“เฮียคานส์ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” ผู้ชายคนนั้นท้วงขึ้นมาเพราะเห็นว่าคุณคานส์กำลังโกรธ เขาก็หันไปมองผู้ชายคนนั้นแทน แล้วพูดเสียงเย็น “มึงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียกู ?”“ผมรู้เฮีย” “รู้แล้วทำไม่ถึงนัดกันมาในที่มืดๆ แบบนี้ หรือมันอดไม่ไหวจนถึงขั้นต้องมาแก้ขัดในที่ลับตาคน” บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันกำลังเหลืออดกับคำพูดของคุณคานส์ เขาพูดดูถูกกันมากเกินไปแล้ว ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าฉันกำลังท้อง แล้วทำไมถึงมากล่าวหากันแบบนี้ “มันไม่แรงไปหน่อยหรอคะ คำพูดแบบนั้น”“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอออกมาข้างนอกกับมันสองต่อสอง ถ้าฉันไม่ตามมาอาจจะทำอะไรต่อมิอะไรกันไปแล้วก็ได้” “อลิชท้องอยู่ยังจะคิดเรื่องแบบนั้นอีกหรอคะ”“ท้อง หึ! แล้วยังไงทีกับฉันเธอยังทำได้ ทำไมกับผู้ชายคนอื่นเธอจะทำไม่ได้” เพี๊ยะ!! สิ้นสุดคำพูดของคุณคานส์ฉันก็ไม่ลังเลที่จะฟาดมือลงไปที่ใบหน้าของเขาในทันที เพราะมันทนฟังไม่ไหวพรึบ!! พอฉันตบหน้าเขา ก็ถูกฝ่ามือใหญ่กระชากอย่างแรงจนตัวแทบปลิวอีกครั้ง “ถึงขนาดโชว์ตบหน้าฉันต่อหน้ามันเลยหรือไง!!” “ทำแรงๆ เลยค่ะ กระชากอลิชแรงๆ เลย อลิชจะได้แท้ง พอแท้งแล้วคุณคานส์ก็จะได้เป็นอิสระไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร
“อลิชไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรเลยหรอคะ ทั้งที่นี่มันก็เป็นชีวิตของอลิช” “มันก็เหมือนกับตอนที่เธอบังคับให้ฉันรับผิดชอบ”“อลิชไม่ได้บังคับ” “ถึงจะไม่ใช่เธอแต่ก็เป็นพ่อของเธอ ส่วนเรื่องจดทะเบียนเธอเป็นคนขอร้องฉันเอง ถ้าฉันอยากจะหย่าเมื่อไหร่ ถึงจะได้หย่า เธอไม่มีสิทธิ์ขอฉันหย่า” “อลิชไม่คิดว่าคุณคานส์จะเห็นแก่ตัวมากขนาดนี้”“ฉันเห็นแก่ตัวได้มากกว่านี้ ถ้าเธอยังไม่เชื่อฟัง” ฉันถอนหายใจออกมาหนักๆ ให้กับผู้ชายตรงหน้า เหมือนยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง “อลิชจะไม่แต่งงานกับคุณคานส์เด็ดขาด ถ้าคุณคานส์บังคับอลิชจะหนี คอยดูสิ” ฉันพูดไปในเชิงตัดเพ้อซะมากกว่า เพราะถูกบังคับในหลายๆ เรื่อง แต่คำพูดของฉันทำให้คุณคานส์ที่ได้ยินเดินมากระชากแขนฉันจนตัวแทบจะปลิว “โอ้ย~ มันเจ็บ ปล่อยแขนอลิชนะคะ”“ไม่พอใจหรือไงที่จะได้แต่งงานกับฉัน เธอควรจะดีใจมากกว่านะ เพราะฉันไม่เคยมีความคิดเรื่องแต่งงานในหัว จนกระทั่งได้เจอเธอ” “…ทะ ทำไมล่ะคะ” ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจมันเต้นรัว ทั้งๆ ที่กำลังโกรธเขาอยู่แท้ๆ คุณคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ สายตาคู่นั้นเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นานโดยไม่พูดอะไร จาก
คุณคานส์ขับรถมาถึงที่บ้านของฉันโดยที่เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ ฉันเองที่เลือกจะเงียบเพราะไม่อยากรู้สึกหงุดหงิดไปมากกว่านี้ “คุณหนูลุงก็คิดว่าใคร” ลุงปลูกเดินมาที่รถ พอเห็นว่าเป็นฉันก็ยิ้มดีใจใหญ่ “พ่ออยู่บ้านไหมคะลุง”“พ่อกำนันอยู่ในบ้านครับคุณหนู” “เดี๋ยวหนูไปหาพ่อก่อนนะคะ” พูดจบฉันก็รีบเดินเข้าบ้านโดยที่ไม่ได้รอคุณคานส์ พอเข้ามาในบ้านเห็นพ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่ฉันก็รีบวิ่งไปกอดพ่อทันที “อลิชคิดถึงพ่อที่สุดเลย” พ่อทั้งตกใจและดีใจที่เห็นฉัน เพราะมาครั้งนี้ฉันไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมา “จะมาทำไมถึงไม่บอกพ่อก่อน พ่อจะได้เตรียมกับข้าวที่ชอบไว้ให้” “มันกะทันหันน่ะค่ะ” ฉันบอกพร้อมกับผละกอดออกแล้วนั่งลงข้างๆ กับพ่อ ส่วนคุณคานส์เขาก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม “มีธุระอะไรถึงลงทุนมาหาฉันถึงที่บ้าน” น้ำเสียงที่พ่อพูดกับฉัน กับน้ำเสียงที่พ่อพูดกับคุณคานส์มันแตกต่างกันสิ้นเชิง “ลูกเขยอย่างผมจะมาเจอพ่อตาบ้าง ไม่เห็นต้องมีธุระเลยครับ ผมอาจจะมาเพราะคิดถึง” คุณคานส์ตั้งใจจะพูดยั่วยวนพ่อฉัน ฉันดูออก “มีอะไรก็รีบๆ พูดมา คิดหรือไงว่าฉันจะเชื่อว่าที่มาเพราะแกคิดถึงฉัน” คุณคานส์กระตุกยิ้มมุมปากจากนั้
ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของคุณคานส์อย่างงุนงงในขณะที่เขากำลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเดินตามเขาไป“ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาไม่ใช่หรอคะ จะนอนที่นี่ได้ยังไง” พอฉันถามแบบนั้นคุณคานส์ก็หยุดชะงัก “ถ้าอย่างนั้นเธอก็พาฉันไปซื้อสิ มันจะไปยากอะไร” “ก็ได้ค่ะ ช่วงบ่ายๆ เดี๋ยวอลิชจะพาไปซื้อนะคะ” “อืม” คุณคานส์เดินต่อ เขาเดินดุ่มๆ ตรงไปยังห้องนอนของฉัน ทำให้ฉันต้องรีบไปดักหน้าประตูห้องเอาไว้ “คือที่บ้านมีห้องรับแขก อีกอย่างเตียงของอลิชมันก็เล็กๆ” “เธอกำลังไล่ฉันให้ไปนอนห้องอื่น ?” คุณคานส์ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะถามต่อ “ผัวเมียนอนห้องเดียวกันไม่ได้ ?”“ตะ แต่เราไม่ใช่” ยังพูดไม่ทันจบคุณคานส์ก็โน้มตัวลงมาใกล้ๆ ทำให้ฉันแทบจะกลั้นหายใจ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือมาจับลูกบิดประตูห้องแล้วเปิดมันออก ก่อนจะดันให้ฉันเข้ามาในห้องพร้อมกับตัวเขา เมื่อเข้ามาด้านในห้องแล้วคุณคานส์ก็หันหลับกลับไปปิดประตูล็อกกลอน แล้วหันกลับมาจ้องที่ใบหน้าของฉัน “เธอกำลังจะบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ?” คุณคานส์ถามพร้อมกับก้มหน้าลง เขาหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ แล้วพูดต่อ “ใช่! เธอไ
Talk อลิชฉันลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้บรรยากาศมืดสนิท จึงรีบควานมือหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ถึงได้รู้ว่าตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว เลยรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดไฟจำได้ว่าฉันบอกคุณคานส์ว่าจะพาเขาไปซื้อชุดตอนบ่าย แต่นี่มันหนึ่งทุ่มแล้วทำไมถึงไม่ยอมปลุกนะ ฉันมองสำรวจภายในห้องไม่เห็นคุณคานส์อยู่ จึงเดินออกมาด้านนอกบ้าน และได้เจอกับพ่อที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ “พ่อเห็นคุณคานส์หรือเปล่าคะ” “คนงานบอกว่าไอ้หนุ่มนั่นมันกลับไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว” “กลับไปไหนหรอคะ” “ก็กลับกรุงเทพนะสิ” มันรู้สึกงุนงงไม่น้อยที่ได้ยินพ่อบอกแบบนี้ ก็ไหนตอนแรกเขาบอกว่าจะอยู่กับฉันไม่กลับกรุงเทพ แล้วทำไมคิดจะกลับถึงไม่บอกกันก่อนล่ะ แต่ก็ช่างเถอะเขาคงจะมีงานด่วน อีกอย่างอิสระแบบนี้ฉันไม่ได้มีมานานแล้ว “อลิชอยากกินข้าวฝีมือพ่อจังเลยค่ะ ^_^” “จะกินอะไร เอาแกงฟักทองแบบเดิมใช่หรือเปล่า” “ค่ะ ^_^” พ่อปิดโทรทัศน์แล้วลุกขึ้น ก่อนจะเข้าคร้วพ่อได้เดินมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ฉันเองก็ฉีกยิ้มหวานให้พ่อฉันกำลังจะเดินมานั่งที่โซฟาแต่ได้ยินเสียงรถขับมาจอดในบ้าน จึงรีบเดินไปดู มันแปลกที่ฉันคิดบ้าๆ ไปเองว่าอาจจะเป็นรถของคุณคานส์ ทั้งที่ร
ไรท์ตรวจคำผิดย้อนหลังนะคะ………….วันต่อมา….ฉันรู้สึกถึงร่างกายตัวเองที่มันแปลกไปจึงเอามือลูบคลำบนหน้าท้องที่เคยแบนราบ ตอนนี้มันนูนขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉันยิ้มออกมาเพราะความสุขอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะไม่ได้ตั้งใจจะมีเขา แต่พอได้เห็นท้องที่กำลังจะโตขึ้น และคิดว่าอีกไม่นานก็จะได้เจอหน้า ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบลงมาชั้นล่างเพื่อมากินข้าว และที่ต้องรีบลงจากห้องก็เพราะว่ากลัวคุณคานส์จะกินเสร็จก่อน หากไม่เห็นหน้าเขานั่งกินข้าวด้วยฉันก็จะคลื่นไส้กินอะไรไม่ได้เลย ฉันกำลังเดินไปที่ห้องอาหารเห็นว่าคุณคานส์กำลังเดินออกมาพอดี “คุณคานส์คะ เอ่อคือว่า…” ใบหน้าที่เคร่งขรึมทำให้ฉันลังเลที่จะพูดกับเขา “มีอะไร ?” คุณคานส์หยุดเดินจากนั้นก็ถามกลับเสียงเย็น “ช่วยนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับอลิชก่อนได้ไหมคะ” “ฉันมีงานด่วนต้องไปทำ” “อลิชขอเวลาแค่ห้าหรือสิบนาทีก็ได้ค่ะ” คุณคานส์ส่งสายตามองฉันอย่างไม่ชอบใจ แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมเดินกลับเข้าไปในห้องอาหารเหมือนเดิม ฉันจึงรีบเดินตามเขาไป บรรยากาศภายในห้องอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัด ฉันเองเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะคุณคานส์เงียบ
ฉันนั่งเงียบอยู่ภายในห้องของตัวเองเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง เพราะยังคงค้างคาใจว่าคุณคานส์เป็นอะไรของเขากัน พอกันที ฉันไม่ควรคิดมากอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ฉันจะไม่ถามอีก ฉันลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องและลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้าน พยายามจะไม่สนใจเสียงของผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องรับแขก ฉันรีบจ้ำเท้าเดินให้เร็วที่สุด เพื่อจะเอาตัวเองออกมานอกบ้านให้เร็วที่สุด“คุณอลิชต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” พี่เจรีบถามเมื่อเห็นว่าฉันเดินมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน “เปล่าหรอกค่ะ อลิชแค่อยากออกมาเดินเล่น” พี่เจพยักหน้าตอบจากนั้นก็เลื่อนสายตาต่ำลงมามองที่หน้าท้องของฉัน “ท้องเริ่มโตขึ้นแล้วนะครับ” ฉันยิ้มให้พี่เจจากนั้นก็เอามือมาลูบท้องตัวเองไปมาเบาๆ “ตอนแรกอลิชก็ตกใจเหมือนกันค่ะที่เห็นว่าท้องออก นึกว่าตัวเองกินเยอะจนอ้วน ^_^” พี่เจหัวเราะเบาๆ ให้กับคำตอบของฉัน จู่ๆ ความคิดของฉันมันก็ผุดเข้ามาในหัว และรอยยิ้มของฉันมันก็ค่อยๆ จางหายไปขนาดพี่เจยังมองรู้เลยว่าท้องของฉันเริ่มโตขึ้น แล้วคุณคานส์ล่ะเขาไม่สังเกตเลยใช่ไหม หรือไม่ได้สนใจเลย “เดี๋ยวอลิชขอไปเดินดูดอกไ
#คฤหาสน์หลังใหญ่หลังจากเปิดประตูลงจากรถฉันก็รีบเดินเข้าบ้าน เพราะคุณคานส์พาผู้หญิงคนนั้นกลับมาด้วย จะให้ฉันรู้สึกยังไงดี ทั้งที่พยายามเตือนสติตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองใจเย็นลงได้ มันทั้งโกรธและโมโห มันหงุดหงิดมากกว่าที่เห็นคุณคานส์พาเปียมาที่บ้านก่อนหน้านี้ซะอีก#ภายในห้องนอน ฉันนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนานเกือบครึ่งชั่วโมง ตอนนี้คุณคานส์กับผู้หญิงคนนั้นคงไปถึงไหนต้อไหนกันแล้ว นี่คือครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาพาผู้หญิงมาที่บ้านแบบนี้ แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับได้ยังไง ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปหาคุณคานส์ ที่ฉันไม่เดินไปหาเขาที่ห้องก็เพราะว่ากลัว กลัวจะเห็นภาพที่มันทำให้ตัวเองรับไม่ได้ จึงเลือกจะโทรหาแทน รอสายไม่นานคุณคานส์ก็กดรับ ( โทรมาทำไม ห้องฉันก็อยู่แค่นี้ ) นี่คือคำถามแรกที่คุณคานส์ถามฉัน ( อลิชทนไม่ไหวแล้วนะคะ คุณคานส์เป็นอะไร จู่ๆ ทำไมถึงพาผู้หญิงเข้ามาในบ้านแบบนี้ ) ( ฉันก็เป็นฉัน เธอนั่นแหละจะมาหงุดหงิดทำไม มันไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องสนใจ ) ( จะไม่ให้อลิชสนใจหรอคะ ทั้งที่อลิชเป็น…..) มันเกือบจะพลั้งปากพูดออกไปว่าฉันเป็นเมียของเข