ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของคุณคานส์อย่างงุนงงในขณะที่เขากำลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเดินตามเขาไป“ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาไม่ใช่หรอคะ จะนอนที่นี่ได้ยังไง” พอฉันถามแบบนั้นคุณคานส์ก็หยุดชะงัก “ถ้าอย่างนั้นเธอก็พาฉันไปซื้อสิ มันจะไปยากอะไร” “ก็ได้ค่ะ ช่วงบ่ายๆ เดี๋ยวอลิชจะพาไปซื้อนะคะ” “อืม” คุณคานส์เดินต่อ เขาเดินดุ่มๆ ตรงไปยังห้องนอนของฉัน ทำให้ฉันต้องรีบไปดักหน้าประตูห้องเอาไว้ “คือที่บ้านมีห้องรับแขก อีกอย่างเตียงของอลิชมันก็เล็กๆ” “เธอกำลังไล่ฉันให้ไปนอนห้องอื่น ?” คุณคานส์ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะถามต่อ “ผัวเมียนอนห้องเดียวกันไม่ได้ ?”“ตะ แต่เราไม่ใช่” ยังพูดไม่ทันจบคุณคานส์ก็โน้มตัวลงมาใกล้ๆ ทำให้ฉันแทบจะกลั้นหายใจ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือมาจับลูกบิดประตูห้องแล้วเปิดมันออก ก่อนจะดันให้ฉันเข้ามาในห้องพร้อมกับตัวเขา เมื่อเข้ามาด้านในห้องแล้วคุณคานส์ก็หันหลับกลับไปปิดประตูล็อกกลอน แล้วหันกลับมาจ้องที่ใบหน้าของฉัน “เธอกำลังจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ?” คุณคานส์ถามพร้อมกับก้มหน้าลง เขาหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ แล้วพูดต่อ “ใช่! เธอไ
Talk อลิชฉันลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้บรรยากาศมืดสนิท จึงรีบควานมือหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ถึงได้รู้ว่าตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว เลยรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดไฟจำได้ว่าฉันบอกคุณคานส์ว่าจะพาเขาไปซื้อชุดตอนบ่าย แต่นี่มันหนึ่งทุ่มแล้วทำไมถึงไม่ยอมปลุกนะ ฉันมองสำรวจภายในห้องไม่เห็นคุณคานส์อยู่ จึงเดินออกมาด้านนอกบ้าน และได้เจอกับพ่อที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ “พ่อเห็นคุณคานส์หรือเปล่าคะ” “คนงานบอกว่าไอ้หนุ่มนั่นมันกลับไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว” “กลับไปไหนหรอคะ” “ก็กลับกรุงเทพนะสิ” มันรู้สึกงุนงงไม่น้อยที่ได้ยินพ่อบอกแบบนี้ ก็ไหนตอนแรกเขาบอกว่าจะอยู่กับฉันไม่กลับกรุงเทพ แล้วทำไมคิดจะกลับถึงไม่บอกกันก่อนล่ะ แต่ก็ช่างเถอะเขาคงจะมีงานด่วน อีกอย่างอิสระแบบนี้ฉันไม่ได้มีมานานแล้ว “อลิชอยากกินข้าวฝีมือพ่อจังเลยค่ะ ^_^” “จะกินอะไร เอาแกงฟักทองแบบเดิมใช่หรือเปล่า” “ค่ะ ^_^” พ่อปิดโทรทัศน์แล้วลุกขึ้น ก่อนจะเข้าคร้วพ่อได้เดินมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ฉันเองก็ฉีกยิ้มหวานให้พ่อฉันกำลังจะเดินมานั่งที่โซฟาแต่ได้ยินเสียงรถขับมาจอดในบ้าน จึงรีบเดินไปดู มันแปลกที่ฉันคิดบ้าๆ ไปเองว่าอาจจะเป็นรถของคุณคานส์ ทั้งที่ร
ไรท์ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ………….วันต่อมา….ฉันรู้สึกถึงร่างกายตัวเองที่มันแปลกไปจึงเอามือลูบคลำบนหน้าท้องที่เคยแบนราบ ตอนนี้มันนูนขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉันยิ้มออกมาเพราะความสุขอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะไม่ได้ตั้งใจจะมีเขา แต่พอได้เห็นท้องที่กำลังจะโตขึ้น และคิดว่าอีกไม่นานก็จะได้เจอหน้า ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบลงมาชั้นล่างเพื่อมากินข้าว และที่ต้องรีบลงจากห้องก็เพราะว่ากลัวคุณคานส์จะกินเสร็จก่อน หากไม่เห็นหน้าเขานั่งกินข้าวด้วยฉันก็จะคลื่นไส้กินอะไรไม่ได้เลย ฉันกำลังเดินไปที่ห้องอาหารเห็นว่าคุณคานส์กำลังเดินออกมาพอดี “คุณคานส์คะ เอ่อคือว่า…” ใบหน้าที่เคร่งขรึมทำให้ฉันลังเลที่จะพูดกับเขา “มีอะไร ?” คุณคานส์หยุดเดินจากนั้นก็ถามกลับเสียงเย็น “ช่วยนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับอลิชก่อนได้ไหมคะ” “ฉันมีงานด่วนต้องไปทำ” “อลิชขอเวลาแค่ห้าหรือสิบนาทีก็ได้ค่ะ” คุณคานส์ส่งสายตามองฉันอย่างไม่ชอบใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมเดินกลับเข้าไปในห้องอาหารเหมือนเดิม ฉันจึงรีบเดินตามเขาไป บรรยากาศภายในห้องอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัด ฉันเองเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะคุณคานส์เงียบ
ฉันนั่งเงียบอยู่ภายในห้องของตัวเองเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง เพราะยังคงค้างคาใจว่าคุณคานส์เป็นอะไรของเขากัน พอกันที ฉันไม่ควรคิดมากอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ฉันจะไม่ถามอีก ฉันลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องและลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้าน พยายามจะไม่สนใจเสียงของผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องรับแขก ฉันรีบจ้ำเท้าเดินให้เร็วที่สุด เพื่อจะเอาตัวเองออกมานอกบ้านให้เร็วที่สุด“คุณอลิชต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” พี่เจรีบถามเมื่อเห็นว่าฉันเดินมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน “เปล่าหรอกค่ะ อลิชแค่อยากออกมาเดินเล่น” พี่เจพยักหน้าตอบจากนั้นก็เลื่อนสายตาต่ำลงมามองที่หน้าท้องของฉัน “ท้องเริ่มโตขึ้นแล้วนะครับ” ฉันยิ้มให้พี่เจจากนั้นก็เอามือมาลูบท้องตัวเองไปมาเบาๆ “ตอนแรกอลิชก็ตกใจเหมือนกันค่ะที่เห็นว่าท้องออก นึกว่าตัวเองกินเยอะจนอ้วน ^_^” พี่เจหัวเราะเบาๆ ให้กับคำตอบของฉัน จู่ๆ ความคิดของฉันมันก็ผุดเข้ามาในหัว และรอยยิ้มของฉันมันก็ค่อยๆ จางหายไปขนาดพี่เจยังมองรู้เลยว่าท้องของฉันเริ่มโตขึ้น แล้วคุณคานส์ล่ะเขาไม่สังเกตเลยใช่ไหม หรือไม่ได้สนใจเลย “เดี๋ยวอลิชขอไปเดินดูดอกไ
#คฤหาสน์หลังใหญ่หลังจากเปิดประตูลงจากรถฉันก็รีบเดินเข้าบ้าน เพราะคุณคานส์พาผู้หญิงคนนั้นกลับมาด้วย จะให้ฉันรู้สึกยังไงดี ทั้งที่พยายามเตือนสติตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองใจเย็นลงได้ มันทั้งโกรธและโมโห มันหงุดหงิดมากกว่าที่เห็นคุณคานส์พาเปียมาที่บ้านก่อนหน้านี้ซะอีก#ภายในห้องนอน ฉันนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนานเกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้คุณคานส์กับผู้หญิงคนนั้นคงไปถึงไหนต้อไหนกันแล้ว นี่คือครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาพาผู้หญิงมาที่บ้านแบบนี้ แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับได้ยังไง ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปหาคุณคานส์ ที่ฉันไม่เดินไปหาเขาที่ห้องก็เพราะว่ากลัว กลัวจะเห็นภาพที่มันทำให้ตัวเองรับไม่ได้ จึงเลือกจะโทรหาแทน รอสายไม่นานคุณคานส์ก็กดรับ ( โทรมาทำไม ห้องฉันก็อยู่แค่นี้ ) นี่คือคำถามแรกที่คุณคานส์ถามฉัน ( อลิชทนไม่ไหวแล้วนะคะ คุณคานส์เป็นอะไร จู่ๆ ทำไมถึงพาผู้หญิงเข้ามาในบ้านแบบนี้ ) ( ฉันก็เป็นฉัน เธอนั่นแหละจะมาหงุดหงิดทำไม มันไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องสนใจ ) ( จะไม่ให้อลิชสนใจหรอคะ ทั้งที่อลิชเป็น…..) มันเกือบจะพลั้งปากพูดออกไปว่าฉันเป็นเมียของเข
ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ…………..ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาภายในห้องสี่เหลี่ยนสีขาวพร้อมทั้งกินยาที่คละคลุ้งกระจายไปทั่วห้อง “พี่ฟื้นแล้วหรอครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาไม่ไกลจากบริเวณที่ฉันนอนอยู่สักเท่าไหร่ ก่อนที่เจ้าของเสียงนั้นจะเดินมาหาฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มองเห็นผู้ชายที่ช่วยฉันเอาไว้ก่อนจะสลบไป ฉันจำได้ว่าเคยเจอกับเขามาก่อน เจอที่งานเลี้ยงในตอนนั้นที่คุณคานส์พาไป และวันนั้นที่คุณคานส์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็เพราะเห็นว่าฉันออกไปข้างนอกกับผู้ชายคนนี้ แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร “คุณ….” “ผมชื่อไวน์ครับ เรียกผมว่าไวน์ดีกว่าอย่าเรียกว่าคุณเลย อายุผมเพิ่งจะสิบเก้าเอง พี่เรียกว่าคุณมันรู้สึกแก่ๆ ยังไงก็ไม่รู้” เขาพูดออกมายาวเหยียด และฉันเองก็ค่อนข้างที่จะตกใจเมื่อได้รู้อายุจริงๆ ของเขา “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยอลิชไว้” “ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่เฮียคานส์ไม่มาด้วย ?” พอฉันถูกเขาถามเรื่องคุณคานส์ว่ามาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง จึงเลือกที่จะเงียบแทน “อ่าๆ ผมรู้แล้วครับ” “……”“หมอบอกว่าถ้าพี่ฟื้นแล้วให้พาไปที่ห้องตรวจ มาครับผมจะพาไป” “มะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวอลิช….”“พี่เพิ่งฟื้น เดี๋ยวจะเป็น
ฉันถูกคุณคานส์ลากตัวกลับมาที่ห้องตรวจอีกครั้ง โดยที่ฉันเองก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ และรู้สึกอายหมอที่ก่อนหน้านี้คุณคานส์มาอาละวาด “ผมต้องการอัลตราซาวด์” คุณคานส์บอกหมอจากนั้นก็ลากตัวฉันมาที่เตียง แล้วกดตัวฉันให้นอนราบ “สรุปจะอัลตราซาวด์ใช่ไหมครับ ?” หมอถามย้ำ “ครับ และผมคือพ่อของเด็ก ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นโปรดทำความเข้าใจใหม่” คุณคานส์พูดเสียงแข็ง เขาจะมาแสดงตัวแบบนี้ทำไมกัน ถ้าเกิดไม่ได้ยินหมอเรียกไวน์ว่าพ่ออเขาจะกล้าบอกหมอแบบนี้หรือเปล่า หลัวจากบอกหมอคุณคานส์ก็หันมาจ้องหน้าฉันตาดุอย่างกับว่าฉันทำอะไรที่มันผิดมากๆ หมอเริ่มทำการอัลตราซาวด์คุณคานส์จึงละสายตาออกจากใบหน้าของฉันแล้วหันมองที่จอแสดงภาพอัลตราซาวด์แทน หมออัลตราซาวด์และพูดถึงพัฒนาการของเด็กในครรภ์และบอกว่าแข็งแรงหรือเปล่า “ทารกเจริญเติบโตตามวัยนะครับ ลองฟังเสียงคลื่นหัวใจดูนะครับ” สิ้นสุดคำพูดของหมอเสียงหัวใจดวงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน ทำให้ฉันค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา ส่วนคุณคานส์เขาก็กำลังตั้งใจฟังและดูภาพในจอนั้นไม่ต่างจากฉัน “แข็งแรงมากๆ ครับ” “ผะ ผู้ชายหรือผู้หญิง หมอดูได้ไหมคะ” ฉันมองภาพใจจออย่างตื่นเต้น “ครับ หมอกำล
ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงเมื่อปลายจมูกโด่งของคุณคานส์แตะลงมาบนพวงแก้ม บ้าที่สุด! ฉันต้องไม่หวั่นไหวสิ เมื่อกี้ยังเตือนตัวเองอยู่เลยนะ “คุณคานส์ อลิชอึดอัดนะคะ” ฉันพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองผลักไสอกแกร่งออกห่าง แต่มันเหมือนคนที่กำลังจะหมดแรงเมื่อคุณคานส์ใช้ปลายจมูกโด่งลากขึ้นมาบนหน้าฝาก ก่อนที่เขาจะฝังจูบลง การกระทำนี้ทำให้ฉันหยุดนิ่ง คล้ายวิญญาณกำลังออกจากร่าง หัวใจมันเอาแต่เต้นรัวไม่ยอมหยุด มะ เมื่อกี้คุณคานส์จูบหน้าผากของฉันอย่างนั้นหรอ…เขากำลังคิดจะทำอะไรอีก คุณคานส์ใช้ริมฝีปากพรมจูบไปมาจนทั่วใบหน้าของฉัน ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาบริเวณซอกคอ “ไหนบอกว่าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวอลิชอีกไงคะ” พอฉันถามแบบนั้นคุณคานส์ก็หยุดชะงัก เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของฉัน และมองแบบนั้นโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ “อยู่ใกล้เธอขนาดนี้ คิดว่าฉันจะทำตามที่พูดได้หรือไง”“งะ งั้นก็ถอยไปสิ ออกไปไกลๆ” ฉันบอก ไม่สิ! จะเรียกว่าไล่ก็ได้ “ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นไล่ฉันคงจะไม่สนใจแล้วรีบถอยห่าง แต่พอเป็นเธอฉันกลับไม่คิดจะทำแบบนั้น” “…….” ทำไมกัน พอฉันต้องการจะจัดการความรู้สึกของตัวเองเขาก็มาทำแบบนี้