Talk อลิชฉันลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้บรรยากาศมืดสนิท จึงรีบควานมือหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ถึงได้รู้ว่าตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว เลยรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดไฟจำได้ว่าฉันบอกคุณคานส์ว่าจะพาเขาไปซื้อชุดตอนบ่าย แต่นี่มันหนึ่งทุ่มแล้วทำไมถึงไม่ยอมปลุกนะ ฉันมองสำรวจภายในห้องไม่เห็นคุณคานส์อยู่ จึงเดินออกมาด้านนอกบ้าน และได้เจอกับพ่อที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ “พ่อเห็นคุณคานส์หรือเปล่าคะ” “คนงานบอกว่าไอ้หนุ่มนั่นมันกลับไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว” “กลับไปไหนหรอคะ” “ก็กลับกรุงเทพนะสิ” มันรู้สึกงุนงงไม่น้อยที่ได้ยินพ่อบอกแบบนี้ ก็ไหนตอนแรกเขาบอกว่าจะอยู่กับฉันไม่กลับกรุงเทพ แล้วทำไมคิดจะกลับถึงไม่บอกกันก่อนล่ะ แต่ก็ช่างเถอะเขาคงจะมีงานด่วน อีกอย่างอิสระแบบนี้ฉันไม่ได้มีมานานแล้ว “อลิชอยากกินข้าวฝีมือพ่อจังเลยค่ะ ^_^” “จะกินอะไร เอาแกงฟักทองแบบเดิมใช่หรือเปล่า” “ค่ะ ^_^” พ่อปิดโทรทัศน์แล้วลุกขึ้น ก่อนจะเข้าคร้วพ่อได้เดินมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ฉันเองก็ฉีกยิ้มหวานให้พ่อฉันกำลังจะเดินมานั่งที่โซฟาแต่ได้ยินเสียงรถขับมาจอดในบ้าน จึงรีบเดินไปดู มันแปลกที่ฉันคิดบ้าๆ ไปเองว่าอาจจะเป็นรถของคุณคานส์ ทั้งที่ร
ไรท์ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ………….วันต่อมา….ฉันรู้สึกถึงร่างกายตัวเองที่มันแปลกไปจึงเอามือลูบคลำบนหน้าท้องที่เคยแบนราบ ตอนนี้มันนูนขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉันยิ้มออกมาเพราะความสุขอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะไม่ได้ตั้งใจจะมีเขา แต่พอได้เห็นท้องที่กำลังจะโตขึ้น และคิดว่าอีกไม่นานก็จะได้เจอหน้า ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบลงมาชั้นล่างเพื่อมากินข้าว และที่ต้องรีบลงจากห้องก็เพราะว่ากลัวคุณคานส์จะกินเสร็จก่อน หากไม่เห็นหน้าเขานั่งกินข้าวด้วยฉันก็จะคลื่นไส้กินอะไรไม่ได้เลย ฉันกำลังเดินไปที่ห้องอาหารเห็นว่าคุณคานส์กำลังเดินออกมาพอดี “คุณคานส์คะ เอ่อคือว่า…” ใบหน้าที่เคร่งขรึมทำให้ฉันลังเลที่จะพูดกับเขา “มีอะไร ?” คุณคานส์หยุดเดินจากนั้นก็ถามกลับเสียงเย็น “ช่วยนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับอลิชก่อนได้ไหมคะ” “ฉันมีงานด่วนต้องไปทำ” “อลิชขอเวลาแค่ห้าหรือสิบนาทีก็ได้ค่ะ” คุณคานส์ส่งสายตามองฉันอย่างไม่ชอบใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมเดินกลับเข้าไปในห้องอาหารเหมือนเดิม ฉันจึงรีบเดินตามเขาไป บรรยากาศภายในห้องอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัด ฉันเองเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะคุณคานส์เงียบ
ฉันนั่งเงียบอยู่ภายในห้องของตัวเองเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง เพราะยังคงค้างคาใจว่าคุณคานส์เป็นอะไรของเขากัน พอกันที ฉันไม่ควรคิดมากอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ฉันจะไม่ถามอีก ฉันลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องและลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้าน พยายามจะไม่สนใจเสียงของผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องรับแขก ฉันรีบจ้ำเท้าเดินให้เร็วที่สุด เพื่อจะเอาตัวเองออกมานอกบ้านให้เร็วที่สุด“คุณอลิชต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” พี่เจรีบถามเมื่อเห็นว่าฉันเดินมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน “เปล่าหรอกค่ะ อลิชแค่อยากออกมาเดินเล่น” พี่เจพยักหน้าตอบจากนั้นก็เลื่อนสายตาต่ำลงมามองที่หน้าท้องของฉัน “ท้องเริ่มโตขึ้นแล้วนะครับ” ฉันยิ้มให้พี่เจจากนั้นก็เอามือมาลูบท้องตัวเองไปมาเบาๆ “ตอนแรกอลิชก็ตกใจเหมือนกันค่ะที่เห็นว่าท้องออก นึกว่าตัวเองกินเยอะจนอ้วน ^_^” พี่เจหัวเราะเบาๆ ให้กับคำตอบของฉัน จู่ๆ ความคิดของฉันมันก็ผุดเข้ามาในหัว และรอยยิ้มของฉันมันก็ค่อยๆ จางหายไปขนาดพี่เจยังมองรู้เลยว่าท้องของฉันเริ่มโตขึ้น แล้วคุณคานส์ล่ะเขาไม่สังเกตเลยใช่ไหม หรือไม่ได้สนใจเลย “เดี๋ยวอลิชขอไปเดินดูดอกไ
#คฤหาสน์หลังใหญ่หลังจากเปิดประตูลงจากรถฉันก็รีบเดินเข้าบ้าน เพราะคุณคานส์พาผู้หญิงคนนั้นกลับมาด้วย จะให้ฉันรู้สึกยังไงดี ทั้งที่พยายามเตือนสติตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองใจเย็นลงได้ มันทั้งโกรธและโมโห มันหงุดหงิดมากกว่าที่เห็นคุณคานส์พาเปียมาที่บ้านก่อนหน้านี้ซะอีก#ภายในห้องนอน ฉันนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนานเกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้คุณคานส์กับผู้หญิงคนนั้นคงไปถึงไหนต้อไหนกันแล้ว นี่คือครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาพาผู้หญิงมาที่บ้านแบบนี้ แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับได้ยังไง ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปหาคุณคานส์ ที่ฉันไม่เดินไปหาเขาที่ห้องก็เพราะว่ากลัว กลัวจะเห็นภาพที่มันทำให้ตัวเองรับไม่ได้ จึงเลือกจะโทรหาแทน รอสายไม่นานคุณคานส์ก็กดรับ ( โทรมาทำไม ห้องฉันก็อยู่แค่นี้ ) นี่คือคำถามแรกที่คุณคานส์ถามฉัน ( อลิชทนไม่ไหวแล้วนะคะ คุณคานส์เป็นอะไร จู่ๆ ทำไมถึงพาผู้หญิงเข้ามาในบ้านแบบนี้ ) ( ฉันก็เป็นฉัน เธอนั่นแหละจะมาหงุดหงิดทำไม มันไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องสนใจ ) ( จะไม่ให้อลิชสนใจหรอคะ ทั้งที่อลิชเป็น…..) มันเกือบจะพลั้งปากพูดออกไปว่าฉันเป็นเมียของเข
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ…………..ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาภายในห้องสี่เหลี่ยนสีขาวพร้อมทั้งกินยาที่คละคลุ้งกระจายไปทั่วห้อง “พี่ฟื้นแล้วหรอครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาไม่ไกลจากบริเวณที่ฉันนอนอยู่สักเท่าไหร่ ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะเดินมาหาฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มองเห็นผู้ชายที่ช่วยฉันเอาไว้ก่อนจะสลบไป ฉันจำได้ว่าเคยเจอกับเขามาก่อน เจอที่งานเลี้ยงในตอนนั้นที่คุณคานส์พาไป และวันนั้นที่คุณคานส์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็เพราะเห็นว่าฉันออกไปข้างนอกกับผู้ชายคนนี้ แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร “คุณ….” “ผมชื่อไวน์ครับ เรียกผมว่าไวน์ดีกว่าอย่าเรียกว่าคุณเลย อายุผมเพิ่งจะสิบเก้าเอง พี่เรียกว่าคุณมันรู้สึกแก่ๆ ยังไงก็ไม่รู้” เขาพูดออกมายาวเหยียด และฉันเองก็ค่อนข้างที่จะตกใจเมื่อได้รู้อายุจริงๆ ของเขา “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยอลิชไว้” “ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่เฮียคานส์ไม่มาด้วย ?” พอฉันถูกเขาถามเรื่องคุณคานส์ว่ามาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง จึงเลือกที่จะเงียบแทน “อ่าๆ ผมรู้แล้วครับ” “……”“หมอบอกว่าถ้าพี่ฟื้นแล้วให้พาไปที่ห้องตรวจ มาครับผมจะพาไป” “มะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอลิช….”“พี่เพิ่งฟื้น เดี๋ยวจะเป็น
ฉันถูกคุณคานส์ลากตัวกลับมาที่ห้องตรวจอีกครั้ง โดยที่ฉันเองก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ และรู้สึกอายหมอที่ก่อนหน้านี้คุณคานส์มาอาละวาด “ผมต้องการอัลตราซาวด์” คุณคานส์บอกหมอจากนั้นก็ลากตัวฉันมาที่เตียง แล้วกดตัวฉันให้นอนราบ “สรุปจะอัลตราซาวด์ใช่ไหมครับ ?” หมอถามย้ำ “ครับ และผมคือพ่อของเด็ก ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นโปรดทำความเข้าใจใหม่” คุณคานส์พูดเสียงแข็ง เขาจะมาแสดงตัวแบบนี้ทำไมกัน ถ้าเกิดไม่ได้ยินหมอเรียกไวน์ว่าพ่ออเขาจะกล้าบอกหมอแบบนี้หรือเปล่า หลัวจากบอกหมอคุณคานส์ก็หันมาจ้องหน้าฉันตาดุอย่างกับว่าฉันทำอะไรที่มันผิดมากๆ หมอเริ่มทำการอัลตราซาวด์คุณคานส์จึงละสายตาออกจากใบหน้าของฉันแล้วหันมองที่จอแสดงภาพอัลตราซาวด์แทน หมออัลตราซาวด์และพูดถึงพัฒนาการของเด็กในครรภ์และบอกว่าแข็งแรงหรือเปล่า “ทารกเจริญเติบโตตามวัยนะครับ ลองฟังเสียงคลื่นหัวใจดูนะครับ” สิ้นสุดคำพูดของหมอเสียงหัวใจดวงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน ทำให้ฉันค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา ส่วนคุณคานส์เขาก็กำลังตั้งใจฟังและดูภาพในจอนั้นไม่ต่างจากฉัน “แข็งแรงมากๆ ครับ” “ผะ ผู้ชายหรือผู้หญิง หมอดูได้ไหมคะ” ฉันมองภาพใจจออย่างตื่นเต้น “ครับ หมอกำล
ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงเมื่อปลายจมูกโด่งของคุณคานส์แตะลงมาบนพวงแก้ม บ้าที่สุด! ฉันต้องไม่หวั่นไหวสิ เมื่อกี้ยังเตือนตัวเองอยู่เลยนะ “คุณคานส์ อลิชอึดอัดนะคะ” ฉันพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองผลักไสอกแกร่งออกห่าง แต่มันเหมือนคนที่กำลังจะหมดแรงเมื่อคุณคานส์ใช้ปลายจมูกโด่งลากขึ้นมาบนหน้าฝาก ก่อนที่เขาจะฝังจูบลง การกระทำนี้ทำให้ฉันหยุดนิ่ง คล้ายวิญญาณกำลังออกจากร่าง หัวใจมันเอาแต่เต้นรัวไม่ยอมหยุด มะ เมื่อกี้คุณคานส์จูบหน้าผากของฉันอย่างนั้นหรอ…เขากำลังคิดจะทำอะไรอีก คุณคานส์ใช้ริมฝีปากพรมจูบไปมาจนทั่วใบหน้าของฉัน ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาบริเวณซอกคอ “ไหนบอกว่าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวอลิชอีกไงคะ” พอฉันถามแบบนั้นคุณคานส์ก็หยุดชะงัก เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของฉัน และมองแบบนั้นโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ “อยู่ใกล้เธอขนาดนี้ คิดว่าฉันจะทำตามที่พูดได้หรือไง”“งะ งั้นก็ถอยไปสิ ออกไปไกลๆ” ฉันบอก ไม่สิ! จะเรียกว่าไล่ก็ได้ “ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นไล่ฉันคงจะไม่สนใจแล้วรีบถอยห่าง แต่พอเป็นเธอฉันกลับไม่คิดจะทำแบบนั้น” “…….” ทำไมกัน พอฉันต้องการจะจัดการความรู้สึกของตัวเองเขาก็มาทำแบบนี้
“ใช่ครับ ผมจะจีบพี่อลิช” ไวน์ตอบอย่างหนักแน่นทำเอาฉันที่ฟังอยู่ก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าไวน์คิดแบบที่พูดจริงๆ หรือต้องการแค่ยั่วโมโหคุณคานส์ เมื่อไวน์พูดจับมือของคุณคานส์ที่โอบเอวฉันอยู่ก็กำชับแน่นขึ้นจนมันรู้สึกเจ็บ “โอ้ย คุณคานส์อลิชเจ็บนะคะ” ฉันพูดขึ้นมาเบาๆ จากนั้นก็พยายามดันตัวเองออกห่างจากเขา แต่ก็ไม่เป็นผล “ถ้ามึงไม่ใช่น้องชายเพื่อนกู กูคงไม่เอามึงไว้ที่กล้ามาพูดแบบนี้” “ที่ผมกล้าถามก็เพราะว่าเห็นเฮียควงผู้หญิงคนอื่น….”ไวน์ยังพูดไม่ทันจบคุณคานส์ก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน “ถึงกูจะไม่ได้รู้สึก แต่อะไรที่เป็นของกูใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง” “ถ้าเฮียพูดมาแบบนี้ผมคงไม่ลังเลที่จะเดินหน้าจีบพี่อลิช” “ไอ้ไวน์!!”ไวน์ไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวอะไรคุณคานส์เลย เขากลับปั้นยิ้มให้ฉันทั้งที่ตอนนี้คุณคานส์โกรธจนควันออกหูแล้ว “เอาไว้ถ้าเจอกันอีกครั้งผมจะขอไลน์พี่นะครับ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้นะพี่อลิช ^_^” ไวน์ฉีกยิ้มหวานจากนั้นก็เดินไปทางหน้าบ้าน ทำให้ตรงนี้เหลือแค่ฉันกับคุณคานส์ ให้หลังจากที่ไวน์เดินไปคุณคานส์ก็ปล่อยมือออกจากเอวของฉันทันที “เสน่ห์แรงจริงๆ” เสียงของคุณคานส์พูดขึ้น
แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง
“พะ พาเธอมาทำไมคะ” ฉันกำมือแน่นพร้อมกับเอ่ยถามคุณคานส์เสียงสั่น เพราะความรู้สึกตอนนี้มันเริ่มกลัวไปหมดทุกอย่าง “คานส์ออกไปข้างนอกก่อนก็ได้ค่ะ แป้งขอคุยกับเธอสองคน” แป้งเธอบอกคุณคานส์ฉันจึงรีบค้านขึ้น “คุยอะไร….”คุณคานส์เดินมาหาฉันแล้วก้มลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบศรีษะของฉันไปมาแล้วพูด “แป้งแค่อยากเคลียร์เรื่องตอนนั้น ก่อนที่เธอจะกลับต่างประเทศ”“คุณคานส์บอกอลิชว่าเธอกลับไปแล้วนี่คะ” “…..” พอฉันท้วงไปแบบนั้นคุณคานส์ก็หน้าซีด แปลว่าเขาโกหกกันอย่างนั้นหรอ “ฉันมาดี” แป้งเธอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่คุณคานส์จะเดินออกไปจากห้อง ฉันไม่รู้ว่าเธอมาดีจริงหรือเปล่าเพราะมารยาของเธอนั้นเยอะเหลือเกิน และถึงจะมาดีแต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรด้วย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเกลียดใคร แต่ถ้าฉันได้เกลียดก็ยากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้นได้ “มีอะไรก็พูดมาสิ” เป็นฉันที่เปิดเรื่องพูดขึ้นมาก่อนเพราะอยากให้เธอรีบพูดแล้วก็รีบกลับไป“ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายังรู้สึกดีๆ กับคานส์อยู่” ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่ได้มาดีตั้งแต่แรก พอคุณคานส์ออกไปธาตุแท้ก็ออกมา “จะมาขอเขาคืนอีกหรอคะ ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันปล่
#ช่วงเย็น หมอเอาลูกมาให้และสอนวิธีเอาลูกเข้าเต้านมและสอนวิธีอาบน้ำให้ฉันกับคุณคานส์ดูแล้ว ลูคัสกินนมจนอิ่มแต่ก็ยังไม่ยอมนอน คงจะเป็นเพราะคุณปู่กับคุณตาคอยกวนแน่เลย อย่างที่คุณคานส์บอกว่าลูกเหมือนเขาเปะๆ ฉันได้เห็นหน้าลูกชัดๆ แล้วก็นึกน้อยใจเพราะไม่มีส่วนไหนของใบหน้าที่ลูกเหมือนฉันเลย “หน้าตาเหมือนตาคานส์ตอนเกิดไม่มีผิด” พ่อของคุณคานส์มองเจ้าตัวเล็กในรถเข็นแล้วก็หันมาพูดกับฉัน “ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ” ฉันบอกอย่างน้อยอกน้อยใจ “ครั้งต่อไปต้องทำให้เหมือนตัวเองนะจะได้ไม่น้อยหน้า” พ่อของฉันบอก พูดมาแบบนี้แปลว่าอยากจะให้ฉันมีหลานให้อีกคนแน่ๆ “นั่นสิ คนต่อไปพ่อขอผู้หญิงนะอยากอุ้มหลานผู้หญิงบ้าง ไอริสก็มีหลานชายให้ นี่ท้องอีกคนก็เป็นผู้ชาย” พ่อของคุณคานส์แทนตัวเองกับฉันว่าพ่อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือได้ยินว่าไอริสน้องสาวของคุณคานส์กำลังท้องลูกคนที่สอง “ไอริสเพิ่งคลอดไปเองไม่ใช่หรอคะ ทะ ทำไมถึงท้องเร็วจัง” “เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นนะ คลอดปุบท้องปับ” คุณคานส์พูดขึ้น ฉันรู้ทันหรอกว่าเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ “ไม่เอาค่ะ เว้นไปก่อนสักสองสามปีก็ได้” ฉันยังเข็ดกับการคลอดอยู่เลย ตอนนี้ไม่มีความรู้สึ
ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไปด้วยดีตอนนี้ฉันกำลังพักฟื้นหลังคลอดอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาล ฉันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้มันไม่ง่ายเลย แต่มันคือความเจ็บปวดที่งดงามความเจ็บปวดที่ฉันเฝ้ารอมาตลอดเก้าเดือน ตอนนี้ลูกชายของฉันได้คลอดออกมาแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันเจ็บที่สุดในชีวิตคุณคานส์คอยอยู่ใกล้ๆ จับมือให้กำลังใจฉันไม่ห่าง ครั้งแรกที่เราเห็นหน้าลูกทั้งฉันและคุณคานส์เราก็ต่างร้องไห้ออกมา “เป็นไงบ้างเจ็บอยู่ไหม” คุณคานส์ไปจัดการเรื่องเอกสาร พอกลับมาที่ห้องพักฟื้นก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิคะ เจ็บมากด้วย” ตอนนี้แผลที่เย็บมันยังเจ็บมากๆ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย “เดี๋ยวหมอเอาลูกมาให้ตอนเช้า เธอมีน้ำนมแล้วใช่ไหม” คุณคานส์ดูตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ฉันคลอดอีกนะตอนนี้ เขามีท่าทางรนๆ อยู่ไม่นิ่ง “มีแล้วค่ะ ไหลออกมาเยอะเลย” โชคดีที่น้ำนมของฉันมีพร้อมให้ลูกดื่มทันที ได้ยินคุณหมอบอกว่าบางคนต้องรอหลายวันกว่าน้ำนมจะมา “ลูกหน้าเหมือนฉันเปะๆ เลย” คุณคานส์บอกอย่างภูมิใจ ตอนคลอดฉันเห็นหน้าลูกไม่ถนัดเท่าไหร่เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วย คุณคานส์ก็คงจะไปดูลูกมาแล้วถึงมาพูดแบบนี้ “ไม่เห