คุณคานส์กดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉัน แปลกที่ครั้งนี้ฉันไม่ขัดขืน ยอมให้เขาจูบแถมยังใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ทำไมกัน ทำไมคำพูดพวกนั้นถึงทำให้ฉันหวั่นไหวได้มากขนาดนี้ คุณคานส์สอดมือเข้ามาในเสื้อ เขาเลื้อยลูบไล้บริเวณหน้าท้องของฉันแล้วเลื้อยขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอกอวบอิ่มทั้งสองเต้าฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกของฉันพร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าวของคุณคานส์ที่เริ่มไม่คงที่ บ่งบอกว่าเขาเริ่มมีอารมณ์ “อื้อ~” ฉันร้องประท้วงในลำคอเพราะถูกคุณคานส์งับเขี้ยวฟันลงมาบนริมฝีปาก เขาเกิดนึกบ้าอะไรขึ้นมาอีก สิ้นสุดเสียงร้องท้วงจากฉันคุณคานส์ก็ผละริมฝีปากออก สีหน้าของเขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด คุณคานส์หยัดตัวขึ้น เขาถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามที่แขนและซิกแพคเรียงรายสวยงานที่หน้าท้อง มันไม่ได้มีเยอะจนน่ากลัว แต่มันน่าสัมผัสต่างห่าง นะ นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่ !ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเบือนหน้าหนี หลังจากที่คุณคานส์ถอดเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จเขาก็ปลดกางเกงของฉันลง และฉันก็ยังนอนนิ่งอยู่ ทั้งที่ควรห้าม เมื่อร่างกายของฉันและคุณคานส์ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่แล้วเขาก็แทรกตัวมาตรงกลางระหว่างขอของฉัน “ทะ ทำเบาๆ นะคะ”
ฉันเดินมาทางห้องน้ำโดยมีคุณคานส์เดินตามหลังมาติดๆ ฉันจึงหันไปมองเขาด้วยความระแวงกลัวว่าเขาคิดจะทำอะไรไม่ดีที่ตามมาแบบนี้ พรึบ! “โอ้ย!!” ด้วยความที่เอาแต่หันมองคุณคานส์ พอหันหน้ามาก็ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งอย่างจังจนเกือบจะล้ม โชคดีที่คุณคานส์รับไว้ทัน “ไม่มีตาหรือไงห๊ะ! ถึงไม่เห็นว่ามีคนเดินอยู่” คุณคานส์ตวาดถามคนที่ชนกับฉันเสียงดังลั่น เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องโกรธมากขนาดนั้น“คุณคานส์คะ อลิชผิดเองที่ไม่ได้มอง” ฉันรีบบอกเพราะกลัวว่าคุณคานส์จะหาเรื่องผู้ชายคนนั้นไปมากกว่านี้“ขอโทษครับผมไม่ทันมอง” เขาตอบแล้วรีบเดินหนีไปเลย หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นเดินไปคุณคานส์ก็มองฉันด้วยสายตาที่ดุดันราวกับว่าฉันเพิ่งทำอะไรที่มันผิดเอามากๆ“ทำไมไม่รู้จักมองทาง ถ้าพลาดล้มขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น”“……”“เธอควรดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” “…….” ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวพอได้ฟังคำพูดนั้น เขายอมรับแล้วอย่างนั้นหรอว่าในท้องของฉันคือลูกเขา ทั้งที่อยากจะตรวจดีเอ็นเอเพราะไม่มั่นใจไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงพูดว่าลูกตัวเองอย่างไม่ลังเล
“มะ ไม่ใช่นะคะ” ฉันรีบเอามืออลันออกจากเอว ใครจะไปคิดว่าจะเจอคุณคานส์ แถมเขายังมาได้จังหวะแบบนี้ “คือว่า…” “สรุปมันยังไงกันแน่ เธอเป็นเมียอลันหรือไม่ใช่” ผู้หญิงตรงหน้าถามย้ำ ถึงอยากจะช่วยน้องชายแต่ฉันก็ไม่กล้าตอบเพราะตอนนี้ถูกคุณคานส์จ้องเขม็ง ฉันรีบดึงแขนคุณคานส์เข้ามาในห้องของอลัน แต่คุณคานส์กลับทำตัวแข็งทื่อไม่ยอมเข้ามา “เข้ามาก่อนค่ะ” “เธอบอกให้ฉันเข้าไปในห้องมัน ทั้งที่มันก็เป็นผัวเธออีกคน ?” คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “เอาสมองไหนคิด ?”“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงคะ” จะบอกว่าอลันเป็นน้องชายก็ไม่ได้เพราะผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดของตัวเองดึงคุณคานส์เข้ามาในห้องจนสำเร็จ “ล็อกประตูด้วยล่ะ เดี๋ยวผู้หญิงคนนั้นจะเปิดเข้ามา” “ทำไม? เธอไปแย่งผัวคนอื่นหรือไง” “มานี่เลยค่ะ” ฉันดึงตัวคุณคานส์ออกห่างจากประตู พาเขาเดินมาตรงโซฟา จากนั้นคุณคานส์ก็สะบัดอย่างแรงทำให้มือฉันหลุดออกจากแขนของเขา “ฟังอลิชก่อนนะคะ”“ถ้าฉันไม่ให้ไอ้โจคอยตามดูเธอ คงไม่รู้ว่าเธอแอบมาหาผู้ชายและนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาหามัน!!” คุณคานส์พูดแบบนี้แปลว่าที่ผ่านมาตอนที่ฉันออกไปไหนมาไหนข
ใบหน้าของฉันมันร้อนวูบวาบเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของคุณคานส์เมื่อครู่ จู่ๆ ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น “อลิชว่าเรื่องนี้คุณคานส์ลองคิดใหม่ดีๆ ก่อนดีกว่านะคะ” ฉันพูดเตือนสติ คุณคานส์อาจจะกำลังโกรธอยู่จึงบอกแบบนั้น เขาคงเป็นคนประเภทที่ไม่ยอมเสียหน้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าอยากจะแต่งงานเลยสักนิด “ฉันคิดดีแล้ว อีกสามวันฉันจะพาเธอไปดูชุดแต่งงาน” “ทะ ทำไมจู่ๆ ถึงคิดอยากจะแต่งงานล่ะคะ” ฉันยืนตัวเกร็งหายใจไม่ทั่วท้องด้วยความที่ตอนนี้ใบหน้าของฉันกับคุณคานส์อยู่ใกล้กันมากๆ “ก็ไม่ทำไม แค่อยากแต่ง” คำตอบนั้นทำให้ฉันงุนงง มันเป็นแบบนั้นได้ด้วยหรอ แค่รู้สึกอยากแต่งเองน่ะหรอ “….แต่อลิชไม่อยาก” ฉันปฏิเสธออกไปตามความจริง อย่างที่บอกว่าเรื่องแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย มันคือชีวิตทั้งชีวิตต่างหาก“ขึ้นรถ” คุณคานส์ผละตัวออกห่าง เขาออกคำสั่งให้ฉันขึ้นรถ สรุปแล้วเขาเข้าใจที่ฉันบอกหรือเปล่าว่าไม่อยากแต่งงานน่ะ “จะเดินขึ้นเองดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้ม ?” หัวคิ้วหนาขมวดชนกันอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นฉันยืนนิ่งราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกไปจากร่าง “ขะ ขึ้นเองค่ะ” ฉันก้มหน้าลงเม้มปากแน่นแล้วเดินอ้อมมาขึ้นรถ
ฉันทำขนมต่อด้วยอาการที่เหม่อลอย ในใจมันเต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านที่เห็นผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้าน ถึงแม้ว่าเธอจะมากับพ่อของเธอ แต่ฉันก็อดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี ทำยังไง ฉันควรทำยังไงดีถึงจะดึงตัวเองออกมาจากความรู้สึกแบบนี้ได้ ไม่ได้รักเขาไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงต้องคิดฟุ้งซ่านมากขนาดนี้ด้วย “กลิ่นหอมจังเลยค่ะ” เสียงของผู้หญิงดังขึ้น ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ก่อนจะหันมองไปยังต้นเสียง คนที่ท้วงขึ้นคือผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเปีย “พอดีเปียมาเข้าห้องน้ำ ได้กล่ินหอมเตะจมูกเลยแวะมาดู ^_^” “…ค่ะ” เธอเดินเข้ามาในครัวมองดูคุกกี้ที่อยู่ในจาน แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน “ขอได้ไหมคะ” “…….” ฉันเงียบ มันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความเป็นมิตรเอาซะเลย ถึงเธอจะพูดเพราะแต่สายตานั้นกลับสวนทางสิ้นเชิง“เปียหมายถึงขนมน่ะค่ะ ^_^” “ได้ค่ะ” “ขอทั้งหมดเลยนะคะ ^_^” “ถ้าอยากกินก็เอาไปเลยค่ะ เดี๋ยวอลิชอบใหม่ก็ได้” “ค่ะ น่ากินมากจริงๆ ^_^” เธอยกจานคุกกี้ขึ้น ทำเหมือนจะเดินออกไป แต่ก็ยังหยุดเดินแล้วหันมาถามฉัน “กำลังจะแต่งงานกับเฮียหรอคะ”“….ค่ะ” “คุณพ่อบอกว่าพี่อลิชท้อง ถ้าเป็นลูกของเฮียจริงๆ เปียก็ยินดีด้วยนะคะ ^_^” เธ
ฉันรีบแกะมือคุณคานส์ออก แล้วบอก “อะ อลิชเพลียมากเลยค่ะ เริ่มรู้สึกเวียนหัวอีกแล้ว” ที่บอกไปฉันแค่แกล้ง ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าป้องกันตัวให้หลุดพ้นจากอาการบ้ากามของผู้ชายตรงหน้า อยู่ที่นี่กับเขาไปนานๆ ฉันก็ต้องเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเอง “ตอนแรกยังดีๆ อยู่” คุณคานส์ขมวดคิ้วเข้มมองฉันอย่างไม่เชื่อ “เพิ่งเป็นเมื่อกี้ไงคะ” “กระทันหันว่างั้น ?”“ชะ ใช่ค่ะ” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาดันตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง พอฉันจะเอนตัวหนีก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับที่ต้นคอไว้ “อื้อ จะทำอะไรคะ” “คิดว่าฉันรู้ไม่ทันแผนตื้นๆ ของเธอหรือไง”“…….” ก็ใช่สิ ฉันก็คิดได้แค่นี้หนิ “อาทิตย์นี้ฉันจะไม่ทำอะไร อาทิตย์หน้าเตรียมตัวไว้ให้ดี” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังแบบนั้น แต่ถ้าจะให้ดีหยุดไปตลอดเลยคงจะดีมาก คุณคานส์จับตัวของฉันให้ลงมาจากตัวของเขา ฉันจึงรีบนอนลงแล้วห่มผ้า แต่ใครจะไปคิดว่าคุณคานส์จะนอนลงข้างๆ กับฉันด้วย “คืนนี้ฉันจะออกไปงานเปิดตัวโชว์รูมรถของเพื่อนฉัน เธอจะไปด้วยหรือเปล่า” มันน่าแปลกใจที่จู่ๆ คุณคานส์ก็นึกอยากจะชวนฉันไปงานด้วย ทั้งที่ปกติเข้าไม่เคยชวนเลยสักครั้ง “กลับดึกหรือเปล่าคะ” “สี่ห
“เฮียคานส์ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นท้วงขึ้นมาเพราะเห็นว่าคุณคานส์กำลังโกรธ เขาก็หันไปมองผู้ชายคนนั้นแทน แล้วพูดเสียงเย็น “มึงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียกู ?”“ผมรู้เฮีย” “รู้แล้วทำไม่ถึงนัดกันมาในที่มืดๆ แบบนี้ หรือมันอดไม่ไหวจนถึงขั้นต้องมาแก้ขัดในที่ลับตาคน” บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันกำลังเหลืออดกับคำพูดของคุณคานส์ เขาพูดดูถูกกันมากเกินไปแล้ว ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าฉันกำลังท้อง แล้วทำไมถึงมากล่าวหากันแบบนี้ “มันไม่แรงไปหน่อยหรอคะ คำพูดแบบนั้น”“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอออกมาข้างนอกกับมันสองต่อสอง ถ้าฉันไม่ตามมาอาจจะทำอะไรต่อมิอะไรกันไปแล้วก็ได้” “อลิชท้องอยู่ยังจะคิดเรื่องแบบนั้นอีกหรอคะ”“ท้อง หึ! แล้วยังไงทีกับฉันเธอยังทำได้ ทำไมกับผู้ชายคนอื่นเธอจะทำไม่ได้” เพี๊ยะ!! สิ้นสุดคำพูดของคุณคานส์ฉันก็ไม่ลังเลที่จะฟาดมือลงไปที่ใบหน้าของเขาในทันที เพราะมันทนฟังไม่ไหวพรึบ!! พอฉันตบหน้าเขา ก็ถูกฝ่ามือใหญ่กระชากอย่างแรงจนตัวแทบปลิวอีกครั้ง “ถึงขนาดโชว์ตบหน้าฉันต่อหน้ามันเลยหรือไง!!” “ทำแรงๆ เลยค่ะ กระชากอลิชแรงๆ เลย อลิชจะได้แท้ง พอแท้งแล้วคุณคานส์ก็จะได้เป็นอิสระไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร
“อลิชไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรเลยหรอคะ ทั้งที่นี่มันก็เป็นชีวิตของอลิช” “มันก็เหมือนกับตอนที่เธอบังคับให้ฉันรับผิดชอบ”“อลิชไม่ได้บังคับ” “ถึงจะไม่ใช่เธอแต่ก็เป็นพ่อของเธอ ส่วนเรื่องจดทะเบียนเธอเป็นคนขอร้องฉันเอง ถ้าฉันอยากจะหย่าเมื่อไหร่ ถึงจะได้หย่า เธอไม่มีสิทธิ์ขอฉันหย่า” “อลิชไม่คิดว่าคุณคานส์จะเห็นแก่ตัวมากขนาดนี้”“ฉันเห็นแก่ตัวได้มากกว่านี้ ถ้าเธอยังไม่เชื่อฟัง” ฉันถอนหายใจออกมาหนักๆ ให้กับผู้ชายตรงหน้า เหมือนยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง “อลิชจะไม่แต่งงานกับคุณคานส์เด็ดขาด ถ้าคุณคานส์บังคับอลิชจะหนี คอยดูสิ” ฉันพูดไปในเชิงตัดเพ้อซะมากกว่า เพราะถูกบังคับในหลายๆ เรื่อง แต่คำพูดของฉันทำให้คุณคานส์ที่ได้ยินเดินมากระชากแขนฉันจนตัวแทบจะปลิว “โอ้ย~ มันเจ็บ ปล่อยแขนอลิชนะคะ”“ไม่พอใจหรือไงที่จะได้แต่งงานกับฉัน เธอควรจะดีใจมากกว่านะ เพราะฉันไม่เคยมีความคิดเรื่องแต่งงานในหัว จนกระทั่งได้เจอเธอ” “…ทะ ทำไมล่ะคะ” ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจมันเต้นรัว ทั้งๆ ที่กำลังโกรธเขาอยู่แท้ๆ คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ สายตาคู่นั้นเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นานโดยไม่พูดอะไร จาก
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห