“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ”
“ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง
ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ” “ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!” “…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว” ฉันคิดทบทวนสักพักหากพ่อยังดื้อรั้นรอคำตอบที่พอใจจากปากของคุณคานส์แบบนี้อาการต้องแย่แน่ๆ “คุณคานส์คะ อลิชขอคุยด้วยหน่อย” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับคุณคานส์ สายตาคมกริบตวัดขึ้นมามองหน้าฉัน พร้อมกับคำถาม “คุยอะไร ?” ฉันเงียบไม่ได่ตอบอะไรก่อนจะเดินเลี่ยงมาทางห้องนอนของตัวเอง ฉันไม่ได้หันมองว่าคุณคานส์จะตามมาหรือเปล่า แต่เขาคงไม่เฉยชามากขนาดนั้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังมาฉันก็รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยเขาก็ไม่นั่งเพิกเฉย ฉันเปิดประตูห้องของตัวเองแล้วเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะหันมองคุณคานส์ที่เดินตามมาติดๆ ที่ต้องมาคุยในห้องก็เพราะว่าฉันกลัว กลัวว่าคนงานที่บ้านจะบังเอิญมาได้ยินเข้า “ยะ หยุดอยู่ตรงนั้นก็ได้ค่ะ” “พาฉันเข้ามาในห้องคิดจะทำอะไร” คุณคานส์ไม่ยอมหยุดที่จะก้าวเดินมาใกล้ฉัน เขายังคงเดินมาเรื่อยๆ ส่วนฉันเองก็ถอยหนีจนในที่สุดก็จนมุม ในตอนนี้ร่างกายของคุณคานส์อยู่ใกล้ฉันเอามากๆ ด้วยความสูงของเขาที่ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซ็นติเมตร ทำให้ต้องก้มลงมามองฉันที่สูงเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตรเท่านั้น ฉันกำลังจะถอยหนีแต่ถูกโอบเอวไว้ มันเหมืินว่าฉันคิดผิดมากที่เลือกจะคุยกับเขา แถมยังเข้ามาในห้องนอนซึ่งเป็นที่ลับตาคนแบบนี้ “ปะ ปล่อยนะ” คุณคานส์โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ มันใกล้กับใบหน้าของฉันมากจริงๆ ใกล้ซะจนฉันสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจของเขา ปลายจมูกโด่งสูดดมกลิ่นจากซอกคอของฉัน จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “คืนนั้นเธอไม่ขี้กลัวแบบนี้นะ” “……” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น จากที่เคยพูดว่าจำฉันไม่ได้ แล้วในตอนนี้เขาจะมาพูดถึงเรื่องคืนนั้นทำไม “มีอะไรจะคุยกับฉัน พูดมาสิ” มือหนาช้อนปลายคางของฉันให้เงยขึ้น “เป็นอะไรไป ตัวสั่นเชียว” มันเหมือนว่าเขากำลังได้ใจที่สามารถทำให้ฉันตกเป็นรองได้ ยิ่งฉันแสดงความกลัวออกมาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งขยับหน้าเข้าใกล้ฉันมากขึ้น ฉันรวบรวมความกล้าใช้มือเล็กๆ ของตัวเองค่อยๆ ดันแผงอกแกร่งออกห่าง คุณคานส์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะผละตัวออกไปแต่โดยดี ฉันจึงลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “อลิชอยากขอร้องเรื่องจดทะเบียนสมรสค่ะ” “ฉันพูดไปแล้วว่าไม่จดจนกว่าจะได้รับผลตรวจดีเอ็นเอ” คุณคานส์พูดพร้อมกับเดินมานั่งลงบนเตียงนอนของฉันอย่างถือวิสาสะ “พ่อของอลิชเป็นโรคหัวใจ แล้วพ่อก็ไม่ยอมไปหาหมอ…” “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ?” มันเป็นคำถามที่ทำให้ฉันจุกไปทั่วอก ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าของคุณคานส์ “อลิชมีพ่อแค่คนเดียว ตอนนี้อาการของพ่อกำลังแย่ อลิชอยากให้คุณรับปากว่าจะจดทะเบียน…” นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ไม่เลยสักนิดแต่ฉันไม่มีทางเลือก ในเมื่อพ่อเอาความเป็นความตายมาประเดิมกับเรื่องนี้ “ฉันพูดไปแล้ว” คุณคานส์บอกอย่างเลือดเย็น “นะคะอลิชขอร้อง” ฉันทรุดตัวนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเขา “ถ้าคุณไม่ยอมพูดพ่อไม่ยอมไปโรงพยาบาลแน่ๆ” “…….” “อลิชสัญญาว่าจะไม่ผูกมัดคุณ ใบทะเบียนสมรสมันเป็นแค่กระดาษใบหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุณจะมีใครอลิชจะไม่ยุ่ง ส่วนเรื่องเด็กในท้องได้ผลดีเอ็นเอเมื่อไหร่ตอนนั้นเราค่อยมาคุยกันถึงเรื่องนี้ ตอนนี้อลิชขอแค่จดทะเบียนไปก่อน ถ้าคุณอยากจะหย่าอลิชก็พร้อมเซ็นให้” “……” คุณคานส์มองหน้าฉัน ก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ โดยไม่ได้พูดอะไร “พ่อกำลังแย่….” คุณคานส์ลุกขึ้นยืน ไม่ได้รอให้ฉันพูดจบประโยค เขาเดินออกไปจากห้องทันที มันเหมือนรู้สึกโดนฉีกหน้าที่เขาไม่คิดจะช่วย ฉันจึงรีบลุกขึ้นเพื่อจะตามไปขอร้องเขาอีกครั้ง แต่ไม่ทันตอนนี้คุณคานส์กลับมาหาพ่อฉันที่อาการกำลังแย่แล้ว “พ่อไปหาหมอเถอะนะคะ” ฉันพยายามจะประคองพ่อให้ลุกขึ้น “พ่อไม่ไป!!!” พอได้ยินแบบนั้นฉันก็มองคุณคานส์ด้วยสายตาอ้อนวอนอีกครั้ง ทำให้ถูกเขามองอย่างไม่ชอบใจ “ก็ได้! ผมรับปากว่าจะจดทะเบียนกับลูกสาวของคุณลุง” คุณคานส์ประกาศบอกเสียงกร้าว มันทำให้ฉันที่ได้ยินรู้สึกใจหายและดีใจไปพร้อมๆ กัน อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น “พรุ่งนี้!!” พ่อพูดขึ้นมาต่อ คุณคานส์ละสายตาออกจากใบหน้าของพ่อแล้วมองฉัน “พรุ่งนี้เตรียมไว้ก็แล้วกัน ฉันจะมารับ” “…ค่ะ” พูดจบเขาก็เดินออกไปจากบ้านพร้อมกับลูกน้อง ฉันมองตามแผ่นหลังของคุณคานส์จนกระทั่งเขาเดินหายไปจากจุดที่สายตาจะโฟกัสได้ ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วหันมามองพ่อ “พ่อ คุณคานส์เขารับปากแล้วว่าจะจดทะเบียน ไปโรงพยาบาลเถอะนะคะ” ฉันพยายามพยุงตัวพ่ออีกครั้ง แต่พ่อก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น “ลุงปลูกคะ ช่วยพยุงพ่อเร็วๆ สิคะ” ฉันบอกลุงปลูก เพราะตอนนี้ลุงปลูกก็เอาแต่ยืนนิ่ง “เอ็งไปดูว่ามันไปหรือยัง” พ่อสั่งลุงปลูก ทำให้ลุงปลูกวิ่งไปดูที่ระเบียงบ้านแล้วตะโกนกลับมาบอกพ่อ “กลับไปแล้วครับพ่อกำนัน” สิ้นสุดเสียงของลุงปลูก จู่ๆ พ่อก็หยัดตัวตรง ไม่มีอาการเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับหายดีแล้ว “พะ พ่อหายแล้วหรอคะ” “พ่อไม่ได้เป็นอะไรเลยต่างหาก” “พ่อ!!!” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วมองพ่ออย่างขุ่นเคือง ทั้งหมดมันคือการแสดงอย่างนั้นหรอ พ่อทำแบบนี้ได้ยังไงฉันยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่พ่อทำแบบนี้ ทำให้ฉันเป็นห่วงมากขนาดนี้ “อลิชไม่สนุกกับพ่อเลยนะคะ”“ที่ทำพ่อก็ไม่ได้คิดสนุก” พ่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพูดต่อ “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน” ฉันได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก เพราะสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันกับคุณคานส์เราต้องจดทะเบียนสมรสกันอยู่ดี “ที่พ่อทำก็เพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวพ่อเอง” “…อลิชรู้ค่ะ” ฉันก้มหน้าลงสำนึกผิดอีกครั้ง “พ่อโกรธที่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่พ่อจะโกรธมากกว่าถ้าได้หนุ่มนั่นมันไม่กล้ายอมรับแบบลูกผู้ชาย” “……” “ถ้าพ่อไม่แกล้งทำเป็นโรคหัวใจกำเริบ ก็คงจะได้หัวใจกำเริบจริงๆ เพราะลูกจะไม่ยอมพูดอะไรเลย” “……”พ่อเดินจากไป ฉันทำได้แค่ลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง จู่ๆ มันก็รู้สึกเหนื่อยเอามากๆ ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่สมองมันก็หยุดคิดไม่ได้ พรุ่งนี้จะมีการจดทะเบียนของฉันกับคุณคานส์เกิดขึ้นจริงๆ น่ะหรอ….“อึก อึก อ้วก~” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปอ้วกในท้องน้ำ แค่อ้วกมันก็ทำให้ฉันหมดแรงเอามากๆ ฉันพยุงตังเองออกมาจากห้องน้ำแล้
ฉันไม่ได้ตอบตกลงเรื่องที่คุณคานส์บอกจะให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา และเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เมื่อมาถึงบ้านแทนที่คุณคานส์จะกลับไปกรุงเทพ แต่เขากลับเดินตามฉันเข้ามาภายในบ้าน “นะ ไหนบอกว่ามีธุระไงคะ” ฉันทวงถาม ก่อนหน้านี้เขาทำท่าหงุดหงิดที่ฉันชักช้าเพราะมีงานต้องไปทำไปจัดการไม่ใช่หรือไง “ฉันพูดไปเธอลืมแล้ว ?”“เรื่องอะไรหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมถามกลับอย่างงุนงง เมื่อถูกถามกลับคุณคานส์ก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แบบไม่ค่อยสบอารมณ์ “ไปเก็บเสื้อผ้า” “อะ อลิชไม่ไปอยู่กับคุณหรอกนะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เข้าใจแล้วว่าเขาพูดเรื่องอะไร “ทำเหมือนฉันจะเอาเธอไปฆ่า” “อลิชไม่ไป อะ อลิชจะอยู่กับพ่อ” “ได้! ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอพ่อเธอกลับมา”“ระ รอทำไมคะ พ่อไม่ให้อลิชไปอยู่กับคุณแน่ๆ” “ก็รอดู”สีหน้าของเขาทำให้ฉันกลัว ไหนไม่อยากรับผิดชอบตั้งแต่แรกแล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเขาทำไม ฉันตัดสินใจเดินหนีเขามาที่ห้อง แต่ก็ต้องเดินหยุดแล้วหมุนตัวหันมองทางด้านหลังของตัวเองเมื่อเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมา “ตะ ตามอลิชมาทำไมคะ” คุณคานส์เงียบ แถมยังเดินผ่านหน้าฉันไปที่ห้องนอน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของฉัน ทำให้ต้องรีบเ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพามาที่บ้าน แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะเธอจะรู้สึกยังไง หรือว่าเขาจะคุยกับเธอแล้วเรื่องฉัน เธอรับได้อย่างนั้นหรอ “เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้อง” คุณคานส์สั่งลูกน้องของเขา ฉันมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงเลย เห็นแต่ผู้ชายทั้งนั้น ละ แล้วผู้หญิงที่ฉันเจอวันนั้นเธออยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า…“ห้องของเธออยู่ชั้นบน เดี๋ยวฉันจะให้คนพาไป” “ผะ ผู้หญิงคนนั้นล่ะคะ เธออยู่ด้วยหรือเปล่า เธอจะเข้าใจผิดไหมคะ แล้วคุณคานส์พูดกับเธอเรื่องอลิชหรือยัง ให้อลิชช่วยพูดอีกแรงไหมคะ” ฉันถามออกไปยาวเหยียดแต่ดูเหมือนว่าคำถามของฉันมันจะทำให้เขางุนงง “เธอหมายถึงใคร ?”“ก็ผู้หญิง…”“เฮียคะ” เสียงหวานของผู้หญิงดังขึ้นมา ทำให้ฉันและคุณคานส์หันมอง เจ้าของเสียงหวานคือผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันหมายถึง เธออยู่ที่นี่กับคุณคานส์ ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่เธอดูไม่ได้เดือดร้อนหรือมีท่าทางไม่ชอบฉันเลย หรือว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่อง “จะไปไหน ?” คุณคานส์ยกมือขึ้นมาวางบนศรีษะของเธอคนนั้นแล้วลูบไปมาเบาๆ เขาดูอบอุ่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต่า
บนโต๊ะอาหาร ในตอนนี้มีแค่ฉันกับคุณคานส์ที่นั่งอยู่สองคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาจะกินข้าวพร้อมกับฉัน ทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “ที่บ้านของฉันมีแต่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรเธอควรระวังตัว” “…ค่ะ” คุณคานส์บอกเหมือนว่าฉันจะไปทำอะไรที่มันไม่ดีอย่างนั้นแหละ “ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้โทรศัพท์บ้านในห้องกดโทรสั่ง จะมีเบอร์วางไว้อยู่ข้างๆ มีคนคอยรับสายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”“…ค่ะ” “ฉันไม่ชอบคนที่สอดรู้สอดเห็นสักเท่าไหร่ เธอคงไม่ใช่คนแบบนั้น ?” “…ค่ะ” “พูดเป็นแค่คำเดียว ?” คิ้วหนาของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันเอาแต่ตอบเขาอยู่คำเดียว ก็ฉันไม่รู้หนิว่าต้องพูดอะไร ถึงปากจะบอกให้เราอยู่กันแบบเพื่อนแบบพี่น้อง แต่เขาวางมาดขนาดนี้ฉันเองก็เกร็งนะ “…ค่ะ” ฉันตัดสินใจตอบคำเดิมอีกครั้ง ทำให้คนที่ได้ฟังอย่างคุณคานส์ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยังไม่ทันที่คุณคานส์จะได้พูดอะไรต่ออาหารก็มาเสริฟ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย แต่แปลกจังฉันไม่ได้รู้สึกแพ้กลิ่นอาหารบนโต๊ะเลย มันรู้สึกหิวมากๆ อีกต่างหาก “ขอบคุณค่ะ ^_^” ฉันเงยหน้าขอบคุณพ่อครัวผู้ชายที่มาตักข้าวให้พร้อมกับยิ้มให้เขา แล้วดูเหมือนว่าเขาก็จะเสียอา
“คุยกับหัวหน้าที่ทำงานค่ะ” “หัวหน้า ?” หัวคิ้วของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันบอกแบบนั้น “คะ คืออลิชออกจากงานโดยไม่ได้บอกเขาก่อน เขาก็เลยโทรมาถามค่ะ” พอบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็เงียบ แต่เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่ “แล้วทำไมเธอถึงลาออกจากบริษัทของฉัน ?” เฮือก!! เขาถามแบบนี้ก็แปลว่ารู้แล้วว่าฉันเคยทำงานที่บริษัทของเขาแล้วแล้วเหตุผลล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รู้ มันคิดได้ไม่ยากเลยนะ “เหตุผลที่อลิชลาออกคุณคานส์น่าจะรู้ดีนะคะ เพราะหลังจากคืนนั้นที่มีอะไรกันอลิชก็ลาออก” พูดจบฉันก็เป็นฝ่ายเดินเลี่ยงเข้ามาในบ้าน โดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ เราต่างคนต่างแยกกันเข้าห้องนอนของตัวเอง มันรู้สึกโล่งใจที่ไม่ถูกซักถามอะไรมากกว่านี้ ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องนอนนานหลายชั่วโมง เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเพลียและคลื่นไส้ แถมยังอ้วกออกมาจนหมดแรง ลูกของฉันเล่นงานหนักเลยตอนนี้ อุตส่าห์คิดว่าวันนี้เขาจะไม่ดื้อแล้วแท้ๆ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฉันที่กำลังนอนอยู่จึงค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นไปเปิดประตู “คุณคานส์” ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรคุณคานส์ก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง “ทำไมถึงไม่ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิวค่ะ” “เธอท้องอยู่ จะ
คุณคานส์ขยับใบหน้าเลื่อนมากระซิบบอกข้างๆ กับใบหู “ผัวเมียเวลาอยู่บนเตียงต้องทำอะไรกัน คงไม่ต้องให้ฉันบอก” “อะ อลิชไม่รู้นี่คะ” พอตอบแบบนั้นคุณคานส์เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะหยัดตัวขึ้นแล้วจ้องหน้าฉันเขม็ง เขาลุกขึ้นไปยืนบนปลายเตียงแล้วถอดเสื้อออก ขะ เขาถอดเสื้อทำไม พอถอดเสื้อเสร็จก็เลื่อนมือลงมาปลดเข็มขัดกางเกง จากนั้นก็ออกคำสั่งเสียงดุ“แก้ผ้า แล้วอ้าขาออก” “มะ ไม่” ฉันส่ายหน้ารัวๆ แล้วหนีบขาไว้แน่น เพราะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไรในตอนนี้ “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะให้เธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยไม่ทำอะไรเลย ?”“อลิชท้องอยู่นะคะ ระ เรื่องแบบนั้นทำไม่ได้” ฉันยกเรื่องลูกขึ้นมา มันไม่ใช่ข้ออ้างแต่อยากให้คุณคานส์เขาคิดถึงลูกก่อน“ฉันไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงลูกแน่ แก้ผ้าซะ!!” “มะ ไม่ค่ะ ทำไม่ได้” “จะกลัวทำไม คืนนั้นฉันทำกับเธอไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ไม่เห็นเธอจะบ่น” “……” หะ ห้ารอบเลยหรอ ฉันไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรแบบนั้น “เรื่องคืนนั้นอลิชจำไม่ได้สักหน่อย” “ก็นี่ไง ฉันกำลังจะทบทวนความจำให้เธอ” ฉันหันมองที่ประตูแล้วหันกลับมามองคุณคานส์ที่กำลังปลดเข็มขัด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ทว่ายังไม่ทันท
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงคุณคานส์กับฉันเราก็ต่างใส่เสื้อผ้า เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จฉันก็นอนคว่ำหน้าลงเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา ความอับอายมันเกิดขึ้นมาในใจอีกครั้ง “ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิว” “ฉันสั่ง เธอต้องลงไป” คุณคานส์ออกคำสั่งเสียงกร้าว ทำให้ฉันที่นอนคว่ำหน้าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้น ฉันลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่มองหน้าคุณคานส์ แต่เดินออกพ้นประตูห้องไปได้ไม่กี่ก้าวแขนของฉันก็ถูกกระชากอย่างแรง “เธอไม่มีสิทธิ์มาทำตัวงี่เง่ากับฉัน”“อลิชบอกว่าไม่หิว แปลว่างี่เง่าหรอคะ”“ที่เธอทำอยู่เรียกว่างี่เง่า!!” คุณคานส์ผลักฉันจนเซเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินผ่านไปเลย อะไรกันบทจะร้ายทำไมถึงร้ายได้มากขนาดนี้#ห้องอาหาร พอมาถึงก็เห็นว่ามีผู้หญิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอคือผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนรักของคุณคานส์ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นน้องสาวของเขา เธอหันมามองฉันแล้วก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ฉันจึงยิ้มตอบแล้วนั่งลง “เรื่องของเธอกับเฮีย เฮียบอกฉันหมดแล้วนะ” เมื่อฉันนั่งลงเธอก็พูดขึ้นมาทีนที ฉันได้แค่พยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ “จริงๆ ถ้าเฮียอยากจะตรวจดีเอ็นเอไม่ต้องรอคลอดก็ได้นะคะ หนูอยากเ
“ไม่ได้ทำอะไรค่ะ อลิชแค่จะ….โอ้ย~” ฉันจะบอกคุณคานส์ว่าตัวฉันน่ะอยากจะปลูกต้นไม้ แต่แล้วเขาฟังที่ไหนล่ะ พูดยังไม่ทันจะจบก็ลากฉันให้เดินตาม ฉันต้องเขย่งเท้าข้างเดียวตามเขาไปอย่างทุลักทุเล “คุณคานส์ครับ คุณอลิชเธอเจ็บเท้าอยู่นะครับ” เสียงของพี่เจดังขึ้นมา ทำให้คุณคานส์ที่กำลังลากตัวฉันเข้ามาในบ้านหยุดชะงักทันที “ไม่มีปากหรือไง” “…..” อีกแล้วนะ เขาดุฉันอีกแล้ว ทำไมถึงได้ทำท่าโหดเหี้ยมอำมหิตแบบนี้กัน “ทำไมไม่บอกฉันว่าเจ็บ” “แล้วคุณคานส์เปิดโอกาสให้อลิชพูดตอนไหนหรอคะ” คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จู่ๆ เขาก็ช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้น แล้วพาเดินเข้ามาในตัวบ้าน ซึ่งฉันเองก็ขัดอะไรไม่ได้นอกจากคล้องคอเขาไว้ เพราะกลัวว่าถ้าเกิดดิ้นแรงๆ จะถูกคุณคานส์ปล่อยกระแทกพื้น เขาคงไม่คิดหรอกว่าฉันท้องอยู่ ถ้าคิดคงไม่ลากฉันแบบนี้ตั้งแต่แรก คุณคานส์พาฉันมาที่ห้อง เป็นห้องนอนของฉัน เขาวางตัวฉันลงบนเตียง จากนั้นก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้า “เจ็บเท้าไหน” “ทะ เท้าขวาค่ะ” พอฉันพูดบอก คุณคานส์ก็ค่อยๆ จับเท้าข้างขวาของฉันขึ้นมา “อ๊ะ จะ เจ็บนะคะ” คุณคานส์เงียบ เขาค่อยๆ นวดเท้าให้ฉัน ทำให้ฉันอี้งและตกใจเอามากๆ ไม่คิดว่