บทที่ 3 ตาฝาด
หลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านเฟิงมี่พาฮว๋าเย่กลับห้องเก็บห้อง จัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวร่างกายที่ไม่สบายแค่ถูกน้ำก็หนาวสั่นถึงกระดูก รอยผองแดงบนหน้าเริ่มปรากฏขึ้นเนื่องจากถูกความร้อนของผัดผัก ฮว๋าเย่สงสารแม่จับใจเด็กหญิงรีบไปหยิบเอายามาถือไว้รอทาให้แม่ เวลาผ่านไปสักพักหลังจากที่ทายาเสร็จเฟิงมี่กินยาและรีบไปทำงานบ้านให้เสร็จตัวเองจะได้มีเวลานอนพักสักงีบ จนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อยเสียงของซูเจี้ยนดังขึ้นทำให้เฟิงมี่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
“นังเด็กชั่วช้า แม่ของแกไม่สั่งสอนหรือไงอิจฉาริษยาหย่งอี้ของฉันจนต้องขโมยของเล่นมาทำพังแบบนี้กันห่ะ” ฮว๋าเย่ยืนตัวสั่นเทาก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวเธอไม่ได้ทำของเล่นของหย่งอี้พังและไม่เคยไปขโมยของเล่นที่คุณย่าซื้อให้หย่งอี้ด้วยซ้ำ
"คุณย่าขาหนูไม่เคยไปขโมยของเล่นของพี่หย่งอี้เลยนะคะ แถมหนูยังไม่เคยเห็นของเล่นของพี่หย่งอี้ด้วยหนูไม่ได้ทำจริง ๆ อีกอย่างพี่หย่งอี้ต่างหากที่เดินมาหาหนูแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้หนู"
"ไม่ใช่นะครับคุณย่า ผมไม่ได้ทำแบบนั้นนะครับฮว๋าเย่อิจฉาผมทำผิดไม่ยอมรับผิดแถมยังโยนความผิดมาให้ผมเพราะเธอกลัวคุณย่าจะลงโทษดูสิครับของเล่นที่คุณย่าซื้อมาให้ใหม่วันนี้พังหมดเลย " หยงอี้ชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาหุ่นยนต์วางอยู่ที่พื้นสภาพหักเป็นท่อน ๆ ทำให้ซูเจี้ยนโมโหเพราะตุ๊กตาตัวนี้แพงอยู่พอสมควร เธอไม่ฟังคำอธิบายของฮว๋าเย่เลยแม้แต่น้อยเชื่อฟังแต่คำพูดหลานรักเท่านั้น ซูเจี้ยนมองฮว๋าเย่ด้วยสายตาอำมหิตก่อนจะง้างมือตบเข้าที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอจนร่างเล็กถลาล้มลงกับพื้น
"เพี๊ยะ"!!!
เสียงร้องไห้ของฮว๋าเย่ดังขึ้นครั้นนั้นเฟิงมี่ออกมาจากห้องได้เห็นพอดีเธอรีบวิ่งมาจับตัวของลูกสาวทันที
"คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงลงไม้ลงมือกับฮว๋าเย่อย่างนี้คะ ถึงแม้คุณแม่จะรังเกียจไม่ชอบใจในตัวฉันแต่อย่ามาลงไม้ลงมือกับฮว๋าเย่ที่เป็นหลานของคุณแม่อย่างนี้สิ ฮว๋าเย่เจ็บมากมั้ยลูก"
"อึก อึก คุณแม่คะหนูไม่ได้ทำอะไร หย่งอี้ใส่ร้ายหนูทั้งหมดแต่คุณย่าไม่ฟัง"
"แกมาก็ดีแล้ว ฉันจะได้บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ฉันลงไม้ลงมือกับเด็กนี่แค่นี้ยังน้อยไป เพราะนังเด็กนี่มันอิจฉาริษยาหย่งอี้จนไปขโมยของเล่นที่ฉันซื้อให้ใหม่จนพังไปหมด ของเล่นพวกนี้ราคาไม่ใช่ถูก ๆ แพงกว่าชีวิตของพวกเธอสองคนแม่ลูกเสียอีก แกมันเป็นแม่ไม่ได้เรื่องสั่งสอนลูกไม่ดี หรือเพราะเลือดชั่ว ๆ ของพ่อมันถึงได้มีนิสัยแบบนี้ ครั้งนี้ถือว่าฉันยังมีความเมตตาลงมือสั่งสอนเพียงเท่านี้หากมีอีกครั้งฉันจะทุบตีให้ตายคามือ "
พูดจบซูเจี้ยนพาหย่งอี้เดินจากไปทันทีปล่อยไว้เพียงสองแม่ลูก รอยนิ้วมือที่ประทับอยู่บนใบหน้าเล็ก ๆ ของฮว๋าเย่แดงเป็นริ้ว ๆ เฟิงมี่เกลียดตัวเองที่สุดที่ไม่สามารถตอบโต้หรือด่าแม่สามีได้เลย
ส่วนตุ๊กตานั้นเป็นฝีมือของหย่งอี้เขาเล่นแรงเกินไปทำให้ตุ๊กตาพังและกลัวว่าคุณย่าจะต่อว่าจึงคิดหาหนทางและได้เห็นฮว๋าเย่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าห้องเก็บของเด็กชายคิดเรื่องชั่วร้ายขึ้นพร้อมใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเขาคิดออกแล้วว่าเรื่องนี้จะหาคนมารับผิดแทนตัวเองนำตุ๊กตาไปวางไว้ ๆ ตรงที่ฮว๋าเย่นั่งอยู่โดยที่เธอไม่ทันได้รู้ตัวก่อนที่เด็กชายจะไปตามคุณย่าและกุเรื่องขึ้นมา
"ฮว๋าเย่ของแม่คงจะเจ็บและเสียใจมากสินะ แม่ขอโทษที่แม่อ่อนแอ"
"อึก อึกหนูไม่เจ็บเลยค่ะแค่เสียใจที่คุณย่าไม่เชื่อคำพูดหนูเลยสักครั้ง หนูไม่ได้ทำจริง ๆ นะคะ"
"แม่รู้ และแม่ก็เชื่อว่าลูกของแม่ไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน เข้าห้องกันเถอะแม่จะทายาให้นะ" เฟิงมี่จับมือของลูกสาวเข้าห้องเพื่อทายาในใจเธอครุ่นคิดเรื่องของเล่น แม้รู้ว่าลูกสาวไม่ได้เอาแต่เธอก็อยากให้ฮว๋าเย่มีของเล่นเป็นของตัวเอง เธอจึงบอกให้ฮว๋าเย่รออยู่ในห้องเฟิงมี่เอาเงินที่เธอเก็บเอาไว้ครั้นก่อนที่หลวนหลงให้ไว้ออกมานับดูพอจะซื้อของเล่นให้ฮว๋าเย่ได้ จึงออกไปที่ตลาดในเวลาที่ท้องฟ้ากำลังคล้อยต่ำลง
“ฮว๋าเย่เด็กดีลูกรอแม่อยู่ที่นี่ก่อนนะ อย่าออกมาจากห้องเข้าใจมั้ย? แม่จะรีบกลับมา”
“คุณแม่จะไปไหนเหรอคะ”
“แม่จะไปตลาดสักครู่นะ แม่จะไปซื้อของเล่นมาให้ฮว๋าเย่ของแม่ แม่ไม่อยากให้ลูกต้องน้อยใจ”
“จริงเหรอคะ แล้วคุณแม่มีเงินเหรอคะหนูไม่เอาก็ได้เดี๋ยวคุณแม่จะถูกคุณย่าต่อว่าอีก”
“ไม่ต้องห่วงนะ เงินนี่คือเงินที่คุณพ่อเคยให้แม่ไว้แล้วแม่จะรีบกลับมาพร้อมของเล่นชิ้นใหม่นะ”
“ขอบคุณคุณแม่นะคะ หนูจะรอคุณแม่กลับมานะคะ” เด็กหญิงยิ้มกริ่มโบกมือให้แม่ของตัวเองด้วยความดีใจ
เฟิงมี่เดินมาจนถึงร้านค้ากำลังเลือกของเล่นที่ราคาไม่แพงพอที่เธอจะซื้อได้แต่ทว่าสายตาของเธอกลับเหลียวไปเห็นผู้หญิงที่คล้ายกับซูหรงสะใภ้ใหญ่กำลังกอดคอนัวเนียกับชายแปลกหน้าที่ซอยใกล้ ๆ ร้านขายของเล่น
"คงไม่ใช่หรอกพี่สะใภ้จะทำมาอะไรอยู่ที่นี่ฉันคงตาฝาดเอง " เฟิงมี่คิดในใจก่อนจะเลือกซื้อของเล่นและกลับบ้านไปหาฮว๋าเย่ป่านนี้ลูกสาวของเธอคงรออยู่
ที่ซอยร้านขายของเล่นชายหนุ่มที่กำลังนัวเนียกับหญิงรูปร่างงดงามสายตาของเขาหันไปสบตากับผู้หญิงที่อยู่ในร้านของเล่นเข้าอย่างจังและจำได้ดีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร รีบผละตัวออกจากหญิงสาวที่ตัวเองนัวเนียอยู่อย่างเร่งรีบ
พลั่ก!!
"นี่จะผลักฉันทำไมรู้มั้ยว่ากว่าฉันจะออกมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ พี่ไม่คิดถึงฉันหรือไง" หล่อนทำหน้าตาไม่พอใจพร้อมกออกหน้ามุ่ยเมื่อจู่ ๆ ถูกชายที่รักผลักออกอย่างไม่มีเหตุผล
"ไม่ใช่แบบนั้นพี่นะรักเธอมากเลยนะแต่เมื่อครู่พี่เหมือนจะเห็นน้องสะใภ้ของเธออยู่ในร้านของเล่นนะ "
"จะเป็นได้ยังไงกัน นังเฟิงมี่มันไม่มีเงินหรอกนะมันจะมาที่ร้านของเล่นได้ยังไงเพราะทุกเดือนที่สามีของมันส่งเงินมาแม่สามีไม่เคยเอาเงินให้มันเลยสักครั้ง"
"แต่พี่เห็นมันจริง ๆ นะ เมื่อครู่มันหันมาสบตากับพี่ด้วย ถ้ามันรู้เรื่องเราสองคนแล้วเอาไปฟ้องนังซูเจี้ยนจะเกิดอะไรขึ้น "
"ไม่ได้!! สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดต้องพังลงสิแล้วถ้าเป็นมันจริง ๆ เราจะทำยังไงกันดี" ซูหรงกดนิ้วมือครุ่นคิดด้วยความกังวล
"เอาอย่างนี้เธอรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซ่ะ ยังไงแม่สามีของเธอก็เชื่อคำพูดเธออยู่แล้วพี่จะลองเดินตามไปดูอาจจะไม่ใช่น้องสะใภ้ของเธอก็ได้ " ซูหรงพยักหน้าก่อนจะเดินออกมาจากซอยหันซ้ายหันขวาและเร่งฝีเท้าเดินให้ถึงบ้านโดยเร็วในใจคิดภาวนาขอให้ฉู่อี้คนรักของเธอตาฝาด
ฝั่งด้านเฟิงมี่เธอเดินกลับระหว่างทางเธอหญิงชราที่ดูอิดโรยไร้เรี่ยวแรงเดินอยู่ด้านหน้าคล้าย ๆ ว่าเธอจะล้มลง เฟิงมี่รีบเข้าไปพยุงช่วยเหลือหญิงชราทันที
"คุณยายเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะหรือว่าไม่สบาย"
"เฮ้อ!! ใจหายหมดคิดว่าตัวเองจะล้มลงเจ็บตัวอีกแล้ว ขอบใจแม่หนูมากนะฉันนะแก่แล้วก็เป็นแบบนี้แหละแค่เดินออกมาซื้อกับข้าวเหมือนจะเป็นลมซ่ะได้"
"อย่างนั้นฉันจะไปส่งคุณยายที่บ้านนะคะ ถ้าปล่อยให้คุณยายไปเองกลัวว่าจะเป็นลมระหว่างทางอีก"
"แม่หนูใจดีจริง ๆ ขอบใจนะ" เฟิงมี่พยุงกายของหญิงชราเดินตามเธอจนถึงบ้าน ก่อนจะจากกันเธอได้ยื่นขนมให้แก่เฟิงมี่เพื่อตอบแทนน้ำใจอีกด้วย
"ขนมนี่ฉันให้เป็นการตอบแทนที่เธอมีน้ำใจกับคนแก่อย่างฉัน ดูเหมือนเธอจะมีลูกสาวสินะ ดูจากของเล่นนั้นแล้วนะเอาขนมนี่ไปฝากเธอด้วยล่ะถ้าได้กินคงดีใจไม่น้อย "
"ขอบคุณค่ะคุณยายอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว "
"ไปดีมาดีเดินทางปลอดภัยนะคนดี ๆ อย่างแม่หนูต้องไปพบเจอสิ่งดี ๆ ตอบแทนแน่นอน " เฟิงมี่ส่งยิ้มให้หญิงชราพร้อมเดินหันกลับบ้านตระกูลมู่โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องการเดินทางของเธออยู่
บทที่ 4 ลมหายใจสุดท้ายเฟิงมี่เดินเร่งเท้าให้ถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องฟ้าความมืดเริ่มปกคลุมลงมา เธอเดินมาได้สักพักรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา ทางไปบ้านตระกูลมู่จะมีทางที่เปลี่ยวอยู่ระยะยาวพอสมควร เฟิงมี่เริ่มวิตกกังวลไม่กล้าหันหลังไปมอง เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอเริ่มใจเต้นแรงระรัวภาวนาให้เป็นเพียงแค่คนผ่านทางเช่นเดียวกับเธอมับ!!!จู่ ๆ คนที่เดินข้างหลังเธอได้จับมือของเธอคว้าเอาไว้เธอหยุดเดิน “กรี๊ด ๆ ปล่อยฉันนะ!!” เฟิงมี่ตกใจกลัวเธอหันมามองเห็นว่าชายที่มาจับมือเธอคล้ายกับชายที่อยู่กับผู้หญิงใกล้ซอยร้านของเล่นนี่น่า อย่าบอกนะว่าเขาตามเธอมา“จะร้องส่งเสียงดังทำไมกัน ฉันแค่จะสอบถามทางเท่านั้นเอง” ฉู่อี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะจะลองโยนกินถามทางว่าเธอจะจำเขาได้หรือไม่ว่าเขาอยู่กับซูหรงเมื่อครู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของเธอ เฟิงมี่หวาดกลัวชายที่อยู่ตรงหน้ารีบเอ่ยถามเขาขึ้นมาจะได้รีบตอบและรีบกลับ"แล้วคุณจะไปที่ไหนเหรอคะ” ฉู่อี้จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมอีกทั้งยังเก่ามากแต่มิอาจจะปกปิดส่วนโค้งเว้าของร่างกายของเฟิงมี่ได้เลย เขากลืนน
บทที่ 5 ย้อนกลับมาอีกครั้งปัง!! ปัง!! ปัง!!"นี่ฉันเคาะประตูเรียกตั้งนานแล้วหูหนวกหรือไงทำไมไม่ลุกสักที จะรอให้ตะวันขึ้นตรงกลางหัวก่อนหรือไงถึงจะลุกได้นะ" เสียงของซูเจี้ยนดังอยู่ด้านนอกห้องอย่างเอะอะโวยวาย เฟิงมี่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงรบกวน'เอ๊ะ!ฉันตายไปแล้วไม่ใช่หรือไงกัน ทำไมยังได้ยินเสียงของแม่สามีอยู่ล่ะ และทำไมรู้ถึงการเต้นของหัวใจอยู่เลยหรือว่าฉันจะได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง' เฟิงมี่คิดในใจก่อนจะลืมตากวาดมองรอบ ๆ ห้องนี่ห้องเก็บของที่เธอเคยอยู่นี่หน่า เธอรีบหันมองเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ครั้นนั้นเฟิงมี่รู้สึกดีใจจนมิอาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เธอใช้มือลูบใบหน้าของลูกสาวที่นอนหลับอยู่“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้ฉันกลับมาหาฮว๋าเย่อีกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ ถ้าฉันตายไปทั้งแบบนั้นจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าฮว๋าเย่จะเป็นอย่างไรชีวิตของเธอต้องพบเจอกับคนชั่วช้าอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความดีมิอาจจะทำให้คนเปลี่ยนใจได้ ต่อจากนี้ฉันจะปกป้องลูกสาวของฉันเอง จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายได้แม้กระทั่งแม่สามี” เฟิงมี่เอ่ยออกมาอย่างจริงจังหากเธอยังอ่อนแอไม่ว่าจะมีโอกาสอีกกี่
บทที่ 6 ทวงคืนทุกอย่างเฟิงมี่พาฮว๋าเย่เดินเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่เห็นพี่สะใภ้นั่งจไขว่ห้างจิบน้ำชาอย่างสบายใจ เฟิงมี่ครุ่นคิดเธอคงย้อนกลับมาก่อนวันที่เธอจะถูกฆ่าตายสินะ พี่สะใภ้ไม่ทำงานทำการอะไรแต่ก็ไม่เคยถูกซูเจี้ยนต่อว่าเลยสักครั้ง คงเป็นเพราะเธอมาจากตระกูลที่ดีกว่าเฟิงมี่แต่ทว่านิสัยกลับต่ำทรามยิ่งกว่า เมื่อซูหรงเห็นเฟิงมี่เดินเข้ามาในบ้านเธอวางแก้วชาลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาด้วยความสงสัย"นี่นังเฟิงมี่ คุณแม่ไม่ได้ไปตามแกไปทำกับข้าวให้หย่งอี้กินหรือไง ไหนล่ะกับข้าว ถ้าไม่มีก็ออกไปอย่ามาให้เห็นหน้ากลิ่นตัวของแกโชยออกมาจนฉันแสบจมูกไปหมด " เธอแสดงท่าทางรังเกียจเฟิงมี่อย่างเห็นได้ชัด เฟิงมี่หมั่นไส้ท่าทีของซูหรงเหลือและนึกแค้นเพราะความมักมากในกิเลสตัณหาทำให้เธอต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรม เฟิงมี่ปล่อยมือออกจากมือของฮว๋าเย่พร้อมเดินเข้าไปใกล้แสยะยิ้มมุมปากโอบคอของซูหรงแน่นใบหน้าของเธอซีดเซียวพร้อมเอะอะโวงยวายไม่พอใจเสียงดังลั่นบ้าน"กรี๊ดดด!! ปล่อยนะอี้..สกปรกใครบอกให้แกมากอดฉันแบบนี้""อะไรกันคะพี่สะใภ้ ฉันดมดูทั้งตัวกลิ่นของฉันกับกลิ่นของพี่สะใภ้ไม่ต่างกันสักนิด ดมกลิ่นฉันไ
บทที่ 7 อย่าให้ได้ร้ายเฟิงมี่เดินลงมาเห็นซูเจี้ยนรีบเดินเข้าใบหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นเธอเดินลงมาพร้อมกับยกกล่องลังลงมาด้วย เหงื่อบนใบหน้าเริ่มแตกพลั่ก“รีบร้อนเดินเข้ามาคงไม่ใช่ว่าเพราะกล่องนี่หรอกใช่มั้ยคะ”“นี่ ๆ อย่าบอกนะว่าแกเปิดอ่านด้านในจดหมดแล้วนะ”โคร้ม!! ตุบ!!เฟิงมี่โยนกล่องจดหมายลงต่อหน้าซูเจี้ยนอย่างไม่เกรงใจเพราะที่ผ่านมาเธอกับลูกถูกกระทำมามากพอแล้ว ต่อจากนี้เธอจะไม่ยอมเสียเปรียบแม่สามีเฮงซวยแบบนี้อีกต่อไป“ใช่ฉันอ่านหมดแล้ว ไหนล่ะเงินเดือนที่สามีของฉันส่งมาให้ จะให้ดี ๆ หรือจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ ดีเหมือนกันฉันจะได้ทั้งเงินสามีที่ส่งมาให้ไหนจะได้ค่าแรงที่ทำงานในบ้านหลังนี้เหมือนขี้ข้า " เฟิงมี่ยืนค้ำเอวยกมือข้างขวายื่นออกมาด้านหน้าก่อนจะแบมันออกเพื่อรอเงินจากซูเจี้ยน“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ แกกล้าทวงและข่มขู่คุณแม่อย่างนี้ได้ยังไงกัน คุณแม่อย่าไปยอมนะคะที่ผ่านมานังเฟิงมี่กับลูกก็กินอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ข้าวกับกับข้าวใช่ว่าจะได้มาฟรี ๆ เสียหน่อย”“หุบปากเสีย ๆ ของพี่สะใภ้ใหญ่ไปซ่ะฉันไม่อยากได้ยิน ที่จริงสมควรเป็นฉันที่ได้เงินมากกว่าคนอื่นที่ไม่ทำงานทำการอะไรเลย จ
บทที่ 8 เปลี่ยนแปลงฝั่งด้านซูหรงเธอเดินจากหลังสามีมาที่โต๊ะกินข้าวตอนนี้ไม่มีอะไรให้เขากินสักอย่างเพราะปกติจะเป็นเฟิงมี่ที่เป็นคนทำทุกอย่าง แต่เธอกลับบอกว่าเป็นฝีมือของตัวเอง"จะจ้องฉันไปถึงเมื่อไหร่ไปยกข้าวมาสิ อย่าลืมห่อใส่ปิ่นโตไปด้วย ""เอ่อ..คือว่า..""จะอ้ำอึ้งทำไมปกติเธอเป็นคนที่ฉะฉานตลอดหรือว่าเรื่องที่ฉันยินมาจากน้องสะใภ้เป็นความจริงว่างานในบ้านเป็นฝีมือของเฟิงมี่ทั้งหมด อย่าบอกนะว่าที่ผ่านเธอโกหกฉันนะซูหรง ""เอ่อ..พี่ไคฉีฟังฉันก่อนนะ พอดีว่าวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารให้พี่ไม่ทัน วันนี้พี่ออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารได้มั้ยคะ" ใบหน้าของซูหรงเหงื่อแตกพลั่กหลบสายตาไคฉีกลัวว่าเขาจะจับได้ ไคฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้"คงจะเป็นอย่างที่น้องสะใภ้พูดสินะฉันผิดหวังกับเธอจริง ๆ อีกเรื่องช่วยจัดการให้หย่งอี้รู้จักตื่นแต่เช้าและทำหน้าที่ของตัวเองด้วยไม่ใช่ทำตัวเหมือนแม่ที่ไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ”ซูหรงกำมือแน่นด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถแสดงอาการให้สามีเห็นได้ทำได้เพียงยืนขึ้นและก้มหัวรับคำสั่งของเขา มองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป“หึ! ตอนนี้ฉันจะทนให
บทที่ 9 เป่าหูฝั่งด้านซูหรงเธอเดินกลับปาหาแม่สามีเห็นเธอแสดงสีหน้าไม่พอใจคงมีเรื่องเดียวคงเป็นเรื่องของเฟิงมี่ เธอรีบเข้าไปเป่าหูและใส่ให้แม่สามีเกลียดเฟิงมี่มากกว่าเดิม“คุณแม่คะวันนี้นังเฟิงมี่มันทำเกินไปนะคะ เพราะมันคนเดียวเลยทำให้พี่ไคฉีต่อว่าฉัน ฉันไม่เจ็บปวดหรอกค่ะแต่พี่ไคฉีต่อว่าหย่งอี้หลานชายของคุณแม่ด้วย ดูสิคะเด็กตัวเล็ก ๆ ยังถูกมันทำให้พี่ไคฉีด่าได้” ซูหรงแสรงทำเป็นเสียใจซูเจี้ยนได้ยินเธอยิ่งไม่พอใจ ที่เฟิงมี่ทำให้หลายชายสุดที่รักถูกคนเป็นพ่อต่อว่า“อะไรกัน!! นังเฟิงมี่นี่มันร้ายจริง ๆ ไม่ได้การแล้วฉันจะต้องอะไรสักอย่าง กล้าดียังไงถึงทำให้ไคฉีมาต่อว่าหย่งอี้ของฉัน ตอนนี้หย่งอี้คงหิวแล้วสินะ เธอช่วยไปเรียกลงมาด้านล่างที ฉันจะเข้าครัวทำอาหารให้หย่งอี้เอง เด็กกำลังโตต้องกินเยอะ ๆ นอนให้เพียงพอ ส่วนเรื่องนังเฟิงมี่กลับมาเมื่อไหร่ฉันจะกำราบเอง”“ได้ค่ะคุณแม่ จริงสิวันนี้ฉันจะออกไปเลือกซื้อของที่พี่ไคฉีชอบที่ตลาดนะคะ เมื่อเช้าพี่ไคฉีดูอารมณ์ไม่ดีเลย”“ดี ๆ เลือกซื้อของที่ดีต่อสุขภาพอย่าลืมซื้อขนมมาฝากหย่งอี้ด้วยล่ะ วันนี้สายแล้วคงไปเรียนไม่ทัน เอาไว้ค่อยไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เรื่
บทที่ 10 อย่าคิดว่าจะยอมโดนทำฝ่ายเดียวหลังจากที่พาฮว๋าเย่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเฟิงมี่ได้ให้ลูกสาวตัวน้อยนอนพักกลางวันส่วนตัวเธอเองก็จัดการเก็บเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่วันนี้ ระหว่างนั้นก็คิดหาหนทางรับมือจากซูหรงและชู้ของเธอ'จะทำยังไงดีนะ ฉันถึงจะรู้ว่าซูหรงมีแผนการอะไร? ทำยังไงฉันถึงจะปลอดภัยจากทั้งสองคนนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่ที่หลวนหลงจะกลับมาฉันกับฮว๋าเย่จะได้ปลอดภัยเสียที แต่ทว่าเขากลับมาแล้วเชื่อฟังแม่ของเขาฉันเองจะพาฮว๋าเย่ออกจากบ้านหลังนี้ทันที ' เมื่อเธอจัดการเก็บเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินไปทางหน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว เธอเลยเดินลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารให้ฮว๋าเย่กินตอนนั้นนั่นเองซูเจี้ยนกำลังนั่งจิบชาอยู่เห็นสะใภ้เล็กเดินลงมาจากชั้นบนเธอกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่าเฟิงมี่สะใภ้เล็กเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวจนแทบไม่เหมือนเดิม เธอไม่พอใจรีบวางแก้วชาลงพร้อมจิปากตำหนิออกมา"ฮึ ฮึ ว่าแต่สะใภ้ของฉันแกเองก็ไม่เห็นจะต่างเลย มีเงินเข้าหน่อยก็เอาไปแต่งตัวซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่แต่งตัวรัดรูปแบบนี้ตั้งใจจะไปให้ชู้ของแกดูสินะ เมื่อไหร่ลูกชายของฉันจะเลิกโง่เสียทีนะ ตาสว่างไ
บทที่ 1 นังเด็กกาฝากณ.มณฑลเจิ้งไฉตระกูลมู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลแห่งนี้ มู่ซูเจี้ยนผู้ที่เลี้ยงลูกมาตามลำพังหลังจากสามีตาย เธอเป็นแม่หม้ายที่สุขสบายเลยทีเดียวเธอมีลูกชายอยู่สองคน คนโตมีหน้าที่การงานเป็นนายอำเภอมีภรรยาและลูกชายที่น่ารัก เขามีชื่อว่ามู่ไคฉี ภรรยาที่เป็นสะใภ้ชื่อว่าซูหรงและลูกชายอายุ5 ขวบชื่อว่า หย่งอี้ เด็กชายคนนี้เกิดมาก็ได้ความรักจากคุณย่าเต็ม ๆ ต่างจาก ฮว๋าเย่ ลูกสาวของเฟิงมี่ภรรยาของลูกชายคนที่สองของตระกูล เพราะเธอมากจากตระกูลที่ยากจน ลูกชายของเธอมู่หลวนหลงได้รับราชการเป็นทหารและมียศเป็นถึงรองนายพลทำให้เธอไม่พอใจที่ลูกชายไปคว้าลูกสะใภ้บ้านนอกคนนี้มา ใจอคติของเธอคิดว่าหลานสาวตัวน้อยคนนี้ไม่ใช่หลานตัวเองจงเกลียดจงชังตั้งแต่ลืมตาขึ้นมามองโลกตอนนี้ฮว๋าเย่มีอายุน้อยกว่าหย่งอี้ 1 ปี แต่ทว่าความเฉลียวฉลาดพูดจาฉะฉานมากกว่าพี่ชายมากนักแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชื่นชอบ ซูหรงไม่อยากให้ลูกสาวของสะใภ้เล็กได้รับการยอมรับจากคนเป็นย่า จึงหาทางกลั่นแกล้งสารพัดทั้งพูดกรอกหูแม่สามีให้รังเกียจและเข้าใจผิดเฟิงมี่กับลูกอีกด้วย เนื่องจากหลังที่เฟิงมี่คลอดลูกสาวได้กี่เดือน หลวนหลงผู้
บทที่ 10 อย่าคิดว่าจะยอมโดนทำฝ่ายเดียวหลังจากที่พาฮว๋าเย่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเฟิงมี่ได้ให้ลูกสาวตัวน้อยนอนพักกลางวันส่วนตัวเธอเองก็จัดการเก็บเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่วันนี้ ระหว่างนั้นก็คิดหาหนทางรับมือจากซูหรงและชู้ของเธอ'จะทำยังไงดีนะ ฉันถึงจะรู้ว่าซูหรงมีแผนการอะไร? ทำยังไงฉันถึงจะปลอดภัยจากทั้งสองคนนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่ที่หลวนหลงจะกลับมาฉันกับฮว๋าเย่จะได้ปลอดภัยเสียที แต่ทว่าเขากลับมาแล้วเชื่อฟังแม่ของเขาฉันเองจะพาฮว๋าเย่ออกจากบ้านหลังนี้ทันที ' เมื่อเธอจัดการเก็บเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินไปทางหน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว เธอเลยเดินลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารให้ฮว๋าเย่กินตอนนั้นนั่นเองซูเจี้ยนกำลังนั่งจิบชาอยู่เห็นสะใภ้เล็กเดินลงมาจากชั้นบนเธอกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่าเฟิงมี่สะใภ้เล็กเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวจนแทบไม่เหมือนเดิม เธอไม่พอใจรีบวางแก้วชาลงพร้อมจิปากตำหนิออกมา"ฮึ ฮึ ว่าแต่สะใภ้ของฉันแกเองก็ไม่เห็นจะต่างเลย มีเงินเข้าหน่อยก็เอาไปแต่งตัวซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่แต่งตัวรัดรูปแบบนี้ตั้งใจจะไปให้ชู้ของแกดูสินะ เมื่อไหร่ลูกชายของฉันจะเลิกโง่เสียทีนะ ตาสว่างไ
บทที่ 9 เป่าหูฝั่งด้านซูหรงเธอเดินกลับปาหาแม่สามีเห็นเธอแสดงสีหน้าไม่พอใจคงมีเรื่องเดียวคงเป็นเรื่องของเฟิงมี่ เธอรีบเข้าไปเป่าหูและใส่ให้แม่สามีเกลียดเฟิงมี่มากกว่าเดิม“คุณแม่คะวันนี้นังเฟิงมี่มันทำเกินไปนะคะ เพราะมันคนเดียวเลยทำให้พี่ไคฉีต่อว่าฉัน ฉันไม่เจ็บปวดหรอกค่ะแต่พี่ไคฉีต่อว่าหย่งอี้หลานชายของคุณแม่ด้วย ดูสิคะเด็กตัวเล็ก ๆ ยังถูกมันทำให้พี่ไคฉีด่าได้” ซูหรงแสรงทำเป็นเสียใจซูเจี้ยนได้ยินเธอยิ่งไม่พอใจ ที่เฟิงมี่ทำให้หลายชายสุดที่รักถูกคนเป็นพ่อต่อว่า“อะไรกัน!! นังเฟิงมี่นี่มันร้ายจริง ๆ ไม่ได้การแล้วฉันจะต้องอะไรสักอย่าง กล้าดียังไงถึงทำให้ไคฉีมาต่อว่าหย่งอี้ของฉัน ตอนนี้หย่งอี้คงหิวแล้วสินะ เธอช่วยไปเรียกลงมาด้านล่างที ฉันจะเข้าครัวทำอาหารให้หย่งอี้เอง เด็กกำลังโตต้องกินเยอะ ๆ นอนให้เพียงพอ ส่วนเรื่องนังเฟิงมี่กลับมาเมื่อไหร่ฉันจะกำราบเอง”“ได้ค่ะคุณแม่ จริงสิวันนี้ฉันจะออกไปเลือกซื้อของที่พี่ไคฉีชอบที่ตลาดนะคะ เมื่อเช้าพี่ไคฉีดูอารมณ์ไม่ดีเลย”“ดี ๆ เลือกซื้อของที่ดีต่อสุขภาพอย่าลืมซื้อขนมมาฝากหย่งอี้ด้วยล่ะ วันนี้สายแล้วคงไปเรียนไม่ทัน เอาไว้ค่อยไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เรื่
บทที่ 8 เปลี่ยนแปลงฝั่งด้านซูหรงเธอเดินจากหลังสามีมาที่โต๊ะกินข้าวตอนนี้ไม่มีอะไรให้เขากินสักอย่างเพราะปกติจะเป็นเฟิงมี่ที่เป็นคนทำทุกอย่าง แต่เธอกลับบอกว่าเป็นฝีมือของตัวเอง"จะจ้องฉันไปถึงเมื่อไหร่ไปยกข้าวมาสิ อย่าลืมห่อใส่ปิ่นโตไปด้วย ""เอ่อ..คือว่า..""จะอ้ำอึ้งทำไมปกติเธอเป็นคนที่ฉะฉานตลอดหรือว่าเรื่องที่ฉันยินมาจากน้องสะใภ้เป็นความจริงว่างานในบ้านเป็นฝีมือของเฟิงมี่ทั้งหมด อย่าบอกนะว่าที่ผ่านเธอโกหกฉันนะซูหรง ""เอ่อ..พี่ไคฉีฟังฉันก่อนนะ พอดีว่าวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารให้พี่ไม่ทัน วันนี้พี่ออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารได้มั้ยคะ" ใบหน้าของซูหรงเหงื่อแตกพลั่กหลบสายตาไคฉีกลัวว่าเขาจะจับได้ ไคฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้"คงจะเป็นอย่างที่น้องสะใภ้พูดสินะฉันผิดหวังกับเธอจริง ๆ อีกเรื่องช่วยจัดการให้หย่งอี้รู้จักตื่นแต่เช้าและทำหน้าที่ของตัวเองด้วยไม่ใช่ทำตัวเหมือนแม่ที่ไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ”ซูหรงกำมือแน่นด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถแสดงอาการให้สามีเห็นได้ทำได้เพียงยืนขึ้นและก้มหัวรับคำสั่งของเขา มองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป“หึ! ตอนนี้ฉันจะทนให
บทที่ 7 อย่าให้ได้ร้ายเฟิงมี่เดินลงมาเห็นซูเจี้ยนรีบเดินเข้าใบหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นเธอเดินลงมาพร้อมกับยกกล่องลังลงมาด้วย เหงื่อบนใบหน้าเริ่มแตกพลั่ก“รีบร้อนเดินเข้ามาคงไม่ใช่ว่าเพราะกล่องนี่หรอกใช่มั้ยคะ”“นี่ ๆ อย่าบอกนะว่าแกเปิดอ่านด้านในจดหมดแล้วนะ”โคร้ม!! ตุบ!!เฟิงมี่โยนกล่องจดหมายลงต่อหน้าซูเจี้ยนอย่างไม่เกรงใจเพราะที่ผ่านมาเธอกับลูกถูกกระทำมามากพอแล้ว ต่อจากนี้เธอจะไม่ยอมเสียเปรียบแม่สามีเฮงซวยแบบนี้อีกต่อไป“ใช่ฉันอ่านหมดแล้ว ไหนล่ะเงินเดือนที่สามีของฉันส่งมาให้ จะให้ดี ๆ หรือจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ ดีเหมือนกันฉันจะได้ทั้งเงินสามีที่ส่งมาให้ไหนจะได้ค่าแรงที่ทำงานในบ้านหลังนี้เหมือนขี้ข้า " เฟิงมี่ยืนค้ำเอวยกมือข้างขวายื่นออกมาด้านหน้าก่อนจะแบมันออกเพื่อรอเงินจากซูเจี้ยน“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ แกกล้าทวงและข่มขู่คุณแม่อย่างนี้ได้ยังไงกัน คุณแม่อย่าไปยอมนะคะที่ผ่านมานังเฟิงมี่กับลูกก็กินอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ข้าวกับกับข้าวใช่ว่าจะได้มาฟรี ๆ เสียหน่อย”“หุบปากเสีย ๆ ของพี่สะใภ้ใหญ่ไปซ่ะฉันไม่อยากได้ยิน ที่จริงสมควรเป็นฉันที่ได้เงินมากกว่าคนอื่นที่ไม่ทำงานทำการอะไรเลย จ
บทที่ 6 ทวงคืนทุกอย่างเฟิงมี่พาฮว๋าเย่เดินเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่เห็นพี่สะใภ้นั่งจไขว่ห้างจิบน้ำชาอย่างสบายใจ เฟิงมี่ครุ่นคิดเธอคงย้อนกลับมาก่อนวันที่เธอจะถูกฆ่าตายสินะ พี่สะใภ้ไม่ทำงานทำการอะไรแต่ก็ไม่เคยถูกซูเจี้ยนต่อว่าเลยสักครั้ง คงเป็นเพราะเธอมาจากตระกูลที่ดีกว่าเฟิงมี่แต่ทว่านิสัยกลับต่ำทรามยิ่งกว่า เมื่อซูหรงเห็นเฟิงมี่เดินเข้ามาในบ้านเธอวางแก้วชาลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาด้วยความสงสัย"นี่นังเฟิงมี่ คุณแม่ไม่ได้ไปตามแกไปทำกับข้าวให้หย่งอี้กินหรือไง ไหนล่ะกับข้าว ถ้าไม่มีก็ออกไปอย่ามาให้เห็นหน้ากลิ่นตัวของแกโชยออกมาจนฉันแสบจมูกไปหมด " เธอแสดงท่าทางรังเกียจเฟิงมี่อย่างเห็นได้ชัด เฟิงมี่หมั่นไส้ท่าทีของซูหรงเหลือและนึกแค้นเพราะความมักมากในกิเลสตัณหาทำให้เธอต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรม เฟิงมี่ปล่อยมือออกจากมือของฮว๋าเย่พร้อมเดินเข้าไปใกล้แสยะยิ้มมุมปากโอบคอของซูหรงแน่นใบหน้าของเธอซีดเซียวพร้อมเอะอะโวงยวายไม่พอใจเสียงดังลั่นบ้าน"กรี๊ดดด!! ปล่อยนะอี้..สกปรกใครบอกให้แกมากอดฉันแบบนี้""อะไรกันคะพี่สะใภ้ ฉันดมดูทั้งตัวกลิ่นของฉันกับกลิ่นของพี่สะใภ้ไม่ต่างกันสักนิด ดมกลิ่นฉันไ
บทที่ 5 ย้อนกลับมาอีกครั้งปัง!! ปัง!! ปัง!!"นี่ฉันเคาะประตูเรียกตั้งนานแล้วหูหนวกหรือไงทำไมไม่ลุกสักที จะรอให้ตะวันขึ้นตรงกลางหัวก่อนหรือไงถึงจะลุกได้นะ" เสียงของซูเจี้ยนดังอยู่ด้านนอกห้องอย่างเอะอะโวยวาย เฟิงมี่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงรบกวน'เอ๊ะ!ฉันตายไปแล้วไม่ใช่หรือไงกัน ทำไมยังได้ยินเสียงของแม่สามีอยู่ล่ะ และทำไมรู้ถึงการเต้นของหัวใจอยู่เลยหรือว่าฉันจะได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง' เฟิงมี่คิดในใจก่อนจะลืมตากวาดมองรอบ ๆ ห้องนี่ห้องเก็บของที่เธอเคยอยู่นี่หน่า เธอรีบหันมองเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ครั้นนั้นเฟิงมี่รู้สึกดีใจจนมิอาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เธอใช้มือลูบใบหน้าของลูกสาวที่นอนหลับอยู่“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้ฉันกลับมาหาฮว๋าเย่อีกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ ถ้าฉันตายไปทั้งแบบนั้นจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าฮว๋าเย่จะเป็นอย่างไรชีวิตของเธอต้องพบเจอกับคนชั่วช้าอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความดีมิอาจจะทำให้คนเปลี่ยนใจได้ ต่อจากนี้ฉันจะปกป้องลูกสาวของฉันเอง จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายได้แม้กระทั่งแม่สามี” เฟิงมี่เอ่ยออกมาอย่างจริงจังหากเธอยังอ่อนแอไม่ว่าจะมีโอกาสอีกกี่
บทที่ 4 ลมหายใจสุดท้ายเฟิงมี่เดินเร่งเท้าให้ถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องฟ้าความมืดเริ่มปกคลุมลงมา เธอเดินมาได้สักพักรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา ทางไปบ้านตระกูลมู่จะมีทางที่เปลี่ยวอยู่ระยะยาวพอสมควร เฟิงมี่เริ่มวิตกกังวลไม่กล้าหันหลังไปมอง เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอเริ่มใจเต้นแรงระรัวภาวนาให้เป็นเพียงแค่คนผ่านทางเช่นเดียวกับเธอมับ!!!จู่ ๆ คนที่เดินข้างหลังเธอได้จับมือของเธอคว้าเอาไว้เธอหยุดเดิน “กรี๊ด ๆ ปล่อยฉันนะ!!” เฟิงมี่ตกใจกลัวเธอหันมามองเห็นว่าชายที่มาจับมือเธอคล้ายกับชายที่อยู่กับผู้หญิงใกล้ซอยร้านของเล่นนี่น่า อย่าบอกนะว่าเขาตามเธอมา“จะร้องส่งเสียงดังทำไมกัน ฉันแค่จะสอบถามทางเท่านั้นเอง” ฉู่อี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะจะลองโยนกินถามทางว่าเธอจะจำเขาได้หรือไม่ว่าเขาอยู่กับซูหรงเมื่อครู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของเธอ เฟิงมี่หวาดกลัวชายที่อยู่ตรงหน้ารีบเอ่ยถามเขาขึ้นมาจะได้รีบตอบและรีบกลับ"แล้วคุณจะไปที่ไหนเหรอคะ” ฉู่อี้จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมอีกทั้งยังเก่ามากแต่มิอาจจะปกปิดส่วนโค้งเว้าของร่างกายของเฟิงมี่ได้เลย เขากลืนน
บทที่ 3 ตาฝาดหลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านเฟิงมี่พาฮว๋าเย่กลับห้องเก็บห้อง จัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวร่างกายที่ไม่สบายแค่ถูกน้ำก็หนาวสั่นถึงกระดูก รอยผองแดงบนหน้าเริ่มปรากฏขึ้นเนื่องจากถูกความร้อนของผัดผัก ฮว๋าเย่สงสารแม่จับใจเด็กหญิงรีบไปหยิบเอายามาถือไว้รอทาให้แม่ เวลาผ่านไปสักพักหลังจากที่ทายาเสร็จเฟิงมี่กินยาและรีบไปทำงานบ้านให้เสร็จตัวเองจะได้มีเวลานอนพักสักงีบ จนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อยเสียงของซูเจี้ยนดังขึ้นทำให้เฟิงมี่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ“นังเด็กชั่วช้า แม่ของแกไม่สั่งสอนหรือไงอิจฉาริษยาหย่งอี้ของฉันจนต้องขโมยของเล่นมาทำพังแบบนี้กันห่ะ” ฮว๋าเย่ยืนตัวสั่นเทาก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวเธอไม่ได้ทำของเล่นของหย่งอี้พังและไม่เคยไปขโมยของเล่นที่คุณย่าซื้อให้หย่งอี้ด้วยซ้ำ"คุณย่าขาหนูไม่เคยไปขโมยของเล่นของพี่หย่งอี้เลยนะคะ แถมหนูยังไม่เคยเห็นของเล่นของพี่หย่งอี้ด้วยหนูไม่ได้ทำจริง ๆ อีกอย่างพี่หย่งอี้ต่างหากที่เดินมาหาหนูแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้หนู""ไม่ใช่นะครับคุณย่า ผมไม่ได้ทำแบบนั้นนะครับฮว๋าเย่อิจฉาผมทำผิดไม่ยอมรับผิดแถมยังโยนความผิดมาให้ผมเพราะเธอกลัวคุณย่าจะลงโทษดูสิครับของเล่นที่
บทที่ 2 ลูกสะใภ้ตัวดีอีกฝั่งของบ้านสะใภ้ใหญ่ซูหรงเธอกำลังนั่งทาเล็บอย่างสบายใจเมื่อเห็นแม่สามีเดินมาจากหลังบ้านและสีหน้าไม่ดีจึงรีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“วันนี้คุณแม่เป็นอะไรแต่เช้าคะ หรือว่าเมื่อคืนฝันไม่ดี”“จะอะไรอีกล่ะก็นังสะใภ้รองตัวดีนะสิ ตะวันโด่งป่านนี้ยังไม่มาทำอาหารให้หย่งอี้ของฉัน ฉันไปตามที่ห้องเก็บของเห็นเธอนอนหลับสบาย หน้าด้านแสร้งว่าตัวเองไม่สบาย เฮอะ! คิดว่าฉันมองไม่ออกหรือไงว่านังเฟิงมี่แค่ขี้เกียจไม่อยากทำงานเลยเอาข้ออ้างว่าตัวเองไม่สบายมาเป็นข้ออ้าง”“แล้วคุณแม่ทำยังไงกับนังนั่นละคะ” ซูหรงปิดฝาขวดน้ำยาทาเล็บวางลงไว้พร้อมถามซูเจี้ยนต่อ“จะทำยังไงล่ะ ฉันก็บังคับให้มันมาทำอาหารให้หลานชายฉันนะสิ หย่งอี้ทนหิวอีกหน่อยนะหลานย่าแล้ววันนี้ย่าจะพาไปเดินเล่นที่ตลาดหลานอยากได้อะไรย่าจะซื้อให้ทุกอย่างเลย” ซูเจี้ยนพูดจาอ่อนลงจ้องมองเด็กชายที่นั่งเล่นของเล่นด้วยสายตาอ่อนโยน“จริงนะครับ ผมอยากได้รถของเล่นคุณย่าซื้อให้จริงๆ นะครับ”“แน่นอนสิ ย่าจะโกหกหลานรักของย่าทำไมกัน” เด็กชายรีบลุกขึ้นไปกอดคุณย่าด้วยความดีใจ ซูหรงที่มองอยู่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ความสุขของเธอคือ