“ฉันขอโทษนะอลิชที่พูดไปแบบนั้น ถ้าฉันไม่พูดพ่อแกก็จะยิ่งโมโหมากกว่านี้แน่ๆ”“อึก ~ แกไม่ควรบอกแบบนั้นแพร ไม่ควรพูด” ฉันตำหนิเพื่อน ถึงจะรู้ว่าแพรทำไปเพราะเป็นห่วง แต่ฉันก็ไม่อยากให้พ่อรู้อยู่ดีกว่าคุณคานส์คือพ่อของเด็กในท้อง “เขาทำ เขาก็ต้องรับผิดชอบนะอลิช”“อึก~” “ฉันพูดไปแล้ว พ่อแกรู้แล้ว นี่คือความจริง ฉันอาจจะยุ่งวุ่นวายมากไป แต่ที่ฉันทำก็เพราะกลัวว่าพ่อแกจะทำอะไรแกไปมากกว่านี้นะ” “แต่ฉันไม่ได้อยากให้เขามารับผิดชอบ อึก~” “แกเป็นห่วงตัวเองบ้างไหมอลิช เฮ้อ” แพรตอบฉันนานหลายชั่วโมง ที่ฉันร้องไห้เพราะมันเสียใจ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง รู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเข้าใจฉันเลยว่าฉันไม่ต้องการให้คุณคานส์มารับผิดชอบ เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ฉันไม่อยากให้พ่อรู้ที่อยู่ของคุณคานส์ ไม่อยากให้พ่อไปที่นั่น ฉันควรจะทำยังไงดี เช้าวันต่อมา… เสียงเคาะห้องดังสนั่นขึ้นตามด้วยเสียงพ่อที่ตะโกนเรียกฉัน ฉันที่เพิ่งลุกขึ้นมาอ้วกในห้องน้ำเสร็จก็ต้องรีบมาเปิดประตูให้พ่อ “พะ พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ไปแต่งตัว”“ปะ ไปไหนคะ”“ไม่ต้องถามมาก พ่อบอ
สิ้นสุดคำพูดของพ่อคุณคานส์ก็มองหน้าฉัน คิ้วของเขาขมวดชนกันยุ่งเหยิง จากสายตาที่เขามองอยู่เหมือนไม่จำเรื่องคืนนั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คุณคานส์สั่งให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายตัวเองขึ้นไปบนห้อง แน่นอนว่าทั้งคู่ต้องมีปัญหากันแน่ๆ เพราะพ่อประกาศลั่นไปแบบนั้น แต่ที่น่าแปลกใจคือเธอไม่โวยวายอะไร แถมยังยอมขึ้นห้องตามคำสั่งของคุณคานส์อย่างว่าง่ายหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปแล้ว คุณคานส์ก็บอกให้ฉันกับพ่อตามเขามาที่ห้องรับแขก “หยุดร้องซะ!!” พ่อหันมาตวาดฉันด้วยน้ำเสียงดุดัน ฉันจึงพยายามฮึบเสียงสะอื้นไว้แล้วยกมือปาดน้ำตาแบบลวกๆ อีกทั้งยังเดินกอดแขนพ่อไปตลอดทาง เพราะกลัวว่าพ่อจะยิงคุณคานส์เข้า #ภายในห้องรับแขก “เชิญนั่งครับ” คุณคานส์ผายมือให้ฉันกับพ่อนั่งลงตรงข้ามกับเขา พ่อกับฉันยอมนั่งลงแต่โดยดี “จะเอายังไงว่ามา!!” เมื่อนั่งลงแล้วพ่อก็ถามกับคุณคานส์เสียงเข้มทันที “ผมไม่เคยพลาดทำผู้หญิงคนไหนท้อง” นี่คือคำตอบของคุณคานส์ น้ำเสียงและสายตาของเขาที่กำลังมองมา มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันเต้นรัวไม่เป็นท่า“พูดแบบนี้แกจะไม่รับผิดชอบลูกสาวฉันใช่ไหม!!” พ่อยกปืนขึ้นมาชี้ไปยังคุณคานส์ ทำให้ลู
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นใจตอบ “ใช่! เป็นฉันเอง” หากว่าเขาไม่ดูถูก ฉันก็คงไม่พูดออกไปหมดเปลือกแบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะจำฉันไม่ได้ เพราะเมื่อเดือนก่อนตอนที่เจอเขาที่บริษัทยังทำเหมือนคุ้นๆ กับฉันอยู่เลย หากรู้ว่าจะลืมง่ายขนาดนี้ฉันคงไม่ต้องลาออกจากงาน “แกจะเอายังไง ลูกสาวฉันท้อง ถึงจะเป็นความผิดพลาดยังไงก็ต้องรับผิดชอบ!!” พ่อประกาศลั่นอีกครั้ง “ตอนนี้ผมยุ่งกับงานที่บริษัท…” “พูดแบบนี้แปลว่าแกจะไม่รับผิดชอบใช่ไหม” พ่อลุกขึ้นพรวดจ้องหน้าคุณคานส์อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อเห็นว่าพ่อลุกขึ้นฉันก็รีบจับแขนพ่อไว้เพราะกลัวว่าพ่อจะไปทำอะไรเขา ฉันไม่ได้เป็นห่วงคุณคานส์แต่เป็นห่วงพ่อ นี่มันบ้านของเขาหากพ่อทำอะไรไป เขาคงไม่เอาพ่อไว้แน่ๆ ดูจากที่บ้านมีลูกน้องมากมายก็พอจะเดาได้ว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากขนาดไหน สายตาของคุณคานส์ไม่ได้มองพ่อ เขากลับเอาแต่มองหน้าฉัน สายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้ฉันต้องก้มหน้าลง เพราะไม่อยากถูกจ้องมอง “ผมยังไม่ได้พูดว่าจะไม่รับผิดชอบ อีกสองวันธุระที่บริษัทจะเสร็จ ผมจะไปเคลียร์เรื่องนี้ที่บ้านของคุณ” “พูดแบบนี้แปลว่าแกจะชิ่ง!!” พ่อยังคงไม่เชื่อคำพูดของผู้ช
ฝากติดตามนิยายเรื่อง เลขายั่วรัก Nc20+ หน่อยนะคะ เรื่องนี้เป็นงานรีไรท์ ใครสายเก็บอีบุ๊คห้ามพลาดเลยค่ะ มีอีบุ๊คแน่นอน อ่านบทแนะนำเรื่องกันไปก่อนเน้อ ถ้าชอบฝากคอมเมนท์และกดถูกใจด้วยนะคะ ฉันเดินมานั่งลงข้างๆ กับพ่อ แล้วก็ต้องหลบสายตาของคุณคานส์ เพราะเขานั้นเอาแต่มองหน้าฉัน “สรุปพร้อมที่จะรับผิดชอบลูกสาวฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้รีบไปหาฤกษ์แต่งงาน” พ่อพูดถึงการแต่งงานเหมือนเร่งรีบ ทำให้ฉันที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้าง แค่คำว่ารับผิดชอบฉันก็ไม่อยากได้ยินแล้ว นี่ถึงขั้นแต่งงานเลยงั้นหรอ เมื่อฉันมองไปที่คุณคานส์เขากลับนั่งทำหน้านิ่ง เหมือนไม่รู้สึกอะไร ไม่สิ! เขามันคนมีแค่หน้าเดียวอยู่แล้ว ฉันไม่เคยเห็นเขาแสดงความรู้สึกอะไรบนใบหน้านอกจากความเย็นชา “พะ พ่อคะ ไม่ต้องถึงขั้น…” “พ่อไม่ยอมให้ลูกเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆ” พ่อหันมาบอกเสียงดุ พ่อเอาแต่คิดว่าฉันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน แต่ไม่เคยถามเลยว่าฉันต้องการจะแต่งงานหรือเปล่า การแต่งงานที่เกิดจากความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากความรัก มันจะไปกันรอดได้ยังไง…“ก่อนที่จะพูดเรื่องแต่งงาน มาฟังข้อเสนอของผมก่อนดีกว่าไหมครับ ?” คุณคานส์พูดขึ้นมาเสียงเย็น “ข้อเสนออ
“พ่อ เขาไม่อยากจดทะเบียนพ่อก็อย่าบังคับเลยนะคะ” “ลูกเงียบปากไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอม” พ่อตวาดใส่ฉันอีกแล้ว ฉันก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ จู่ๆ พ่อก็ยกมือขึ้นมากำที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองแล้วค่อยๆ ฟุบตัวลง “พะ พ่อ พ่อเป็นอะไร ละ ลุงปลูกคะช่วยมาดูพ่อทีค่ะ” ฉันรีบประคองพ่อไว้แล้วตะโกนเรียกลุงปลูก อาการแบบนี้คล้ายกับโรคหัวใจที่พ่อเป็นมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาที่พ่อเครียดมากๆ อาการก็จะกำเริบแบบนี้ “ยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบลูกสาวฉัน” พ่อเป็นขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องฉันอีก “ทำลูกฉันท้องแล้วจะมาอ้างแบบนี้ได้ยังไง!!”“พ่อกำนัน!!” ลุงปลูกวิ่งหน้าตาตื่นมาช่วยประคองพ่ออีกแรง ฉันหันมองทางคุณคานส์ สีหน้าของเขามันเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย “ไปโรงพยาบาลนะคะพ่อ ลุงปลูกไปบอกให้ลุงพลเตรียมรถทีค่ะ”“ไม่!! พ่อไม่ไป จนกว่าจะได้ยินไอ้ผู้ชายคนนี้พูดว่าจะรับผิดชอบ” “ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รอผลตรวจ” คุณคานส์ตอบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่พ่ออยากฟัง เมื่อพ่อได้ยินแบบนั้นอาการก็ยิ่งทรุดลง แล้วก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก “ต้องรอจนเกือบปี มันยุติธรรมกับลูกสาวฉันหรือไง!!”“…พ่อไม่ต้องพูดแล้ว”ฉันคิ
ฉันยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่พ่อทำแบบนี้ ทำให้ฉันเป็นห่วงมากขนาดนี้ “อลิชไม่สนุกกับพ่อเลยนะคะ”“ที่ทำพ่อก็ไม่ได้คิดสนุก” พ่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพูดต่อ “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน” ฉันได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก เพราะสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ฉันกับคุณคานส์เราต้องจดทะเบียนสมรสกันอยู่ดี “ที่พ่อทำก็เพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวพ่อเอง” “…อลิชรู้ค่ะ” ฉันก้มหน้าลงสำนึกผิดอีกครั้ง “พ่อโกรธที่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้น แต่พ่อจะโกรธมากกว่าถ้าได้หนุ่มนั่นมันไม่กล้ายอมรับแบบลูกผู้ชาย” “……” “ถ้าพ่อไม่แกล้งทำเป็นโรคหัวใจกำเริบ ก็คงจะได้หัวใจกำเริบจริงๆ เพราะลูกจะไม่ยอมพูดอะไรเลย” “……”พ่อเดินจากไป ฉันทำได้แค่ลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง จู่ๆ มันก็รู้สึกเหนื่อยเอามากๆ ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่สมองมันก็หยุดคิดไม่ได้ พรุ่งนี้จะมีการจดทะเบียนของฉันกับคุณคานส์เกิดขึ้นจริงๆ น่ะหรอ….“อึก อึก อ้วก~” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปอ้วกในท้องน้ำ แค่อ้วกมันก็ทำให้ฉันหมดแรงเอามากๆ ฉันพยุงตังเองออกมาจากห้องน้ำแล้
ฉันไม่ได้ตอบตกลงเรื่องที่คุณคานส์บอกจะให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา และเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เมื่อมาถึงบ้านแทนที่คุณคานส์จะกลับไปกรุงเทพ แต่เขากลับเดินตามฉันเข้ามาภายในบ้าน “นะ ไหนบอกว่ามีธุระไงคะ” ฉันทวงถาม ก่อนหน้านี้เขาทำท่าหงุดหงิดที่ฉันชักช้าเพราะมีงานต้องไปทำไปจัดการไม่ใช่หรือไง “ฉันพูดไปเธอลืมแล้ว ?”“เรื่องอะไรหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมถามกลับอย่างงุนงง เมื่อถูกถามกลับคุณคานส์ก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แบบไม่ค่อยสบอารมณ์ “ไปเก็บเสื้อผ้า” “อะ อลิชไม่ไปอยู่กับคุณหรอกนะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เข้าใจแล้วว่าเขาพูดเรื่องอะไร “ทำเหมือนฉันจะเอาเธอไปฆ่า” “อลิชไม่ไป อะ อลิชจะอยู่กับพ่อ” “ได้! ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอพ่อเธอกลับมา”“ระ รอทำไมคะ พ่อไม่ให้อลิชไปอยู่กับคุณแน่ๆ” “ก็รอดู”สีหน้าของเขาทำให้ฉันกลัว ไหนไม่อยากรับผิดชอบตั้งแต่แรกแล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเขาทำไม ฉันตัดสินใจเดินหนีเขามาที่ห้อง แต่ก็ต้องเดินหยุดแล้วหมุนตัวหันมองทางด้านหลังของตัวเองเมื่อเห็นว่าคุณคานส์เดินตามมา “ตะ ตามอลิชมาทำไมคะ” คุณคานส์เงียบ แถมยังเดินผ่านหน้าฉันไปที่ห้องนอน ซึ่งก็เป็นห้องนอนของฉัน ทำให้ต้องรีบเ
#คฤหาสน์หลังใหญ่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะพามาที่บ้าน แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะเธอจะรู้สึกยังไง หรือว่าเขาจะคุยกับเธอแล้วเรื่องฉัน เธอรับได้อย่างนั้นหรอ “เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้อง” คุณคานส์สั่งลูกน้องของเขา ฉันมาที่นี่เป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงเลย เห็นแต่ผู้ชายทั้งนั้น ละ แล้วผู้หญิงที่ฉันเจอวันนั้นเธออยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า…“ห้องของเธออยู่ชั้นบน เดี๋ยวฉันจะให้คนพาไป” “ผะ ผู้หญิงคนนั้นล่ะคะ เธออยู่ด้วยหรือเปล่า เธอจะเข้าใจผิดไหมคะ แล้วคุณคานส์พูดกับเธอเรื่องอลิชหรือยัง ให้อลิชช่วยพูดอีกแรงไหมคะ” ฉันถามออกไปยาวเหยียดแต่ดูเหมือนว่าคำถามของฉันมันจะทำให้เขางุนงง “เธอหมายถึงใคร ?”“ก็ผู้หญิง…”“เฮียคะ” เสียงหวานของผู้หญิงดังขึ้นมา ทำให้ฉันและคุณคานส์หันมอง เจ้าของเสียงหวานคือผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันหมายถึง เธออยู่ที่นี่กับคุณคานส์ ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน แต่เธอดูไม่ได้เดือดร้อนหรือมีท่าทางไม่ชอบฉันเลย หรือว่าเธอจะยังไม่รู้เรื่อง “จะไปไหน ?” คุณคานส์ยกมือขึ้นมาวางบนศรีษะของเธอคนนั้นแล้วลูบไปมาเบาๆ เขาดูอบอุ่น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต่า