ฉันรีบแกะมือคุณคานส์ออก แล้วบอก “อะ อลิชเพลียมากเลยค่ะ เริ่มรู้สึกเวียนหัวอีกแล้ว” ที่บอกไปฉันแค่แกล้ง ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าป้องกันตัวให้หลุดพ้นจากอาการบ้ากามของผู้ชายตรงหน้า อยู่ที่นี่กับเขาไปนานๆ ฉันก็ต้องเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเอง “ตอนแรกยังดีๆ อยู่” คุณคานส์ขมวดคิ้วเข้มมองฉันอย่างไม่เชื่อ “เพิ่งเป็นเมื่อกี้ไงคะ” “กระทันหันว่างั้น ?”“ชะ ใช่ค่ะ” คุณคานส์ถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาดันตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง พอฉันจะเอนตัวหนีก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับที่ต้นคอไว้ “อื้อ จะทำอะไรคะ” “คิดว่าฉันรู้ไม่ทันแผนตื้นๆ ของเธอหรือไง”“…….” ก็ใช่สิ ฉันก็คิดได้แค่นี้หนิ “อาทิตย์นี้ฉันจะไม่ทำอะไร อาทิตย์หน้าเตรียมตัวไว้ให้ดี” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังแบบนั้น แต่ถ้าจะให้ดีหยุดไปตลอดเลยคงจะดีมาก คุณคานส์จับตัวของฉันให้ลงมาจากตัวของเขา ฉันจึงรีบนอนลงแล้วห่มผ้า แต่ใครจะไปคิดว่าคุณคานส์จะนอนลงข้างๆ กับฉันด้วย “คืนนี้ฉันจะออกไปงานเปิดตัวโชว์รูมรถของเพื่อนฉัน เธอจะไปด้วยหรือเปล่า” มันน่าแปลกใจที่จู่ๆ คุณคานส์ก็นึกอยากจะชวนฉันไปงานด้วย ทั้งที่ปกติเข้าไม่เคยชวนเลยสักครั้ง “กลับดึกหรือเปล่าคะ” “สี่ห
“เฮียคานส์ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นท้วงขึ้นมาเพราะเห็นว่าคุณคานส์กำลังโกรธ เขาก็หันไปมองผู้ชายคนนั้นแทน แล้วพูดเสียงเย็น “มึงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียกู ?”“ผมรู้เฮีย” “รู้แล้วทำไม่ถึงนัดกันมาในที่มืดๆ แบบนี้ หรือมันอดไม่ไหวจนถึงขั้นต้องมาแก้ขัดในที่ลับตาคน” บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันกำลังเหลืออดกับคำพูดของคุณคานส์ เขาพูดดูถูกกันมากเกินไปแล้ว ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าฉันกำลังท้อง แล้วทำไมถึงมากล่าวหากันแบบนี้ “มันไม่แรงไปหน่อยหรอคะ คำพูดแบบนั้น”“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอออกมาข้างนอกกับมันสองต่อสอง ถ้าฉันไม่ตามมาอาจจะทำอะไรต่อมิอะไรกันไปแล้วก็ได้” “อลิชท้องอยู่ยังจะคิดเรื่องแบบนั้นอีกหรอคะ”“ท้อง หึ! แล้วยังไงทีกับฉันเธอยังทำได้ ทำไมกับผู้ชายคนอื่นเธอจะทำไม่ได้” เพี๊ยะ!! สิ้นสุดคำพูดของคุณคานส์ฉันก็ไม่ลังเลที่จะฟาดมือลงไปที่ใบหน้าของเขาในทันที เพราะมันทนฟังไม่ไหวพรึบ!! พอฉันตบหน้าเขา ก็ถูกฝ่ามือใหญ่กระชากอย่างแรงจนตัวแทบปลิวอีกครั้ง “ถึงขนาดโชว์ตบหน้าฉันต่อหน้ามันเลยหรือไง!!” “ทำแรงๆ เลยค่ะ กระชากอลิชแรงๆ เลย อลิชจะได้แท้ง พอแท้งแล้วคุณคานส์ก็จะได้เป็นอิสระไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร
“อลิชไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรเลยหรอคะ ทั้งที่นี่มันก็เป็นชีวิตของอลิช” “มันก็เหมือนกับตอนที่เธอบังคับให้ฉันรับผิดชอบ”“อลิชไม่ได้บังคับ” “ถึงจะไม่ใช่เธอแต่ก็เป็นพ่อของเธอ ส่วนเรื่องจดทะเบียนเธอเป็นคนขอร้องฉันเอง ถ้าฉันอยากจะหย่าเมื่อไหร่ ถึงจะได้หย่า เธอไม่มีสิทธิ์ขอฉันหย่า” “อลิชไม่คิดว่าคุณคานส์จะเห็นแก่ตัวมากขนาดนี้”“ฉันเห็นแก่ตัวได้มากกว่านี้ ถ้าเธอยังไม่เชื่อฟัง” ฉันถอนหายใจออกมาหนักๆ ให้กับผู้ชายตรงหน้า เหมือนยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง “อลิชจะไม่แต่งงานกับคุณคานส์เด็ดขาด ถ้าคุณคานส์บังคับอลิชจะหนี คอยดูสิ” ฉันพูดไปในเชิงตัดเพ้อซะมากกว่า เพราะถูกบังคับในหลายๆ เรื่อง แต่คำพูดของฉันทำให้คุณคานส์ที่ได้ยินเดินมากระชากแขนฉันจนตัวแทบจะปลิว “โอ้ย~ มันเจ็บ ปล่อยแขนอลิชนะคะ”“ไม่พอใจหรือไงที่จะได้แต่งงานกับฉัน เธอควรจะดีใจมากกว่านะ เพราะฉันไม่เคยมีความคิดเรื่องแต่งงานในหัว จนกระทั่งได้เจอเธอ” “…ทะ ทำไมล่ะคะ” ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจมันเต้นรัว ทั้งๆ ที่กำลังโกรธเขาอยู่แท้ๆ คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ สายตาคู่นั้นเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นานโดยไม่พูดอะไร จาก
คุณคานส์ขับรถมาถึงที่บ้านของฉันโดยที่เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ ฉันเองที่เลือกจะเงียบเพราะไม่อยากรู้สึกหงุดหงิดไปมากกว่านี้ “คุณหนูลุงก็คิดว่าใคร” ลุงปลูกเดินมาที่รถ พอเห็นว่าเป็นฉันก็ยิ้มดีใจใหญ่ “พ่ออยู่บ้านไหมคะลุง”“พ่อกำนันอยู่ในบ้านครับคุณหนู” “เดี๋ยวหนูไปหาพ่อก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็รีบเดินเข้าบ้านโดยที่ไม่ได้รอคุณคานส์ พอเข้ามาในบ้านเห็นพ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่ฉันก็รีบวิ่งไปกอดพ่อทันที “อลิชคิดถึงพ่อที่สุดเลย” พ่อทั้งตกใจและดีใจที่เห็นฉัน เพราะมาครั้งนี้ฉันไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมา “จะมาทำไมถึงไม่บอกพ่อก่อน พ่อจะได้เตรียมกับข้าวที่ชอบไว้ให้” “มันกะทันหันน่ะค่ะ” ฉันบอกพร้อมกับผละกอดออกแล้วนั่งลงข้างๆ กับพ่อ ส่วนคุณคานส์เขาก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม “มีธุระอะไรถึงลงทุนมาหาฉันถึงที่บ้าน” น้ำเสียงที่พ่อพูดกับฉัน กับน้ำเสียงที่พ่อพูดกับคุณคานส์มันแตกต่างกันสิ้นเชิง “ลูกเขยอย่างผมจะมาเจอพ่อตาบ้าง ไม่เห็นต้องมีธุระเลยครับ ผมอาจจะมาเพราะคิดถึง” คุณคานส์ตั้งใจจะพูดยั่วยวนพ่อฉัน ฉันดูออก “มีอะไรก็รีบๆ พูดมา คิดหรือไงว่าฉันจะเชื่อว่าที่มาเพราะแกคิดถึงฉัน” คุณคานส์กระตุกยิ้มมุมปากจากนั้
ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของคุณคานส์อย่างงุนงงในขณะที่เขากำลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเดินตามเขาไป“ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาไม่ใช่หรอคะ จะนอนที่นี่ได้ยังไง” พอฉันถามแบบนั้นคุณคานส์ก็หยุดชะงัก “ถ้าอย่างนั้นเธอก็พาฉันไปซื้อสิ มันจะไปยากอะไร” “ก็ได้ค่ะ ช่วงบ่ายๆ เดี๋ยวอลิชจะพาไปซื้อนะคะ” “อืม” คุณคานส์เดินต่อ เขาเดินดุ่มๆ ตรงไปยังห้องนอนของฉัน ทำให้ฉันต้องรีบไปดักหน้าประตูห้องเอาไว้ “คือที่บ้านมีห้องรับแขก อีกอย่างเตียงของอลิชมันก็เล็กๆ” “เธอกำลังไล่ฉันให้ไปนอนห้องอื่น ?” คุณคานส์ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะถามต่อ “ผัวเมียนอนห้องเดียวกันไม่ได้ ?”“ตะ แต่เราไม่ใช่” ยังพูดไม่ทันจบคุณคานส์ก็โน้มตัวลงมาใกล้ๆ ทำให้ฉันแทบจะกลั้นหายใจ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือมาจับลูกบิดประตูห้องแล้วเปิดมันออก ก่อนจะดันให้ฉันเข้ามาในห้องพร้อมกับตัวเขา เมื่อเข้ามาด้านในห้องแล้วคุณคานส์ก็หันหลับกลับไปปิดประตูล็อกกลอน แล้วหันกลับมาจ้องที่ใบหน้าของฉัน “เธอกำลังจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ?” คุณคานส์ถามพร้อมกับก้มหน้าลง เขาหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ แล้วพูดต่อ “ใช่! เธอไ
Talk อลิชฉันลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้บรรยากาศมืดสนิท จึงรีบควานมือหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ถึงได้รู้ว่าตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว เลยรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดไฟจำได้ว่าฉันบอกคุณคานส์ว่าจะพาเขาไปซื้อชุดตอนบ่าย แต่นี่มันหนึ่งทุ่มแล้วทำไมถึงไม่ยอมปลุกนะ ฉันมองสำรวจภายในห้องไม่เห็นคุณคานส์อยู่ จึงเดินออกมาด้านนอกบ้าน และได้เจอกับพ่อที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ “พ่อเห็นคุณคานส์หรือเปล่าคะ” “คนงานบอกว่าไอ้หนุ่มนั่นมันกลับไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว” “กลับไปไหนหรอคะ” “ก็กลับกรุงเทพนะสิ” มันรู้สึกงุนงงไม่น้อยที่ได้ยินพ่อบอกแบบนี้ ก็ไหนตอนแรกเขาบอกว่าจะอยู่กับฉันไม่กลับกรุงเทพ แล้วทำไมคิดจะกลับถึงไม่บอกกันก่อนล่ะ แต่ก็ช่างเถอะเขาคงจะมีงานด่วน อีกอย่างอิสระแบบนี้ฉันไม่ได้มีมานานแล้ว “อลิชอยากกินข้าวฝีมือพ่อจังเลยค่ะ ^_^” “จะกินอะไร เอาแกงฟักทองแบบเดิมใช่หรือเปล่า” “ค่ะ ^_^” พ่อปิดโทรทัศน์แล้วลุกขึ้น ก่อนจะเข้าคร้วพ่อได้เดินมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ฉันเองก็ฉีกยิ้มหวานให้พ่อฉันกำลังจะเดินมานั่งที่โซฟาแต่ได้ยินเสียงรถขับมาจอดในบ้าน จึงรีบเดินไปดู มันแปลกที่ฉันคิดบ้าๆ ไปเองว่าอาจจะเป็นรถของคุณคานส์ ทั้งที่ร
ไรท์ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ………….วันต่อมา….ฉันรู้สึกถึงร่างกายตัวเองที่มันแปลกไปจึงเอามือลูบคลำบนหน้าท้องที่เคยแบนราบ ตอนนี้มันนูนขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉันยิ้มออกมาเพราะความสุขอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะไม่ได้ตั้งใจจะมีเขา แต่พอได้เห็นท้องที่กำลังจะโตขึ้น และคิดว่าอีกไม่นานก็จะได้เจอหน้า ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบลงมาชั้นล่างเพื่อมากินข้าว และที่ต้องรีบลงจากห้องก็เพราะว่ากลัวคุณคานส์จะกินเสร็จก่อน หากไม่เห็นหน้าเขานั่งกินข้าวด้วยฉันก็จะคลื่นไส้กินอะไรไม่ได้เลย ฉันกำลังเดินไปที่ห้องอาหารเห็นว่าคุณคานส์กำลังเดินออกมาพอดี “คุณคานส์คะ เอ่อคือว่า…” ใบหน้าที่เคร่งขรึมทำให้ฉันลังเลที่จะพูดกับเขา “มีอะไร ?” คุณคานส์หยุดเดินจากนั้นก็ถามกลับเสียงเย็น “ช่วยนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับอลิชก่อนได้ไหมคะ” “ฉันมีงานด่วนต้องไปทำ” “อลิชขอเวลาแค่ห้าหรือสิบนาทีก็ได้ค่ะ” คุณคานส์ส่งสายตามองฉันอย่างไม่ชอบใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมเดินกลับเข้าไปในห้องอาหารเหมือนเดิม ฉันจึงรีบเดินตามเขาไป บรรยากาศภายในห้องอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัด ฉันเองเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะคุณคานส์เงียบ
ฉันนั่งเงียบอยู่ภายในห้องของตัวเองเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง เพราะยังคงค้างคาใจว่าคุณคานส์เป็นอะไรของเขากัน พอกันที ฉันไม่ควรคิดมากอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ฉันจะไม่ถามอีก ฉันลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องและลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้าน พยายามจะไม่สนใจเสียงของผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องรับแขก ฉันรีบจ้ำเท้าเดินให้เร็วที่สุด เพื่อจะเอาตัวเองออกมานอกบ้านให้เร็วที่สุด“คุณอลิชต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” พี่เจรีบถามเมื่อเห็นว่าฉันเดินมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน “เปล่าหรอกค่ะ อลิชแค่อยากออกมาเดินเล่น” พี่เจพยักหน้าตอบจากนั้นก็เลื่อนสายตาต่ำลงมามองที่หน้าท้องของฉัน “ท้องเริ่มโตขึ้นแล้วนะครับ” ฉันยิ้มให้พี่เจจากนั้นก็เอามือมาลูบท้องตัวเองไปมาเบาๆ “ตอนแรกอลิชก็ตกใจเหมือนกันค่ะที่เห็นว่าท้องออก นึกว่าตัวเองกินเยอะจนอ้วน ^_^” พี่เจหัวเราะเบาๆ ให้กับคำตอบของฉัน จู่ๆ ความคิดของฉันมันก็ผุดเข้ามาในหัว และรอยยิ้มของฉันมันก็ค่อยๆ จางหายไปขนาดพี่เจยังมองรู้เลยว่าท้องของฉันเริ่มโตขึ้น แล้วคุณคานส์ล่ะเขาไม่สังเกตเลยใช่ไหม หรือไม่ได้สนใจเลย “เดี๋ยวอลิชขอไปเดินดูดอกไ