คุณคานส์ถามเขาใช้สายตาดุดันมองหน้าฉันเขม็ง“เธออยู่ที่บ้านของฉัน แปลว่าเธอคือผู้หญิงของฉัน ถ้าไม่ใช่ก็อย่ามาเรียกร้องไห้ฉันรับผิดชอบ” “อลิชไม่ได้อยากให้คุณคานส์รับผิดชอบตั้งแต่แรกนี่คะ ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อ” ฉันตอบตามความจริง ไม่รู้ว่าเขาจะพูดเรื่องรับผิดชอบขึ้นมาอีกทำไม ในเมื่อเราตกลงกันไปแล้วแท้ๆ “แล้วยังไง ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ที่บ้านของใคร ?” “คุณคานส์เป็นอะไรคะ จะโกรธอลิชเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ทำไม อลิชเคยพูดเรื่องอิสระ เราควรมีระยะห่างให้กันไม่ใช่หรือไงคะ” “อิสระฉันให้เธอแน่ แต่ไม่ใช่การไปไหนมาไหนกับผู้ชายแบบนั้น” “แล้วถ้าเป็นคุณคานส์ไปกับผู้หญิงล่ะคะ จะผิดแบบนี้ไหม” “อย่ามายอกย้อนฉัน!!”“อลิชไม่ได้ยอกย้อน แค่อยากจะรู้ก็เท่านั้น…”“……” เขาไม่ได้ตอบ นั่นแปลว่าตัวเขาจะทำอะไร จะไปกับผู้หญิงคนไหนมันก็ไม่ผิด ต่างกับฉันที่แค่ขยับตัวจะทำอะไรมันก็ผิดหมดทุกอย่าง “คุณคานส์เป็นพ่อของลูกก็จริง แต่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตอลิชนะคะ” ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะกล้าพูดแบบนี้ออกไป ไม่เคยมีใครทำให้ฉันเหลืออดได้นอกจากผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของฉันตอนนี้ “ตอนนี้เธอคือผู้หญิงของฉัน จะเถียงเอาอะ
ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกในห้องน้ำ เนื้อตัวมันเต็มไปด้วยรอยช้ำเป็นจ้ำๆ แทบจะไม่มีที่ว่าง นั้งแต่เนินหน้าอกจนถึงเรียวขาอ่อน ฉันไม่ได้พูดเวอร์เกินจริง แต่คุณคานส์เขาทำรอยบนตัวของฉันแบบนั้นจริงๆ มันเป็นรอยที่มองแล้วน่าเกลียดที่สุด ฉันจะไม่มีทางให้รอยพวกนี้มันมาอยู่บนตัวของฉันอีกแน่ โชคดีที่รอยพวกนี้มันอยู่ในร่มผ้า ถ้ามีรอยที่คอหรือแขนฉันคงไม่กล้าไปไหนจนกว่ารอยพวกนี้จะหายแน่ๆ วันต่อมา ฉันถูกสั่งให้อยู่ที่บ้านเหมือนเดิม ได้ไปทำงานแค่ครึ่งวันเอง ถ้าเจอหน้าโมเมอีกครั้งฉันเองก็ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไงเหมือนกัน นี่ฉันเพิ่งวางสายจากพ่อไปเมื่อกี้เอง พ่อโทรมาถามว่าคุณคานส์เขาดูแลฉันดีหรือเปล่า ซึ่งฉันเองก็ตอบไปว่าเขาดูแลฉันดีมาก ฉันไม่ได้โกหกเรื่องที่คุณคานส์ดูแลดี มันเป็นแบบนั้นจริงๆ มาอยู่ที่นี่ฉันไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย มีคนคอยทำให้ จะติดก็แค่เรื่องคำพูดของเขา และเรื่องเซ็กส์ที่เขามีความต้องการมากจนเกินไป แต่เรื่องนี้ฉันไม่ได้บอกพ่อ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะบอก ตอนนี้ฉันออกมาหาแพรวันนี้เธออยู่ที่คอนโดไม่ได้เปิดร้าน “แกไม่แพ้ท้องแล้วหรออลิช” “ก็มีแพ้บ้าง” “กินข้าวมาหรือยัง ม
ฉันได้แต่นั่งเงียบเพราะมันยังตกใจกับคำพูดของพ่อคุณคานส์อยู่ ไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรถึงได้คิดจะให้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกัน ซึ่งถ้าถามความต้องการของฉัน ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น “แกไม่ได้บอก แต่ฉันสั่ง!!” พ่อคุณคานส์บอกในเชิงบังคับ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้คุณคานส์ไม่พอใจเอามากๆ เขาลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับพ่อของตัวเองอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว “ผมโตแล้ว พ่อไม่มีสิทธิ์บังคับแบบนี้”“ใช่แกโตแล้ว ที่ผ่านมาฉันปล่อยให้แกทำตามอำเภอใจทุกอย่าง หึ!! แล้วเป็นยังไงผลลัพธ์ที่ได้ แกทำผู้หญิงท้อง นี่สินะคำที่บอกว่าโตแล้วของแก” “ผมจัดการเรื่องนี้เองพ่อไม่ต้องมายุ่ง” “เรื่องนี้ฉันคงไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะนั่นก็หลานของฉันเหมือนกัน” “หลานก็ส่วนหลาน มันไม่เกี่ยวอะไรกับการแต่งงาน” “แกควรแสดงความเป็นลูกผู้ชายให้มากกว่านี้นะตาคานส์ ถ้าแม่แกยังอยู่คงจะผิดหวังที่มีลูกชายอย่างแก” “ผมก็รับผิดชอบเธอไปแล้วด้วยการจดทะเบียนสมรส รับมาดูแลที่บ้าน แค่นี้มันก็มากพ่อแล้วจะแต่งงานประกาศให้คนอื่นรู้ไปเพื่ออะไรครับ ถ้าเด็กในท้องเธอไม่ใช่ลูกผมคนที่น่าอับอายมากที่สุดก็คือคุณพ่อ ไม่ใช่ผม ห่วงชื่อเสียงของตัวเองมากไม่ใช่หรือไงครับ”คุณคานส์ยั
คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หลังจากที่ฉันถาม ก่อนที่เขาจะบอกเสียงแข็ง “ถ้าไม่บอกก็ไม่ต้องไป” คุณคานส์นี่ก็แปลก จะอยากรู้ไปทำไมถึงกับพูดว่าถ้าฉันไม่บอกก็ไม่ต้องไป เฮ้อ… ฉันได้แต่นึกบ่นในใจจากนั้นก็บอกคุณคานส์ว่าห้องแพรเพื่อนสนิทที่ฉันจะไปนอนกับเธออยู่ที่ไหน แล้วพอเขารู้ก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก หันหลังเดินเข้าไปในตัวบ้านเลย เขาอยากจะรู้แค่นี้จริงๆ สิเนอะ เช้าวันต่อมา ฉันเก็บเสื้อผ้าสองชุดใส่กระเป๋าเป้สะพาย เพื่อจะไปนอนกับแพร เมื่อคืนได้โทรบอกแพรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว “พี่เจจะไปส่งหรอคะ” มันแปลกใจพอเดินออกมาจากบ้านก็เห็นว่าพี่เจกำลังยืนรออยู่ที่รถแล้ว“ใช่ครับ นายสั่งให้ผมไปส่ง และห้ามให้คุณอลิชไปเองเด็ดขาด” พี่เจพูดดักไว้เพราะรู้ว่าฉันคงต้องขอให้เขาไม่ต้องไปส่งแน่ๆ “ค่ะ ไปก็ไป” พูดจบฉันก็เดินมาเปิดประตูรถเข้ามานั่งด้านใน ก่อนที่รถหรูจะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบ้านช้าๆ #คอนโดแพร ฉันเอาของวางไว้แล้วนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ เพื่อปล่อยวางความคิดฟุ้งซ่านที่ทำให้ตัวเองเครียด “แกมาอยู่กับฉันแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เลยใช่ไหมอลิช” แพรถาม เมื่อคืนเธอก็ถามประโยคนี้แต่ฉันปฏิเสธออกไป
หลังจากวงสายฉันก็เดินกลับเข้ามาในคลับ ตอนนี้คุณคานส์กำลังมารับ “ไปนานจัง” แพรท้วงขึ้นมาเมื่อฉันนั่งลงที่เดิม “แพรฉันต้องกลับแล้วนะ” “หื้อ! กลับอะไรของแกเราเพิ่งมาเองนะ” “ฉันขอโทษ เมื่อกี้คุณคานส์โทรมา ขะ เขากำลังมารับฉัน” “เดี๋ยวนะอลิช! เขารู้หรอว่าแกอยู่ที่นี่” “อื้อ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ได้ยังไง”“ต้องให้คนคอยสะกดรอยตามแกแหงๆ เลย” “……” ถ้าคุณคานส์ทำแบบที่แพรว่ามันก็แย่มากเลยนะ การให้คนคอยสะกดรอยตามมันเหมือนเป็นการคุกคามชีวิตส่วนตัวของฉัน“ทำอย่างกับหวงแกมาก นี่ถ้าผู้ชายไม่สนใจคงไม่ตามถูกมะ” “ก็ฉันท้องลูกของเขาอยู่ไง” ฉันหาเหตุผลมาหักล้างคำว่าหวงที่แพรบอก ไม่มีทางที่คุณคานส์จะหวงฉันหรอก “แต่เขาไม่เชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกตัวเองถึงขนาดจะต้องขอตรวจดีเอ็นเอ แบบนี่เรียกหวงเหอะอย่ามาอ้างว่าแกท้องเลย”“ไปกันใหญ่แล้วแพร เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว” ครืด~ โทรศัพท์ในมือของฉันสั่นขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าคุณคานส์โทรมา ฉันจึงรีบบอกแพร“แกจะกลับเลยไหมคุณคานส์เขาโทรมาแล้ว”“อีกสักพักเดี๋ยวฉันก็กลับ ขอนั่งต่ออีกสักหน่อย”“ขอโทษนะที่ต้องทิ้งแกแบบนี้” ฉันบอกเพื่อนอย่างรู้สึกผิด “ไม่ต้
คุณคานส์กดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉัน แปลกที่ครั้งนี้ฉันไม่ขัดขืน ยอมให้เขาจูบแถมยังใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ทำไมกัน ทำไมคำพูดพวกนั้นถึงทำให้ฉันหวั่นไหวได้มากขนาดนี้ คุณคานส์สอดมือเข้ามาในเสื้อ เขาเลื้อยลูบไล้บริเวณหน้าท้องของฉันแล้วเลื้อยขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอกอวบอิ่มทั้งสองเต้าฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกของฉันพร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าวของคุณคานส์ที่เริ่มไม่คงที่ บ่งบอกว่าเขาเริ่มมีอารมณ์ “อื้อ~” ฉันร้องประท้วงในลำคอเพราะถูกคุณคานส์งับเขี้ยวฟันลงมาบนริมฝีปาก เขาเกิดนึกบ้าอะไรขึ้นมาอีก สิ้นสุดเสียงร้องท้วงจากฉันคุณคานส์ก็ผละริมฝีปากออก สีหน้าของเขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด คุณคานส์หยัดตัวขึ้น เขาถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามที่แขนและซิกแพคเรียงรายสวยงานที่หน้าท้อง มันไม่ได้มีเยอะจนน่ากลัว แต่มันน่าสัมผัสต่างห่าง นะ นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่ !ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเบือนหน้าหนี หลังจากที่คุณคานส์ถอดเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จเขาก็ปลดกางเกงของฉันลง และฉันก็ยังนอนนิ่งอยู่ ทั้งที่ควรห้าม เมื่อร่างกายของฉันและคุณคานส์ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่แล้วเขาก็แทรกตัวมาตรงกลางระหว่างขอของฉัน “ทะ ทำเบาๆ นะคะ”
ฉันเดินมาทางห้องน้ำโดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ ฉันจึงหันไปมองเขาด้วยความระแวงกลัวว่าเขาคิดจะทำอะไรไม่ดีที่ตามมาแบบนี้ พรึบ! “โอ้ย!!” ด้วยความที่เอาแต่หันมองคุณคานส์ พอหันหน้ามาก็ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งอย่างจังจนเกือบจะล้ม โชคดีที่คุณคานส์รับไว้ทัน “ไม่มีตาหรือไงห๊ะ! ถึงไม่เห็นว่ามีคนเดินอยู่” คุณคานส์ตวาดถามคนที่ชนกับฉันเสียงดังลั่น เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องโกรธมากขนาดนั้น“คุณคานส์คะ อลิชผิดเองที่ไม่ได้มอง” ฉันรีบบอกเพราะกลัวว่าคุณคานส์จะหาเรื่องผู้ชายคนนั้นไปมากกว่านี้“ขอโทษครับผมไม่ทันมอง” เขาตอบแล้วรีบเดินหนีไปเลย หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปคุณคานส์ก็มองฉันด้วยสายตาที่ดุดันราวกับว่าฉันเพิ่งทำอะไรที่มันผิดเอามากๆ“ทำไมไม่รู้จักมองทาง ถ้าพลาดล้มขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น”“……”“เธอควรดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” “…….” ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวพอได้ฟังคำพูดนั้น เขายอมรับแล้วอย่างนั้นหรอว่าในท้องของฉันคือลูกเขา ทั้งที่อยากจะตรวจดีเอ็นเอเพราะไม่มั่นใจไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงพูดว่าลูกตัวเองอย่างไม่ลังเล
“มะ ไม่ใช่นะคะ” ฉันรีบเอามืออลันออกจากเอว ใครจะไปคิดว่าจะเจอคุณคานส์ แถมเขายังมาได้จังหวะแบบนี้ “คือว่า…” “สรุปมันยังไงกันแน่ เธอเป็นเมียอลันหรือไม่ใช่” ผู้หญิงตรงหน้าถามย้ำ ถึงอยากจะช่วยน้องชายแต่ฉันก็ไม่กล้าตอบเพราะตอนนี้ถูกคุณคานส์จ้องเขม็ง ฉันรีบดึงแขนคุณคานส์เข้ามาในห้องของอลัน แต่คุณคานส์กลับทำตัวแข็งทื่อไม่ยอมเข้ามา “เข้ามาก่อนค่ะ” “เธอบอกให้ฉันเข้าไปในห้องมัน ทั้งที่มันก็เป็นผัวเธออีกคน ?” คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “เอาสมองไหนคิด ?”“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงคะ” จะบอกว่าอลันเป็นน้องชายก็ไม่ได้เพราะผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดของตัวเองดึงคุณคานส์เข้ามาในห้องจนสำเร็จ “ล็อกประตูด้วยล่ะ เดี๋ยวผู้หญิงคนนั้นจะเปิดเข้ามา” “ทำไม? เธอไปแย่งผัวคนอื่นหรือไง” “มานี่เลยค่ะ” ฉันดึงตัวคุณคานส์ออกห่างจากประตู พาเขาเดินมาตรงโซฟา จากนั้นคุณคานส์ก็สะบัดอย่างแรงทำให้มือฉันหลุดออกจากแขนของเขา “ฟังอลิชก่อนนะคะ”“ถ้าฉันไม่ให้ไอ้โจคอยตามดูเธอ คงไม่รู้ว่าเธอแอบมาหาผู้ชายและนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาหามัน!!” คุณคานส์พูดแบบนี้แปลว่าที่ผ่านมาตอนที่ฉันออกไปไหนมาไหนข
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห