ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณคานส์ถึงชอบใช้คำพูดร้ายๆ แบบนั้น เขาควรใช้คำพูดที่ดีกว่านี้ ถึงจะไม่ชอบคำพูดของเขาเท่าไหร่แต่ฉันก็ยอมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินตามคุณคานส์ไปที่ห้องของผู้บริหารอยู่ดี #ภายในห้องผู้บริหาร “นั่งลง” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง ฉันจึงรีบนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ ภายในห้องผู้บริหารนั้นกว้างขวางเอามากๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีอีกห้องที่แยกออกไปเป็นห้องนอน ที่ฉันรู้ว่าเป็นห้องนอนก็เพราะว่าห้องนั้นเป็นกระจกใส จึงมองเห็น “ทำไมถึงมีห้องนอนด้วยล่ะคะ” ฉันถามคุณคานส์อย่างแปลกใจ “คิดดูสิ ว่าทำไมถึงมี” คำตอบที่ได้คือคำถามที่ชวนให้ฉันคิด ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ในขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มหน้าคิดอยู่ คุณคานส์ก็เดินมาหยุดตรงหน้า ฝ่ามือใหญ่จับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น จากนั้นคุณคานส์ก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมา ฉันจึงรีบปัดมือเขาออกแล้วขยับตัวหนี สมองมันคิดถึงเรื่องนั้น ที่เขากับฉันเกินเลยกันเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะคิด เขาทำให้ฉันคิดด้วยสายตาคู่นั้นคุณคานส์กระตุกยิ้มมุมปาก เขาล้วงมือหยิญโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดอะไรสักอย่าง ก่อนจะพูด แถมในขณะที่พูดสายอยู่สายตาก็เอาแต่จับจ้องใบหน้าของฉั
ตึกตัก ตึกตัก หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเมื่อมองเห็นการกระทำของคุณคานส์แบบนั้น เขาคิดจะทำเรื่องอย่างว่ากับฉันอีกแล้วใช่ไหม ทำไมถึงได้เป็นคนหมกหมุนเรื่องกามมากขนาดนี้กัน รู้ทั้งรู้ว่าฉันท้องอยู่“มะ ไม่ค่ะ ไม่ทำแบบนั้น” ฉันดีดตัวขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องนอนราบไปอีกครั้งเพราะถูกคุณคานส์กดให้นอนลง เขาขึ้นมาค่อมตัวฉันเอาไว้พร้อมกับแววตาที่เป็นประกาย ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ ใกล้จนฉันต้องเบือนหน้าหนี แต่มันเหมือนว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เขากดจูบลงมาบนต้นคอแทนน้ำเสียงกระเส่าของคุณคานส์เอ่ยถามขึ้น “แบบนั้น เธอหมายถึงคือแบบไหน หื้ม~” พูดจูบคุณคานส์ก็กดจูบลงมาบนต้นคอของฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาค่อยๆ ลากไล้ริมฝีปากไปมาเป็นสัมผัสที่ชวนทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว “อื้อ มันจั๊กจี้นะคะ” ฉันใช้มือดันอกแกร่งไว้ ไม่ให้แผงอกทาบลงมาสัมผัสกับหน้าอกของตัวเอง “ฉันถามทำไมถึงไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่องทำไม” คุณคานส์ถามในขณะที่กำลังใช้ริมฝีปากลากไล้ไปมาบนซอกคอ “ก็แล้วคุณคานส์คิดจะทำอะไรล่ะคะ”สิ้นสุดคำถามของฉันคุณคานส์ก็เงยหน้าขึ้น เขามองหน้าฉันครู่หนึ่งแล้วถามเสียงเย็น “นั่นสิ ฉันคิดจะทำอะไร ?”“……” ฉันค่อยๆ เม้มปากแน่น สา
คุณคานส์ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบทิชชูมาให้ฉัน แถมตอนนี้เขายังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอีกด้วย ฉันจึงรีบเบือนหน้าหนี แล้วค่อยๆ ดึงผ้าห่มมาปิดคลุมเรียวขาอ่อนของตัวเอง ทิชชูในมือของคุณคานส์ถูกเขาโยนลงมาข้างๆ ตัวของฉัน “รีบๆ เช็ด” สิ้นสุดคำสั่งกร้าวฉันก็ค่อยๆ หยิบทิชชูมา แล้วใช้มันเช็ดคราบน้ำสีขาวขุ่นออกจากหน้าท้องของตัวเอง หลังจากที่ฉันกับคุณคานส์จัดการกับตัวเองเสร็จแล้ว เราทั้งคู่ก็เดินออกมาและได้เห็นว่าอาหารมาเสริฟเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของฉันเริ่มชาหนึบ สมองมันเริ่มคิดว่าคนที่เข้ามาเสริฟอาหารจะได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า แค่คิดก็รู้สึกอับอายเอามากๆ แล้ว “มากินข้าว” เสียงคุณคานส์ออกคำสั่ง ซึ่งฉันก็รีบเดินไปนั่งลงบนโซฟาแล้วเปิดกล่องอาหารเพราะหิวมากๆ มันแปลกที่ในตอนนี้ฉันสามารถกินข้าวได้แล้วโดยไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกคลื่นไส้ ไม่มีอาการเหม็นอาหารเหมือนก่อนหน้านี้ “กินเสร็จแล้วฉันจะให้ไอ้เจไปส่งที่บ้าน”“แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะคะ” “ขืนปล่อยให้เธอไปทำงานต่อคนทั้งบริษัทคงได้รู้ว่าเธอท้อง” “……” อะไรกัน ก็เขาเป็นคนออกคำสั่งให้ฉันมาทำงานเองนี่นา ตอนนี้จะมาหงุดหงิดทำไมล่ะ “แล้วพรุ่งนี้…”
พี่เอ็มลุกขึ้นมาจากโต๊ะเดินมารับฉันที่หน้าประตู เขาหวังดีแต่ฉันนี่สิเริ่มกลัวขึ้นมาจับใจ คุณคานส์เคยพูดว่าอยู่ข้างนอกเราคือคนแปลกหน้าสำหรับกันและกัน เราไม่รู้จักกัน เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยจริงไหม “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” พี่เอ็มถาม ทำให้ฉันตั้งสติได้แล้วละสายตาจากคุณคานส์มามองพี่เอ็มแทน “เปล่าค่ะ” “ไปครับ พี่หิวจะแย่แล้ว” ไม่พูดเปล่าพี่เอ็มยังจับมือฉันพาเดินมาที่โต๊ะอีกด้วย ถึงฉันจะบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ทว่าพอเผลอไปมองคุณคานส์ก็เห็นเขาจ้องเขม็งที่หน้าของฉัน มันก็ทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนตัวสั่นอีกครั้ง ทำไมจู่ๆ ถึงได้รู้สึกผิดแบบนี้นะ ทั้งที่ระหว่างฉันกับเขามันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จะต้องมารู้สึกผิดอะไรนี่ “อลิชจะกินอะไรสั่งได้เลยนะครับ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” “พี่เอ็มสั่งเลยค่ะ อลิชยังไม่หิว” ฉันต้องปฏิเสธเพราะกลัวว่าถ้าสั่งอาหารมากินอาการแพ้ท้องมันจะกำเริบอีก “ทำไมล่ะครับ พี่นึกว่าอลิชจะมากินข้าวด้วยกันซะอีก” พี่เอ็มถามอย่างผิดหวัง “อลิชกินมาแล้วค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเสร็จไปดูหนังกันไหมครับ” “เอ่อ….” “นานๆ ทีพี่มากรุงเทพอลิชคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม ?” “ค่ะ ไป
คุณคานส์ถามเขาใช้สายตาดุดันมองหน้าฉันเขม็ง“เธออยู่ที่บ้านของฉัน แปลว่าเธอคือผู้หญิงของฉัน ถ้าไม่ใช่ก็อย่ามาเรียกร้องไห้ฉันรับผิดชอบ” “อลิชไม่ได้อยากให้คุณคานส์รับผิดชอบตั้งแต่แรกนี่คะ ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อ” ฉันตอบตามความจริง ไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องรับผิดชอบขึ้นมาอีกทำไม ในเมื่อเราตกลงกันไปแล้วแท้ๆ “แล้วยังไง ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ที่บ้านของใคร ?” “คุณคานส์เป็นอะไรคะ จะโกรธอลิชเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ทำไม อลิชเคยพูดเรื่องอิสระ เราควรมีระยะห่างให้กันไม่ใช่หรือไงคะ” “อิสระฉันให้เธอแน่ แต่ไม่ใช่การไปไหนมาไหนกับผู้ชายแบบนั้น” “แล้วถ้าเป็นคุณคานส์ไปกับผู้หญิงล่ะคะ จะผิดแบบนี้ไหม” “อย่ามายอกย้อนฉัน!!”“อลิชไม่ได้ยอกย้อน แค่อยากจะรู้ก็เท่านั้น…”“……” เขาไม่ได้ตอบ นั่นแปลว่าตัวเขาจะทำอะไร จะไปกับผู้หญิงคนไหนมันก็ไม่ผิด ต่างกับฉันที่แค่ขยับตัวจะทำอะไรมันก็ผิดหมดทุกอย่าง “คุณคานส์เป็นพ่อของลูกก็จริง แต่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตอลิชนะคะ” ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะกล้าพูดแบบนี้ออกไป ไม่เคยมีใครทำให้ฉันเหลืออดได้นอกจากผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของฉันตอนนี้ “ตอนนี้เธอคือผู้หญิงของฉัน จะเถียงเอาอะ
ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกในห้องน้ำ เนื้อตัวมันเต็มไปด้วยรอยช้ำเป็นจ้ำๆ แทบจะไม่มีที่ว่าง นั้งแต่เนินหน้าอกจนถึงเรียวขาอ่อน ฉันไม่ได้พูดเวอร์เกินจริง แต่คุณคานส์เขาทำรอยบนตัวของฉันแบบนั้นจริงๆ มันเป็นรอยที่มองแล้วน่าเกลียดที่สุด ฉันจะไม่มีทางให้รอยพวกนี้มันมาอยู่บนตัวของฉันอีกแน่ โชคดีที่รอยพวกนี้มันอยู่ในร่มผ้า ถ้ามีรอยที่คอหรือแขนฉันคงไม่กล้าไปไหนจนกว่ารอยพวกนี้จะหายแน่ๆ วันต่อมา ฉันถูกสั่งให้อยู่ที่บ้านเหมือนเดิม ได้ไปทำงานแค่ครึ่งวันเอง ถ้าเจอหน้าโมเมอีกครั้งฉันเองก็ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไงเหมือนกัน นี่ฉันเพิ่งวางสายจากพ่อไปเมื่อกี้เอง พ่อโทรมาถามว่าคุณคานส์เขาดูแลฉันดีหรือเปล่า ซึ่งฉันเองก็ตอบไปว่าเขาดูแลฉันดีมาก ฉันไม่ได้โกหกเรื่องที่คุณคานส์ดูแลดี มันเป็นแบบนั้นจริงๆ มาอยู่ที่นี่ฉันไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย มีคนคอยทำให้ จะติดก็แค่เรื่องคำพูดของเขา และเรื่องเซ็กส์ที่เขามีความต้องการมากจนเกินไป แต่เรื่องนี้ฉันไม่ได้บอกพ่อ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะบอก ตอนนี้ฉันออกมาหาแพรวันนี้เธออยู่ที่คอนโดไม่ได้เปิดร้าน “แกไม่แพ้ท้องแล้วหรออลิช” “ก็มีแพ้บ้าง” “กินข้าวมาหรือยัง ม
ฉันได้แต่นั่งเงียบเพราะมันยังตกใจกับคำพูดของพ่อคุณคานส์อยู่ ไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรถึงได้คิดจะให้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกัน ซึ่งถ้าถามความต้องการของฉัน ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น “แกไม่ได้บอก แต่ฉันสั่ง!!” พ่อคุณคานส์บอกในเชิงบังคับ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้คุณคานส์ไม่พอใจเอามากๆ เขาลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับพ่อของตัวเองอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว “ผมโตแล้ว พ่อไม่มีสิทธิ์บังคับแบบนี้”“ใช่แกโตแล้ว ที่ผ่านมาฉันปล่อยให้แกทำตามอำเภอใจทุกอย่าง หึ!! แล้วเป็นยังไงผลลัพธ์ที่ได้ แกทำผู้หญิงท้อง นี่สินะคำที่บอกว่าโตแล้วของแก” “ผมจัดการเรื่องนี้เองพ่อไม่ต้องมายุ่ง” “เรื่องนี้ฉันคงไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะนั่นก็หลานของฉันเหมือนกัน” “หลานก็ส่วนหลาน มันไม่เกี่ยวอะไรกับการแต่งงาน” “แกควรแสดงความเป็นลูกผู้ชายให้มากกว่านี้นะตาคานส์ ถ้าแม่แกยังอยู่คงจะผิดหวังที่มีลูกชายอย่างแก” “ผมก็รับผิดชอบเธอไปแล้วด้วยการจดทะเบียนสมรส รับมาดูแลที่บ้าน แค่นี้มันก็มากพ่อแล้วจะแต่งงานประกาศให้คนอื่นรู้ไปเพื่ออะไรครับ ถ้าเด็กในท้องเธอไม่ใช่ลูกผมคนที่น่าอับอายมากที่สุดก็คือคุณพ่อ ไม่ใช่ผม ห่วงชื่อเสียงของตัวเองมากไม่ใช่หรือไงครับ”คุณคานส์ยั
คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หลังจากที่ฉันถาม ก่อนที่เขาจะบอกเสียงแข็ง “ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องไป” คุณคานส์นี่ก็แปลก จะอยากรู้ไปทำไมถึงกับพูดว่าถ้าฉันไม่บอกก็ไม่ต้องไป เฮ้อ… ฉันได้แต่นึกบ่นในใจจากนั้นก็บอกคุณคานส์ว่าห้องแพรเพื่อนสนิทที่ฉันจะไปนอนกับเธออยู่ที่ไหน แล้วพอเขารู้ก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก หันหลังเดินเข้าไปในตัวบ้านเลย เขาอยากจะรู้แค่นี้จริงๆ สิเนอะ เช้าวันต่อมา ฉันเก็บเสื้อผ้าสองชุดใส่กระเป๋าเป้สะพาย เพื่อจะไปนอนกับแพร เมื่อคืนได้โทรบอกแพรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “พี่เจจะไปส่งหรอคะ” มันแปลกใจพอเดินออกมาจากบ้านก็เห็นว่าพี่เจกำลังยืนรออยู่ที่รถแล้ว“ใช่ครับ นายสั่งให้ผมไปส่ง และห้ามให้คุณอลิชไปเองเด็ดขาด” พี่เจพูดดักไว้เพราะรู้ว่าฉันคงต้องขอให้เขาไม่ต้องไปส่งแน่ๆ “ค่ะ ไปก็ไป” พูดจบฉันก็เดินมาเปิดประตูรถเข้ามานั่งด้านใน ก่อนที่รถหรูจะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบ้านช้าๆ #คอนโดแพร ฉันเอาของวางไว้แล้วนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ เพื่อปล่อยวางความคิดฟุ้งซ่านที่ทำให้ตัวเองเครียด “แกมาอยู่กับฉันแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เลยใช่ไหมอลิช” แพรถาม เมื่อคืนเธอก็ถามประโยคนี้แต่ฉันปฏิเสธออกไป
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห