บทที่ 8 เปลี่ยนแปลง
ฝั่งด้านซูหรงเธอเดินจากหลังสามีมาที่โต๊ะกินข้าวตอนนี้ไม่มีอะไรให้เขากินสักอย่างเพราะปกติจะเป็นเฟิงมี่ที่เป็นคนทำทุกอย่าง แต่เธอกลับบอกว่าเป็นฝีมือของตัวเอง
"จะจ้องฉันไปถึงเมื่อไหร่ไปยกข้าวมาสิ อย่าลืมห่อใส่ปิ่นโตไปด้วย "
"เอ่อ..คือว่า.."
"จะอ้ำอึ้งทำไมปกติเธอเป็นคนที่ฉะฉานตลอดหรือว่าเรื่องที่ฉันยินมาจากน้องสะใภ้เป็นความจริงว่างานในบ้านเป็นฝีมือของเฟิงมี่ทั้งหมด อย่าบอกนะว่าที่ผ่านเธอโกหกฉันนะซูหรง "
"เอ่อ..พี่ไคฉีฟังฉันก่อนนะ พอดีว่าวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารให้พี่ไม่ทัน วันนี้พี่ออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารได้มั้ยคะ" ใบหน้าของซูหรงเหงื่อแตกพลั่กหลบสายตาไคฉีกลัวว่าเขาจะจับได้ ไคฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
"คงจะเป็นอย่างที่น้องสะใภ้พูดสินะฉันผิดหวังกับเธอจริง ๆ อีกเรื่องช่วยจัดการให้หย่งอี้รู้จักตื่นแต่เช้าและทำหน้าที่ของตัวเองด้วยไม่ใช่ทำตัวเหมือนแม่ที่ไร้ประโยชน์ไปวัน ๆ”
ซูหรงกำมือแน่นด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถแสดงอาการให้สามีเห็นได้ทำได้เพียงยืนขึ้นและก้มหัวรับคำสั่งของเขา มองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป
“หึ! ตอนนี้ฉันจะทนให้ถึงที่สุดคอยดูเถอะวันหนึ่งฉันจะไม่ยอมทนถูกดูถูกต่อว่าอีกต่อไป เพราะนางเฟิงมี่คนเดียวฉันจะต้องจัดการแกออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนที่หลวนหลงจกลับมา น่าโมโหจริงๆ” ซูหรงพูดพลางโมโหเฟิงมี่ ซูหรงพยายามครุ่นคิดหาทางกำจัดเฟิงมี่ออกจากบ้านตอนนี้ดูเหมือนเธอจะมีนิสัยที่เปลี่ยนไปไม่ยอมอ่อนข้อเหมือนแต่ก่อนไม่นานต่อจากนี้เธอคงกล้าที่จะทวงสิทธิ์ให้ฮว๋าเย่แน่ ๆ
ฝั่งด้านเฟิงมี่เมื่อเธอได้เงินมาจากแม่สามีรีบเดินขึ้นมาชั้นสองเพื่อหาลูกสาวตัวน้อยวันนี้เธอจะใช้เงินที่ได้มาอย่างเต็มที่พาลูกสาวไปเที่ยวไปกินอะไรที่อร่อย ๆ อย่างที่เธอไม่เคยได้รับและต่อจากนี้เธอจะได้เที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นเขารวมทั้งได้เข้าเรียนหนังสือด้วยเช่นกัน เด็กหญิงที่กำลังกระโดดเล่นอยู่เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามารอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า รีบหยุดกระโดดและเดินลงจากเตียงนอนมาหาแม่ของเธอ
“คุณแม่มาแล้วเหรอคะ”
“ใช่แล้วล่ะ วันนี้เราจะออกไปข้างนอกกันนะ ฮว๋าเย่อยากได้อยากกินอะไรบอกแม่ได้นะ แม่จะตามใจลูกทุกอย่างเลยเมื่อเราได้ของที่ต้องการแล้วแม่จะพาลูกไปเดินดูโรงเรียนที่เหมาะกับลูกดีมั้ย ลูกสาวของแม่จะได้ไปโรงเรียนมีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา” ดวงตาของฮว๋าเย่เป็นประกายกระโดดกอดแม่ของเธอด้วยความดีใจ
“หนูดีใจที่สุดเลยค่ะ คุณแม่ไม่โกหกหนูใช่มั้ยคะ”
“แม่พูดคำไหนคำนั้นต่อจากนี้แม่จะทำทุกอย่างให้ลูกสาวของแม่มีความสุขที่สุด”
“หนูรักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” เฟิงมี่อุ้มลูกสาวมากอดแนบแน่นก่อนจะหอมแก้มอย่างชื่นใจ ในใจของเธอขอบคุณสวรรค์ที่มอบโอกาสให้เธอได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของลูกอีกครั้ง
สาย ๆ ของวันเฟิงมี่ได้พาฮว๋าเย่ออกมาเดินเล่นที่ตลาดเธอไม่ได้สนใจสายตาของซูเจี้ยนที่จ้องมองอย่างอาฆาตและไม่สนใจที่ปากของเธอจะคอยบ่นต่อว่าอยู่ไม่หยุด
หลังจากที่พาลูกสาวกินข้าวเช้าที่ร้านอาหารเสร็จแล้ว เธอพาฮว๋าเย่เดินเลือกซื้อชุดน่ารักให้แก่เด็กหญิงอย่างที่เธอไม่เคยมีมาก่อน ไม่ลืมที่จะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ตัวเอง เฟิงมี่มองดูตัวเองหน้ากระจกของร้านเสื้อผ้าเผ้าผมที่ยาวและหยาบกระด่างไม่น่ามองเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้ใส่ใจมองดูตัวเองเอาแต่ทำงานบ้านราวกับสาวใช้ ไม่เหมาะสมเลยกับการที่เป็นสะใภ้รองสกุลมู่
“ฮว๋าเย่ตอนนี้เราได้เสื้อผ้าตามที่ต้องการแล้วลูกช่วยรอแม่ที่ร้านเสริมสวยสักครู่ได้มั้ย เดี๋ยวแม่จะซื้อตุ๊กตาให้เป็นรางวัลเด็กดีของแม่”
“ได้ค่ะ”
เมื่อสองแม่ลูกเดินออกจากร้านเสื้อผ้าและเดินตรงไปที่ร้านเสริมสวย
“เชิญลูกค้าด้านในเลยค่ะ วันนี้ต้องการทำอะไรคะ” เจ้าของร้านเดินออกมาต้อนรับทันทีเมื่อประตูร้านถูกเปิดเข้าไปด้านใน
เฟิงมี่มองไปที่กระจกบานใหญ่ในร้านแกะผมที่ถูกมัดรวบเอาไว้สยายยาว ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
“ตัดให้สั้นกว่าเดิม เอาความยาวประมาณบ่าและดัดลอนผมค่ะ ฉันอยากจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นคนใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม”
“ได้เลยค่ะ เชิญคุณลูกค้านั่งบนเก้าอี้นะคะเชื่อฝีมือฉันได้เลยวันนี้ฉันจะเปลี่ยนแปลงทรงผมลูกค้าให้เป็นคนละคนเลยค่ะ” เฟิงมี่นั่งเก่าอี้ตัวที่เจ้าของร้านบอกส่วนฮว๋าเย่นั่งรอแม่ที่เก้าอี้รับรองลูกค้า เวลาผ่านไม่พักใหญ่ ทรงผมที่เฟิงมี่ต้องการก็เสร็จสมบูรณ์
“ว๊าววว ^ ^ ทรงนี้เหมาะสมกับคุณลูกค้ามากจริง ๆ เลยค่ะ เป็นเพราะทรงหน้าของลูกค้าสวยอยู่แล้วไม่ว่าจะทำทรงไหนก็เหมาะมาก” เฟิงมี่มองตัวเองในกระจกดวงตาเบิกโพลงไม่คิดเลยว่าเพียงแค่เปลี่ยนทรงผมจะทำให้เธอดูดีกว่าเมื่อก่อน
“ฉันชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” หลังจากทำผมเสร็จเธอพาลูกสาวไปซื้อของเล่นตามที่สัญญา ระหว่างทางที่เดินไปร้านของเล่นสายตาของเฟิงมี่ได้เหลียวไปเห็นใครบางคนที่เธอจำได้ดี เธอแสยะยิ้มมุมปากก่อนที่จะบอกให้ฮว๋าเย่ไปเลือกของเล่นรอที่ร้านของเล่นที่อยู่ด้านหน้า
“ฮว๋าเย่ลูกไปเลือกของเล่นที่ร้านตรงนั้นรอแม่สักครู่นะ เดี๋ยวแม่จะรีบตามไป”
“ได้เลยค่ะ” เด็กหญิงปล่อยมือที่จับแม่ของเธอและเดินนำหน้าไปก่อน ส่วนเฟิงมี่เธอเดินย่องเข้าไปใกล้ ๆ ซอยที่อยู่หลังร้านของเล่นเพื่อแอบฟังบทสนทนาของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่เธอจำได้ขึ้นใจชายคนที่ลงมือฆ่าเธอ และผู้หญิงชั่วช้าอย่างซูหรงที่แอบมาพลอดรักกันอยู่ที่นี่
‘นี่คงเป็นที่ที่แอบเจอกันสินะ! ร้ายจริง ๆ ชาตินี้ฉันจะไม่ยอมให้คนชั่วอย่างพวกแกมาทำอะไรฉัน และฉันเองที่จะหาทางเปิดโปงความชั่วของทั้งสองให้ทุกคนได้รับรู้’ เฟิงมี่คิดในใจแอบฟังทั้งสองคุยกันแม้ได้ยินไม่ค่อยชัดแต่ทว่าในบทสนทนามีชื่อของเธออยู่อย่างชัดเจน ทันทีที่เธอได้ยินบทสนทนานั้นเธอรีบเดินไปหาฮว๋าเย่ที่ร้านของเล่นทันทีเพราะตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองคนจะเดินออกมจากซอยแคบ ๆ นั้นแล้ว เธอจะไม่ให้เขาเห็นเหมือนครั้งก่อนได้อีกมิเช่นนั้นเธอคงจะมีชะตากรรมเช่นเดิม
บทที่ 9 เป่าหูฝั่งด้านซูหรงเธอเดินกลับปาหาแม่สามีเห็นเธอแสดงสีหน้าไม่พอใจคงมีเรื่องเดียวคงเป็นเรื่องของเฟิงมี่ เธอรีบเข้าไปเป่าหูและใส่ให้แม่สามีเกลียดเฟิงมี่มากกว่าเดิม“คุณแม่คะวันนี้นังเฟิงมี่มันทำเกินไปนะคะ เพราะมันคนเดียวเลยทำให้พี่ไคฉีต่อว่าฉัน ฉันไม่เจ็บปวดหรอกค่ะแต่พี่ไคฉีต่อว่าหย่งอี้หลานชายของคุณแม่ด้วย ดูสิคะเด็กตัวเล็ก ๆ ยังถูกมันทำให้พี่ไคฉีด่าได้” ซูหรงแสรงทำเป็นเสียใจซูเจี้ยนได้ยินเธอยิ่งไม่พอใจ ที่เฟิงมี่ทำให้หลายชายสุดที่รักถูกคนเป็นพ่อต่อว่า“อะไรกัน!! นังเฟิงมี่นี่มันร้ายจริง ๆ ไม่ได้การแล้วฉันจะต้องอะไรสักอย่าง กล้าดียังไงถึงทำให้ไคฉีมาต่อว่าหย่งอี้ของฉัน ตอนนี้หย่งอี้คงหิวแล้วสินะ เธอช่วยไปเรียกลงมาด้านล่างที ฉันจะเข้าครัวทำอาหารให้หย่งอี้เอง เด็กกำลังโตต้องกินเยอะ ๆ นอนให้เพียงพอ ส่วนเรื่องนังเฟิงมี่กลับมาเมื่อไหร่ฉันจะกำราบเอง”“ได้ค่ะคุณแม่ จริงสิวันนี้ฉันจะออกไปเลือกซื้อของที่พี่ไคฉีชอบที่ตลาดนะคะ เมื่อเช้าพี่ไคฉีดูอารมณ์ไม่ดีเลย”“ดี ๆ เลือกซื้อของที่ดีต่อสุขภาพอย่าลืมซื้อขนมมาฝากหย่งอี้ด้วยล่ะ วันนี้สายแล้วคงไปเรียนไม่ทัน เอาไว้ค่อยไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เรื่
บทที่ 10 อย่าคิดว่าจะยอมโดนทำฝ่ายเดียวหลังจากที่พาฮว๋าเย่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเฟิงมี่ได้ให้ลูกสาวตัวน้อยนอนพักกลางวันส่วนตัวเธอเองก็จัดการเก็บเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่วันนี้ ระหว่างนั้นก็คิดหาหนทางรับมือจากซูหรงและชู้ของเธอ'จะทำยังไงดีนะ ฉันถึงจะรู้ว่าซูหรงมีแผนการอะไร? ทำยังไงฉันถึงจะปลอดภัยจากทั้งสองคนนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่ที่หลวนหลงจะกลับมาฉันกับฮว๋าเย่จะได้ปลอดภัยเสียที แต่ทว่าเขากลับมาแล้วเชื่อฟังแม่ของเขาฉันเองจะพาฮว๋าเย่ออกจากบ้านหลังนี้ทันที ' เมื่อเธอจัดการเก็บเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินไปทางหน้าต่างเห็นว่าตอนนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงมากแล้ว เธอเลยเดินลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารให้ฮว๋าเย่กินตอนนั้นนั่นเองซูเจี้ยนกำลังนั่งจิบชาอยู่เห็นสะใภ้เล็กเดินลงมาจากชั้นบนเธอกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่าเฟิงมี่สะใภ้เล็กเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวจนแทบไม่เหมือนเดิม เธอไม่พอใจรีบวางแก้วชาลงพร้อมจิปากตำหนิออกมา"ฮึ ฮึ ว่าแต่สะใภ้ของฉันแกเองก็ไม่เห็นจะต่างเลย มีเงินเข้าหน่อยก็เอาไปแต่งตัวซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่แต่งตัวรัดรูปแบบนี้ตั้งใจจะไปให้ชู้ของแกดูสินะ เมื่อไหร่ลูกชายของฉันจะเลิกโง่เสียทีนะ ตาสว่างไ
บทที่ 11 อยากย้ายออกหลวนหลงก้มต่ำมองลงมาด้านล่างเห็นเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาคล้ายตนเองรีบผละแขนออกจากอ้อมกอดของเฟิงมี่นั่งคุกเข่าลงดึงตัวของเด็กหญิงเข้ามาใกล้ตัวเองพร้อมยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิใจ“หนูชื่อฮว๋าเย่ใช่มั้ย? ไม่คิดเลยว่าใบหน้าของหนูจะเหมือนฉันแบบนี้ ฉันไม่ใช่เทวดาหรอกนะแต่เป็นพ่อของหนูต่างหาก ฮว๋าเย่ของพ่อเติบโตมางดงามขนาดนี้คุณแม่ต้องเลี้ยงดูมาอย่างดีสินะ เฟิงมี่เธอคงเหนื่อยมามากแล้วหลังจากนี้ฉันจะดูแลเธอกับลูกเอง”“ที่คุณพูดหมายความว่าอย่างไรกันคะ”“ก็หมายความว่าต่อจากนี้ฉันจะย้ายมาประจำการอยู่ที่มณฑลนี้อย่างไรล่ะ การกลับมาครั้งนี้ฉันไม่ได้มาตัวเปล่าแต่กลับมาพร้อมตำแหน่งท่านนายพลใหญ่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีฉันจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอและลูกสาวตัวน้อย ฮว๋าเย่พ่อขอกอดลูกให้หายคิดถึงหน่อยได้มั้ย” ฮว๋าเย่จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นแม่เพื่อความแน่ใจ เมื่อเฟิงมี่เห็นใบหน้าไม่แน่ใจของลูกสาว เธอจึงพยักหน้าเพื่อให้คำตอบ ฮว๋าเย่เดินเข้าไปหาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อก่อนจะโผล่กอดแน่น“หนูดีใจนะคะที่ได้เจอคุณพ่อสักที" เสียงเล็กสั่นเครือหลวนหลงโอบกอดเธอใช้มือลูบหลังอย่างอ่อนโยนคิดไม่ผิดที่เขาเรียกที่จะก
บทที่ 12 ดูบ้านอาหารเช้าได้เริ่มขึ้นกับความอึกครึมอึดอัด อาหารวันนี้เป็นหน้าที่ของเฟิงมี่เธอคิดวูาหากให้ซูหรงทำคงไม่ได้กินง่าย ๆ จึงเป็นคนอาสาทำอาหารให้หลวนหลงในมื้อแรกที่กลับมา“กลับมาครั้งนี้อีกกี่วันลูกถึงจะกลับไปที่กรมทหารกันล่ะ” ซูเจี้ยนพูดขึ้นเมื่อทุกคนเงียบจนน่าอึดอัด“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะกลับมาประจำการอยู่ที่มณฑลนี้ไม่ย้ายไปที่ไหนอีก และการกลับมาครั้งนี้ผมได้รับตำแหน่งเป็นนายพลอีกสองวันจะมีเงินเลี้ยงฉลอง”“ดีจริง ๆ แกกลับมาอยู่ที่นี่ก็ดีเช่นกัน จะได้ไม่ต้องอยู่ไกลกันอีก” ไคฉีพูดขึ้นส่งยิ้มกว้างด้วยความดีใจ“พี่ไคฉีถึงฉันจะกลับมาประจำการอยู่ที่นี่แต่ว่าฉันกับภรรยาได้ตกลงกันแล้วว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านหลังนี้เป็นสมบัติของคุณพ่อคุณแม่พี่เอาไปเถอะ ฉันจะซื้อบ้านและที่ดินเป็นของตัวเองเราสองพี่น้องจะได้ไม่ต้องมาผิดใจกันเรื่องสมบัติ”“ไม่ได้นะ! ก่อนที่พ่อของลูกจะตายได้พูดเอาไว้ว่าให้แบ่งให้ทั้งสองคนเท่า ๆ กัน” ซูเจี้ยนพูดโพล่งออกมาเสียงดัง“ตอนนี้ผมมีหน้าที่การงานและเงินเดือนที่มากกว่าพี่ชาย แค่บ้านหลังนี้ผมยกให้พี่ได้คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”“เช่นนั้นเอาแบบนี้ ถ้านายต้
บทที่ 13 วางแผนฝั่งด้านซูหรงเธอเดินพาลูกชายมาที่ห้องด้วยความโมโห“ทำไมไม่มีอะไรได้ดั่งใจฉันเลยนะ! หลวนหลงทำไมต้องโผล่มาตอนนี้ด้วยตั้งนานทำไมไม่มา อย่างนี้เท่ากับว่าสมบัติของตระกูลมู่อาจจะตกเป็นของหลวนหลงและตกไปถึงฮว๋าเย่ไม่ได้ฉันไม่ยอมหรอกกว่าฉันจะมาถึงขนาดนี้ได้ฉันต้องอดทนขนาดไหน ต่อให้นังเฟิงมี่ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกยังไงฉันก็จะหากำจัดแกให้ได้ต้องจัดการถอนรากถอนโคนจะได้ไม่มีใครมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของหย่งอี้ลูกชายของฉันได้ หย่งอี้ต่อจากนี้ลูกต้องเอาอกเอาใจคุณย่าให้มาก ๆ รู้มั้ย ถ้าลูกทำดีกับคุณย่าไม่ว่าท่านต้องการอะไรลูกจะต้องยอมเสมอ เชื่อแม่อีกไม่นานทุกอย่างในบ้านหลังนี้จะเป็นของลูกคนเดียว” ซูหรงพูดพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะหันมาบอกลูกชายของเธอที่กำลังจะเตรียมตัวไปโรงเรียน“ได้ครับผมจะทำให้คุณย่ารักผมคนเดียวผมไม่ยอมแบ่งความรักของคุณย่าไปให้นังฮว๋าเย่นั่นแน่นอนเพราะผมไม่ชอบหน้ามัน คุณแม่ดูสิครับมันทำให้คุณอาหลวนหลงตำหนิผม นังฮว๋าเย่เข้าเรียนที่โรงเรียนเมื่อไหร่ผมจะจัดการให้รู้สึกเอง” เด็กชายดวงตาแข็งกร้าวความอำมหิตโหดร้ายไม่ต่างจากคนเป็นแม่แม้แต่น้อย“ฮ่า ฮ่า ดี ๆ ต้องอย่างนี้สิลูกชายสุด
บทที่ 14 ยากล่อมประสาทตลาดครึกคักผู้คนสัญจรไปมาอย่างมากมาย ซูหรงออกจากบ้านเพื่อมาหาฉู่อี้คนรักของเธอที่ตอนนี้กำลังรีดไถเงินจากเด็กหนุ่มอยู่ในซอยเดิมที่ประจำของเขา“นี่เมื่อไหร่พี่จะเลิกรีดไถเงินจากคนอื่นเสียที ฉันเห็นทีไรขัดหูขัดตาเสียจริง”“อะไรกันซูหรงของพี่ เธอก็รู้นี่น่าว่าพี่นะไม่ชอบทำงานเงินที่เธอให้ไว้ไม่พอค่าบุหรี่เลยด้วยซ้ำ ว่าแต่วันนี้มาหาพี่ที่นี่คงเป็นเพราะคิดถึงใช่มั้ย? ใจเราสองคนช่างตรงกันจริง ๆ พี่เองก็คิดเธอมากเหมือนกัน” ฉู่อี้โยนตูดบุหรี่ที่เหลือทิ้งพร้อมเดิมเข้ามาใกล้ซูหรงใช้มือลูบไล้ไปที่แขนของเธออย่างคลั่งไคล้“นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมีอารมณ์นะ พี่รู้มั้ยว่าตอนนี้หลวนหลงกลับมาแล้ว แถมนังแก่นั่นทำท่าว่าจะยกสมบัติทั้งหมดให้ลูกชายคนเล็กอย่างไรอย่างนั้น เฮอะ! ฉันละเกลียดจริง ๆ เมื่อไหร่จะตายก็ไม่รู้”“คิดว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็เรื่องนั้นนั่นเอง เราไปพูดคุยกันที่ห้องของพี่ดีกว่าจะได้เงียบ ๆ พี่จะคิดหาหนทางให้ที่รักของพี่เอง แต่ว่าพี่ขอใช้เวลาอยู่กับสุดที่รักของพี่อย่างเต็มที่ก่อนแล้วกัน” ฉู่อี้ส่งสายตาแพรวพราวเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย ซูหรงเห็นอย่างนั้นก็มิอาจจะอดทนได้เพ
บทที่ 15 แสดงรถประจำตำแหน่งของหลวนหลงได้ขับเคลื่อนออกมาจากบ้านไม่ไกลนักก็ถูกบังคับให้หยุดอยู่ข้างทาง ทหารคนที่หลวนหลงสั่งการให้ไปสืบเรื่องของเฟิงมี่และครอบครัวของเขาได้ยืนหลบข้างทางเมื่ออีกคนเห็นจึงได้หยุดรถเพื่อรับขึ้นรถด้วยกัน“ท่านนายพลครับเรื่องที่ท่านให้ผมไปทำตอนนี้ผมมีข้อมูลที่จะแจ้งครับ” ทหารเปิดประตูเข้ามานั่งด้านหน้าพร้อมรายงานผู้เป็นนาย“ได้เรื่องมาอย่างไรบ้าง”“เรื่องของภรรยาท่านนายพลไม่มีใครในบริเวณใกล้เคียงที่ไม่รู้ว่าถูกกระทำเช่นไร ตั้งแต่ที่คุณเฟิงมี่แต่งงานและเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลมู่หรือบ้านของท่านนายพลเธอแทบไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย ผมได้ยินมาจากเจ้าของร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ เล่าให้ฟังมีเพียงสะใภ้ใหญ่เท่านั้นที่ออกมาซื้อของกับคุณนาย คุณนายมักจะเอ็นดูคุณชายเล็กหย่งอี้ไม่ว่าต้องการอะไรล้วนหามาให้เสมอครับ ส่วนเอ่อ..คุณหนูฮว๋าเย่ลูกสาวของท่านนายพลชาวบ้านไม่ค่อยเห็นเธอสักเท่าไหร่ ถ้าเห็นก็น้อยครั้งที่จะออกมาแต่ทว่าออกมาแต่ละครั้งการแต่งตัวไม่เหมือนลูกหลานสกุลมู่เลยครับ” ทหารไม่กล้าแม้จะเงยหน้าจ้องมองนายของตนเองเพราะเรื่องที่เขาได้ยินมาคือเรื่องของครอบครัวของหลวนหลง‘เป็นอย่างท
บทที่16 รู้ทันอีกฝั่งของบ้านตระกูลมู่ เฟิงมี่ลงมาจัดการทำอาหารให้ลูกสาวไม่ลืมที่จะทำเผื่อทุกคนด้วย แม้จะไม่ชอบใจแม่สามีและพี่สะใภ้แต่เธอคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำอาหารให้คนอยู่ที่นี่กินโดยมีฮว๋าเย่นั่งอยู่บนโต๊ะเด็ดผักให้เธอ"คุณแม่คะเรานอนตื่นวันพรุ่งนี้แล้วเราจะย้ายออกจากที่นี่เลยใช่มั้ยคะ""ใช่จ๊ะ ต่อจากนี้เราจะได้ย้ายออกไปอยู่ในบ้านที่มีแต่เราครอบครัวของเรา ในทุกวันของฮว๋าเย่ของแม่จะมีแต่ความสุข" เฟิงมี่พูดไปทำอาหารไปแต่เธอก็รู้สึกผิดสังเกตเมื่อจู่ ๆ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของลูกสาวเงียบลงเธอจึงหันไปมองเห็นใบหน้าของลูกสาวไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถาม“ลูกไม่ดีใจหรือไงที่จะได้ไปอยู่ข้างนอกโดยที่ไม่มีหย่งอี้คอยรังแก "“หนูดีใจค่ะที่ได้ออกไปข้างนอก แต่หนูคิดถึงคุณย่าหนูรู้ว่าคุณย่าไม่เคยรักและเอ็นดูหนูเลย แต่หนูก็รักคุณย่านะคะยังไงคุณย่าก็เป็นแม่ของคุณพ่อ” เฟิงมี่วางสิ่งที่ทำอยู่เดินมาหาลูกสาวสายตาจ้องมองเด็กหญิงตัวน้อยที่จิตใจอ่อนโยนและดีงาม ขนาดคนเป็นย่าไม่เคยมอบความรักความเมตตาให้เธอแม้แต่น้อย แต่เธอยังมีจิตใจที่ดียังรักและคิดถึงคนเป็นย่า“โธ่ ๆ ฮว๋าเย่ของแม่ลูกช่างเป็นคนดีจริง ๆ แม่ภ
บทที่ 25 ครอบครับอบอุ่นหลายวันต่อมาผลเลือดของหย่งอี้ออกมาแล้วและพบว่าผลเลือดของเขาไม่เข้ากันกับไคฉีแม้แต่น้อย ไคฉีเสียใจมากหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าจากคนที่ติดงานต้องลางานหลายวัน จนหลวนหลงต้องเข้าไปให้สติ ส่วนซูเจี้ยนหลังจากที่เธอฟื้นเธอตรอมใจเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซูหรงและการกระทำชั่วร้ายที่เธอได้ทำลงไปกับเฟิงมี่เพราะเชื่อคำพูดของซูหรงจนหมดใจ ยิ่งเธอมารู้ว่าหย่งอี้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายเธอทำดีเอาอกเอาใจรักมากที่สุดแต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่สายเลือดของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันเธอทำเลวระยำต่ำช้ากับหลานแท้ ๆ ของตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอเกิดแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวเธอยังไม่เคยซื้อให้ เธอจำได้ฮว๋าเย่ให้กระดาษเธอแผ่นหนึ่งก่อนย้ายออกจากบ้านเธอรีบสั่งให้สาวใช้ไปเอาให้เธอไม่ได้เอามันทิ้งแต่เก็บเอาไว้ในตู้ เมื่อเธอเปิดดูน้ำตาไหลพรากอย่างพูดไม่ออก ในใจของเธอเจ็บช้ำไปหมดเพราะกระดาษแผ่นนั้นคือรูปวาดครอบครัวของฮว๋าเย่ ที่มีทุกคนอยู่ในนั้นรวมถึงเธอด้วย“อึก อึก เป็นฉันเองที่โง่งม ฉันมันเลวร้ายที่สุดฉันทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิดแม้แต่ความรักยังไม่เคยมอบให้ แถมยังเค
บทที่ 24 ความจริงถูกเปิดแผยซูหรงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นสีหน้าของซูเจี้ยนที่จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงมองฉันแบบนั้นละคะ เอ๊ะ! แล้วฉันมานอนตรงนี้ได้ยังไงกัน” ไม่ทันได้พูดจบดวงตาของซูหรงเบิกโพลงเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เสื้อผ้านุ่งห่มยิ่งไปกว่านั้นคือฉู่อี้ที่นอนเปลือยเปล่ากอดร่างกายเธอแน่นอีกด้วย“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกทำไมถึงทำแบบนี้กันห่ะ”“คุณแม่ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นต้องเป็นฝีมือของนังเฟิงมี่ที่วางยาฉัน นี่แกนังเฟิงมี่ฉันอุตส่าห์ทำดีกับแกคิดว่าชีวิตแกน่าสงสารทำไมแกถึงทำอย่างนี้ หรือเพราะแกอยากได้สมบัติทุกอย่างของตระกูลมู่ เลยหาทางกำจัดฉันออกไป คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ ผู้ชายคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะนังเฟิงมี่วางแผนถ้าฉันจะมีชู้จริง ๆ ฉันไม่โง่มาทำที่นี่ให้ถูกจับได้หรอกค่ะ”“ฮึ ฮึ ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ซูงหรงมีชู้คงไม่ทำที่นี่แต่ที่ทุกคนเห็นคือแผนการของแกนังซูหรง แกตั้งใจวางแผนให้ฉันกินน้ำที่แกใส่ยานอนหลับไว้ คิดดูว่าถ้าหากฉันโง่และหลงกลกินน้ำที่แกผสมยานอนหลับไว้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นใครหากไม่ใช่ฉัน เรื่องนี้ฉันม
บทที่ 23 ใครกันแน่ที่โง่ไม่นานนักซูหรงได้เดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงตรงหน้าของเฟิงมี่“กับข้าวเย็นหมดแล้ว ฉันต้องขอโทษพี่ซูหรงด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ ๆ เลย”“ไม่เป็นอะไรหรอกน่าเรื่องเล็กน้อยเรามากินข้าวกันเถอะ”“ได้ค่ะ ” เฟิงมี่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารใส่จานตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาของซูหรงจ้องมองว่าเมื่อไหร่เธอจะกินน้ำ เธอจึงวางตะเกียบลงหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว“อึก อึก วันนี้เป็นเพราะมีพี่ซูหรงมานั่งกินด้วยกันหรือเปล่าทำให้ฉันกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน “ซูหรงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดแก้วไม่นานยานอนหลับคงออกฤทธิ์นี่คือแผนที่เธอวางเอาไว้กับฉู่อี้วันนี้เธอรู้มาว่าหลวนหลงเข้ากรมช่วงเช้าเพราะวันนี้เธอได้ทำการโทรเลขไปหาหลวนหลงว่าแม่ของเขาป่วยหนักให้เขามาหาที่บ้านตระกูลมู่ และแผนการนี้เธอได้บอกแม่สามีหลังอาหารมื้อเที่ยงให้เธอพาหลวนหลงกลับมาที่นี่ของเขาให้ได้จะได้มาเห็นว่านังเฟิงมี่นั้นตอนเริงรักกับชู้ในตอนที่เขาออกไปทำงาน เพียงเท่านี้แผนการของเธอก็สำเร็จ ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินนั้นเอาไว้หลังจัดการนังเฟิงมี่เสียก่อน“เธอกินข้าวได้เยอะฉันเองก็ดีใจ ตอนนี้
บทที่ 22 แกล้งโง่หลังจากที่ซูหรงกลับเฟิงมี่ได้ออกไปที่ตลาดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่ฮว๋าเย่จะกลับจากโรงเรียน เธอไปที่ร้านของเล่นที่เคยเห็นซูหรงกับฉู่อี้อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าการมาที่ตลาดของเธอในครั้งนี้จะได้เห็นกับตาว่าซูหรงอยู่กับชายชู้ของเธออีกครั้ง เฟิงมี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แอบฟังทั้งสองพูดคุยกันและเป็นความโชคดีที่ฉู่อี้เป็นคนพูดจาเสียงดังไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นของเขา“ดีมาก เธอค่อยไปหานังเฟิงมี่บ่อย ๆ จะได้รู้ว่าวันไหนที่สามีเธอไม่อยู่ เราจะได้หาทางเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทำตามแผนที่วางเอาไว้”“นั่นสิ ฉันละสะอิดสะเอียนอยากจะให้แผนสำเร็จเร็ว ๆ ไม่อยากจะพูดดีกับนางนั่นเลยด้วยซ้ำ คนอะไรน่าโง่จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ส่วนนังแก่ที่บ้านก็เริ่มเมายาที่พี่ให้ไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการยาเพิ่มเอามาให้ฉันหน่อยสิ”“ได้เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม ใส่ให้กินทุกวันจะได้ลงแดงตอนนั้นเธอจะให้มันทำอะไรนังแก่นั่นก็ทำให้ทุกอย่าง ”“ฮึ ฮึ ฉันละอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ เสียจริง”“อีกไม่นานแล้วยอดรักของพี่” เฟิงมี่แอบฟังทั้งสองได้ยินแผนการความชั่วช้าของทั้งคู่รีบ
บทที่ 21 ตีสนิทท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟิงมี่ขยับกายไปมาบนเตียงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือกวาดมองไปรอบห้องพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่ในห้องนี้ ลุกขึ้นจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักที่หลวนหลงมอบให้ เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างตัวคิดว่าตอนนี้หลวนหลงคงอยู่กับฮว๋าเย่ข้างนอกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอเดินออกมาภายในบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินออกไปที่หน้าประตูเห็นทหารยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปถามทันที“เอ่อ ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นสามีกับลูกสาวของฉันมั้ยคะ”“นายผู้หญิงตื่นแล้วหรือครับ ท่านนายพลฝากแจ้งนายหญิงเมื่อตื่นว่าท่านนายพลพาคุณหนูออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไม่นานจะกลับเข้ามาครับและฝากบอกให้คุณหญิงแต่งหน้าแต่งตัวรอท่านด้วยชุดที่ท่านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องคุณหนูครับ” เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้พร้อมเดินไปที่ห้องของฮว๋าเย่เห็นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้สวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้ ช่างเป็นชุดที่สง่าจริง ๆเฟิงมี่ถือชุดเดินออกมาพบว่าตอนนี้สองพ่อลูกได้กลับเข้ามาแล้ว เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างชอบใจของฮว๋าเย่ทำให้เฟิงมี่มีความสุขเหลือเกิน จนเธอคิดขึ้นได้ว่าเธอเคยผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา‘ฉันออกมาอย
บทที่ 20 ของขวัญฝั่งด้านหลวนหลงหลังจากที่พาเฟิงมี่กับลูกสาวเดินทางมาถึงบ้านที่ทำการซื้อไว้จัดแจงที่พักและห้องนอนให้ฮว๋าเย่โดยมีลูกน้องของเขามาช่วยเหลือไม่นานบ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ก็เสร็จสมบูรณ์ห้องของฮว๋าเย่เต็มไปด้วยตุ๊กตามากมาย"ว๊าวว^ ^ นี่ห้องของหนูเหรอคะ ""ใช่แล้วลูกชอบมั้ย""ชอบมากเลยค่ะ นั่นอะไรคะ" ฮว๋าเย่มองไปเห็นของใช้มากมายที่วางอยู่ตรงหน้าชี้นิ้วถามพ่อด้วยความสงสัย"ก็อุปกรณ์การเรียนไง พ่อได้ยินมาจากแม่ของลูกว่าตอนนี้ได้สมัครเรียนไว้ให้เสื้อผ้ากระเป๋าก็มีแล้ว พ่อเลยเลือกซื้อของที่ลูกยังไม่มีเอาไว้ให้""คุณไปเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" เฟิงมี่ยืนอยู่นั้นก็สงสัยไม่ต่างจากลูกสาวเขาอยู่กับเธอตลอดเอาเวลาตรงไหนไปซื้ือของมากมายพวกนี้กันนะ"ฉันเป็นนายพลแค่สั่งลูกน้องไม่กี่คนของพวกนี้ก็ถูกจัดการตามคำสั่งแล้วล่ะ ฮว๋าเย่ลูกสำรวจห้องของตัวเองอย่างเต็มที่เลยนะ ดูสิว่ามีอะไรที่ลูกอยากได้บ้างพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่ของลูกหน่อย""ได้ค่ะ" หลวนหลงจับมือของเฟิงมี่ให้ตามเขาไปที่ห้องนอนของทั้งสอง เฟิงมี่เดินตามไปด้วยความงุนงง"เรามีเรื่องอะไรจะคุยกันอีกหรือคะ""มีสิ ฉันมีของขวัญขึ้นบ
บทที่ 19 ทุกอย่างต้องเป็นของหย่งอี้ซูเจี้ยนกำมือแน่นสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อระงับอารมณ์จ้องมองรถยนต์เคลื่อนออกไปข้างนอกจนพ้นสายตา ซูหรงเดินลงมากับหย่งอี้ได้ยินเสียงรถยนต์ออกไปรีบเดินมาหาซูเจี้ยนด้วยความอยากรู้“คุณแม่คะเมื่อครู่นี่เสียงรถยนต์ของหลวนหลงออกไปทำงานหรือคะ”“ใช่รถยนต์ของหลวนหลงแต่ไม่ใช่ไปทำงาน ลูกชายของฉันเป็นถึงนายพลยิ่งใหญ่ทำไมโง่ดักดานดูไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นมันเป็นคนชั่วร้ายแถมยังสวมเขาให้ลูกชายฉันอีกด้วย” ซูเจี้ยนพูดออกมาอย่างหัวเสียมือที่ถือกระดาษของฮว๋าเย่มอบให้เมื่อครู่เผลอใส่กระเป๋าเสื้ออย่างไม่รู้ตัว“อย่าบอกนะคะว่าตอนนี้นังเฟิงมี่ย้ายออกไปแล้ว แล้วแผนที่คุณแม่ป่วยไม่สามารถเรียกร้องให้หลวนหลงอยู่ที่นี่ต่อได้หรือคะ นังเฟิงมี่มันมีดีอะไรที่ทำให้หลวนหลงหลงเธอได้ขนาดนี้กัน”“นังนั่นมันร้าย มันจับได้นะสิว่าฉันแกล้งป่วยเธอรู้มั้ยเมื่อวานมันเอาข้าวต้มใส่เกลือเค็มปี๋ไปให้ฉันกิน ฉันล่ะอยากตบเธอสักฉากแต่ก็กลัวว่าหลวนหลงจะมาเห็นเข้าและคิดว่าฉันรังแกนังเฟิงมี่แค่นี้ลูกชายของฉันก็เชื่อมันจนหมด ถ้าเกิดรู้ว่าฉันเป็นคนลงไม้ลงมือรังแกนังเฟิงมี่คงไม่อยากจะเจอหน้าฉันอีกต่อไปแน่ ๆ เฮ
บทที่ 18 อบอุ่น“ลูกไม่ตื่นหรอกนะ รู้มั้ยว่าทุกคืนวันฉันคิดถึงเธอขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่งดงามน้ำเสียงที่นุ่นนวลสายตาที่จ้องมองฉันด้วยความรัก ฉันคิดถึงเธอจนแทบบ้า เฟิงมี่ฉันรักเธอ” หลวนหลงพูดจบไม่เปิดโอกาสให้เฟิงมี่ได้พูดต่อก้มลงจูบอย่างนุ่มนวลที่ริมฝีปากอวบอิ่มน่าดึงดูดของเฟิงมี่ ค่อย ๆ กวาดชิมลิ้มรสความหอมหวานที่เขาคนึงหามาตลอดเวลา5 ปีที่ผ่านมา ร่างเล็กสั่นสะท้านลมหายใจเริ่มติดขัด ลิ้นสากของเขาควานไปทั่วดูดดื่มน้ำหวานรุนแรงมากกว่าเดิม มือข้างขวาค่อย ๆ ขยับเลื่อนเข้ามาในเสื้อบางของเธออย่างคุ้นชิน เลื่อนมาจับที่หน้าอกอวบอิ่มจนร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยอย่างสั่นทะท้านเมื่อเขาสัมผัสที่ยอดปทุมถันใช้นิ้วคลึงเล่นหลอกล้อโดยไม่สนอีกฝ่ายที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเสียวซ่าน ทำได้เพียงส่งเสียงประท้วงผ่านลำคอ“อื้อ อือ” สองมือของเธอดันอกของเขาเอาไว้ตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอแทบไม่มีร่างกายอ่อนระทวยไปหมด หลวนหลงแม้ไม่อยากจะหยุดแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหายใจไม่ทันจึงค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก“แค่จูบก็ทำให้เธออ่อนระทวยไปหมดแล้วหรือ ? อย่าพึ่งหมดแรงสิคืนนี้ทั้งคืนฉันจะไม่ให้เธอนอนเลยชดเชยเวลาที่เราไม่ได้เจอกันหลายปี
บทที่ 17 ปากหวาน“แกคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะกลัวแกหรือไงกัน ไม่มีทางคอยดูเถอะฉันจะเอาคืนให้สาสมนังเฟิงมี่ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนฉันไม่มีทางนับญาติกับคนอย่างแกแน่นอน” ซูเจี้ยนพูดสถบตามหลังเฟิงมี่อย่างโกรธแค้นเฟิงมี่เดินออกมาจากห้องของซูเจี้ยนพลางเดินไปหาสามีกับลูกของเธอเห็นว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังเดินออกมาจากห้องพอดี“คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง”“คุณแม่ของคุณน่าจะหายดีแล้วล่ะ ฮว๋าเย่หิวมั้ยลูกเราลงไปกินข้าวกันเถอะ” เฟิงมี่ไม่อยากจะพูดว่าอาการป่วยของแม่สามีคือเรื่องโกหกจึงรีบเปลี่ยนเรื่องจับมือฮว๋าเย่เดินมาชั้นล่างโดยมีหลวนหลงเดินตามลงมา ตอนนั้นไคฉีกลับมาจากที่ทำงานพอดี เฟิงมี่จึงชวนกินข้าวด้วยกัน“พี่ไคฉีมาพอดีเลยเรากำลังไปกินข้าวกัน กินด้วยกันนะคะ”“เอาสิ วันนี้ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ที่ทำงานมีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นวันเลยเดี๋ยวฉันขึ้นห้องเก็บของแล้วจะตามไปที่ห้องกินข้าวแล้วกัน” ไคฉีบอกกับเฟิงมี่ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด“ได้ค่ะเดี๋ยวฉันจะเตรียมข้าวไว้รอ”“พี่ไคฉีปกติกลับบ้านเวลานี้ตลอดเลยรึ” หลวนหลงเอ่ยถามเฟิงมี่อย่างสงสัยเมื่อทั้งสามเดินมาถึงห้องอาหาร“เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยรู้เพร