คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หลังจากที่ฉันถาม ก่อนที่เขาจะบอกเสียงแข็ง “ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องไป” คุณคานส์นี่ก็แปลก จะอยากรู้ไปทำไมถึงกับพูดว่าถ้าฉันไม่บอกก็ไม่ต้องไป เฮ้อ… ฉันได้แต่นึกบ่นในใจจากนั้นก็บอกคุณคานส์ว่าห้องแพรเพื่อนสนิทที่ฉันจะไปนอนกับเธออยู่ที่ไหน แล้วพอเขารู้ก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก หันหลังเดินเข้าไปในตัวบ้านเลย เขาอยากจะรู้แค่นี้จริงๆ สิเนอะ เช้าวันต่อมา ฉันเก็บเสื้อผ้าสองชุดใส่กระเป๋าเป้สะพาย เพื่อจะไปนอนกับแพร เมื่อคืนได้โทรบอกแพรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “พี่เจจะไปส่งหรอคะ” มันแปลกใจพอเดินออกมาจากบ้านก็เห็นว่าพี่เจกำลังยืนรออยู่ที่รถแล้ว“ใช่ครับ นายสั่งให้ผมไปส่ง และห้ามให้คุณอลิชไปเองเด็ดขาด” พี่เจพูดดักไว้เพราะรู้ว่าฉันคงต้องขอให้เขาไม่ต้องไปส่งแน่ๆ “ค่ะ ไปก็ไป” พูดจบฉันก็เดินมาเปิดประตูรถเข้ามานั่งด้านใน ก่อนที่รถหรูจะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบ้านช้าๆ #คอนโดแพร ฉันเอาของวางไว้แล้วนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ เพื่อปล่อยวางความคิดฟุ้งซ่านที่ทำให้ตัวเองเครียด “แกมาอยู่กับฉันแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เลยใช่ไหมอลิช” แพรถาม เมื่อคืนเธอก็ถามประโยคนี้แต่ฉันปฏิเสธออกไป
หลังจากวงสายฉันก็เดินกลับเข้ามาในคลับ ตอนนี้คุณคานส์กำลังมารับ “ไปนานจัง” แพรท้วงขึ้นมาเมื่อฉันนั่งลงที่เดิม “แพรฉันต้องกลับแล้วนะ” “หื้อ! กลับอะไรของแกเราเพิ่งมาเองนะ” “ฉันขอโทษ เมื่อกี้คุณคานส์โทรมา ขะ เขากำลังมารับฉัน” “เดี๋ยวนะอลิช! เขารู้หรอว่าแกอยู่ที่นี่” “อื้อ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ได้ยังไง”“ต้องให้คนคอยสะกดรอยตามแกแหงๆ เลย” “……” ถ้าคุณคานส์ทำแบบที่แพรว่ามันก็แย่มากเลยนะ การให้คนคอยสะกดรอยตามมันเหมือนเป็นการคุกคามชีวิตส่วนตัวของฉัน“ทำอย่างกับหวงแกมาก นี่ถ้าผู้ชายไม่สนใจคงไม่ตามถูกมะ” “ก็ฉันท้องลูกของเขาอยู่ไง” ฉันหาเหตุผลมาหักล้างคำว่าหวงที่แพรบอก ไม่มีทางที่คุณคานส์จะหวงฉันหรอก “แต่เขาไม่เชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกตัวเองถึงขนาดจะต้องขอตรวจดีเอ็นเอ แบบนี่เรียกหวงเหอะอย่ามาอ้างว่าแกท้องเลย”“ไปกันใหญ่แล้วแพร เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว” ครืด~ โทรศัพท์ในมือของฉันสั่นขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าคุณคานส์โทรมา ฉันจึงรีบบอกแพร“แกจะกลับเลยไหมคุณคานส์เขาโทรมาแล้ว”“อีกสักพักเดี๋ยวฉันก็กลับ ขอนั่งต่ออีกสักหน่อย”“ขอโทษนะที่ต้องทิ้งแกแบบนี้” ฉันบอกเพื่อนอย่างรู้สึกผิด “ไม่ต้
คุณคานส์กดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉัน แปลกที่ครั้งนี้ฉันไม่ขัดขืน ยอมให้เขาจูบแถมยังใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ทำไมกัน ทำไมคำพูดพวกนั้นถึงทำให้ฉันหวั่นไหวได้มากขนาดนี้ คุณคานส์สอดมือเข้ามาในเสื้อ เขาเลื้อยลูบไล้บริเวณหน้าท้องของฉันแล้วเลื้อยขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอกอวบอิ่มทั้งสองเต้าฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกของฉันพร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าวของคุณคานส์ที่เริ่มไม่คงที่ บ่งบอกว่าเขาเริ่มมีอารมณ์ “อื้อ~” ฉันร้องประท้วงในลำคอเพราะถูกคุณคานส์งับเขี้ยวฟันลงมาบนริมฝีปาก เขาเกิดนึกบ้าอะไรขึ้นมาอีก สิ้นสุดเสียงร้องท้วงจากฉันคุณคานส์ก็ผละริมฝีปากออก สีหน้าของเขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด คุณคานส์หยัดตัวขึ้น เขาถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามที่แขนและซิกแพคเรียงรายสวยงานที่หน้าท้อง มันไม่ได้มีเยอะจนน่ากลัว แต่มันน่าสัมผัสต่างห่าง นะ นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่ !ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเบือนหน้าหนี หลังจากที่คุณคานส์ถอดเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จเขาก็ปลดกางเกงของฉันลง และฉันก็ยังนอนนิ่งอยู่ ทั้งที่ควรห้าม เมื่อร่างกายของฉันและคุณคานส์ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่แล้วเขาก็แทรกตัวมาตรงกลางระหว่างขอของฉัน “ทะ ทำเบาๆ นะคะ”
ฉันเดินมาทางห้องน้ำโดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ ฉันจึงหันไปมองเขาด้วยความระแวงกลัวว่าเขาคิดจะทำอะไรไม่ดีที่ตามมาแบบนี้ พรึบ! “โอ้ย!!” ด้วยความที่เอาแต่หันมองคุณคานส์ พอหันหน้ามาก็ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งอย่างจังจนเกือบจะล้ม โชคดีที่คุณคานส์รับไว้ทัน “ไม่มีตาหรือไงห๊ะ! ถึงไม่เห็นว่ามีคนเดินอยู่” คุณคานส์ตวาดถามคนที่ชนกับฉันเสียงดังลั่น เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องโกรธมากขนาดนั้น“คุณคานส์คะ อลิชผิดเองที่ไม่ได้มอง” ฉันรีบบอกเพราะกลัวว่าคุณคานส์จะหาเรื่องผู้ชายคนนั้นไปมากกว่านี้“ขอโทษครับผมไม่ทันมอง” เขาตอบแล้วรีบเดินหนีไปเลย หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปคุณคานส์ก็มองฉันด้วยสายตาที่ดุดันราวกับว่าฉันเพิ่งทำอะไรที่มันผิดเอามากๆ“ทำไมไม่รู้จักมองทาง ถ้าพลาดล้มขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น”“……”“เธอควรดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” “…….” ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวพอได้ฟังคำพูดนั้น เขายอมรับแล้วอย่างนั้นหรอว่าในท้องของฉันคือลูกเขา ทั้งที่อยากจะตรวจดีเอ็นเอเพราะไม่มั่นใจไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงพูดว่าลูกตัวเองอย่างไม่ลังเล
“มะ ไม่ใช่นะคะ” ฉันรีบเอามืออลันออกจากเอว ใครจะไปคิดว่าจะเจอคุณคานส์ แถมเขายังมาได้จังหวะแบบนี้ “คือว่า…” “สรุปมันยังไงกันแน่ เธอเป็นเมียอลันหรือไม่ใช่” ผู้หญิงตรงหน้าถามย้ำ ถึงอยากจะช่วยน้องชายแต่ฉันก็ไม่กล้าตอบเพราะตอนนี้ถูกคุณคานส์จ้องเขม็ง ฉันรีบดึงแขนคุณคานส์เข้ามาในห้องของอลัน แต่คุณคานส์กลับทำตัวแข็งทื่อไม่ยอมเข้ามา “เข้ามาก่อนค่ะ” “เธอบอกให้ฉันเข้าไปในห้องมัน ทั้งที่มันก็เป็นผัวเธออีกคน ?” คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “เอาสมองไหนคิด ?”“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงคะ” จะบอกว่าอลันเป็นน้องชายก็ไม่ได้เพราะผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดของตัวเองดึงคุณคานส์เข้ามาในห้องจนสำเร็จ “ล็อกประตูด้วยล่ะ เดี๋ยวผู้หญิงคนนั้นจะเปิดเข้ามา” “ทำไม? เธอไปแย่งผัวคนอื่นหรือไง” “มานี่เลยค่ะ” ฉันดึงตัวคุณคานส์ออกห่างจากประตู พาเขาเดินมาตรงโซฟา จากนั้นคุณคานส์ก็สะบัดอย่างแรงทำให้มือฉันหลุดออกจากแขนของเขา “ฟังอลิชก่อนนะคะ”“ถ้าฉันไม่ให้ไอ้โจคอยตามดูเธอ คงไม่รู้ว่าเธอแอบมาหาผู้ชายและนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาหามัน!!” คุณคานส์พูดแบบนี้แปลว่าที่ผ่านมาตอนที่ฉันออกไปไหนมาไหนข
ใบหน้าของฉันมันร้อนวูบวาบเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของคุณคานส์เมื่อครู่ จู่ๆ ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น “อลิชว่าเรื่องนี้คุณคานส์ลองคิดใหม่ดีๆ ก่อนดีกว่านะคะ” ฉันพูดเตือนสติ คุณคานส์อาจจะกำลังโกรธอยู่จึงบอกแบบนั้น เขาคงเป็นคนประเภทที่ไม่ยอมเสียหน้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าอยากจะแต่งงานเลยสักนิด “ฉันคิดดีแล้ว อีกสามวันฉันจะพาเธอไปดูชุดแต่งงาน” “ทะ ทำไมจู่ๆ ถึงคิดอยากจะแต่งงานล่ะคะ” ฉันยืนตัวเกร็งหายใจไม่ทั่วท้องด้วยความที่ตอนนี้ใบหน้าของฉันกับคุณคานส์อยู่ใกล้กันมากๆ “ก็ไม่ทำไม แค่อยากแต่ง” คำตอบนั้นทำให้ฉันงุนงง มันเป็นแบบนั้นได้ด้วยหรอ แค่รู้สึกอยากแต่งเองน่ะหรอ “….แต่อลิชไม่อยาก” ฉันปฏิเสธออกไปตามความจริง อย่างที่บอกว่าเรื่องแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย มันคือชีวิตทั้งชีวิตต่างหาก“ขึ้นรถ” คุณคานส์ผละตัวออกห่าง เขาออกคำสั่งให้ฉันขึ้นรถ สรุปแล้วเขาเข้าใจที่ฉันบอกหรือเปล่าว่าไม่อยากแต่งงานน่ะ “จะเดินขึ้นเองดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้ม ?” หัวคิ้วหนาขมวดชนกันอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นฉันยืนนิ่งราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกไปจากร่าง “ขะ ขึ้นเองค่ะ” ฉันก้มหน้าลงเม้มปากแน่นแล้วเดินอ้อมมาขึ้นรถ
ฉันทำขนมต่อด้วยอาการที่เหม่อลอย ในใจมันเต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านที่เห็นผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้าน ถึงแม้ว่าเธอจะมากับพ่อของเธอ แต่ฉันก็อดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี ทำยังไง ฉันควรทำยังไงดีถึงจะดึงตัวเองออกมาจากความรู้สึกแบบนี้ได้ ไม่ได้รักเขาไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงต้องคิดฟุ้งซ่านมากขนาดนี้ด้วย “กลิ่นหอมจังเลยค่ะ” เสียงของผู้หญิงดังขึ้น ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ก่อนจะหันมองไปยังต้นเสียง คนที่ท้วงขึ้นคือผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเปีย “พอดีเปียมาเข้าห้องน้ำ ได้กล่ินหอมเตะจมูกเลยแวะมาดู ^_^” “…ค่ะ” เธอเดินเข้ามาในครัวมองดูคุกกี้ที่อยู่ในจาน แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน “ขอได้ไหมคะ” “…….” ฉันเงียบ มันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความเป็นมิตรเอาซะเลย ถึงเธอจะพูดเพราะแต่สายตานั้นกลับสวนทางสิ้นเชิง“เปียหมายถึงขนมน่ะค่ะ ^_^” “ได้ค่ะ” “ขอทั้งหมดเลยนะคะ ^_^” “ถ้าอยากกินก็เอาไปเลยค่ะ เดี๋ยวอลิชอบใหม่ก็ได้” “ค่ะ น่ากินมากจริงๆ ^_^” เธอยกจานคุกกี้ขึ้น ทำเหมือนจะเดินออกไป แต่ก็ยังหยุดเดินแล้วหันมาถามฉัน “กำลังจะแต่งงานกับเฮียหรอคะ”“….ค่ะ” “คุณพ่อบอกว่าพี่อลิชท้อง ถ้าเป็นลูกของเฮียจริงๆ เปียก็ยินดีด้วยนะคะ ^_^” เธ
ฉันรีบแกะมือคุณคานส์ออก แล้วบอก “อะ อลิชเพลียมากเลยค่ะ เริ่มรู้สึกเวียนหัวอีกแล้ว” ที่บอกไปฉันแค่แกล้ง ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าป้องกันตัวให้หลุดพ้นจากอาการบ้ากามของผู้ชายตรงหน้า อยู่ที่นี่กับเขาไปนานๆ ฉันก็ต้องเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเอง “ตอนแรกยังดีๆ อยู่” คุณคานส์ขมวดคิ้วเข้มมองฉันอย่างไม่เชื่อ “เพิ่งเป็นเมื่อกี้ไงคะ” “กระทันหันว่างั้น ?”“ชะ ใช่ค่ะ” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาดันตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง พอฉันจะเอนตัวหนีก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับที่ต้นคอไว้ “อื้อ จะทำอะไรคะ” “คิดว่าฉันรู้ไม่ทันแผนตื้นๆ ของเธอหรือไง”“…….” ก็ใช่สิ ฉันก็คิดได้แค่นี้หนิ “อาทิตย์นี้ฉันจะไม่ทำอะไร อาทิตย์หน้าเตรียมตัวไว้ให้ดี” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังแบบนั้น แต่ถ้าจะให้ดีหยุดไปตลอดเลยคงจะดีมาก คุณคานส์จับตัวของฉันให้ลงมาจากตัวของเขา ฉันจึงรีบนอนลงแล้วห่มผ้า แต่ใครจะไปคิดว่าคุณคานส์จะนอนลงข้างๆ กับฉันด้วย “คืนนี้ฉันจะออกไปงานเปิดตัวโชว์รูมรถของเพื่อนฉัน เธอจะไปด้วยหรือเปล่า” มันน่าแปลกใจที่จู่ๆ คุณคานส์ก็นึกอยากจะชวนฉันไปงานด้วย ทั้งที่ปกติเข้าไม่เคยชวนเลยสักครั้ง “กลับดึกหรือเปล่าคะ” “สี่ห