บทที่ 6 ทวงคืนทุกอย่าง
เฟิงมี่พาฮว๋าเย่เดินเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่เห็นพี่สะใภ้นั่งจไขว่ห้างจิบน้ำชาอย่างสบายใจ เฟิงมี่ครุ่นคิดเธอคงย้อนกลับมาก่อนวันที่เธอจะถูกฆ่าตายสินะ พี่สะใภ้ไม่ทำงานทำการอะไรแต่ก็ไม่เคยถูกซูเจี้ยนต่อว่าเลยสักครั้ง คงเป็นเพราะเธอมาจากตระกูลที่ดีกว่าเฟิงมี่แต่ทว่านิสัยกลับต่ำทรามยิ่งกว่า เมื่อซูหรงเห็นเฟิงมี่เดินเข้ามาในบ้านเธอวางแก้วชาลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาด้วยความสงสัย
"นี่นังเฟิงมี่ คุณแม่ไม่ได้ไปตามแกไปทำกับข้าวให้หย่งอี้กินหรือไง ไหนล่ะกับข้าว ถ้าไม่มีก็ออกไปอย่ามาให้เห็นหน้ากลิ่นตัวของแกโชยออกมาจนฉันแสบจมูกไปหมด " เธอแสดงท่าทางรังเกียจเฟิงมี่อย่างเห็นได้ชัด เฟิงมี่หมั่นไส้ท่าทีของซูหรงเหลือและนึกแค้นเพราะความมักมากในกิเลสตัณหาทำให้เธอต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรม เฟิงมี่ปล่อยมือออกจากมือของฮว๋าเย่พร้อมเดินเข้าไปใกล้แสยะยิ้มมุมปากโอบคอของซูหรงแน่นใบหน้าของเธอซีดเซียวพร้อมเอะอะโวงยวายไม่พอใจเสียงดังลั่นบ้าน
"กรี๊ดดด!! ปล่อยนะอี้..สกปรกใครบอกให้แกมากอดฉันแบบนี้"
"อะไรกันคะพี่สะใภ้ ฉันดมดูทั้งตัวกลิ่นของฉันกับกลิ่นของพี่สะใภ้ไม่ต่างกันสักนิด ดมกลิ่นฉันไว้ให้ขึ้นใจเพราะต่อจากนี้ฉันจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ อ้อจริงสิ!! กลิ่นของฉันนะไม่ได้แปลกและกลิ่นแรงหรอกนะ ไม่เหมือนกลิ่นใครบางคนที่เหมือนกลิ่นหมาตัวเมียที่กำลังติดสัตว์ส่งกลิ่นไปทั่ว ส่วนคุณแม่ถ้าอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนลองไปตามที่ห้องเก็บของดูสิป่านนี้คงเป็นลมสลบไปแล้วก็ได้ อีกเรื่องหย่งอี้ไม่ใช่ลูกของฉัน ถ้าเด็กนั่นอยากกินใครเป็นแม่ก็ทำให้กินสิเพราะฉันเป็นสะใภ้เล็กไม่ใช่ขี้ข้า" เฟิงมี่ปล่อยแขนออกจากตัวของซูหรงหัวเราะออกมาอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะจับมือพาฮว๋าเย่ขึ้นบนห้องชั้นสองที่เป็นห้องหลวนหลงสามีของเธอ
"อ๊ายยย !! นังบ้าแกต้องสติไม่ดีแน่ ๆ เลย คุณแม่ช่วยฉันด้วยค่ะคุณแม่นังเฟิงมี่มันต่อว่าฉัน" ซูหรงรีบเดินกึ่งวิ่งไปหาซูเจี้ยนตามที่เฟิงมี่บอก
สองแม่ลูกเดินขึ้นมาเปิดห้องของหลวนหลงนานมาแล้วที่เธอไม่ได้ขึ้นมาที่นี่ภายในห้องยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง แม้เธอจะมีหน้าที่ทำความสะอาดแต่ห้องนี้แม่สามีไม่ยอมให้เธอเข้ามาไม่รู้ว่าเพราะอะไร
"คุณแม่คะ นั่นรูปของใครหรือคะ"
"อ้อ..นั่นนะหรือรูปของคุณพ่อยังไงล่ะ ดูสิลูกเหมือนคุณพ่อมากขนาดไหนอีกไม่นานคุณพ่อจะกลับมาแล้วตอนนั้นชีวิตของเราสองแม่ลูกคงจะเปลี่ยนไปมาก " เฟิงมี่หันไปมองรูปที่ติดฝาผนังตามที่นิ้วมือน้อย ๆ ของฮว๋าเย่ชี้ไป เธอเอาแต่คิดถึงเขาไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงเธอบ้างหรือเปล่าและจะรู้มั้ยว่าชีวิตของเธอตอนนี้ต้องพบเจอเรื่องอะไรบ้าง
'ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ ความรักที่เรามีให้กันจะเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า '
ฮว๋าเย่เดินขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนที่หนานุ่มอย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อนผ้านวมผืนใหญ่นี่ช่างนุ่มราวกับปุ๋ยเมฆเด็กหญิงชอบเหลือเกิน กระโดดขึ้นไปกอดผ้าห่มแน่น ส่วนเฟิงมี่เธอเดินสำรวจห้องจนมาพบว่าหน้ากระจกมีกล่องใบหนึ่งวางเอาไว้ด้วยความอยากรู้เธอค่อย ๆ เปิดดูด้านในด้วยความสงสัย ทว่าเมื่อเปิดดูได้เห็นว่านี่คือจดหมายที่หลวนหลงสามีของเธอส่งมา
‘เฟิงมี่ภรรยาที่รักของฉัน ทุกคืนวันที่ฉันอยู่ที่นี่ฉันเอาแต่คิดถึงเธอกับลูกจนอยากจะลาออกจากราชการแต่ทำอย่างนั้นไม่ได้ซ่ะทีเดียว เงินเดือนที่ฉันส่งให้เธอได้รับทุกเดือนพอใช้หรือเปล่า เธอไม่ต้องเก็บเอาไว้นะอยากได้อะไรหรือกินของอร่อยจงใช้ได้ตามใจ อย่าลืมซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ลูกสาวตัวน้อยของเราด้วย ฮว๋าเย่คงโตขึ้นมากกว่าเดิมแล้วสินะ อยากเห็นเหลือเกินแต่คงอีกไม่นานแล้วฉันจะได้กลับไปกอดเธอกับลูก ทนหน่อยนะฉันรู้ว่าแม่ฉันไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่ส่วนเรื่องที่คุณแม่บอกว่าเธอมีชู้ ฉันนะไม่ได้หูเบาหรอกน่ะ ฉันรู้ดีว่าภรรยาที่ฉันรักเป็นคนยังไงอีกไม่นานเราจะได้เจอกันแล้ว เอาไว้เมื่อนั้นฉันจะตอบแทนและชดใช้เวลาที่ขาดหายไปให้เธอกับลูกทุกอย่าง รักและคิดถึงเฟิงมี่สุดที่รักของฉัน’ ร่างเล็กสั่นเทาน้ำตาไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ เมื่อได้อ่านจดหมายที่หลวนหลงส่งมาให้และมีอีกหลายฉบับที่อยู่ในกล่อง นี่คงเป็นเหตุผลที่ซูเจี้ยนไม่ให้เธอมาทำความสะอาดห้องนี้สินะ
‘จดหมายที่หลวนหลงส่งมาฉบับนี้ก็สามเดือนแล้ว หากเป็นอย่างที่คุณบอกคงใกล้จะกลับบ้านแล้วสินะ แต่ก่อนที่คุณจะกลับฉันจะทวงทุกอย่างคืนมาให้หมด ’ เฟิงมี่เก็บจดหมายไว้ที่เดิมปาดน้ำตาที่ไหลรินพร้อมหันมามองลูกสาวที่กระโดดอยู่บนที่นอนอย่างมีความสุข
“ฮว๋าเย่ลูกชอบที่นี่มั้ย? คืนนี้และต่อจากวันนี้ไปเราจะมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้แม่มีเรื่องจะไปจัดการลูกช่วยรออยู่ที่นี่สักครู่ก่อนนะ เมื่อแม่กลับมาเราจะออกไปซื้อเสื้อผ้ากับของอร่อย ๆ และของเล่นอย่างที่ลูกอยากได้ ไม่ว่าอะไรที่ลูกสาวของแม่อยากได้แม่จะหามาให้หมดทุกอย่าง”
“จริงหรือคะ เย้ ๆ หนูดีใจที่สุดเลย” เด็กหญิงดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าคืนนี้เธอได้มานอนที่มีเตียงขนาดใหญ่อีกทั้งยังนุ่มและมีผ้าห่มผืนใหญ่ที่อบอุ่นเช่นนี้
เฟิงมี่ยกกล่องจดหมายพร้อมเดินออกมาจากห้องและลงไปด้านล่างเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่เป็นของเธอคืนมาทั้งหมด
ฝั่งด้านซูหรงเธอเดินมาตามแม่สามีอย่างที่เฟิงมี่พูดเมื่อครู่และเมื่อเดินมาเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงร้องโวยวายเสียงดังออกมาจากห้องของเฟิงมี่ เธอรีบเดินไปเปิดประตูให้แม่สามีโดยเร็ว
“สะใภ้ใหญ่ฉันตะโกนเรียกตั้งนานทำไมพึ่งจะมารีบพาฉันออกจากห้องนี่เร็วเข้าตอนนี้เหมือนฉันจะหายใจไม่ออกแล้ว ” เมื่อซูเจี้ยนเห็นหน้าของซูหรงเธอตำหนิสะใภ้ใหญ่ทันที
“ฉันจะได้ยินยังไงคะ ห้องเก็บของอยู่ไกลจะตายไปที่ฉันมาเจอคุณแม่เพราะนางเฟิงมี่นั่นบอกต่างหาก แถมตอนนี้นังนั่นนิสัยแย่มากกล้าขัดคำสั่งและยังเข้าไปในบ้านทำตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน”
“จริงสิ ! นังเฟิงมี่บอกว่าจะเข้าไปที่ห้องเดิมใช่มั้ย นั่นคือห้องของหลวนหลงไม่ได้การแล้วฉันจะต้องรีบไปขัดขวางมัน” ซูเจี้ยนนึกได้ว่าเธอเอากล่องจดหมายของลูกชายคนเล็กไปเก็บไว้ที่นั่นตลอดหลายปีมานี้ที่ลูกชายส่งจดหมายมาเธอไม่เคยส่งถึงมือของเฟิงมี่เลยสักฉบับถ้าเธอเห็นคงไม่เป็นเรื่องดีแน่ คิดได้อย่างนั้นสองเท้าของเธอรีบเดินสาวเท้าอย่างเร่งรีบไปที่เรือนใหญ่ทันที
บทที่ 7 อย่าให้ได้ร้ายเฟิงมี่เดินลงมาเห็นซูเจี้ยนรีบเดินเข้าใบหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นเธอเดินลงมาพร้อมกับยกกล่องลังลงมาด้วย เหงื่อบนใบหน้าเริ่มแตกพลั่ก“รีบร้อนเดินเข้ามาคงไม่ใช่ว่าเพราะกล่องนี่หรอกใช่มั้ยคะ”“นี่ ๆ อย่าบอกนะว่าแกเปิดอ่านด้านในจดหมดแล้วนะ”โคร้ม!! ตุบ!!เฟิงมี่โยนกล่องจดหมายลงต่อหน้าซูเจี้ยนอย่างไม่เกรงใจเพราะที่ผ่านมาเธอกับลูกถูกกระทำมามากพอแล้ว ต่อจากนี้เธอจะไม่ยอมเสียเปรียบแม่สามีเฮงซวยแบบนี้อีกต่อไป“ใช่ฉันอ่านหมดแล้ว ไหนล่ะเงินเดือนที่สามีของฉันส่งมาให้ จะให้ดี ๆ หรือจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ ดีเหมือนกันฉันจะได้ทั้งเงินสามีที่ส่งมาให้ไหนจะได้ค่าแรงที่ทำงานในบ้านหลังนี้เหมือนขี้ข้า " เฟิงมี่ยืนค้ำเอวยกมือข้างขวายื่นออกมาด้านหน้าก่อนจะแบมันออกเพื่อรอเงินจากซูเจี้ยน“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ แกกล้าทวงและข่มขู่คุณแม่อย่างนี้ได้ยังไงกัน คุณแม่อย่าไปยอมนะคะที่ผ่านมานังเฟิงมี่กับลูกก็กินอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ข้าวกับกับข้าวใช่ว่าจะได้มาฟรี ๆ เสียหน่อย”“หุบปากเสีย ๆ ของพี่สะใภ้ใหญ่ไปซ่ะฉันไม่อยากได้ยิน ที่จริงสมควรเป็นฉันที่ได้เงินมากกว่าคนอื่นที่ไม่ทำงานทำการอะไรเลย จ
บทที่ 8 เปลี่ยนแปลงฝั่งด้านซูหรงเธอเดินจากหลังสามีมาที่โต๊ะกินข้าวตอนนี้ไม่มีอะไรให้เขากินสักอย่างเพราะปกติจะเป็นเฟิงมี่ที่เป็นคนทำทุกอย่าง แต่เธอกลับบอกว่าเป็นฝีมือของตัวเอง"จะจ้องฉันไปถึงเมื่อไหร่ไปยกข้าวมาสิ อย่าลืมห่อใส่ปิ่นโตไปด้วย ""เอ่อ..คือว่า..""จะอ้ำอึ้งทำไมปกติเธอเป็นคนที่ฉะฉานตลอดหรือว่าเรื่องที่ฉันยินมาจากน้องสะใภ้เป็นความจริงว่างานในบ้านเป็นฝีมือของเฟิงมี่ทั้งหมด อย่าบอกนะว่าที่ผ่านเธอโกหกฉันนะซูหรง ""เอ่อ..พี่ไคฉีฟังฉันก่อนนะ พอดีว่าวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารให้พี่ไม่ทัน วันนี้พี่ออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารได้มั้ยคะ" ใบหน้าของซูหรงเหงื่อแตกพลั่กหลบสายตาไคฉีกลัวว่าเขาจะจับได้ ไคฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้"คงจะเป็นอย่างที่น้องสะใภ้พูดสินะฉันผิดหวังกับเธอจริง ๆ อีกเรื่องช่วยจัดการให้หย่งอี้รู้จักตื่นแต่เช้าและทำหน้าที่ของตัวเองด้วยไม่ใช่ทำตัวเหมือนแม่ที่ไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ”ซูหรงกำมือแน่นด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถแสดงอาการให้สามีเห็นได้ทำได้เพียงยืนขึ้นและก้มหัวรับคำสั่งของเขา มองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป“หึ! ตอนนี้ฉันจะทนให
บทที่ 9 เป่าหูฝั่งด้านซูหรงเธอเดินกลับปาหาแม่สามีเห็นเธอแสดงสีหน้าไม่พอใจคงมีเรื่องเดียวคงเป็นเรื่องของเฟิงมี่ เธอรีบเข้าไปเป่าหูและใส่ให้แม่สามีเกลียดเฟิงมี่มากกว่าเดิม“คุณแม่คะวันนี้นังเฟิงมี่มันทำเกินไปนะคะ เพราะมันคนเดียวเลยทำให้พี่ไคฉีต่อว่าฉัน ฉันไม่เจ็บปวดหรอกค่ะแต่พี่ไคฉีต่อว่าหย่งอี้หลานชายของคุณแม่ด้วย ดูสิคะเด็กตัวเล็ก ๆ ยังถูกมันทำให้พี่ไคฉีด่าได้” ซูหรงแสรงทำเป็นเสียใจซูเจี้ยนได้ยินเธอยิ่งไม่พอใจ ที่เฟิงมี่ทำให้หลายชายสุดที่รักถูกคนเป็นพ่อต่อว่า“อะไรกัน!! นังเฟิงมี่นี่มันร้ายจริง ๆ ไม่ได้การแล้วฉันจะต้องอะไรสักอย่าง กล้าดียังไงถึงทำให้ไคฉีมาต่อว่าหย่งอี้ของฉัน ตอนนี้หย่งอี้คงหิวแล้วสินะ เธอช่วยไปเรียกลงมาด้านล่างที ฉันจะเข้าครัวทำอาหารให้หย่งอี้เอง เด็กกำลังโตต้องกินเยอะ ๆ นอนให้เพียงพอ ส่วนเรื่องนังเฟิงมี่กลับมาเมื่อไหร่ฉันจะกำราบเอง”“ได้ค่ะคุณแม่ จริงสิวันนี้ฉันจะออกไปเลือกซื้อของที่พี่ไคฉีชอบที่ตลาดนะคะ เมื่อเช้าพี่ไคฉีดูอารมณ์ไม่ดีเลย”“ดี ๆ เลือกซื้อของที่ดีต่อสุขภาพอย่าลืมซื้อขนมมาฝากหย่งอี้ด้วยล่ะ วันนี้สายแล้วคงไปเรียนไม่ทัน เอาไว้ค่อยไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เรื่
บทที่ 10 อย่าคิดว่าจะยอมโดนทำฝ่ายเดียวหลังจากที่พาฮว๋าเย่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเฟิงมี่ได้ให้ลูกสาวตัวน้อยนอนพักกลางวันส่วนตัวเธอเองก็จัดการเก็บเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่วันนี้ ระหว่างนั้นก็คิดหาหนทางรับมือจากซูหรงและชู้ของเธอ'จะทำยังไงดีนะ ฉันถึงจะรู้ว่าซูหรงมีแผนการอะไร? ทำยังไงฉันถึงจะปลอดภัยจากทั้งสองคนนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่ที่หลวนหลงจะกลับมาฉันกับฮว๋าเย่จะได้ปลอดภัยเสียที แต่ทว่าเขากลับมาแล้วเชื่อฟังแม่ของเขาฉันเองจะพาฮว๋าเย่ออกจากบ้านหลังนี้ทันที ' เมื่อเธอจัดการเก็บเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินไปทางหน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว เธอเลยเดินลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารให้ฮว๋าเย่กินตอนนั้นนั่นเองซูเจี้ยนกำลังนั่งจิบชาอยู่เห็นสะใภ้เล็กเดินลงมาจากชั้นบนเธอกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่าเฟิงมี่สะใภ้เล็กเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวจนแทบไม่เหมือนเดิม เธอไม่พอใจรีบวางแก้วชาลงพร้อมจิปากตำหนิออกมา"ฮึ ฮึ ว่าแต่สะใภ้ของฉันแกเองก็ไม่เห็นจะต่างเลย มีเงินเข้าหน่อยก็เอาไปแต่งตัวซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่แต่งตัวรัดรูปแบบนี้ตั้งใจจะไปให้ชู้ของแกดูสินะ เมื่อไหร่ลูกชายของฉันจะเลิกโง่เสียทีนะ ตาสว่างไ
บทที่ 1 นังเด็กกาฝากณ.มณฑลเจิ้งไฉตระกูลมู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลแห่งนี้ มู่ซูเจี้ยนผู้ที่เลี้ยงลูกมาตามลำพังหลังจากสามีตาย เธอเป็นแม่หม้ายที่สุขสบายเลยทีเดียวเธอมีลูกชายอยู่สองคน คนโตมีหน้าที่การงานเป็นนายอำเภอมีภรรยาและลูกชายที่น่ารัก เขามีชื่อว่ามู่ไคฉี ภรรยาที่เป็นสะใภ้ชื่อว่าซูหรงและลูกชายอายุ5 ขวบชื่อว่า หย่งอี้ เด็กชายคนนี้เกิดมาก็ได้ความรักจากคุณย่าเต็ม ๆ ต่างจาก ฮว๋าเย่ ลูกสาวของเฟิงมี่ภรรยาของลูกชายคนที่สองของตระกูล เพราะเธอมากจากตระกูลที่ยากจน ลูกชายของเธอมู่หลวนหลงได้รับราชการเป็นทหารและมียศเป็นถึงรองนายพลทำให้เธอไม่พอใจที่ลูกชายไปคว้าลูกสะใภ้บ้านนอกคนนี้มา ใจอคติของเธอคิดว่าหลานสาวตัวน้อยคนนี้ไม่ใช่หลานตัวเองจงเกลียดจงชังตั้งแต่ลืมตาขึ้นมามองโลกตอนนี้ฮว๋าเย่มีอายุน้อยกว่าหย่งอี้ 1 ปี แต่ทว่าความเฉลียวฉลาดพูดจาฉะฉานมากกว่าพี่ชายมากนักแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชื่นชอบ ซูหรงไม่อยากให้ลูกสาวของสะใภ้เล็กได้รับการยอมรับจากคนเป็นย่า จึงหาทางกลั่นแกล้งสารพัดทั้งพูดกรอกหูแม่สามีให้รังเกียจและเข้าใจผิดเฟิงมี่กับลูกอีกด้วย เนื่องจากหลังที่เฟิงมี่คลอดลูกสาวได้กี่เดือน หลวนหลงผู้
บทที่ 2 ลูกสะใภ้ตัวดีอีกฝั่งของบ้านสะใภ้ใหญ่ซูหรงเธอกำลังนั่งทาเล็บอย่างสบายใจเมื่อเห็นแม่สามีเดินมาจากหลังบ้านและสีหน้าไม่ดีจึงรีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“วันนี้คุณแม่เป็นอะไรแต่เช้าคะ หรือว่าเมื่อคืนฝันไม่ดี”“จะอะไรอีกล่ะก็นังสะใภ้รองตัวดีนะสิ ตะวันโด่งป่านนี้ยังไม่มาทำอาหารให้หย่งอี้ของฉัน ฉันไปตามที่ห้องเก็บของเห็นเธอนอนหลับสบาย หน้าด้านแสร้งว่าตัวเองไม่สบาย เฮอะ! คิดว่าฉันมองไม่ออกหรือไงว่านังเฟิงมี่แค่ขี้เกียจไม่อยากทำงานเลยเอาข้ออ้างว่าตัวเองไม่สบายมาเป็นข้ออ้าง”“แล้วคุณแม่ทำยังไงกับนังนั่นละคะ” ซูหรงปิดฝาขวดน้ำยาทาเล็บวางลงไว้พร้อมถามซูเจี้ยนต่อ“จะทำยังไงล่ะ ฉันก็บังคับให้มันมาทำอาหารให้หลานชายฉันนะสิ หย่งอี้ทนหิวอีกหน่อยนะหลานย่าแล้ววันนี้ย่าจะพาไปเดินเล่นที่ตลาดหลานอยากได้อะไรย่าจะซื้อให้ทุกอย่างเลย” ซูเจี้ยนพูดจาอ่อนลงจ้องมองเด็กชายที่นั่งเล่นของเล่นด้วยสายตาอ่อนโยน“จริงนะครับ ผมอยากได้รถของเล่นคุณย่าซื้อให้จริงๆ นะครับ”“แน่นอนสิ ย่าจะโกหกหลานรักของย่าทำไมกัน” เด็กชายรีบลุกขึ้นไปกอดคุณย่าด้วยความดีใจ ซูหรงที่มองอยู่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ความสุขของเธอคือ
บทที่ 3 ตาฝาดหลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านเฟิงมี่พาฮว๋าเย่กลับห้องเก็บห้อง จัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวร่างกายที่ไม่สบายแค่ถูกน้ำก็หนาวสั่นถึงกระดูก รอยผองแดงบนหน้าเริ่มปรากฏขึ้นเนื่องจากถูกความร้อนของผัดผัก ฮว๋าเย่สงสารแม่จับใจเด็กหญิงรีบไปหยิบเอายามาถือไว้รอทาให้แม่ เวลาผ่านไปสักพักหลังจากที่ทายาเสร็จเฟิงมี่กินยาและรีบไปทำงานบ้านให้เสร็จตัวเองจะได้มีเวลานอนพักสักงีบ จนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อยเสียงของซูเจี้ยนดังขึ้นทำให้เฟิงมี่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ“นังเด็กชั่วช้า แม่ของแกไม่สั่งสอนหรือไงอิจฉาริษยาหย่งอี้ของฉันจนต้องขโมยของเล่นมาทำพังแบบนี้กันห่ะ” ฮว๋าเย่ยืนตัวสั่นเทาก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวเธอไม่ได้ทำของเล่นของหย่งอี้พังและไม่เคยไปขโมยของเล่นที่คุณย่าซื้อให้หย่งอี้ด้วยซ้ำ"คุณย่าขาหนูไม่เคยไปขโมยของเล่นของพี่หย่งอี้เลยนะคะ แถมหนูยังไม่เคยเห็นของเล่นของพี่หย่งอี้ด้วยหนูไม่ได้ทำจริง ๆ อีกอย่างพี่หย่งอี้ต่างหากที่เดินมาหาหนูแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้หนู""ไม่ใช่นะครับคุณย่า ผมไม่ได้ทำแบบนั้นนะครับฮว๋าเย่อิจฉาผมทำผิดไม่ยอมรับผิดแถมยังโยนความผิดมาให้ผมเพราะเธอกลัวคุณย่าจะลงโทษดูสิครับของเล่นที่
บทที่ 4 ลมหายใจสุดท้ายเฟิงมี่เดินเร่งเท้าให้ถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องฟ้าความมืดเริ่มปกคลุมลงมา เธอเดินมาได้สักพักรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา ทางไปบ้านตระกูลมู่จะมีทางที่เปลี่ยวอยู่ระยะยาวพอสมควร เฟิงมี่เริ่มวิตกกังวลไม่กล้าหันหลังไปมอง เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอเริ่มใจเต้นแรงระรัวภาวนาให้เป็นเพียงแค่คนผ่านทางเช่นเดียวกับเธอมับ!!!จู่ ๆ คนที่เดินข้างหลังเธอได้จับมือของเธอคว้าเอาไว้เธอหยุดเดิน “กรี๊ด ๆ ปล่อยฉันนะ!!” เฟิงมี่ตกใจกลัวเธอหันมามองเห็นว่าชายที่มาจับมือเธอคล้ายกับชายที่อยู่กับผู้หญิงใกล้ซอยร้านของเล่นนี่น่า อย่าบอกนะว่าเขาตามเธอมา“จะร้องส่งเสียงดังทำไมกัน ฉันแค่จะสอบถามทางเท่านั้นเอง” ฉู่อี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะจะลองโยนกินถามทางว่าเธอจะจำเขาได้หรือไม่ว่าเขาอยู่กับซูหรงเมื่อครู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของเธอ เฟิงมี่หวาดกลัวชายที่อยู่ตรงหน้ารีบเอ่ยถามเขาขึ้นมาจะได้รีบตอบและรีบกลับ"แล้วคุณจะไปที่ไหนเหรอคะ” ฉู่อี้จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมอีกทั้งยังเก่ามากแต่มิอาจจะปกปิดส่วนโค้งเว้าของร่างกายของเฟิงมี่ได้เลย เขากลืนน
บทที่ 10 อย่าคิดว่าจะยอมโดนทำฝ่ายเดียวหลังจากที่พาฮว๋าเย่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเฟิงมี่ได้ให้ลูกสาวตัวน้อยนอนพักกลางวันส่วนตัวเธอเองก็จัดการเก็บเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่วันนี้ ระหว่างนั้นก็คิดหาหนทางรับมือจากซูหรงและชู้ของเธอ'จะทำยังไงดีนะ ฉันถึงจะรู้ว่าซูหรงมีแผนการอะไร? ทำยังไงฉันถึงจะปลอดภัยจากทั้งสองคนนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่ที่หลวนหลงจะกลับมาฉันกับฮว๋าเย่จะได้ปลอดภัยเสียที แต่ทว่าเขากลับมาแล้วเชื่อฟังแม่ของเขาฉันเองจะพาฮว๋าเย่ออกจากบ้านหลังนี้ทันที ' เมื่อเธอจัดการเก็บเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินไปทางหน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว เธอเลยเดินลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารให้ฮว๋าเย่กินตอนนั้นนั่นเองซูเจี้ยนกำลังนั่งจิบชาอยู่เห็นสะใภ้เล็กเดินลงมาจากชั้นบนเธอกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่าเฟิงมี่สะใภ้เล็กเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวจนแทบไม่เหมือนเดิม เธอไม่พอใจรีบวางแก้วชาลงพร้อมจิปากตำหนิออกมา"ฮึ ฮึ ว่าแต่สะใภ้ของฉันแกเองก็ไม่เห็นจะต่างเลย มีเงินเข้าหน่อยก็เอาไปแต่งตัวซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่แต่งตัวรัดรูปแบบนี้ตั้งใจจะไปให้ชู้ของแกดูสินะ เมื่อไหร่ลูกชายของฉันจะเลิกโง่เสียทีนะ ตาสว่างไ
บทที่ 9 เป่าหูฝั่งด้านซูหรงเธอเดินกลับปาหาแม่สามีเห็นเธอแสดงสีหน้าไม่พอใจคงมีเรื่องเดียวคงเป็นเรื่องของเฟิงมี่ เธอรีบเข้าไปเป่าหูและใส่ให้แม่สามีเกลียดเฟิงมี่มากกว่าเดิม“คุณแม่คะวันนี้นังเฟิงมี่มันทำเกินไปนะคะ เพราะมันคนเดียวเลยทำให้พี่ไคฉีต่อว่าฉัน ฉันไม่เจ็บปวดหรอกค่ะแต่พี่ไคฉีต่อว่าหย่งอี้หลานชายของคุณแม่ด้วย ดูสิคะเด็กตัวเล็ก ๆ ยังถูกมันทำให้พี่ไคฉีด่าได้” ซูหรงแสรงทำเป็นเสียใจซูเจี้ยนได้ยินเธอยิ่งไม่พอใจ ที่เฟิงมี่ทำให้หลายชายสุดที่รักถูกคนเป็นพ่อต่อว่า“อะไรกัน!! นังเฟิงมี่นี่มันร้ายจริง ๆ ไม่ได้การแล้วฉันจะต้องอะไรสักอย่าง กล้าดียังไงถึงทำให้ไคฉีมาต่อว่าหย่งอี้ของฉัน ตอนนี้หย่งอี้คงหิวแล้วสินะ เธอช่วยไปเรียกลงมาด้านล่างที ฉันจะเข้าครัวทำอาหารให้หย่งอี้เอง เด็กกำลังโตต้องกินเยอะ ๆ นอนให้เพียงพอ ส่วนเรื่องนังเฟิงมี่กลับมาเมื่อไหร่ฉันจะกำราบเอง”“ได้ค่ะคุณแม่ จริงสิวันนี้ฉันจะออกไปเลือกซื้อของที่พี่ไคฉีชอบที่ตลาดนะคะ เมื่อเช้าพี่ไคฉีดูอารมณ์ไม่ดีเลย”“ดี ๆ เลือกซื้อของที่ดีต่อสุขภาพอย่าลืมซื้อขนมมาฝากหย่งอี้ด้วยล่ะ วันนี้สายแล้วคงไปเรียนไม่ทัน เอาไว้ค่อยไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เรื่
บทที่ 8 เปลี่ยนแปลงฝั่งด้านซูหรงเธอเดินจากหลังสามีมาที่โต๊ะกินข้าวตอนนี้ไม่มีอะไรให้เขากินสักอย่างเพราะปกติจะเป็นเฟิงมี่ที่เป็นคนทำทุกอย่าง แต่เธอกลับบอกว่าเป็นฝีมือของตัวเอง"จะจ้องฉันไปถึงเมื่อไหร่ไปยกข้าวมาสิ อย่าลืมห่อใส่ปิ่นโตไปด้วย ""เอ่อ..คือว่า..""จะอ้ำอึ้งทำไมปกติเธอเป็นคนที่ฉะฉานตลอดหรือว่าเรื่องที่ฉันยินมาจากน้องสะใภ้เป็นความจริงว่างานในบ้านเป็นฝีมือของเฟิงมี่ทั้งหมด อย่าบอกนะว่าที่ผ่านเธอโกหกฉันนะซูหรง ""เอ่อ..พี่ไคฉีฟังฉันก่อนนะ พอดีว่าวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารให้พี่ไม่ทัน วันนี้พี่ออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารได้มั้ยคะ" ใบหน้าของซูหรงเหงื่อแตกพลั่กหลบสายตาไคฉีกลัวว่าเขาจะจับได้ ไคฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้"คงจะเป็นอย่างที่น้องสะใภ้พูดสินะฉันผิดหวังกับเธอจริง ๆ อีกเรื่องช่วยจัดการให้หย่งอี้รู้จักตื่นแต่เช้าและทำหน้าที่ของตัวเองด้วยไม่ใช่ทำตัวเหมือนแม่ที่ไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ”ซูหรงกำมือแน่นด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถแสดงอาการให้สามีเห็นได้ทำได้เพียงยืนขึ้นและก้มหัวรับคำสั่งของเขา มองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป“หึ! ตอนนี้ฉันจะทนให
บทที่ 7 อย่าให้ได้ร้ายเฟิงมี่เดินลงมาเห็นซูเจี้ยนรีบเดินเข้าใบหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นเธอเดินลงมาพร้อมกับยกกล่องลังลงมาด้วย เหงื่อบนใบหน้าเริ่มแตกพลั่ก“รีบร้อนเดินเข้ามาคงไม่ใช่ว่าเพราะกล่องนี่หรอกใช่มั้ยคะ”“นี่ ๆ อย่าบอกนะว่าแกเปิดอ่านด้านในจดหมดแล้วนะ”โคร้ม!! ตุบ!!เฟิงมี่โยนกล่องจดหมายลงต่อหน้าซูเจี้ยนอย่างไม่เกรงใจเพราะที่ผ่านมาเธอกับลูกถูกกระทำมามากพอแล้ว ต่อจากนี้เธอจะไม่ยอมเสียเปรียบแม่สามีเฮงซวยแบบนี้อีกต่อไป“ใช่ฉันอ่านหมดแล้ว ไหนล่ะเงินเดือนที่สามีของฉันส่งมาให้ จะให้ดี ๆ หรือจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ ดีเหมือนกันฉันจะได้ทั้งเงินสามีที่ส่งมาให้ไหนจะได้ค่าแรงที่ทำงานในบ้านหลังนี้เหมือนขี้ข้า " เฟิงมี่ยืนค้ำเอวยกมือข้างขวายื่นออกมาด้านหน้าก่อนจะแบมันออกเพื่อรอเงินจากซูเจี้ยน“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ แกกล้าทวงและข่มขู่คุณแม่อย่างนี้ได้ยังไงกัน คุณแม่อย่าไปยอมนะคะที่ผ่านมานังเฟิงมี่กับลูกก็กินอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ข้าวกับกับข้าวใช่ว่าจะได้มาฟรี ๆ เสียหน่อย”“หุบปากเสีย ๆ ของพี่สะใภ้ใหญ่ไปซ่ะฉันไม่อยากได้ยิน ที่จริงสมควรเป็นฉันที่ได้เงินมากกว่าคนอื่นที่ไม่ทำงานทำการอะไรเลย จ
บทที่ 6 ทวงคืนทุกอย่างเฟิงมี่พาฮว๋าเย่เดินเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่เห็นพี่สะใภ้นั่งจไขว่ห้างจิบน้ำชาอย่างสบายใจ เฟิงมี่ครุ่นคิดเธอคงย้อนกลับมาก่อนวันที่เธอจะถูกฆ่าตายสินะ พี่สะใภ้ไม่ทำงานทำการอะไรแต่ก็ไม่เคยถูกซูเจี้ยนต่อว่าเลยสักครั้ง คงเป็นเพราะเธอมาจากตระกูลที่ดีกว่าเฟิงมี่แต่ทว่านิสัยกลับต่ำทรามยิ่งกว่า เมื่อซูหรงเห็นเฟิงมี่เดินเข้ามาในบ้านเธอวางแก้วชาลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหาด้วยความสงสัย"นี่นังเฟิงมี่ คุณแม่ไม่ได้ไปตามแกไปทำกับข้าวให้หย่งอี้กินหรือไง ไหนล่ะกับข้าว ถ้าไม่มีก็ออกไปอย่ามาให้เห็นหน้ากลิ่นตัวของแกโชยออกมาจนฉันแสบจมูกไปหมด " เธอแสดงท่าทางรังเกียจเฟิงมี่อย่างเห็นได้ชัด เฟิงมี่หมั่นไส้ท่าทีของซูหรงเหลือและนึกแค้นเพราะความมักมากในกิเลสตัณหาทำให้เธอต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรม เฟิงมี่ปล่อยมือออกจากมือของฮว๋าเย่พร้อมเดินเข้าไปใกล้แสยะยิ้มมุมปากโอบคอของซูหรงแน่นใบหน้าของเธอซีดเซียวพร้อมเอะอะโวงยวายไม่พอใจเสียงดังลั่นบ้าน"กรี๊ดดด!! ปล่อยนะอี้..สกปรกใครบอกให้แกมากอดฉันแบบนี้""อะไรกันคะพี่สะใภ้ ฉันดมดูทั้งตัวกลิ่นของฉันกับกลิ่นของพี่สะใภ้ไม่ต่างกันสักนิด ดมกลิ่นฉันไ
บทที่ 5 ย้อนกลับมาอีกครั้งปัง!! ปัง!! ปัง!!"นี่ฉันเคาะประตูเรียกตั้งนานแล้วหูหนวกหรือไงทำไมไม่ลุกสักที จะรอให้ตะวันขึ้นตรงกลางหัวก่อนหรือไงถึงจะลุกได้นะ" เสียงของซูเจี้ยนดังอยู่ด้านนอกห้องอย่างเอะอะโวยวาย เฟิงมี่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงรบกวน'เอ๊ะ!ฉันตายไปแล้วไม่ใช่หรือไงกัน ทำไมยังได้ยินเสียงของแม่สามีอยู่ล่ะ และทำไมรู้ถึงการเต้นของหัวใจอยู่เลยหรือว่าฉันจะได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง' เฟิงมี่คิดในใจก่อนจะลืมตากวาดมองรอบ ๆ ห้องนี่ห้องเก็บของที่เธอเคยอยู่นี่หน่า เธอรีบหันมองเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ครั้นนั้นเฟิงมี่รู้สึกดีใจจนมิอาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เธอใช้มือลูบใบหน้าของลูกสาวที่นอนหลับอยู่“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้ฉันกลับมาหาฮว๋าเย่อีกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ ถ้าฉันตายไปทั้งแบบนั้นจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าฮว๋าเย่จะเป็นอย่างไรชีวิตของเธอต้องพบเจอกับคนชั่วช้าอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความดีมิอาจจะทำให้คนเปลี่ยนใจได้ ต่อจากนี้ฉันจะปกป้องลูกสาวของฉันเอง จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายได้แม้กระทั่งแม่สามี” เฟิงมี่เอ่ยออกมาอย่างจริงจังหากเธอยังอ่อนแอไม่ว่าจะมีโอกาสอีกกี่
บทที่ 4 ลมหายใจสุดท้ายเฟิงมี่เดินเร่งเท้าให้ถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องฟ้าความมืดเริ่มปกคลุมลงมา เธอเดินมาได้สักพักรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา ทางไปบ้านตระกูลมู่จะมีทางที่เปลี่ยวอยู่ระยะยาวพอสมควร เฟิงมี่เริ่มวิตกกังวลไม่กล้าหันหลังไปมอง เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอเริ่มใจเต้นแรงระรัวภาวนาให้เป็นเพียงแค่คนผ่านทางเช่นเดียวกับเธอมับ!!!จู่ ๆ คนที่เดินข้างหลังเธอได้จับมือของเธอคว้าเอาไว้เธอหยุดเดิน “กรี๊ด ๆ ปล่อยฉันนะ!!” เฟิงมี่ตกใจกลัวเธอหันมามองเห็นว่าชายที่มาจับมือเธอคล้ายกับชายที่อยู่กับผู้หญิงใกล้ซอยร้านของเล่นนี่น่า อย่าบอกนะว่าเขาตามเธอมา“จะร้องส่งเสียงดังทำไมกัน ฉันแค่จะสอบถามทางเท่านั้นเอง” ฉู่อี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะจะลองโยนกินถามทางว่าเธอจะจำเขาได้หรือไม่ว่าเขาอยู่กับซูหรงเมื่อครู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของเธอ เฟิงมี่หวาดกลัวชายที่อยู่ตรงหน้ารีบเอ่ยถามเขาขึ้นมาจะได้รีบตอบและรีบกลับ"แล้วคุณจะไปที่ไหนเหรอคะ” ฉู่อี้จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมอีกทั้งยังเก่ามากแต่มิอาจจะปกปิดส่วนโค้งเว้าของร่างกายของเฟิงมี่ได้เลย เขากลืนน
บทที่ 3 ตาฝาดหลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านเฟิงมี่พาฮว๋าเย่กลับห้องเก็บห้อง จัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวร่างกายที่ไม่สบายแค่ถูกน้ำก็หนาวสั่นถึงกระดูก รอยผองแดงบนหน้าเริ่มปรากฏขึ้นเนื่องจากถูกความร้อนของผัดผัก ฮว๋าเย่สงสารแม่จับใจเด็กหญิงรีบไปหยิบเอายามาถือไว้รอทาให้แม่ เวลาผ่านไปสักพักหลังจากที่ทายาเสร็จเฟิงมี่กินยาและรีบไปทำงานบ้านให้เสร็จตัวเองจะได้มีเวลานอนพักสักงีบ จนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อยเสียงของซูเจี้ยนดังขึ้นทำให้เฟิงมี่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ“นังเด็กชั่วช้า แม่ของแกไม่สั่งสอนหรือไงอิจฉาริษยาหย่งอี้ของฉันจนต้องขโมยของเล่นมาทำพังแบบนี้กันห่ะ” ฮว๋าเย่ยืนตัวสั่นเทาก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวเธอไม่ได้ทำของเล่นของหย่งอี้พังและไม่เคยไปขโมยของเล่นที่คุณย่าซื้อให้หย่งอี้ด้วยซ้ำ"คุณย่าขาหนูไม่เคยไปขโมยของเล่นของพี่หย่งอี้เลยนะคะ แถมหนูยังไม่เคยเห็นของเล่นของพี่หย่งอี้ด้วยหนูไม่ได้ทำจริง ๆ อีกอย่างพี่หย่งอี้ต่างหากที่เดินมาหาหนูแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้หนู""ไม่ใช่นะครับคุณย่า ผมไม่ได้ทำแบบนั้นนะครับฮว๋าเย่อิจฉาผมทำผิดไม่ยอมรับผิดแถมยังโยนความผิดมาให้ผมเพราะเธอกลัวคุณย่าจะลงโทษดูสิครับของเล่นที่
บทที่ 2 ลูกสะใภ้ตัวดีอีกฝั่งของบ้านสะใภ้ใหญ่ซูหรงเธอกำลังนั่งทาเล็บอย่างสบายใจเมื่อเห็นแม่สามีเดินมาจากหลังบ้านและสีหน้าไม่ดีจึงรีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“วันนี้คุณแม่เป็นอะไรแต่เช้าคะ หรือว่าเมื่อคืนฝันไม่ดี”“จะอะไรอีกล่ะก็นังสะใภ้รองตัวดีนะสิ ตะวันโด่งป่านนี้ยังไม่มาทำอาหารให้หย่งอี้ของฉัน ฉันไปตามที่ห้องเก็บของเห็นเธอนอนหลับสบาย หน้าด้านแสร้งว่าตัวเองไม่สบาย เฮอะ! คิดว่าฉันมองไม่ออกหรือไงว่านังเฟิงมี่แค่ขี้เกียจไม่อยากทำงานเลยเอาข้ออ้างว่าตัวเองไม่สบายมาเป็นข้ออ้าง”“แล้วคุณแม่ทำยังไงกับนังนั่นละคะ” ซูหรงปิดฝาขวดน้ำยาทาเล็บวางลงไว้พร้อมถามซูเจี้ยนต่อ“จะทำยังไงล่ะ ฉันก็บังคับให้มันมาทำอาหารให้หลานชายฉันนะสิ หย่งอี้ทนหิวอีกหน่อยนะหลานย่าแล้ววันนี้ย่าจะพาไปเดินเล่นที่ตลาดหลานอยากได้อะไรย่าจะซื้อให้ทุกอย่างเลย” ซูเจี้ยนพูดจาอ่อนลงจ้องมองเด็กชายที่นั่งเล่นของเล่นด้วยสายตาอ่อนโยน“จริงนะครับ ผมอยากได้รถของเล่นคุณย่าซื้อให้จริงๆ นะครับ”“แน่นอนสิ ย่าจะโกหกหลานรักของย่าทำไมกัน” เด็กชายรีบลุกขึ้นไปกอดคุณย่าด้วยความดีใจ ซูหรงที่มองอยู่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ความสุขของเธอคือ