เรียกมา แล้วผมก็จะจ่ายให้เธอทุกเดือนตลอดจนคลอด หลังจากนั้นผมต้องการตรวจดีเอ็นเอ”
“แกคิดว่าพวกฉันมันคนบ้านนอกแล้วจะเอาเงินมาล่อยังไงก็ได้หรือไง ฟังไว้นะไอ้หนุ่ม!! ต่อให้แกเอาเงินมาวางกองตรงหน้าเป็นร้อยล้านฉันก็ไม่สนใจ ฉันจะทวงความยุติธรรมให้ลูกสาว ลูกสาวของฉันต้องไม่อายใคร หลานของฉันต้องมีพ่อ!!” พ่อพูเขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว น้ำเสียงหนักแน่น
ได้ฟังแบบนั้นมันทำให้คนเจ้าน้ำตาแบบฉันจะร้องไห้ซะจริงๆ ฉันทำให้พ่อต้องมาพบกับความอับอาย ที่ผู้ชายตรงหน้าเขาคิดจะใช้เงินแก้ปัญหา
“ถ้าอยากจะตรวจดีเอ็นเอฉันยินดีให้แกตรวจ แต่ถึงยังไงงานแต่งงานก็ต้องเกิดขึ้น”
“ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้”
ปัก!! พ่อฟาดมือลงบนโต๊ะอย่างแรงพร้อมกับตวาดถามเสียงดังลั่นบ้าน
“ทำไมถึงไม่ได้!!”
“ผมไม่อยากแต่ง และผมก็ไม่ต้องการจะจดทะเบียนกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น” สายตาเย็นชาตวัดมองมายังใบหน้าของฉัน “ผมยินดีรับผิดชอบ แต่ผลดีเอ็นเอต้องออกมาว่าเด็กในท้องของเธอเป็นลูกผม”
“พ่อ อย่าบังคับเขาไปมากกว่านี้เลยนะคะ”
“ถ้ารอให้คลอด ท้องโตขึ้นมาลูกสาวฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอไปอยู่กับผมจนกว่าจะคลอด”
“มะ ไม่นะคะ ฉันไม่ไป” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอมไปอยู่กับเขาแน่ๆ
“สิ่งที่ฉันอยากได้รับประกันว่าแกจะรับผิดชอบจริงๆ คือใบทะเบียนสมรส”
“ผมว่าคุณลุงขอมากไปนะครับ”
“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ” “ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ”“ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!”“…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว”ฉันคิ
ฉันยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่พ่อทำแบบนี้ ทำให้ฉันเป็นห่วงมากขนาดนี้ “อลิชไม่สนุกกับพ่อเลยนะคะ”“ที่ทำพ่อก็ไม่ได้คิดสนุก” พ่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพูดต่อ “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน” ฉันได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก เพราะสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันกับคุณคานส์เราต้องจดทะเบียนสมรสกันอยู่ดี “ที่พ่อทำก็เพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวพ่อเอง” “…อลิชรู้ค่ะ” ฉันก้มหน้าลงสำนึกผิดอีกครั้ง “พ่อโกรธที่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่พ่อจะโกรธมากกว่าถ้าได้หนุ่มนั่นมันไม่กล้ายอมรับแบบลูกผู้ชาย” “……” “ถ้าพ่อไม่แกล้งทำเป็นโรคหัวใจกำเริบ ก็คงจะได้หัวใจกำเริบจริงๆ เพราะลูกจะไม่ยอมพูดอะไรเลย” “……”พ่อเดินจากไป ฉันทำได้แค่ลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง จู่ๆ มันก็รู้สึกเหนื่อยเอามากๆ ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่สมองมันก็หยุดคิดไม่ได้ พรุ่งนี้จะมีการจดทะเบียนของฉันกับคุณคานส์เกิดขึ้นจริงๆ น่ะหรอ….“อึก อึก อ้วก~” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปอ้วกในท้องน้ำ แค่อ้วกมันก็ทำให้ฉันหมดแรงเอามากๆ ฉันพยุงตังเองออกมาจากห้องน้ำแล้
ฉันไม่ได้ตอบตกลงเรื่องที่คุณคานส์บอกจะให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา และเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เมื่อมาถึงบ้านแทนที่คุณคานส์จะกลับไปกรุงเทพ แต่เขากลับเดินตามฉันเข้ามาภายในบ้าน “นะ ไหนบอกว่ามีธุระไงคะ” ฉันทวงถาม ก่อนหน้านี้เขาทำท่าหงุดหงิดที่ฉันชักช้าเพราะมีงานต้องไปทำไปจัดการไม่ใช่หรือไง “ฉันพูดไปเธอลืมแล้ว ?”“เรื่องอะไรหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมถามกลับอย่างงุนงง เมื่อถูกถามกลับคุณคานส์ก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แบบไม่ค่อยสบอารมณ์ “ไปเก็บเสื้อผ้า” “อะ อลิชไม่ไปอยู่กับคุณหรอกนะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เข้าใจแล้วว่าเขาพูดเรื่องอะไร “ทำเหมือนฉันจะเอาเธอไปฆ่า” “อลิชไม่ไป อะ อลิชจะอยู่กับพ่อ” “ได้! ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอพ่อเธอกลับมา”“ระ รอทำไมคะ พ่อไม่ให้อลิชไปอยู่กับคุณแน่ๆ” “ก็รอดู”สีหน้าของเขาทำให้ฉันกลัว ไหนไม่อยากรับผิดชอบตั้งแต่แรกแล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเขาทำไม ฉันตัดสินใจเดินหนีเขามาที่ห้อง แต่ก็ต้องเดินหยุดแล้วหมุนตัวหันมองทางด้านหลังของตัวเองเมื่อเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมา “ตะ ตามอลิชมาทำไมคะ” คุณคานส์เงียบ แถมยังเดินผ่านหน้าฉันไปที่ห้องนอน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของฉัน ทำให้ต้องรีบเ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพามาที่บ้าน แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะเธอจะรู้สึกยังไง หรือว่าเขาจะคุยกับเธอแล้วเรื่องฉัน เธอรับได้อย่างนั้นหรอ “เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้อง” คุณคานส์สั่งลูกน้องของเขา ฉันมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงเลย เห็นแต่ผู้ชายทั้งนั้น ละ แล้วผู้หญิงที่ฉันเจอวันนั้นเธออยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า…“ห้องของเธออยู่ชั้นบน เดี๋ยวฉันจะให้คนพาไป” “ผะ ผู้หญิงคนนั้นล่ะคะ เธออยู่ด้วยหรือเปล่า เธอจะเข้าใจผิดไหมคะ แล้วคุณคานส์พูดกับเธอเรื่องอลิชหรือยัง ให้อลิชช่วยพูดอีกแรงไหมคะ” ฉันถามออกไปยาวเหยียดแต่ดูเหมือนว่าคำถามของฉันมันจะทำให้เขางุนงง “เธอหมายถึงใคร ?”“ก็ผู้หญิง…”“เฮียคะ” เสียงหวานของผู้หญิงดังขึ้นมา ทำให้ฉันและคุณคานส์หันมอง เจ้าของเสียงหวานคือผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันหมายถึง เธออยู่ที่นี่กับคุณคานส์ ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่เธอดูไม่ได้เดือดร้อนหรือมีท่าทางไม่ชอบฉันเลย หรือว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่อง “จะไปไหน ?” คุณคานส์ยกมือขึ้นมาวางบนศรีษะของเธอคนนั้นแล้วลูบไปมาเบาๆ เขาดูอบอุ่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต่า
บนโต๊ะอาหาร ในตอนนี้มีแค่ฉันกับคุณคานส์ที่นั่งอยู่สองคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาจะกินข้าวพร้อมกับฉัน ทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “ที่บ้านของฉันมีแต่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรเธอควรระวังตัว” “…ค่ะ” คุณคานส์บอกเหมือนว่าฉันจะไปทำอะไรที่มันไม่ดีอย่างนั้นแหละ “ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้โทรศัพท์บ้านในห้องกดโทรสั่ง จะมีเบอร์วางไว้อยู่ข้างๆ มีคนคอยรับสายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”“…ค่ะ” “ฉันไม่ชอบคนที่สอดรู้สอดเห็นสักเท่าไหร่ เธอคงไม่ใช่คนแบบนั้น ?” “…ค่ะ” “พูดเป็นแค่คำเดียว ?” คิ้วหนาของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันเอาแต่ตอบเขาอยู่คำเดียว ก็ฉันไม่รู้หนิว่าต้องพูดอะไร ถึงปากจะบอกให้เราอยู่กันแบบเพื่อนแบบพี่น้อง แต่เขาวางมาดขนาดนี้ฉันเองก็เกร็งนะ “…ค่ะ” ฉันตัดสินใจตอบคำเดิมอีกครั้ง ทำให้คนที่ได้ฟังอย่างคุณคานส์ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยังไม่ทันที่คุณคานส์จะได้พูดอะไรต่ออาหารก็มาเสริฟ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย แต่แปลกจังฉันไม่ได้รู้สึกแพ้กลิ่นอาหารบนโต๊ะเลย มันรู้สึกหิวมากๆ อีกต่างหาก “ขอบคุณค่ะ ^_^” ฉันเงยหน้าขอบคุณพ่อครัวผู้ชายที่มาตักข้าวให้พร้อมกับยิ้มให้เขา แล้วดูเหมือนว่าเขาก็จะเสียอา
“คุยกับหัวหน้าที่ทำงานค่ะ” “หัวหน้า ?” หัวคิ้วของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันบอกแบบนั้น “คะ คืออลิชออกจากงานโดยไม่ได้บอกเขาก่อน เขาก็เลยโทรมาถามค่ะ” พอบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็เงียบ แต่เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่ “แล้วทำไมเธอถึงลาออกจากบริษัทของฉัน ?” เฮือก!! เขาถามแบบนี้ก็แปลว่ารู้แล้วว่าฉันเคยทำงานที่บริษัทของเขาแล้วแล้วเหตุผลล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รู้ มันคิดได้ไม่ยากเลยนะ “เหตุผลที่อลิชลาออกคุณคานส์น่าจะรู้ดีนะคะ เพราะหลังจากคืนนั้นที่มีอะไรกันอลิชก็ลาออก” พูดจบฉันก็เป็นฝ่ายเดินเลี่ยงเข้ามาในบ้าน โดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ เราต่างคนต่างแยกกันเข้าห้องนอนของตัวเอง มันรู้สึกโล่งใจที่ไม่ถูกซักถามอะไรมากกว่านี้ ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องนอนนานหลายชั่วโมง เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเพลียและคลื่นไส้ แถมยังอ้วกออกมาจนหมดแรง ลูกของฉันเล่นงานหนักเลยตอนนี้ อุตส่าห์คิดว่าวันนี้เขาจะไม่ดื้อแล้วแท้ๆ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฉันที่กำลังนอนอยู่จึงค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นไปเปิดประตู “คุณคานส์” ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรคุณคานส์ก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง “ทำไมถึงไม่ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิวค่ะ” “เธอท้องอยู่ จะ
คุณคานส์ขยับใบหน้าเลื่อนมากระซิบบอกข้างๆ กับใบหู “ผัวเมียเวลาอยู่บนเตียงต้องทำอะไรกัน คงไม่ต้องให้ฉันบอก” “อะ อลิชไม่รู้นี่คะ” พอตอบแบบนั้นคุณคานส์เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะหยัดตัวขึ้นแล้วจ้องหน้าฉันเขม็ง เขาลุกขึ้นไปยืนบนปลายเตียงแล้วถอดเสื้อออก ขะ เขาถอดเสื้อทำไม พอถอดเสื้อเสร็จก็เลื่อนมือลงมาปลดเข็มขัดกางเกง จากนั้นก็ออกคำสั่งเสียงดุ“แก้ผ้า แล้วอ้าขาออก” “มะ ไม่” ฉันส่ายหน้ารัวๆ แล้วหนีบขาไว้แน่น เพราะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไรในตอนนี้ “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะให้เธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยไม่ทำอะไรเลย ?”“อลิชท้องอยู่นะคะ ระ เรื่องแบบนั้นทำไม่ได้” ฉันยกเรื่องลูกขึ้นมา มันไม่ใช่ข้ออ้างแต่อยากให้คุณคานส์เขาคิดถึงลูกก่อน“ฉันไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงลูกแน่ แก้ผ้าซะ!!” “มะ ไม่ค่ะ ทำไม่ได้” “จะกลัวทำไม คืนนั้นฉันทำกับเธอไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ไม่เห็นเธอจะบ่น” “……” หะ ห้ารอบเลยหรอ ฉันไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรแบบนั้น “เรื่องคืนนั้นอลิชจำไม่ได้สักหน่อย” “ก็นี่ไง ฉันกำลังจะทบทวนความจำให้เธอ” ฉันหันมองที่ประตูแล้วหันกลับมามองคุณคานส์ที่กำลังปลดเข็มขัด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ทว่ายังไม่ทันท
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงคุณคานส์กับฉันเราก็ต่างใส่เสื้อผ้า เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จฉันก็นอนคว่ำหน้าลงเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา ความอับอายมันเกิดขึ้นมาในใจอีกครั้ง “ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิว” “ฉันสั่ง เธอต้องลงไป” คุณคานส์ออกคำสั่งเสียงกร้าว ทำให้ฉันที่นอนคว่ำหน้าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้น ฉันลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่มองหน้าคุณคานส์ แต่เดินออกพ้นประตูห้องไปได้ไม่กี่ก้าวแขนของฉันก็ถูกกระชากอย่างแรง “เธอไม่มีสิทธิ์มาทำตัวงี่เง่ากับฉัน”“อลิชบอกว่าไม่หิว แปลว่างี่เง่าหรอคะ”“ที่เธอทำอยู่เรียกว่างี่เง่า!!” คุณคานส์ผลักฉันจนเซเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินผ่านไปเลย อะไรกันบทจะร้ายทำไมถึงร้ายได้มากขนาดนี้#ห้องอาหาร พอมาถึงก็เห็นว่ามีผู้หญิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอคือผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนรักของคุณคานส์ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นน้องสาวของเขา เธอหันมามองฉันแล้วก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ฉันจึงยิ้มตอบแล้วนั่งลง “เรื่องของเธอกับเฮีย เฮียบอกฉันหมดแล้วนะ” เมื่อฉันนั่งลงเธอก็พูดขึ้นมาทีนที ฉันได้แค่พยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ “จริงๆ ถ้าเฮียอยากจะตรวจดีเอ็นเอไม่ต้องรอคลอดก็ได้นะคะ หนูอยากเ
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห