“เรติกา อ๊าส์” น่ารังเกียจ! น่าขยะแขยงที่สุดเลย “ใครอนุญาตให้แกครางชื่อฉัน ไอ้ชั่ว!” เธอพยายามประคองเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ความรุนแรงที่เขามอบให้นั้นไม่สามารถทำให้คนถูกกระทำอย่างเธอส่งเสียงร้องครวญครางออกมา แม้แต่น้ำตาแค่หยดเดียวเขาก็ไม่สามารถรีดมันออกมาจากดวงตาของเธอได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเองก็เจ็บปวดทรมานแทบขาดใจ เหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ “หึหึ” มันส่งเสียงหัวเราะในลำคอเย้ยหยันเธออีกแล้ว โคตรเกลียดมันเลย “ถ้าเธอส่งเสียงร้องครวญครางออกมาบ้าง ฉันอาจเมตตาเธอก็ได้นะ”
View Moreณ แชร์เฮาส์“ไอ้เพื่อนเวรเอ๊ย! มันไม่น่าเอาน้องมาให้กูทำการทดลองตั้งแต่แรก” เป็นหมอนนท์ที่บ่นหัวเสียอยู่กับหมอเวช หลังจากการผ่าตัดเมื่อคืนผ่านพ้นไปทั้งสองคนยืนมองปีแสงที่นอนเฝ้าเรติกาไม่ห่าง เพื่อให้แน่ใจว่าสมองของเธอไม่ได้รับอันตรายจากการทดลอง เรติกาจึงต้องพักฟื้นและยังไม่สามารถกลับบ้านได้ เพราะหมอนนท์ต้องตรวจร่างกายและดูแลอาการของเธออย่างใกล้ชิดอยู่ที่แชร์เฮาส์แห่งนี้ที่นี่มีอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ครบไม่ต่างจากโรงพยาบาล เพราะเป็นแหล่งสำหรับทำการทดลอง และเอาไว้พักผ่อนในยามฉุกเฉินของทั้งสามหมอ“เอาเถอะน่า นะ ถือว่าช่วยไอ้ปีย์มันสักครั้ง” หมอเวชตอบหมอนนท์แบบขอไปที หากว่าสายตาของเขามองไปยังเพื่อนรักอีกคน“กูเสียเวลามาตั้งครึ่งปี การทดลองของกูไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ พวกมึงแม่ง! มีใครสนใจความเสียหายที่กูได้รับไหม”พูดจบหมอนนท์ก็หัวเสียเดินจากไป เขาไม่ค่อยพอใจในพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจของเพื่อนรักอย่างปีแสงสักเท่าไหร่ หมอเวชส่ายหน้าไปมาอย่างชั่งใจหลังจากที่หมอนนนท์เดินหายไปต่อหน้าต่อตาปีแสงแนบแก้มสากเข้าบริเวณท้องของเรติกาอย่างเอาใจ สายตาของเขาจ้องมองไปที่หญิงสาวที่ยังนอนหลับตาแน่น
ปีแสงเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาล ด้วยความสงสัย เขารีบเดินตรงขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เพราะวันนี้ตั้งแต่ที่เขาออกไปจากบ้าน เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรจากอุปกรณ์ดักฟังนอกจากเสียงหายใจที่ริบหรี่ ซึ่งมันเบามาก ๆ และรู้สึกผิดปกติจากทุก ๆ วัน“ไม่สบายค่ะ” หลังจากที่เลื่อนโต๊ะอาหารไปไว้ที่ข้างเตียงให้กับเรติกา ป้าทิพย์เดินเข้าไปกระซิบเบา ๆ เมื่อเห็นปีแสงเดินเข้ามาภายในห้อง “...” ปีแสงไม่ได้พูดอะไร สายตาคมกริบมองไปยังเรติกาที่กำลังนอนหันหลังให้เมื่อเห็นปีแสงยังยืนแน่นิ่ง ใบหน้าที่แสนเย็นชาของชายหนุ่มทำให้ป้าทิพย์คาดเดาความคิดไม่ออกจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ร้องไห้จนไข้ขึ้นค่ะ”“เช็ดตัวหรือยัง?”“เช็ดให้แล้วค่ะ เธอพูดซ้ำ ๆ ว่าปวดหัว” ปีแสงพยักหน้ารับรู้ ป้าทิพย์จึงเดินเลี่ยงออกไปอย่างรู้หน้าที่“ลุก!” เสียงดุดันของชายหนุ่มปลุกให้เธอตื่นขึ้น แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมขยับเพราะรู้สึกหนักไปทั้งตัว ดวงตาคู่สวยปิดลงอีกครั้งราวกับต้องการพักผ่อนต่อ แต่ก็ถูกใครบางคนฉุดดึงให้ลุกขึ้น เพียงแค่กระตุกเบา ๆ ร่างกายของเธอก็หยัดตัวขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้“อึก! ฉันไม่ไหว” เธอมองเห็นคนตรงหน้าและสิ่งร
ป้าทิพย์ประคองเรติกาให้เดินลงบันไดที่คดเคี้ยวของบ้าน แม้ว่าปีแสงจะยอมรับข้อเสนอของเธอ แต่ชายหนุ่มให้อิสระเธอจากเครื่องพันธนาการได้แค่เดือนละครั้ง ซึ่งจะต้องตรงกับวันหยุดของเขา และเธอก็ต้องตัวติดอยู่กับเขาตลอดทั้งวัน ถ้าตุกติกคิดหนีเธอจะไม่ได้อิสระจากเดือนที่เหลืออีกเลย“เฮ้อ...” ทั้งที่เธอควรจะดีใจเพราะกว่าอิสระจะวนกลับมาอีกรอบเป็นครั้งที่สอง แต่หญิงสาวกลับถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เพราะว่าทุกครั้งที่ก้มมองชุดคลุมท้องสีชมพูอ่อนที่เธอสวมใส่อยู่นี้มันช่างเป็นอะไรที่น่าขำถ้าเพื่อนรักสองคนมาเห็นเธอใส่ชุดแอ๊บแบ๊วแบบนี้เข้าแล้วก็... มีนอนขำกลิ้งกับพื้นแน่ ถึงจะไม่ค่อยชอบใจนักแต่หญิงสาวก็โวยวายไม่ได้หรอก เพราะเธอเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น แม้จะรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็แสร้งฉีกยิ้มให้ดูเป็นคนอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา“ค่อย ๆ นั่งค่ะ” เป็นป้าทิพย์ที่ประคับประคองให้เธอค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาตัวยาว ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่ปีแสงนั่งอยู่ กลิ่นอาหารตรงหน้าหอมฟุ้งโชยมาติดจมูก แต่เมื่อเห็นนมในแก้วแล้วเธอกลับทำหน้าหยี รู้สึกอยากกินกาแฟที่ปีแสงยกขึ้นมาจิบกินซะมากกว่า“ฉันจะต้องกินของพวกนี้อีกแล้วเหรอ” เรติกาแหงนหน้าขึ้
“ฉันมีเรื่องจะตกลงกับนาย” ทันทีที่เห็นปีแสงเดินเข้ามาภายในห้อง เรติกาก็รีบเอ่ยปากพูดถึงข้อเสนอที่เธอคิดพินิจพิจารณามาเป็นอาทิตย์ และคิดว่ามันจะต้องเป็นทางออกที่ดีต่อทุกฝ่ายแน่นอน“ฉันมาหาลูกของฉัน ไม่ว่างคุยกับ...ที่อยู่อาศัย” ปีแสงตอบเสียงเรียบเฉย ดวงตาคมกริบไล่มองคนตรงหน้าด้วยสายตาไร้ความรู้สึก“ไม่ต้องคุย แค่ฟังก็พอ” ถึงจะไม่ค่อยชอบใจกับคำเปรียบเปรยที่เขามอบให้มาตลอด แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่เธอจะยกเอามาน้อยเนื้อต่ำใจ เรติกาตั้งท่าจะอธิบายถึงข้อเสนอ แต่ก็ถูกปีแสงเอ่ยขัดจังหวะ“เวลาส่วนตัวที่พ่อกับลูกเขาจะอยู่ด้วยกัน คนอื่นที่ไม่เกี่ยวก็อยู่เป็นธาตุอากาศไป” พูดจบปีแสงก็ก้มลงมาจูบและคลอเคลียที่ท้องของเรติกาอย่างเอาใจ“พ่อรักลูกนะ จุ๊บ~”“ฉันรู้ว่านายเกลียดฉัน” เรติกาเอ่ยปากพูด ถึงแม้ว่าปีแสงเอาแต่หยอกล้อเล่นกับลูกโดยไม่คิดจะสนใจเธอสักนิด “และฉันก็รู้ว่านายรักลูกของนายมาก”ฉันก็รักลูกเหมือนกัน“เรามาสงบศึกกันก่อนไหม” ประโยคเมื่อครู่ทำให้ปีแสงเริ่มตั้งใจฟังเธอขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังทำทีไม่สนใจ “ฉันเกลียดนม เกลียดเต้าหู้ เกลียดผัก...”“ใครอยากรู้?”“ฉันอุตส่าห์ทนกินสิ่งที่ฉันเกลียด เพียงเพร
หลายชั่วโมงผ่านไป“อื้อ” เรติกาส่งเสียงครางกระเส่าเมื่อรู้สึกตัวตื่น การที่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เปลือกตาคู่สวยค่อย ๆ เปิดออก พร้อมขยับตัวพลิกไปมาอย่างเนิบนาบ“...อุย!!” หญิงสาวอุทานเสียงหลงพร้อมกับสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตาดุดันจ้องมองมาแบบไม่กะพริบ“ลุก!”“อืม ยังง่วงอยู่เลย อยากนอนต่อจัง” เรติกาไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเขา เธอพลิกตัวนอนตะแคงข้างโดยหันหน้าเข้าหาชายหนุ่ม เปลือกตาคู่สวยปิดลงอีกครั้งอย่างสบายใจ“จะยอมลุกดี ๆ ไหม” ปีแสงจิ๊ปากตัวเองอย่างเอือมระอาก่อนเอ่ยถามออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ชายหนุ่มจึงแสดงสีหน้าครุ่นคิดก่อนยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก มือหนาเลื่อนมาประคองพวงแก้มเนียนผ่องของเธอไว้หลวม ๆ คนที่นอนหลับตาอย่างสบายใจเมื่อครู่ค่อย ๆ ลืมตามองดูการกระทำของเขาอย่างนึกสงสัย“อื้อ”“ถ้าหายใจทางจมูกไม่ออก ก็หายใจทางปากแทน” เรติกาพ่นลมหายใจออกมาทางปากอย่างถี่รัว เมื่อปีแสงใช้มือบีบจมูกของเธอไว้เพื่อให้สามารถหายใจได้ทางเดียว“หืม...เหมือนหมาเลย” ปีแสงพูดแล้วกลั้นขำกับการแสดงออกของคนตัวเล็กที่นอนหายใจพะงาบ ๆ แล้วดิ้นศีรษะดุกดิกไปมาน
“เวรกรรม!” คำพูดติดปากหลุดออกมาจากวาจาของจิตแพทย์หนุ่ม เพราะเขายังไม่ได้ไปไหนไกล จึงทันได้ยินเรติกาอาละวาดโวยวายอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ก็นานเกือบครึ่งชั่วโมง“หัวรุนแรงใช่ย่อยเลย” หมอเวชพูด หลังจากที่เห็นปีแสงเดินออกมาจากห้องของเรติกา“ยังไม่เอาสังขารกลับไปอีกเหรอวะ” ปีแสงถามเพื่อนรักแกมกระแหนะกระแหน ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว“กูมีเรื่องจะคุยกับมึงก่อน”“แต่กูไม่มี!” ชายหนุ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน“โมโหกลบเกลื่อนนะมึงอะ”“กลับไปได้แล้วไป”“หืม...ตัวจริงน้องมันน่ารักเนอะ เคยเห็นแต่ในรูป ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริง”หมอเวชพูดพลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ เหตุผลที่สงสัยว่าทำไมหน้าเรติกาคุ้น ๆ เมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ เขาและหมอนนท์ไปเจอรูปถ่ายของเธอจากกล้องตัวโปรดของปีแสง ทั้งคู่แซวปีแสงข้ามวันข้ามคืนไอ้เวรนี่! เป็นหมอหรือเป็นนักสืบวะ ขี้เสือกชะมัดเขาจิ๊ปากตัวเองอย่างเอือมระอา“มีเรื่องหนึ่งที่น้องมันเล่าให้กูฟังแล้วตรงกับที่มึงก็เคยเล่าให้พวกกูฟังเหมือนกัน เพราะน้องมันใช่ไหมที่ทำให้มึงหันมาฝึกยิงปืน เรียนต่อสู้”“เสือกนะมึงน่ะ!” เขาพูดออกมาเสียงเรี
ปีแสงเดินมาหาน้ำเย็น ๆ ดื่มในห้องครัว หลังจากที่ออกกำลังกายจนเหงื่อเปียกโชก เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด เขาจึงใช้เวลาในการออกกำลังกายนานเป็นเป็นพิเศษ“คุณปีแสงคะ คุณหมอเวชมาค่ะ บอกว่ามาดูสภาพจิตใจของคุณ” “ตอนนี้มันอยู่ไหน!” ปีแสงไม่เปิดโอกาสให้นวลพูดจบประโยค เขาเอ่ยแทรกเสียงแข็ง“อยู่ในห้องกับคุณเรติกาค่ะ” ปึง! เสียงวางแก้วน้ำลงบนเคาน์เตอร์อย่างจัง ทำเอาสาวใช้อย่างนวลถึงกับสะดุ้ง ในขณะที่ปีแสงเดินพรวดพราดออกไปจากครัวไอ้เพื่อนเวรนี่! เดือนที่แล้วไอ้นนท์ เดือนนี้ไอ้เวช พวกมันสองตัวจะอะไรกันนักกันหนาวะ“ฮ่าฮ่า เล่นเกมหัวร้อนจนมีเรื่อง” ด้วยทักษะและประสบการณ์ หมอเวชสามารถทำให้คนที่หงุดหงิดง่ายอย่างเรติกาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ และสามารถทำให้เธอยอมเล่าเรื่องตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัว“จริง ๆ เพื่อนเรย์เป็นคนมีเรื่อง แต่พอโดนรุมแล้วมันดันเอาตัวไม่รอด เรย์ก็เลยเข้าไปช่วยแล้วหนีออกมาด้วยกัน เงินก็ไม่ได้จ่าย ถือว่าได้เล่นเน็ตฟรีไปเลยเกือบสองชั่วโมง” “ไหนบอกว่าฝั่งตัวเองเก่งกว่า แล้วทำไมวิ่งหนี” “ก็ที่นั่นมันถิ่นเขา ฝั่งเขามีห้า ฝั่งเรย์มีสอง อีกอย่างเรย์กับเพื่อนก็แอบไปเล่นด้วย ถ้าโดนคุณลุงจับได้
ณ โรงพยาบาลเอกชน“ผู้หญิงคนนั้นคือมือปืนที่ยิงพ่อมึงเหรอ” เป็นหมอนนท์ที่พูดขึ้นหลังจากได้รู้ความจริงจากปีแสง ศัลยแพทย์หนุ่มทำหน้าครุ่นคิด เพราะตอนแรกคิดว่าเธอเป็นนักโทษหญิงใกล้ประหารที่ปีแสงเบิกตัวมาให้เขาทำการทดลองจากสิ่งประดิษฐ์ชนิดใหม่“มึงนี่มันเลวจริง ๆ ที่หลอกใช้กู ไอ้เพื่อนเวร!” เป็นหมอเวชที่พูดต่อ เพราะปีแสงขอให้หมอเวชช่วยปลอมใบรับรองแพทย์ว่าเรติกาคือคนไข้ที่มีอาการทางจิตชนิดรุนแรง ซึ่งจิตแพทย์หนุ่มก็เป็นเจ้าของเคสนี้แบบปลอม ๆไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามหมอจะมารวมตัวกันได้ แม้จะทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่อยู่กันคนละแผนก และต่างคนก็ต่างมีงานล้นมือ“งั้นที่ตำรวจบอกว่ามือปืนที่ยิงพ่อมึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ก็แปลว่าตอนนี้อยู่กับมึง” กว่าตำรวจจะตามสืบตามแกะรอยคนร้ายได้ก็สามเดือนเกือบจะเข้าเดือนที่สี่ ในขณะที่ปีแสงได้ตัวเธอมาอยู่ในกำมือหลังเกิดเรื่องได้เพียงสามวัน“รู้แล้วก็เลิกหาเรื่องจับผิดกูได้แล้ว” ปีแสงตอบหมอนนท์แบบขอไปที เขาไม่ได้เต็มใจอยากเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังสักเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่พูด สองเพื่อนรักก็จะตามหาความจริงด้วยตัวเองจนได้ เลยยอมบอกไปจะได้จบ ๆ เรื่อง“เดี๋ยวก่อน แต่
หลังจากที่เรติการับประทานอาหารเช้าเสร็จได้เกือบสองชั่วโมง ปีแสงเดินเข้ามาภายในห้อง สีหน้าเย็นชาที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา และความเงียบของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก“จะทำอะไรฉันอีกแล้ว” เรติกาตั้งท่าจะโวยวายเมื่อโดนปีแสงปกปิดดวงตาด้วยผ้าสีดำ ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากปลดล็อกวัตถุพันธนาการออกจากข้อมือและข้อเท้าของเธอ“อ๊ะ!” เธอส่งเสียงอุทานอย่างหวาดระแวงเมื่อโดนชายหนุ่มช้อนร่างอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวแขนข้างหนึ่งของหญิงสาวตวัดโอบลำคอหนาอัตโนมัติ ใบหน้าสวยหวานซบลงบนบ่าแกร่ง มือเรียวบางคลำวัตถุเย็นเฉียบที่ยังคล้องอยู่กับข้อมืออีกข้าง รู้สึกเหมือนมีโซ่เชื่อมติดกับวัตถุนั้น เธอค่อย ๆ ไล่สัมผัสความยาวของมันอย่างใจเย็น การมองไม่เห็นไม่ใช่อุปสรรค ตลอดเกือบสามเดือนที่อยู่ที่นี่ เธอฝึกหลับตาต่อสู้กลางอากาศ แม้หลัง ๆ จะรู้สึกเหนื่อยง่ายแต่ก็ยังฝึกฝนให้ร่างกายพร้อมตลอดเวลา ขาไม่มีอะไรมาพันธนาการแล้ว ถ้าเอาชนะปีแสงได้ คิดว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเธอ แต่หารู้ไม่ว่าความคิดและการกระทำของเธออยู่ในสายตาของเขามาตลอด “ถ้าคิดจะใช้โซ่ในมือรัดคอฉันก็ต้องรัดให้ฉันตายนะ เพราะถ้าฉันไม่
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!สองมือเรียวถูกมัดรวบตรึงเข้ากับหัวเตียง ดวงตาถูกปิดสนิทด้วยผ้าสีดำ ร่างกายทุกส่วนช่างว่องไวต่อการสัมผัส ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะใจกลางความสาว แม้จะพยายามดิ้นรนและต่อต้านให้หลุดพ้น แต่เรี่ยวแรงของเธอก็ยังสู้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดีค่ำคืนนี้เป็นนรกอีกคืนสำหรับเธอ นานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เธอทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็นไอ้ปีศาจนรก~เธอเรียกขานมันอย่างนั้น แม้จะไม่เคยเห็นหน้ามันเลยก็ตาม ถึงขนาดควบคุมเธอได้ มันก็ต้องโหดเหี้ยมและเลือดเย็นยิ่งกว่าเธอ“ฮึฮึ” เกลียด! เธอเกลียดเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั่นที่สุด“ร่างกายทนทานต่อแรงกระแทกขนาดนี้ เหมาะสมที่จะมาเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้ลูกของฉัน ถึงมันจะโสโครกไปหน่อยก็เถอะ” ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!ทำไมเธอถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้น่ะเหรอ?เพราะหนึ่งในเหยื่อของเธอคือพ่อของเขาเขากล่าวหาเธออย่างนั้นตั้งแต่วันแรกที่ถูกจับตัวมา จะให้ปฏิเสธอย่างไรเล่า เพราะเธอคือมือปืนที่ปลิดชีวิตผู้คนมาแล้วนับร้อย แม้จะมีเหตุผลว่าคนที่เธอสังหารทุกคนอยู่ไปก็รกโลก สุดท้ายมันก็ผิดอยู่ดีชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ...
Comments