เช้าวันต่อมา… เสียงเคาะห้องดังสนั่นขึ้นตามด้วยเสียงพ่อที่ตะโกนเรียกฉัน ฉันที่เพิ่งลุกขึ้นมาอ้วกในห้องน้ำเสร็จก็ต้องรีบมาเปิดประตูให้พ่อ
“พะ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ไปแต่งตัว” “ปะ ไปไหนคะ” “ไม่ต้องถามมาก พ่อบอกให้ไปแต่งตัวก็ไป” พ่อบอกฉันก่อนจะมองไปหาแพรที่เพิ่งตื่นขึ้นมา “พ่อฝากดูบ้านด้วยนะแพร” “ค…ค่ะพ่อ” พ่อรีบเดินไปไหนก็ไม่รู้ ทั้งฉันและแพรต่างมองหน้ากันอย่างมึนงง อีกทั้งท่าทางของพ่อก็ยังอารมณ์ร้ายอยู่ ฉันจึงไม่กล้าขัดอะไรมาก จะร้องไห้ก็แทบไม่มีน้ำตาไหลออกมา เพราะเมื่อคืนฉันร้องไห้แทบทั้งคืนแล้ว แพรบอกว่าอย่าร้องไห้ อย่าเศร้า ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะเครียดมากๆ ไม่ดีต่อเด็กในท้อง ฉันจึงพยายามไม่เครียด ถึงแม้จะพยายามยังไงมันก็เครียดมากๆ อยู่ดี แถมยังรู้สึกปวดหัวตลอดเวลา “แกว่าพ่อจะรู้ที่อยู่คุณคานส์หรือยัง” ฉันถามแพรด้วยความกลัวที่มันปะทุขึ้นมาในใจ “ยังหรอกแก จะรู้เร็วขนาดนั้นเลยหรือไง เพิ่งผ่านไปวันเดียวเองนะ” “….ละ แล้วพ่อจะพาฉันไปไหน” “คงมีธุระ อาจจะพาแกไปฝากท้องที่โรงพยาบาลก็ได้ รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะเจอดุเอานะ ดูท่าพ่อแกยังอารมณ์ไม่ดีอยู่ แกอย่าเพิ่งไปขัดใจอะไรล่ะ” “อื้อ” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็เตรียมตัวอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันออกมาจากห้องก็เห็นพ่อนั่งทำหน้าเคร่งเครียดรออยู่ พ่อบุกขึ้นไม่พูดอะไรเดินออกจากบ้านมาที่รถ ฉันจึงรีบตามมาทันที ตั้งแต่เล็กจนโตฉันแทบไม่เคยเห็นพ่อดุขนาดนี้เลย ยอมรับว่าฉันกลัวมากจริงๆพอมานั่งในรถลุงพลก็รีบขับออกไปจากบ้าน ลุงพลเป็นคนขับรถให้พ่อตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันนั่งตัวเกร็งเพราะภายในรถถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ พ่อเงียบไม่พูดไม่จานั่งทำหน้าเคร่งเครียด ฉันเองก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไร
ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงมากก็ไม่ถึงสักที พอจะถามพ่อฉันก็ไม่มีความกล้ามากพอ จนต้องปล่อยให้เวลาหมุนเดินผ่านไปแบบนั้น พอฉันเห็นป้ายที่เขียนว่ากรุงเทพก็ต้องตกใจ หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัว ตุบๆๆๆ พะ พ่อมาทำไมที่กรุงเทพ อย่าบอกนะว่าพ่อรู้ที่อยู่ของคุณคานส์แล้ว เมื่อมาถึงที่กรุงเทพ ลุงพลก็ขับรถต่อไปอีกประมาณสามสิบนาทีได้ ก่อนจะมาจอดที่หน้าประตูรั้วบ้านของใครสักคน ซึ่งดูจากรั้วบ้านแล้วคงเดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของบ้านต้องเป็นคนที่มีฐานะมากแน่ๆ ขนาดรั้วบ้านยังใหญ่โตขนาดนี้เลย แต่ฉันก็เริ่มฉักคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ บ้านช่องหลังใหญ่โตขนาดนี้ อาจจะเป็นบ้านของคุณคานส์ “พะ พ่อมาหาใครหรอคะ” ฉันถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับจากพ่อ ไม่นานประตูรั้วบ้านก็ถูกเปิดออก ลุงพลจึงขับรถเข้ามาภายในตัวบ้าน ฉันไม่มีเวลามาคิดตื่นเต้นกับความใหญ่โตมโหฬารของบ้านมากนัก เพราะตอนนี้ในใจเต็มไปด้วยความกลัว ทำได้แค่ภาวนาขอให้อย่าเป็นแบบที่คิดเลย เมื่อรถจอดสนิทพ่อก็รีบเปิดประตูลง และที่ทำให้ฉันต้องเบิกตากว้างก็เพราะว่าพ่อหยิบปืนขึ้นมา “พะ พ่อเอาปืนมาทำไมคะ” “ลงมาจากรถ” พ่อไม่ได้ตอบคำถามของฉัน แถมยังตวาดเสียงดังให้ฉันลงจากรถ “แกรอที่รถนะไอ้พล ฉันจะไปจัดการเอง” “ครับพ่อกำนัน” “มาหาใครครับ” มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาถามเรา “ไอ้คานส์มันอยู่ไหน!!” เฮือก!! และแล้วสิ่งที่ฉันกลัวก็เป็นจริง พ่อมาหาคุณคานส์ และนี่คือบ้านของเขา ฉันก็เพิ่งรู้นี่เอง ถ้ารู้ว่าจะถูกพามาที่นี่ฉันคงไม่ยอมตั้งแต่แรก “พะ พ่อ…” “เงียบปาก!!” พ่อตวาดเสียงดังใส่ฉันอีกแล้ว “ฉันถามว่าไอ้คานส์มันอยู่ไหน” “มีธุระอะไรกับนายหรอครับ” “ฉันมีธุระแน่ บอกมามันอยู่ไหน!!” ในตอนนี้พ่อน่ากลัวมาก ถึงแม้จะอายุเยอะแล้วแต่ท่าทางของพ่อกลับไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ยอมบอก พ่อจึงกระชากแขนฉันให้เดินตามไปทางตัวบ้าน “คุณครับไปไม่ได้นะครับ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต” “ถ้าแกห้ามอีกคำเดียวฉันยิงไส้ถลักแน่!!” พอหันไปบอกผู้ชายคนนั้นเขาจึงเงียบปาก จากนั้นพ่อก็ลากฉันมาทางหน้าประตูบ้านต่อ “พ่อ อึก~ ระ เรากลับกันเถอะนะคะ อลิชขอร้อง” ฉันร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ฉันไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ บอกไปแล้วทำไมพ่อถึงไม่ฟังบ้าง “หยุดร้องไห้!! ลูกจะร้องทำไมพ่อกำลังเรียกร้องความเป็นทำให้ อยากขายขี้หน้าชาวบ้านนักหรือไง” “อลิชไม่ได้ต้องการแบบนี้ อึก~” ในตอนนี้พ่อลากตัวฉันมาหยุดที่หน้าบ้าน จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “ไหนมันอยู่ไน ไอ้คานส์มันอยู่ไหน!!” สิ้นสุดเสียงของพ่อฉันก็มองเห็นผู้ชายกับผู้หญิงกำลังยืนอยู่ด้วยกัน และฉันก็จำได้แม่นว่านั่นคือคุณคานส์ “พะ พ่อกลับกันเถอะนะ อึก~” ฉันพยายามรั้งแขนพ่อให้กลับ แต่พ่อก็ไม่ยอมแถมยังจับแขนฉันไว้แน่น “มาหาใคร ?” คุณคานส์เดินมาหยุดตรงหน้าฉันกับพ่อแล้วถาม ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนข้างเขาต้องเป็นคนสำคัญของคุณคานส์แน่ๆ ถ้าพ่อพูดไปเรื่องฉันท้อง ฉันจะต้องรู้สึกผิดมากแค่ไหน… “ไอ้คานส์ ไปตามมันมา ฉันมีเรื่องจะคุยกันมัน!!” “ผมชื่อคานส์” เขาตอบพ่อแต่สายตามองที่ฉัน ทำให้ฉันต้องรีบก้มหน้าสะอื้นเบาๆ “แกนี่เองที่กล้าหยามเกียรติกำนันเพิ่มอย่างฉัน!!” พ่อประกาศเสียงดังลั่นบ้าน “บ้านช่องใหญ่โต แต่ไม่มีปัญญารับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ไอ้หน้าตัวเมีย!!” “พ่อกลับเถอะ อย่าทำแบบนี้อลิชขอร้อง กลับบ้านเราเถอะนะคะ” ฉันพยายามอ้อนวอนพ่อแต่ก็ไร้ประโยชน์ ในตอนนี้อารมณ์ของพ่อเดือดดาล ไม่ยอมง่ายๆ “นี่มันเรื่องอะไรกันเฮีย ทำไมเขาถึงว่าเฮียแบบนั้น” ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ คุณคานส์เธอถามกับเขาด้วยสีหน้าที่แตกตื่น “แกทำลูกสาวฉันท้อง คิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่แบบมีความสุขได้หรือไง” พ่อประกาศลั่นสิ้นสุดคำพูดของพ่อคุณคานส์ก็มองหน้าฉัน คิ้วของเขาขมวดชนกันยุ่งเหยิง จากสายตาที่เขามองอยู่เหมือนไม่จำเรื่องคืนนั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คุณคานส์สั่งให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายตัวเองขึ้นไปบนห้อง แน่นอนว่าทั้งคู่ต้องมีปัญหากันแน่ๆ เพราะพ่อประกาศลั่นไปแบบนั้น แต่ที่น่าแปลกใจคือเธอไม่โวยวายอะไร แถมยังยอมขึ้นห้องตามคำสั่งของคุณคานส์อย่างว่าง่ายหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปแล้ว คุณคานส์ก็บอกให้ฉันกับพ่อตามเขามาที่ห้องรับแขก “หยุดร้องซะ!!” พ่อหันมาตวาดฉันด้วยน้ำเสียงดุดัน ฉันจึงพยายามฮึบเสียงสะอื้นไว้แล้วยกมือปาดน้ำตาแบบลวกๆ อีกทั้งยังเดินกอดแขนพ่อไปตลอดทาง เพราะกลัวว่าพ่อจะยิงคุณคานส์เข้า #ภายในห้องรับแขก “เชิญนั่งครับ” คุณคานส์ผายมือให้ฉันกับพ่อนั่งลงตรงข้ามกับเขา พ่อกับฉันยอมนั่งลงแต่โดยดี “จะเอายังไงว่ามา!!” เมื่อนั่งลงแล้วพ่อก็ถามกับคุณคานส์เสียงเข้มทันที “ผมไม่เคยพลาดทำผู้หญิงคนไหนท้อง” นี่คือคำตอบของคุณคานส์ น้ำเสียงและสายตาของเขาที่กำลังมองมา มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันเต้นรัวไม่เป็นท่า“พูดแบบนี้แกจะไม่รับผิดชอบลูกสาวฉันใช่ไหม!!” พ่อยกปืนขึ้นมาชี้ไปยังคุณคานส์ ทำให้ลู
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นใจตอบ “ใช่! เป็นฉันเอง” หากว่าเขาไม่ดูถูก ฉันก็คงไม่พูดออกไปหมดเปลือกแบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะจำฉันไม่ได้ เพราะเมื่อเดือนก่อนตอนที่เจอเขาที่บริษัทยังทำเหมือนคุ้นๆ กับฉันอยู่เลย หากรู้ว่าจะลืมง่ายขนาดนี้ฉันคงไม่ต้องลาออกจากงาน “แกจะเอายังไง ลูกสาวฉันท้อง ถึงจะเป็นความผิดพลาดยังไงก็ต้องรับผิดชอบ!!” พ่อประกาศลั่นอีกครั้ง “ตอนนี้ผมยุ่งกับงานที่บริษัท…” “พูดแบบนี้แปลว่าแกจะไม่รับผิดชอบใช่ไหม” พ่อลุกขึ้นพรวดจ้องหน้าคุณคานส์อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อเห็นว่าพ่อลุกขึ้นฉันก็รีบจับแขนพ่อไว้เพราะกลัวว่าพ่อจะไปทำอะไรเขา ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณคานส์แต่เป็นห่วงพ่อ นี่มันบ้านของเขาหากพ่อทำอะไรไป เขาคงไม่เอาพ่อไว้แน่ๆ ดูจากที่บ้านมีลูกน้องมากมายก็พอจะเดาได้ว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากขนาดไหน สายตาของคุณคานส์ไม่ได้มองพ่อ เขากลับเอาแต่มองหน้าฉัน สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้ฉันต้องก้มหน้าลง เพราะไม่อยากถูกจ้องมอง “ผมยังไม่ได้พูดว่าจะไม่รับผิดชอบ อีกสองวันธุระที่บริษัทจะเสร็จ ผมจะไปเคลียร์เรื่องนี้ที่บ้านของคุณ” “พูดแบบนี้แปลว่าแกจะชิ่ง!!” พ่อยังคงไม่เชื่อคำพูดของผู้ช
ฝากติดตามนิยายเรื่อง เลขายั่วรัก Nc20+ หน่อยนะคะ เรื่องนี้เป็นงานรีไรท์ ใครสายเก็บอีบุ๊คห้ามพลาดเลยค่ะ มีอีบุ๊คแน่นอน อ่านบทแนะนำเรื่องกันไปก่อนเน้อ ถ้าชอบฝากคอมเมนท์และกดถูกใจด้วยนะคะ ฉันเดินมานั่งลงข้างๆ กับพ่อ แล้วก็ต้องหลบสายตาของคุณคานส์ เพราะเขานั้นเอาแต่มองหน้าฉัน “สรุปพร้อมที่จะรับผิดชอบลูกสาวฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้รีบไปหาฤกษ์แต่งงาน” พ่อพูดถึงการแต่งงานเหมือนเร่งรีบ ทำให้ฉันที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้าง แค่คำว่ารับผิดชอบฉันก็ไม่อยากได้ยินแล้ว นี่ถึงขั้นแต่งงานเลยงั้นหรอ เมื่อฉันมองไปที่คุณคานส์เขากลับนั่งทำหน้านิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่สิ! เขามันคนมีแค่หน้าเดียวอยู่แล้ว ฉันไม่เคยเห็นเขาแสดงความรู้สึกอะไรบนใบหน้านอกจากความเย็นชา “พะ พ่อคะ ไม่ต้องถึงขั้น…” “พ่อไม่ยอมให้ลูกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆ” พ่อหันมาบอกเสียงดุ พ่อเอาแต่คิดว่าฉันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน แต่ไม่เคยถามเลยว่าฉันต้องการจะแต่งงานหรือเปล่า การแต่งงานที่เกิดจากความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากความรัก มันจะไปกันรอดได้ยังไง…“ก่อนที่จะพูดเรื่องแต่งงาน มาฟังข้อเสนอของผมก่อนดีกว่าไหมครับ ?” คุณคานส์พูดขึ้นมาเสียงเย็น “ข้อเสนออ
“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ” “ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ”“ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!”“…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว”ฉันคิ
ฉันยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่พ่อทำแบบนี้ ทำให้ฉันเป็นห่วงมากขนาดนี้ “อลิชไม่สนุกกับพ่อเลยนะคะ”“ที่ทำพ่อก็ไม่ได้คิดสนุก” พ่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพูดต่อ “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน” ฉันได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก เพราะสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันกับคุณคานส์เราต้องจดทะเบียนสมรสกันอยู่ดี “ที่พ่อทำก็เพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวพ่อเอง” “…อลิชรู้ค่ะ” ฉันก้มหน้าลงสำนึกผิดอีกครั้ง “พ่อโกรธที่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่พ่อจะโกรธมากกว่าถ้าได้หนุ่มนั่นมันไม่กล้ายอมรับแบบลูกผู้ชาย” “……” “ถ้าพ่อไม่แกล้งทำเป็นโรคหัวใจกำเริบ ก็คงจะได้หัวใจกำเริบจริงๆ เพราะลูกจะไม่ยอมพูดอะไรเลย” “……”พ่อเดินจากไป ฉันทำได้แค่ลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง จู่ๆ มันก็รู้สึกเหนื่อยเอามากๆ ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่สมองมันก็หยุดคิดไม่ได้ พรุ่งนี้จะมีการจดทะเบียนของฉันกับคุณคานส์เกิดขึ้นจริงๆ น่ะหรอ….“อึก อึก อ้วก~” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปอ้วกในท้องน้ำ แค่อ้วกมันก็ทำให้ฉันหมดแรงเอามากๆ ฉันพยุงตังเองออกมาจากห้องน้ำแล้
ฉันไม่ได้ตอบตกลงเรื่องที่คุณคานส์บอกจะให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา และเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เมื่อมาถึงบ้านแทนที่คุณคานส์จะกลับไปกรุงเทพ แต่เขากลับเดินตามฉันเข้ามาภายในบ้าน “นะ ไหนบอกว่ามีธุระไงคะ” ฉันทวงถาม ก่อนหน้านี้เขาทำท่าหงุดหงิดที่ฉันชักช้าเพราะมีงานต้องไปทำไปจัดการไม่ใช่หรือไง “ฉันพูดไปเธอลืมแล้ว ?”“เรื่องอะไรหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมถามกลับอย่างงุนงง เมื่อถูกถามกลับคุณคานส์ก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แบบไม่ค่อยสบอารมณ์ “ไปเก็บเสื้อผ้า” “อะ อลิชไม่ไปอยู่กับคุณหรอกนะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เข้าใจแล้วว่าเขาพูดเรื่องอะไร “ทำเหมือนฉันจะเอาเธอไปฆ่า” “อลิชไม่ไป อะ อลิชจะอยู่กับพ่อ” “ได้! ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอพ่อเธอกลับมา”“ระ รอทำไมคะ พ่อไม่ให้อลิชไปอยู่กับคุณแน่ๆ” “ก็รอดู”สีหน้าของเขาทำให้ฉันกลัว ไหนไม่อยากรับผิดชอบตั้งแต่แรกแล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเขาทำไม ฉันตัดสินใจเดินหนีเขามาที่ห้อง แต่ก็ต้องเดินหยุดแล้วหมุนตัวหันมองทางด้านหลังของตัวเองเมื่อเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมา “ตะ ตามอลิชมาทำไมคะ” คุณคานส์เงียบ แถมยังเดินผ่านหน้าฉันไปที่ห้องนอน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของฉัน ทำให้ต้องรีบเ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพามาที่บ้าน แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะเธอจะรู้สึกยังไง หรือว่าเขาจะคุยกับเธอแล้วเรื่องฉัน เธอรับได้อย่างนั้นหรอ “เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้อง” คุณคานส์สั่งลูกน้องของเขา ฉันมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงเลย เห็นแต่ผู้ชายทั้งนั้น ละ แล้วผู้หญิงที่ฉันเจอวันนั้นเธออยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า…“ห้องของเธออยู่ชั้นบน เดี๋ยวฉันจะให้คนพาไป” “ผะ ผู้หญิงคนนั้นล่ะคะ เธออยู่ด้วยหรือเปล่า เธอจะเข้าใจผิดไหมคะ แล้วคุณคานส์พูดกับเธอเรื่องอลิชหรือยัง ให้อลิชช่วยพูดอีกแรงไหมคะ” ฉันถามออกไปยาวเหยียดแต่ดูเหมือนว่าคำถามของฉันมันจะทำให้เขางุนงง “เธอหมายถึงใคร ?”“ก็ผู้หญิง…”“เฮียคะ” เสียงหวานของผู้หญิงดังขึ้นมา ทำให้ฉันและคุณคานส์หันมอง เจ้าของเสียงหวานคือผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันหมายถึง เธออยู่ที่นี่กับคุณคานส์ ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่เธอดูไม่ได้เดือดร้อนหรือมีท่าทางไม่ชอบฉันเลย หรือว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่อง “จะไปไหน ?” คุณคานส์ยกมือขึ้นมาวางบนศรีษะของเธอคนนั้นแล้วลูบไปมาเบาๆ เขาดูอบอุ่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต่า
บนโต๊ะอาหาร ในตอนนี้มีแค่ฉันกับคุณคานส์ที่นั่งอยู่สองคนเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาจะกินข้าวพร้อมกับฉัน ทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “ที่บ้านของฉันมีแต่ผู้ชาย เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรเธอควรระวังตัว” “…ค่ะ” คุณคานส์บอกเหมือนว่าฉันจะไปทำอะไรที่มันไม่ดีอย่างนั้นแหละ “ถ้าอยากได้อะไรก็ใช้โทรศัพท์บ้านในห้องกดโทรสั่ง จะมีเบอร์วางไว้อยู่ข้างๆ มีคนคอยรับสายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”“…ค่ะ” “ฉันไม่ชอบคนที่สอดรู้สอดเห็นสักเท่าไหร่ เธอคงไม่ใช่คนแบบนั้น ?” “…ค่ะ” “พูดเป็นแค่คำเดียว ?” คิ้วหนาของคุณคานส์ขมวดชนกันเมื่อฉันเอาแต่ตอบเขาอยู่คำเดียว ก็ฉันไม่รู้หนิว่าต้องพูดอะไร ถึงปากจะบอกให้เราอยู่กันแบบเพื่อนแบบพี่น้อง แต่เขาวางมาดขนาดนี้ฉันเองก็เกร็งนะ “…ค่ะ” ฉันตัดสินใจตอบคำเดิมอีกครั้ง ทำให้คนที่ได้ฟังอย่างคุณคานส์ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยังไม่ทันที่คุณคานส์จะได้พูดอะไรต่ออาหารก็มาเสริฟ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย แต่แปลกจังฉันไม่ได้รู้สึกแพ้กลิ่นอาหารบนโต๊ะเลย มันรู้สึกหิวมากๆ อีกต่างหาก “ขอบคุณค่ะ ^_^” ฉันเงยหน้าขอบคุณพ่อครัวผู้ชายที่มาตักข้าวให้พร้อมกับยิ้มให้เขา แล้วดูเหมือนว่าเขาก็จะเสียอา