“เมื่อคืนเราสองคนแบบว่า...” คาริสาทำท่าทางเขินอาย ขณะที่แดเนียลเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี “นายครางเรียกฉันว่าเมียจ๋า...” “ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงพูดของคาริสา แดเนียลก็รีบปฏิเสธแทรกขึ้นมาทันควัน “เมียจ๋า..เมียจ๋า...”
View Moreในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทฯ ของฉันกำลังจะล้มละลาย หนำซ้ำยังมาเจอเรื่องซวย เมื่อคนขับรถของที่บ้านดันไปชนเด็กอายุราว ๆ เท่าหลานชาย ทว่ายังโชคดีที่เด็กคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก"คุณมีปัญหาที่บริษัทฯ เหรอคะ" เด็กสาวเอ่ยถามท่ามกลางความเงียบสงัดในห้องผู้ป่วย"หนูได้ยินที่ฉันพูดด้วยเหรอ มันคงรบกวนให้หนูตื่นสินะ" ฉันหันไปถามเด็กสาวเจ้าของใบหน้าสวยหวาน"หนูช่วยคุณได้นะคะ" ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เผลอหลุดขำออกมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเครียดอยู่เลย"อายุเท่าไหร่เราอ่ะ เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่ควรยุ่งนะ""หนูจะสิบแปดแล้วนะ" เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจกับสิ่งที่ตนเองเอ่ยพูดไปเมื่อครู่ ฉันได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไปอีกครั้ง"ก็นั่นแหละจ๊ะ ควรตั้งใจเรียนก่อนไหม"เด็กสาวทำหน้ามุ่ยใส่ฉัน ก่อนจะหันหลังดึงผ้ามาห่ม ทำราวกับว่าต้องการพักผ่อนแต่แล้วอยู่ ๆ เธอก็หันมาสนทนากับฉันต่อ ทุกคำที่เด็กสาวพูดออกมามันทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ช่างพูดช่างเจรจาเสียจริงสภาพจิตใจย่ำแย่ช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ล
“หนูชื่ออะไร” ภาคินชายวัยสามสิบปลาย ๆ พยายามทำความรู้จักกับเด็กน้อยอายุเก้าขวบ“คาริสาค่ะ ชื่อเล่นชื่อเคส”“ว้าว ชื่อเพราะจังใครตั้งให้”“หนูไม่รู้ค่ะ” ทั้งคู่นั่งสนทนากันอยู่ภายในรถคันหรูเด็กน้อยกอดหนังสือเล่มหนึ่งไว้แน่น สีหน้าของเธอดูไม่อยากจะสนทนากับเขานัก สังเกตจากคำพูดที่ถามคำตอบคำ“นั่นหนังสืออะไร ขอลุงดูหน่อยได้ไหม” เธอยื่นหนังสือเล่มนั้นให้เขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“มีคนให้หนูมาค่ะ หนูชอบมากเลย”เพียงแค่เห็นปกหนังสือก็ทำเอาภาคินขมวดคิ้วเป็นปม เนื่องจากมันเป็นหนังสือคณิตศาสตร์หลักสูตรมัธยมปลาย“หนังสือเล่มนี้เป็นเนื้อหาของม.ปลาย เลยนะ หนูอ่านเข้าใจด้วยเหรอ”“...” นานนับนาทีกว่าเด็กน้อยจะพยักหน้ารับ“เด็กเก้าขวบเนี่ยนะ” ภาคินพึมพำ เขาไม่อยากจะเชื่อ“...” คาริสาเม้มปากเบา ๆ หลายคนในสถานสงเคราะห์ก็คิดแบบเดียวกับภาคิน“ใครเป็นคนให้หนูมา” คาริสาชี้ไปที่มุมบนขวาหน้าแรกของหนังสือ ซึ่งมีชื่อที่ถูกเขียนด้วยหมึกดำบ่งบอกความเป็นเจ้าของ “หนูรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร”“หนูจะรู้ได้ไงคะ หนูเด็กเก้
คาริสาเข้ามานั่งที่เบาะหลังรถโดยที่มีเรติกานั่งรออยู่ และมีเตชินเป็นคนขับรถให้“แหม หายไปทั้งคืนเลยนะยะ รู้ไหมว่าเพื่อนเป็นห่วง”“โอ๊ย! เบา ๆ อย่าจับแรง”คาริสาร้องเจ็บเมื่อเรติกาเอามือไปวางบนหน้าขาของเธอ เนื่องจากว่าน้ำหนักมือของเพื่อนสาวที่วางลงมาหนักไปหน่อย“ทำเป็นร้องเจ็บด้วย ไปทำอะไรมาล่ะถึงได้เจ็บตรงนี้ หืม”“แกก็...” สองสาวต่างหัวเราะให้กันและกันอย่างรู้ใจ จังหวะเดียวกันนั้นเตชินก็หักพวงมาลัยรถเลี้ยวผ่านหน้าคอนโด“เตหยุดรถก่อน” เรติกาส่งเสียงให้เพื่อนอีกคนหยุดรถกะทันหัน ซึ่งเตชินก็ค่อย ๆ ชะลอแล้วทอดสายตามองออกไปข้างนอกกระจกรถ“เคส ไอ้แอเรียลกำลังจะเข้าไปในคอนโด” คาริสาชะเง้อหน้าหันไปมองตามที่เพื่อนสาวบอก เรติกาฉุนเมื่อเห็นหน้าคนใจโหดอย่างแอเรียล “เห็นหน้ามันแล้วอยากจะลั่นกระสุนใส่หัวมันจริง ๆ”“เรย์ใจเย็น” คาริสาพูดแล้วชักกระบอกปืนออกมาจากเก๊ะอย่างลืมตัว“เดี๋ยว ๆ ฉันว่าคนที่ควรจะใจเย็นคือแกนะ เอาปืนลงก่อนเดี๋ยวลั่นจริง ๆ”ขณะที่เดินทางกลับไปยังองค์กร ดวงตาคู่หนึ่งมองดูความวุ่นวายของรถราที่แล่นไปมาบนถนนใหญ่
บทรักล่วงเลยไปนานเกือบสองชั่วโมง ดูเหมือนแดเนียลยังไม่สาแก่ใจ เขายังมีแรงมากพอที่จะสร้างบทรักอันเร่าร้อนกับเธอต่อคาริสาเริ่มหายใจหอบ สองขาเรียวสั่นเทาด้วยความเหนื่อยล้า เนื่องจากต้องเกี่ยวเข้ากับเอวสอบเอาไว้เป็นเวลานาน แดเนียลเล่นคาเจ้าเอ็นอุ่นไว้ในร่างกายของหญิงสาวไม่ยอมถอดออกเมื่อรู้สึกว่ามันกลับมาแข็งตัวได้อีกครั้ง เขาก็ออกรบอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจนน้ำรักมันไหลล้นเต็มง่ามขา“แดน ไปต่อที่เตียงเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว เมื่อยขาไปหมดแล้ว” คาริสาพูดพลางแนบใบหน้าลงบนไหล่กว้าง“แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ” หากเป็นเมื่อก่อนแค่สามสี่รอบคาริสาก็แทบจะสลบคาอกเขาแล้ว แต่ทว่าตอนนี้แดเนียลคงไม่ยอมหยุดง่าย ๆ“ไปต่อที่เตียงก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันยังไม่พอใจ เธอจะต้องโดนเอาอีกหลายท่า”แดเนียลโอบรัดเอวบางแล้วกระแทกกายแกร่งอันใหญ่ยาวเข้าไปอย่างหนักหน่วง เมื่อรู้สึกว่ามันแข็งตัวขึ้นมาอีกแล้ว ร่องสาวได้แต่กระตุกระรัวเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแรงกระแทกกระทั้น“อืมส์ อ๊ะส์” ความใหญ่ถูกดันเข้าไปในช่องรักตามจังหวะการก้าวเดินไปจนถึงเตียงนอนที่คุ้นเคย
ณ คอนโดของแดเนียล“วันนี้คุยอะไรกับย่าของแก”“ก็คุยกันเรื่องทั่วไป พรุ่งนี้คุณย่าไม่ได้ไปส่งที่สนามบินเพราะติดธุระสำคัญ”“อะไรจะสำคัญกว่าหลานชายตัวเอง”“ไม่เป็นไรหรอกพ่อ ผมลาคุณย่าเรียบร้อยแล้ว”“ฮึ! ถึงเวลาที่แกจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองสักที”แดเนียลชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาเก็บข่มความโกรธแค้นเอาไว้ภายในใจหลังจากที่ผ่านความเจ็บปวดทรมานมาเกือบเดือน บัดนี้เขาจะต้องดูแลหัวใจตัวเองให้ดีที่สุดดีเหมือนกัน เขาจะได้ลืมเธอสักที“ฉันจัดการทุกอย่างให้แกเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากแกจะอาลัยอาวรณ์กับคอนโดนี่นัก ฉันก็จะอนุญาตให้แกพักผ่อนที่นี่เป็นคืนสุดท้าย”“ไม่ต้องส่งใครมานะ ผมอยากอยู่คนเดียว”“ฉันจะตามใจแกวันหนึ่งแล้วกัน”หลังจากที่พูดคุยกับแอเรียลผู้เป็นพ่อเสร็จสรรพ แดเนียลเดินเข้ามาภายในห้องนอน เขาคงคิดถึงห้องนี้มาก เพราะตั้งแต่เข้ามาเรียนในมหาลัย เขาอยู่จนผูกพันกับที่นี่มากกว่าที่บ้านเสียอีก ทว่าเสียงที่ไม่ชอบมาพากลก็ดังสวนขึ้นมาภายในห้องนั่งเล่น แดเนียลจึงเดินออกไปดู“นั่นใคร!”คาริสามารอเจอแดเนียล ส
“ฉันรักนาย อึก! ฉันรักนายนะแดน!”เฮือก!คาริสาตะโกนจนสุดเสียงก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา เสียงหายใจดังเฮือก จากสายตาพร่ามัวค่อย ๆ ปรับให้เธอมองเห็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวชัดขึ้น“ฉันอยู่ที่ไหน”ในห้องที่เงียบจนทำให้คาริสาได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ความล้าของร่างกายทำให้ตัวของเธอค่อย ๆ ขยับตัวอย่างช้า ๆ สายตาหญิงสาวกวาดมองไปรอบ ๆ ห้องก็เห็นผู้ชายร่างสูงยืนกอดอกเฝ้ามองเธออยู่ตรงประตู และตอนนี้เขาก็กำลังมุ่งหน้ามาหาคาริสา“เจอเธอทีไรมีเรื่องตลอด”เขาพูดพร้อมหยิบขวดน้ำเทใส่แก้วแล้วยื่นให้คาริสา “อ่ะ ดื่มน้ำก่อน”เตชินประคองให้คาริสาลุกมาดื่มน้ำ“ที่นี่ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คำถามกลับไร้คำตอบ แต่แล้วอยู่ ๆ คาริสาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นสมองเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง“โอ๊ยยยยย!” ความทรงจำที่ค่อย ๆ ไหลเข้าหัว มองเห็นภาพเป็นฉาก ๆรถตู้ที่ขับมาจอดกะทันหันตรงหน้าเธอในห้องที่มืดโทรศัพท์ที่แบตเตอรี่เหลือ 20%“เคสฉันรักเธอ”เสียงของแดเนียลเสียงตัวเองร้องไห้ภาพที่ถูกใครบางคนตบหน้า
“ออกไป!”“นายหมายความว่าไง”“อย่าโง่ได้ปะ หมดหน้าที่ของเธอแล้ว ออกไป! ฉันบอกให้ออกไปไง!”“อึก!”เหตุการณ์เดิม ๆ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาซ้ำ ๆ แดเนียลยกเหล้าซดดื่มราวกับน้ำเปล่า มืออีกข้างกุมขมับด้วยความล้าไม่รู้ว่าเพราะความเมาเหล้าหรือเมารักที่คนที่ไม่เคยต้องมานั่งคิดมากเรื่องผู้หญิงกลับไม่เหลือสภาพความเป็นแบดบอย เขาผลักไสไล่ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาเขาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา คนเดียวที่เขาต้องการเจอคือคาริสา แต่เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ“ตกลงระหว่างเรามันเป็นความรักหรือความใคร่วะ”มือหนายังคงยกเหล้าซดดื่มไม่หยุดหย่อน อยู่ ๆ เสียงริงโทนก็ดังขึ้น รายชื่อของคาริสาปรากฏอยู่ตรงหน้าจอเขาอยากจะกดรับสายแฟนสาวเดี๋ยวนั้น แต่ไว้ฟอร์มหน่อยดีกว่า ทว่าอยู่ ๆ เสียงสายเรียกเข้าก็พลันเงียบหายไป นานนับสิบนาทีที่คาริสาไม่ได้โทรมาอีก“เล่นตลกอะไรของเธอเคส คิดจะให้ฉันโทรกลับหรือไง ไม่มีทาง!” ดวงตาคมจ้องมองมือถือของตนชนิดที่ตาไม่กะพริบ “โทรมาสิ เธอต้องโทรมา...”ตึ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆคาริสา : แดนฉันมีเรื่องอยากคุย
คาริสาเดินเข้าไปภายในห้องทำงานของคุณหญิงตามปกติ ก่อนจะหยุดนิ่งพลางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงคนสนทนากันอยู่ในห้อง“คนของแม่ไม่ได้คิดจะมาจับลูกชายผมใช่ไหม!” แอเรียลขึ้นเสียงดังใส่ผู้เป็นแม่“แน่นอน! คนของฉันมีศักดิ์ศรีพอ” คุณหญิงมีหรือที่น้อยหน้า เห็นลูกชายตัวดีขึ้นเสียงดังใส่ อีกทั้งยังลุกขึ้นยืนค่ำศีรษะท่านราวกับไม่ให้เกียรติขนาดนั้น“เด็กคนนั้นปั่นหัวอะไรมา ถึงได้ออกโรงปกป้องกันออกนอกหน้าขนาดนั้น”“ทำไม ฉันรักฉันเอ็นดูของฉัน ฉันอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้”“หลงนังเด็กนั่นจนไม่สนว่ามีหัวนอนปลายเท้าหรือเปล่า”“อย่ามาว่าคนของฉันนะ” แอเรียลยังไม่ทันจะพูดจบประโยค คุณหญิงก็ตะเบ็งเสียงขึ้นแทรก “คนที่แกถามหาหัวนอนปลายเท้า คือคนที่มีบุญคุณกับฉันและบริษัทฯ นี้มาก ในขณะที่แกช่วยอะไรไม่ได้เลย”ท่านเอ่ยเสียงสั้นในประโยคสุดท้าย ทั้งโกรธทั้งน้อยใจลูกชาย“หมายความว่าไง”“ช่างมันเถอะ ฉันขออย่างเดียว เรื่องเดียวเลยนะ คาริสาคือคนของฉัน ถ้าแกแตะต้องเด็กคนนี้แม้แต่ปลายเล็บแล้วก็... ฉันไม่ยอมแน่!”“ผมจะไปทำนังเด็กนั่นทำไม ถ้ามันไม่มาสร้างควา
“กลับมาได้แล้วเหรอ รู้ไหมว่าฉันรอเธอนานแค่ไหน”น้ำเสียงของแดเนียลชี้ชัดว่ากำลังโกรธเคืองเธออยู่แต่คนที่ควรอยู่ในอารมณ์นี้ไม่ใช่เขาเเต่ต้องเป็นเธอต่างหากคาริสาทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่แดเนียลพูด เธอตรงดิ่งไปที่ห้องนอนทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนในห้องนี้แต่ถึงอย่างนั้นแดเนียลก็ไม่ปล่อยให้เธอทำตัวเย็นชากับตนแบบนี้ เขากระโจนไปคว้าตัวคาริสามาไว้ในอ้อมกอด แต่คาริสากลับบ่ายเบี่ยงพยายามที่ผลักเขาออกจากตัว“นี่ทำอะไรปล่อยนะ”“ไม่ปล่อย”“ทำแบบนี้ทำไม”“มาง้อแฟน แฟนงอน”“ฉันไม่ได้งอนแต่ฉันโกรธ ปล่อย!”เขากอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม คาริสาดิ้นรนสุดชีวิตเธอจะไม่ปล่อยให้คนอย่างเขามาทำอะไรตามใจชอบกับเธออีกต่อไป“ปล่อยสิ ฉันบอกให้ปล่อยไง”เพี๊ยะ!เมื่อสิ้นเสียงร้อง แรงตบที่หนักหน่วงกลับดังขึ้นแทน ทำเอาคนร่างโตหน้าหันแดเนียลไม่คาดคิดว่าเธอจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตบเขาแต่มันคือครั้งที่แรกที่ทำแดเนียลรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของเธอ คาริสาก็ตกใจกับสิ่งที่ทำลงไป จะบอกว่าเธอพลั้งมือเธอไ
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง“ขอบคุณคุณหญิงมาก ๆ นะคะ ที่ช่วยเคสเรื่องค่าเทอม” คาริสาเดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปในห้องน้ำหญิงชั้นสามของตึกคณะนิติศาสตร์ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูคุยสายอยู่กับใครบางคน(ถือซะว่าเป็นเงินค่าตอบแทนที่เธอช่วยงานฉัน เด็กขยัน ๆ อย่างเธอ ฉันสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว)“เคสจะรีบหาเงินมาคืนคุณหญิงนะคะ”(ไม่เป็นไร ฉันบอกแล้วไงว่าเป็นเงินค่าตอบแทนที่เธอช่วยงานฉัน เธอแค่ทำงานตามที่ฉันสั่ง แล้วฉันจะดูแลเรื่องค่าเทอมของเธอเอง)“เคสขอบคุณคุณหญิงอีกครั้งนะคะ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”หลังจากที่วางสายไป คาริสามองสำรวจใบหน้าตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ของห้องน้ำมหาลัย ก่อนจะได้ยินเสียงไม่ชอบมาพากล“อื๊อส์ อ๊าส์” คิ้วเรียวขมวดเป็นปมหนาขณะที่สองเท้าก้าวเดินไปตามต้นทางของเสียง“อื๊อส์ อ๊าส์” ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอยู่ในห้องน้ำด้านในสุด เนื่องจากว่าประตูปิดไม่สนิทจึงเป็นเหตุทำให้เสียงน่าเกลียดดังเล็ดลอดออกมา“อร๊ายยยยย!” คาริสาส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อเห็นภาพอุจาดตาตรงหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ“ว้าย! นะ...นี่หล่อนเข้ามาได้ยังไง” หญิงสาวส่งเสียงร้องด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะมีใครมาเห็น ทำเอาหน้า...
Comments