“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ”
“ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง
ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ” “ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!” “…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว” ฉันคิดทบทวนสักพักหากพ่อยังดื้อรั้นรอคำตอบที่พอใจจากปากของคุณคานส์แบบนี้อาการต้องแย่แน่ๆ “คุณคานส์คะ อลิชขอคุยด้วยหน่อย” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับคุณคานส์ สายตาคมกริบตวัดขึ้นมามองหน้าฉัน พร้อมกับคำถาม “คุยอะไร ?” ฉันเงียบไม่ได่ตอบอะไรก่อนจะเดินเลี่ยงมาทางห้องนอนของตัวเอง ฉันไม่ได้หันมองว่าคุณคานส์จะตามมาหรือเปล่า แต่เขาคงไม่เฉยชามากขนาดนั้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังมาฉันก็รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยเขาก็ไม่นั่งเพิกเฉย ฉันเปิดประตูห้องของตัวเองแล้วเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะหันมองคุณคานส์ที่เดินตามมาติดๆ ที่ต้องมาคุยในห้องก็เพราะว่าฉันกลัว กลัวว่าคนงานที่บ้านจะบังเอิญมาได้ยินเข้า “ยะ หยุดอยู่ตรงนั้นก็ได้ค่ะ” “พาฉันเข้ามาในห้องคิดจะทำอะไร” คุณคานส์ไม่ยอมหยุดที่จะก้าวเดินมาใกล้ฉัน เขายังคงเดินมาเรื่อยๆ ส่วนฉันเองก็ถอยหนีจนในที่สุดก็จนมุม ในตอนนี้ร่างกายของคุณคานส์อยู่ใกล้ฉันเอามากๆ ด้วยความสูงของเขาที่ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซ็นติเมตร ทำให้ต้องก้มลงมามองฉันที่สูงเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตรเท่านั้น ฉันกำลังจะถอยหนีแต่ถูกโอบเอวไว้ มันเหมืินว่าฉันคิดผิดมากที่เลือกจะคุยกับเขา แถมยังเข้ามาในห้องนอนซึ่งเป็นที่ลับตาคนแบบนี้ “ปะ ปล่อยนะ” คุณคานส์โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ มันใกล้กับใบหน้าของฉันมากจริงๆ ใกล้ซะจนฉันสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจของเขา ปลายจมูกโด่งสูดดมกลิ่นจากซอกคอของฉัน จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “คืนนั้นเธอไม่ขี้กลัวแบบนี้นะ” “……” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น จากที่เคยพูดว่าจำฉันไม่ได้ แล้วในตอนนี้เขาจะมาพูดถึงเรื่องคืนนั้นทำไม “มีอะไรจะคุยกับฉัน พูดมาสิ” มือหนาช้อนปลายคางของฉันให้เงยขึ้น “เป็นอะไรไป ตัวสั่นเชียว” มันเหมือนว่าเขากำลังได้ใจที่สามารถทำให้ฉันตกเป็นรองได้ ยิ่งฉันแสดงความกลัวออกมาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งขยับหน้าเข้าใกล้ฉันมากขึ้น ฉันรวบรวมความกล้าใช้มือเล็กๆ ของตัวเองค่อยๆ ดันแผงอกแกร่งออกห่าง คุณคานส์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะผละตัวออกไปแต่โดยดี ฉันจึงลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “อลิชอยากขอร้องเรื่องจดทะเบียนสมรสค่ะ” “ฉันพูดไปแล้วว่าไม่จดจนกว่าจะได้รับผลตรวจดีเอ็นเอ” คุณคานส์พูดพร้อมกับเดินมานั่งลงบนเตียงนอนของฉันอย่างถือวิสาสะ “พ่อของอลิชเป็นโรคหัวใจ แล้วพ่อก็ไม่ยอมไปหาหมอ…” “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ?” มันเป็นคำถามที่ทำให้ฉันจุกไปทั่วอก ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าของคุณคานส์ “อลิชมีพ่อแค่คนเดียว ตอนนี้อาการของพ่อกำลังแย่ อลิชอยากให้คุณรับปากว่าจะจดทะเบียน…” นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ไม่เลยสักนิดแต่ฉันไม่มีทางเลือก ในเมื่อพ่อเอาความเป็นความตายมาประเดิมกับเรื่องนี้ “ฉันพูดไปแล้ว” คุณคานส์บอกอย่างเลือดเย็น “นะคะอลิชขอร้อง” ฉันทรุดตัวนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเขา “ถ้าคุณไม่ยอมพูดพ่อไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่ๆ” “…….” “อลิชสัญญาว่าจะไม่ผูกมัดคุณ ใบทะเบียนสมรสมันเป็นแค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุณจะมีใครอลิชจะไม่ยุ่ง ส่วนเรื่องเด็กในท้องได้ผลดีเอ็นเอเมื่อไหร่ตอนนั้นเราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้ ตอนนี้อลิชขอแค่จดทะเบียนไปก่อน ถ้าคุณอยากจะหย่าอลิชก็พร้อมเซ็นให้” “……” คุณคานส์มองหน้าฉัน ก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ โดยไม่ได้พูดอะไร “พ่อกำลังแย่….” คุณคานส์ลุกขึ้นยืน ไม่ได้รอให้ฉันพูดจบประโยค เขาเดินออกไปจากห้องทันที มันเหมือนรู้สึกโดนฉีกหน้าที่เขาไม่คิดจะช่วย ฉันจึงรีบลุกขึ้นเพื่อจะตามไปขอร้องเขาอีกครั้ง แต่ไม่ทันตอนนี้คุณคานส์กลับมาหาพ่อฉันที่อาการกำลังแย่แล้ว “พ่อไปหาหมอเถอะนะคะ” ฉันพยายามจะประคองพ่อให้ลุกขึ้น “พ่อไม่ไป!!!” พอได้ยินแบบนั้นฉันก็มองคุณคานส์ด้วยสายตาอ้อนวอนอีกครั้ง ทำให้ถูกเขามองอย่างไม่ชอบใจ “ก็ได้! ผมรับปากว่าจะจดทะเบียนกับลูกสาวของคุณลุง” คุณคานส์ประกาศบอกเสียงกร้าว มันทำให้ฉันที่ได้ยินรู้สึกใจหายและดีใจไปพร้อมๆ กัน อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น “พรุ่งนี้!!” พ่อพูดขึ้นมาต่อ คุณคานส์ละสายตาออกจากใบหน้าของพ่อแล้วมองฉัน “พรุ่งนี้เตรียมไว้ก็แล้วกัน ฉันจะมารับ” “…ค่ะ” พูดจบเขาก็เดินออกไปจากบ้านพร้อมกับลูกน้อง ฉันมองตามแผ่นหลังของคุณคานส์จนกระทั่งเขาเดินหายไปจากจุดที่สายตาจะโฟกัสได้ ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วหันมามองพ่อ “พ่อ คุณคานส์เขารับปากแล้วว่าจะจดทะเบียน ไปโรงพยาบาลเถอะนะคะ” ฉันพยายามพยุงตัวพ่ออีกครั้ง แต่พ่อก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น “ลุงปลูกคะ ช่วยพยุงพ่อเร็วๆ สิคะ” ฉันบอกลุงปลูก เพราะตอนนี้ลุงปลูกก็เอาแต่ยืนนิ่ง “เอ็งไปดูว่ามันไปหรือยัง” พ่อสั่งลุงปลูก ทำให้ลุงปลูกวิ่งไปดูที่ระเบียงบ้านแล้วตะโกนกลับมาบอกพ่อ “กลับไปแล้วครับพ่อกำนัน” สิ้นสุดเสียงของลุงปลูก จู่ๆ พ่อก็หยัดตัวตรง ไม่มีอาการเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับหายดีแล้ว “พะ พ่อหายแล้วหรอคะ” “พ่อไม่ได้เป็นอะไรเลยต่างหาก” “พ่อ!!!” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วมองพ่ออย่างขุ่นเคือง ทั้งหมดมันคือการแสดงอย่างนั้นหรอ พ่อทำแบบนี้ได้ยังไงฉันยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่พ่อทำแบบนี้ ทำให้ฉันเป็นห่วงมากขนาดนี้ “อลิชไม่สนุกกับพ่อเลยนะคะ”“ที่ทำพ่อก็ไม่ได้คิดสนุก” พ่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพูดต่อ “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน” ฉันได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก เพราะสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันกับคุณคานส์เราต้องจดทะเบียนสมรสกันอยู่ดี “ที่พ่อทำก็เพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวพ่อเอง” “…อลิชรู้ค่ะ” ฉันก้มหน้าลงสำนึกผิดอีกครั้ง “พ่อโกรธที่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่พ่อจะโกรธมากกว่าถ้าได้หนุ่มนั่นมันไม่กล้ายอมรับแบบลูกผู้ชาย” “……” “ถ้าพ่อไม่แกล้งทำเป็นโรคหัวใจกำเริบ ก็คงจะได้หัวใจกำเริบจริงๆ เพราะลูกจะไม่ยอมพูดอะไรเลย” “……”พ่อเดินจากไป ฉันทำได้แค่ลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง จู่ๆ มันก็รู้สึกเหนื่อยเอามากๆ ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่สมองมันก็หยุดคิดไม่ได้ พรุ่งนี้จะมีการจดทะเบียนของฉันกับคุณคานส์เกิดขึ้นจริงๆ น่ะหรอ….“อึก อึก อ้วก~” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปอ้วกในท้องน้ำ แค่อ้วกมันก็ทำให้ฉันหมดแรงเอามากๆ ฉันพยุงตังเองออกมาจากห้องน้ำแล้
ฉันไม่ได้ตอบตกลงเรื่องที่คุณคานส์บอกจะให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา และเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เมื่อมาถึงบ้านแทนที่คุณคานส์จะกลับไปกรุงเทพ แต่เขากลับเดินตามฉันเข้ามาภายในบ้าน “นะ ไหนบอกว่ามีธุระไงคะ” ฉันทวงถาม ก่อนหน้านี้เขาทำท่าหงุดหงิดที่ฉันชักช้าเพราะมีงานต้องไปทำไปจัดการไม่ใช่หรือไง “ฉันพูดไปเธอลืมแล้ว ?”“เรื่องอะไรหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมถามกลับอย่างงุนงง เมื่อถูกถามกลับคุณคานส์ก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แบบไม่ค่อยสบอารมณ์ “ไปเก็บเสื้อผ้า” “อะ อลิชไม่ไปอยู่กับคุณหรอกนะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เข้าใจแล้วว่าเขาพูดเรื่องอะไร “ทำเหมือนฉันจะเอาเธอไปฆ่า” “อลิชไม่ไป อะ อลิชจะอยู่กับพ่อ” “ได้! ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอพ่อเธอกลับมา”“ระ รอทำไมคะ พ่อไม่ให้อลิชไปอยู่กับคุณแน่ๆ” “ก็รอดู”สีหน้าของเขาทำให้ฉันกลัว ไหนไม่อยากรับผิดชอบตั้งแต่แรกแล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเขาทำไม ฉันตัดสินใจเดินหนีเขามาที่ห้อง แต่ก็ต้องเดินหยุดแล้วหมุนตัวหันมองทางด้านหลังของตัวเองเมื่อเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมา “ตะ ตามอลิชมาทำไมคะ” คุณคานส์เงียบ แถมยังเดินผ่านหน้าฉันไปที่ห้องนอน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของฉัน ทำให้ต้องรีบเ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพามาที่บ้าน แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะเธอจะรู้สึกยังไง หรือว่าเขาจะคุยกับเธอแล้วเรื่องฉัน เธอรับได้อย่างนั้นหรอ “เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้อง” คุณคานส์สั่งลูกน้องของเขา ฉันมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงเลย เห็นแต่ผู้ชายทั้งนั้น ละ แล้วผู้หญิงที่ฉันเจอวันนั้นเธออยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า…“ห้องของเธออยู่ชั้นบน เดี๋ยวฉันจะให้คนพาไป” “ผะ ผู้หญิงคนนั้นล่ะคะ เธออยู่ด้วยหรือเปล่า เธอจะเข้าใจผิดไหมคะ แล้วคุณคานส์พูดกับเธอเรื่องอลิชหรือยัง ให้อลิชช่วยพูดอีกแรงไหมคะ” ฉันถามออกไปยาวเหยียดแต่ดูเหมือนว่าคำถามของฉันมันจะทำให้เขางุนงง “เธอหมายถึงใคร ?”“ก็ผู้หญิง…”“เฮียคะ” เสียงหวานของผู้หญิงดังขึ้นมา ทำให้ฉันและคุณคานส์หันมอง เจ้าของเสียงหวานคือผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันหมายถึง เธออยู่ที่นี่กับคุณคานส์ ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่เธอดูไม่ได้เดือดร้อนหรือมีท่าทางไม่ชอบฉันเลย หรือว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่อง “จะไปไหน ?” คุณคานส์ยกมือขึ้นมาวางบนศรีษะของเธอคนนั้นแล้วลูบไปมาเบาๆ เขาดูอบอุ่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต่า
บนโต๊ะอาหาร ในตอนนี้มีแค่ฉันกับคุณคานส์ที่นั่งอยู่สองคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาจะกินข้าวพร้อมกับฉัน ทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “ที่บ้านของฉันมีแต่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรเธอควรระวังตัว” “…ค่ะ” คุณคานส์บอกเหมือนว่าฉันจะไปทำอะไรที่มันไม่ดีอย่างนั้นแหละ “ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้โทรศัพท์บ้านในห้องกดโทรสั่ง จะมีเบอร์วางไว้อยู่ข้างๆ มีคนคอยรับสายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”“…ค่ะ” “ฉันไม่ชอบคนที่สอดรู้สอดเห็นสักเท่าไหร่ เธอคงไม่ใช่คนแบบนั้น ?” “…ค่ะ” “พูดเป็นแค่คำเดียว ?” คิ้วหนาของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันเอาแต่ตอบเขาอยู่คำเดียว ก็ฉันไม่รู้หนิว่าต้องพูดอะไร ถึงปากจะบอกให้เราอยู่กันแบบเพื่อนแบบพี่น้อง แต่เขาวางมาดขนาดนี้ฉันเองก็เกร็งนะ “…ค่ะ” ฉันตัดสินใจตอบคำเดิมอีกครั้ง ทำให้คนที่ได้ฟังอย่างคุณคานส์ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยังไม่ทันที่คุณคานส์จะได้พูดอะไรต่ออาหารก็มาเสริฟ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย แต่แปลกจังฉันไม่ได้รู้สึกแพ้กลิ่นอาหารบนโต๊ะเลย มันรู้สึกหิวมากๆ อีกต่างหาก “ขอบคุณค่ะ ^_^” ฉันเงยหน้าขอบคุณพ่อครัวผู้ชายที่มาตักข้าวให้พร้อมกับยิ้มให้เขา แล้วดูเหมือนว่าเขาก็จะเสียอา
“คุยกับหัวหน้าที่ทำงานค่ะ” “หัวหน้า ?” หัวคิ้วของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันบอกแบบนั้น “คะ คืออลิชออกจากงานโดยไม่ได้บอกเขาก่อน เขาก็เลยโทรมาถามค่ะ” พอบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็เงียบ แต่เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่ “แล้วทำไมเธอถึงลาออกจากบริษัทของฉัน ?” เฮือก!! เขาถามแบบนี้ก็แปลว่ารู้แล้วว่าฉันเคยทำงานที่บริษัทของเขาแล้วแล้วเหตุผลล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รู้ มันคิดได้ไม่ยากเลยนะ “เหตุผลที่อลิชลาออกคุณคานส์น่าจะรู้ดีนะคะ เพราะหลังจากคืนนั้นที่มีอะไรกันอลิชก็ลาออก” พูดจบฉันก็เป็นฝ่ายเดินเลี่ยงเข้ามาในบ้าน โดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ เราต่างคนต่างแยกกันเข้าห้องนอนของตัวเอง มันรู้สึกโล่งใจที่ไม่ถูกซักถามอะไรมากกว่านี้ ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องนอนนานหลายชั่วโมง เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเพลียและคลื่นไส้ แถมยังอ้วกออกมาจนหมดแรง ลูกของฉันเล่นงานหนักเลยตอนนี้ อุตส่าห์คิดว่าวันนี้เขาจะไม่ดื้อแล้วแท้ๆ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฉันที่กำลังนอนอยู่จึงค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นไปเปิดประตู “คุณคานส์” ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรคุณคานส์ก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง “ทำไมถึงไม่ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิวค่ะ” “เธอท้องอยู่ จะ
คุณคานส์ขยับใบหน้าเลื่อนมากระซิบบอกข้างๆ กับใบหู “ผัวเมียเวลาอยู่บนเตียงต้องทำอะไรกัน คงไม่ต้องให้ฉันบอก” “อะ อลิชไม่รู้นี่คะ” พอตอบแบบนั้นคุณคานส์เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะหยัดตัวขึ้นแล้วจ้องหน้าฉันเขม็ง เขาลุกขึ้นไปยืนบนปลายเตียงแล้วถอดเสื้อออก ขะ เขาถอดเสื้อทำไม พอถอดเสื้อเสร็จก็เลื่อนมือลงมาปลดเข็มขัดกางเกง จากนั้นก็ออกคำสั่งเสียงดุ“แก้ผ้า แล้วอ้าขาออก” “มะ ไม่” ฉันส่ายหน้ารัวๆ แล้วหนีบขาไว้แน่น เพราะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไรในตอนนี้ “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะให้เธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยไม่ทำอะไรเลย ?”“อลิชท้องอยู่นะคะ ระ เรื่องแบบนั้นทำไม่ได้” ฉันยกเรื่องลูกขึ้นมา มันไม่ใช่ข้ออ้างแต่อยากให้คุณคานส์เขาคิดถึงลูกก่อน“ฉันไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงลูกแน่ แก้ผ้าซะ!!” “มะ ไม่ค่ะ ทำไม่ได้” “จะกลัวทำไม คืนนั้นฉันทำกับเธอไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ไม่เห็นเธอจะบ่น” “……” หะ ห้ารอบเลยหรอ ฉันไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรแบบนั้น “เรื่องคืนนั้นอลิชจำไม่ได้สักหน่อย” “ก็นี่ไง ฉันกำลังจะทบทวนความจำให้เธอ” ฉันหันมองที่ประตูแล้วหันกลับมามองคุณคานส์ที่กำลังปลดเข็มขัด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ทว่ายังไม่ทันท
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงคุณคานส์กับฉันเราก็ต่างใส่เสื้อผ้า เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จฉันก็นอนคว่ำหน้าลงเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา ความอับอายมันเกิดขึ้นมาในใจอีกครั้ง “ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิว” “ฉันสั่ง เธอต้องลงไป” คุณคานส์ออกคำสั่งเสียงกร้าว ทำให้ฉันที่นอนคว่ำหน้าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้น ฉันลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่มองหน้าคุณคานส์ แต่เดินออกพ้นประตูห้องไปได้ไม่กี่ก้าวแขนของฉันก็ถูกกระชากอย่างแรง “เธอไม่มีสิทธิ์มาทำตัวงี่เง่ากับฉัน”“อลิชบอกว่าไม่หิว แปลว่างี่เง่าหรอคะ”“ที่เธอทำอยู่เรียกว่างี่เง่า!!” คุณคานส์ผลักฉันจนเซเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินผ่านไปเลย อะไรกันบทจะร้ายทำไมถึงร้ายได้มากขนาดนี้#ห้องอาหาร พอมาถึงก็เห็นว่ามีผู้หญิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอคือผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนรักของคุณคานส์ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นน้องสาวของเขา เธอหันมามองฉันแล้วก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ฉันจึงยิ้มตอบแล้วนั่งลง “เรื่องของเธอกับเฮีย เฮียบอกฉันหมดแล้วนะ” เมื่อฉันนั่งลงเธอก็พูดขึ้นมาทีนที ฉันได้แค่พยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ “จริงๆ ถ้าเฮียอยากจะตรวจดีเอ็นเอไม่ต้องรอคลอดก็ได้นะคะ หนูอยากเ
“ไม่ได้ทำอะไรค่ะ อลิชแค่จะ….โอ้ย~” ฉันจะบอกคุณคานส์ว่าตัวฉันน่ะอยากจะปลูกต้นไม้ แต่แล้วเขาฟังที่ไหนล่ะ พูดยังไม่ทันจะจบก็ลากฉันให้เดินตาม ฉันต้องเขย่งเท้าข้างเดียวตามเขาไปอย่างทุลักทุเล “คุณคานส์ครับ คุณอลิชเธอเจ็บเท้าอยู่นะครับ” เสียงของพี่เจดังขึ้นมา ทำให้คุณคานส์ที่กำลังลากตัวฉันเข้ามาในบ้านหยุดชะงักทันที “ไม่มีปากหรือไง” “…..” อีกแล้วนะ เขาดุฉันอีกแล้ว ทำไมถึงได้ทำท่าโหดเหี้ยมอำมหิตแบบนี้กัน “ทำไมไม่บอกฉันว่าเจ็บ” “แล้วคุณคานส์เปิดโอกาสให้อลิชพูดตอนไหนหรอคะ” คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จู่ๆ เขาก็ช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้น แล้วพาเดินเข้ามาในตัวบ้าน ซึ่งฉันเองก็ขัดอะไรไม่ได้นอกจากคล้องคอเขาไว้ เพราะกลัวว่าถ้าเกิดดิ้นแรงๆ จะถูกคุณคานส์ปล่อยกระแทกพื้น เขาคงไม่คิดหรอกว่าฉันท้องอยู่ ถ้าคิดคงไม่ลากฉันแบบนี้ตั้งแต่แรก คุณคานส์พาฉันมาที่ห้อง เป็นห้องนอนของฉัน เขาวางตัวฉันลงบนเตียง จากนั้นก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้า “เจ็บเท้าไหน” “ทะ เท้าขวาค่ะ” พอฉันพูดบอก คุณคานส์ก็ค่อยๆ จับเท้าข้างขวาของฉันขึ้นมา “อ๊ะ จะ เจ็บนะคะ” คุณคานส์เงียบ เขาค่อยๆ นวดเท้าให้ฉัน ทำให้ฉันอี้งและตกใจเอามากๆ ไม่คิดว่
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห