บนโต๊ะอาหาร ในตอนนี้มีแค่ฉันกับคุณคานส์ที่นั่งอยู่สองคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาจะกินข้าวพร้อมกับฉัน ทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “ที่บ้านของฉันมีแต่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรเธอควรระวังตัว” “…ค่ะ” คุณคานส์บอกเหมือนว่าฉันจะไปทำอะไรที่มันไม่ดีอย่างนั้นแหละ “ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้โทรศัพท์บ้านในห้องกดโทรสั่ง จะมีเบอร์วางไว้อยู่ข้างๆ มีคนคอยรับสายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”“…ค่ะ” “ฉันไม่ชอบคนที่สอดรู้สอดเห็นสักเท่าไหร่ เธอคงไม่ใช่คนแบบนั้น ?” “…ค่ะ” “พูดเป็นแค่คำเดียว ?” คิ้วหนาของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันเอาแต่ตอบเขาอยู่คำเดียว ก็ฉันไม่รู้หนิว่าต้องพูดอะไร ถึงปากจะบอกให้เราอยู่กันแบบเพื่อนแบบพี่น้อง แต่เขาวางมาดขนาดนี้ฉันเองก็เกร็งนะ “…ค่ะ” ฉันตัดสินใจตอบคำเดิมอีกครั้ง ทำให้คนที่ได้ฟังอย่างคุณคานส์ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยังไม่ทันที่คุณคานส์จะได้พูดอะไรต่ออาหารก็มาเสริฟ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย แต่แปลกจังฉันไม่ได้รู้สึกแพ้กลิ่นอาหารบนโต๊ะเลย มันรู้สึกหิวมากๆ อีกต่างหาก “ขอบคุณค่ะ ^_^” ฉันเงยหน้าขอบคุณพ่อครัวผู้ชายที่มาตักข้าวให้พร้อมกับยิ้มให้เขา แล้วดูเหมือนว่าเขาก็จะเสียอา
“คุยกับหัวหน้าที่ทำงานค่ะ” “หัวหน้า ?” หัวคิ้วของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันบอกแบบนั้น “คะ คืออลิชออกจากงานโดยไม่ได้บอกเขาก่อน เขาก็เลยโทรมาถามค่ะ” พอบอกแบบนั้นคุณคานส์ก็เงียบ แต่เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่ “แล้วทำไมเธอถึงลาออกจากบริษัทของฉัน ?” เฮือก!! เขาถามแบบนี้ก็แปลว่ารู้แล้วว่าฉันเคยทำงานที่บริษัทของเขาแล้วแล้วเหตุผลล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รู้ มันคิดได้ไม่ยากเลยนะ “เหตุผลที่อลิชลาออกคุณคานส์น่าจะรู้ดีนะคะ เพราะหลังจากคืนนั้นที่มีอะไรกันอลิชก็ลาออก” พูดจบฉันก็เป็นฝ่ายเดินเลี่ยงเข้ามาในบ้าน โดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ เราต่างคนต่างแยกกันเข้าห้องนอนของตัวเอง มันรู้สึกโล่งใจที่ไม่ถูกซักถามอะไรมากกว่านี้ ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องนอนนานหลายชั่วโมง เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเพลียและคลื่นไส้ แถมยังอ้วกออกมาจนหมดแรง ลูกของฉันเล่นงานหนักเลยตอนนี้ อุตส่าห์คิดว่าวันนี้เขาจะไม่ดื้อแล้วแท้ๆ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฉันที่กำลังนอนอยู่จึงค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นไปเปิดประตู “คุณคานส์” ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรคุณคานส์ก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง “ทำไมถึงไม่ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิวค่ะ” “เธอท้องอยู่ จะ
คุณคานส์ขยับใบหน้าเลื่อนมากระซิบบอกข้างๆ กับใบหู “ผัวเมียเวลาอยู่บนเตียงต้องทำอะไรกัน คงไม่ต้องให้ฉันบอก” “อะ อลิชไม่รู้นี่คะ” พอตอบแบบนั้นคุณคานส์เขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะหยัดตัวขึ้นแล้วจ้องหน้าฉันเขม็ง เขาลุกขึ้นไปยืนบนปลายเตียงแล้วถอดเสื้อออก ขะ เขาถอดเสื้อทำไม พอถอดเสื้อเสร็จก็เลื่อนมือลงมาปลดเข็มขัดกางเกง จากนั้นก็ออกคำสั่งเสียงดุ“แก้ผ้า แล้วอ้าขาออก” “มะ ไม่” ฉันส่ายหน้ารัวๆ แล้วหนีบขาไว้แน่น เพราะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไรในตอนนี้ “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะให้เธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้โดยไม่ทำอะไรเลย ?”“อลิชท้องอยู่นะคะ ระ เรื่องแบบนั้นทำไม่ได้” ฉันยกเรื่องลูกขึ้นมา มันไม่ใช่ข้ออ้างแต่อยากให้คุณคานส์เขาคิดถึงลูกก่อน“ฉันไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงลูกแน่ แก้ผ้าซะ!!” “มะ ไม่ค่ะ ทำไม่ได้” “จะกลัวทำไม คืนนั้นฉันทำกับเธอไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ไม่เห็นเธอจะบ่น” “……” หะ ห้ารอบเลยหรอ ฉันไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรแบบนั้น “เรื่องคืนนั้นอลิชจำไม่ได้สักหน่อย” “ก็นี่ไง ฉันกำลังจะทบทวนความจำให้เธอ” ฉันหันมองที่ประตูแล้วหันกลับมามองคุณคานส์ที่กำลังปลดเข็มขัด ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ทว่ายังไม่ทันท
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงคุณคานส์กับฉันเราก็ต่างใส่เสื้อผ้า เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จฉันก็นอนคว่ำหน้าลงเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา ความอับอายมันเกิดขึ้นมาในใจอีกครั้ง “ลงไปกินข้าว” “อลิชไม่หิว” “ฉันสั่ง เธอต้องลงไป” คุณคานส์ออกคำสั่งเสียงกร้าว ทำให้ฉันที่นอนคว่ำหน้าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้น ฉันลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่มองหน้าคุณคานส์ แต่เดินออกพ้นประตูห้องไปได้ไม่กี่ก้าวแขนของฉันก็ถูกกระชากอย่างแรง “เธอไม่มีสิทธิ์มาทำตัวงี่เง่ากับฉัน”“อลิชบอกว่าไม่หิว แปลว่างี่เง่าหรอคะ”“ที่เธอทำอยู่เรียกว่างี่เง่า!!” คุณคานส์ผลักฉันจนเซเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินผ่านไปเลย อะไรกันบทจะร้ายทำไมถึงร้ายได้มากขนาดนี้#ห้องอาหาร พอมาถึงก็เห็นว่ามีผู้หญิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอคือผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนรักของคุณคานส์ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นน้องสาวของเขา เธอหันมามองฉันแล้วก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ฉันจึงยิ้มตอบแล้วนั่งลง “เรื่องของเธอกับเฮีย เฮียบอกฉันหมดแล้วนะ” เมื่อฉันนั่งลงเธอก็พูดขึ้นมาทีนที ฉันได้แค่พยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ “จริงๆ ถ้าเฮียอยากจะตรวจดีเอ็นเอไม่ต้องรอคลอดก็ได้นะคะ หนูอยากเ
“ไม่ได้ทำอะไรค่ะ อลิชแค่จะ….โอ้ย~” ฉันจะบอกคุณคานส์ว่าตัวฉันน่ะอยากจะปลูกต้นไม้ แต่แล้วเขาฟังที่ไหนล่ะ พูดยังไม่ทันจะจบก็ลากฉันให้เดินตาม ฉันต้องเขย่งเท้าข้างเดียวตามเขาไปอย่างทุลักทุเล “คุณคานส์ครับ คุณอลิชเธอเจ็บเท้าอยู่นะครับ” เสียงของพี่เจดังขึ้นมา ทำให้คุณคานส์ที่กำลังลากตัวฉันเข้ามาในบ้านหยุดชะงักทันที “ไม่มีปากหรือไง” “…..” อีกแล้วนะ เขาดุฉันอีกแล้ว ทำไมถึงได้ทำท่าโหดเหี้ยมอำมหิตแบบนี้กัน “ทำไมไม่บอกฉันว่าเจ็บ” “แล้วคุณคานส์เปิดโอกาสให้อลิชพูดตอนไหนหรอคะ” คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จู่ๆ เขาก็ช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้น แล้วพาเดินเข้ามาในตัวบ้าน ซึ่งฉันเองก็ขัดอะไรไม่ได้นอกจากคล้องคอเขาไว้ เพราะกลัวว่าถ้าเกิดดิ้นแรงๆ จะถูกคุณคานส์ปล่อยกระแทกพื้น เขาคงไม่คิดหรอกว่าฉันท้องอยู่ ถ้าคิดคงไม่ลากฉันแบบนี้ตั้งแต่แรก คุณคานส์พาฉันมาที่ห้อง เป็นห้องนอนของฉัน เขาวางตัวฉันลงบนเตียง จากนั้นก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้า “เจ็บเท้าไหน” “ทะ เท้าขวาค่ะ” พอฉันพูดบอก คุณคานส์ก็ค่อยๆ จับเท้าข้างขวาของฉันขึ้นมา “อ๊ะ จะ เจ็บนะคะ” คุณคานส์เงียบ เขาค่อยๆ นวดเท้าให้ฉัน ทำให้ฉันอี้งและตกใจเอามากๆ ไม่คิดว่
วันต่อมาวันนี้ไม่ได้สบายเหมือนเมื่อวาน เพราะเจ้าตัวเล็กในท้องกวนฉันให้ลุกขึ้นมาอ้วกตั้งแต่ตีห้า จากนั้นฉันก็ไม่ได้นอนอีกเลยจนกระทั่งเจ็ดโมงเช้า อาการก็ดีขึ้น ฉันอาบน้ำแต่งตัว เพราะคุณคานส์บอกว่าจะให้ฉันไปทำงานที่บริษัทของเขา ซึ่งฉันเองก็ไม่ขัด เพราะไม่อยากจะนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านเป็นคุณนาย นี่ฉันเองก็ยังคิดไม่ออกว่าถ้ากลับไปทำงานอีกครั้งจะบอกเพื่อนร่วมงานว่าอะไร เหตุผลที่กลับมาทำงานอีก แต่ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ฉันรู้สึกกลัวมาก คืออาการแพ้ท้อง ขอให้เจ้าตัวเล็กในท้องไม่เล่นงานฉันตอนไปทำงานที่บริษัท “อย่าดื้อกับแม่นะลูก” ฉันก้มหน้าบอกกับลูกในท้องเบาๆ ก่อนจะหันมองที่ประตูห้องเพราะมีคนเปิดเข้ามา เป็นคุณคานส์ที่ยืนมองหน้าฉันอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นว่าเป็นเขาฉันก็รีบลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วพูด“คุณคานส์เสร็จแล้วหรอคะ อลิชเพิ่งเสร็จ….” “ชักช้า! วันนี้ฉันมีประชุม” พูดจบคุณคานส์ก็เดินไปเลย นึกว่าจะหายหงุดหงิดแล้วซะอีก ฉันรีบเดินตามคุณคานส์มาที่รถ และก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาให้ฉันขึ้นรถคันเดียวกันกับตัวเองไปที่บริษัท“ให้อลิชขึ้นไปด้วยหรอคะ”“เธอมีปัญหาอะไร ?” น้ำเสียงของ
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณคานส์ถึงชอบใช้คำพูดร้ายๆ แบบนั้น เขาควรใช้คำพูดที่ดีกว่านี้ ถึงจะไม่ชอบคำพูดของเขาเท่าไหร่แต่ฉันก็ยอมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินตามคุณคานส์ไปที่ห้องของผู้บริหารอยู่ดี #ภายในห้องผู้บริหาร “นั่งลง” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง ฉันจึงรีบนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ ภายในห้องผู้บริหารนั้นกว้างขวางเอามากๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีอีกห้องที่แยกออกไปเป็นห้องนอน ที่ฉันรู้ว่าเป็นห้องนอนก็เพราะว่าห้องนั้นเป็นกระจกใส จึงมองเห็น “ทำไมถึงมีห้องนอนด้วยล่ะคะ” ฉันถามคุณคานส์อย่างแปลกใจ “คิดดูสิ ว่าทำไมถึงมี” คำตอบที่ได้คือคำถามที่ชวนให้ฉันคิด ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ในขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มหน้าคิดอยู่ คุณคานส์ก็เดินมาหยุดตรงหน้า ฝ่ามือใหญ่จับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น จากนั้นคุณคานส์ก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมา ฉันจึงรีบปัดมือเขาออกแล้วขยับตัวหนี สมองมันคิดถึงเรื่องนั้น ที่เขากับฉันเกินเลยกันเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะคิด เขาทำให้ฉันคิดด้วยสายตาคู่นั้นคุณคานส์กระตุกยิ้มมุมปาก เขาล้วงมือหยิญโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดอะไรสักอย่าง ก่อนจะพูด แถมในขณะที่พูดสายอยู่สายตาก็เอาแต่จับจ้องใบหน้าของฉั
ตึกตัก ตึกตัก หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเมื่อมองเห็นการกระทำของคุณคานส์แบบนั้น เขาคิดจะทำเรื่องอย่างว่ากับฉันอีกแล้วใช่ไหม ทำไมถึงได้เป็นคนหมกหมุนเรื่องกามมากขนาดนี้กัน รู้ทั้งรู้ว่าฉันท้องอยู่“มะ ไม่ค่ะ ไม่ทำแบบนั้น” ฉันดีดตัวขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องนอนราบไปอีกครั้งเพราะถูกคุณคานส์กดให้นอนลง เขาขึ้นมาค่อมตัวฉันเอาไว้พร้อมกับแววตาที่เป็นประกาย ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ ใกล้จนฉันต้องเบือนหน้าหนี แต่มันเหมือนว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เขากดจูบลงมาบนต้นคอแทนน้ำเสียงกระเส่าของคุณคานส์เอ่ยถามขึ้น “แบบนั้น เธอหมายถึงคือแบบไหน หื้ม~” พูดจูบคุณคานส์ก็กดจูบลงมาบนต้นคอของฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาค่อยๆ ลากไล้ริมฝีปากไปมาเป็นสัมผัสที่ชวนทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว “อื้อ มันจั๊กจี้นะคะ” ฉันใช้มือดันอกแกร่งไว้ ไม่ให้แผงอกทาบลงมาสัมผัสกับหน้าอกของตัวเอง “ฉันถามทำไมถึงไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่องทำไม” คุณคานส์ถามในขณะที่กำลังใช้ริมฝีปากลากไล้ไปมาบนซอกคอ “ก็แล้วคุณคานส์คิดจะทำอะไรล่ะคะ”สิ้นสุดคำถามของฉันคุณคานส์ก็เงยหน้าขึ้น เขามองหน้าฉันครู่หนึ่งแล้วถามเสียงเย็น “นั่นสิ ฉันคิดจะทำอะไร ?”“……” ฉันค่อยๆ เม้มปากแน่น สา