คำโปรย... จะทำยังไงถ้าตื่นมาในอ้อมกอดเพื่อนสนิทอย่างไอ้ภาม จะปลุกมันดีไหม หรือปล่อยผ่านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดี แต่เรื่องนี้มีบทสรุปอยู่ว่า..."ใครรู้สึกก่อน แพ้!!" ภาม ภาคิน หล่อ รวย เพอร์เฟ็ค เจ้าชู้ ขี้เล่น เจ้าเล่ห์ ชอบหยอด ชอบแกล้งเพื่อนสนิทอย่างวาโย สถานะ : โสดแต่ไม่สนิท วาโย วนิดา สาวสวยตัวเล็กน่ารัก นิสัยแก่นแก้ว ไม่ยอมคน เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเพื่อนชาย สถานะ : มีแฟนแล้ว สปอยล์... "ซี๊ด~ ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นเพื่อนนะโย มึงโดนกูไปแล้ว" ภามดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้วาโย ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปปลดปล่อยสิ่งที่เพื่อนตัวดีของเขาเข้ามาก่อไว้ ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานจนเกิดเป็นความสนิทใจแต่จะรู้ไหมว่ามีใครคิดไปไกลเกินคำว่าเพื่อนแล้ว #แค่เส้นบางๆที่เรียกว่าเพื่อน
View More@โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ในมหาลัยชื่อดัง
"เชรด~ น้องแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะไอ้ภาม มึงหันไปดูดิ" เจเจสะกิดแขนเพื่อนที่กำลังนั่งก้มหน้าปั่นงานกลุ่มอยู่ ให้หันไปมองหญิงสาวที่เดินผ่าน "ก็งั้นๆ" ภามตอบเสร็จก็ก้มหน้าทำต่อ "ถุย! งั้นๆเหี้ยไรล่ะ นั่นดาวคณะเลยนะมึง" "แล้ว?" "เออก็ไม่แล้วไงหรอก ใครจะไปสวยเท่าน้องคิดตี้มึงล่ะเนอะ" "แน่นอน" ภามไหวไหล่ตอบอย่างเห็นด้วย "แต่น้องจอยของกูไปอัพนมมาใหม่ เต็มไม้เต็มมือเลยนะเว้ยไอ้ภาม ถ้ามึงได้เห็นต้องอิจฉากูแน่ๆ" "มึงมันลามก" "ใครจะไปเหมือนมึงอ่ะ ชอบผู้หญิงหวานๆ น่ารัก เรียบร้อย ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมมึงไม่จับแม่ชีทำเมียเลยวะ ฮ่าๆๆ" "ก็กูชอบของกูแบบนี้" "เอาแบบนั้นไหม?" เจเจใช้สายตามองไปที่วาโย ก่อนจะใช้ปากชี้ไปที่เธอ แต่ภามกลับสายหน้าปฏิเสธรัวๆ "หึ! ดุอย่างกับหมา..." "ฉันได้ยินนะ!" วาโยมองทั้งคู่อย่างเอาเรื่องก่อนจะพูดต่อ "เสร็จหรือยังมัวแต่คุยกันอยู่ได้ รายงานกลุ่มนะ จะให้ฉันทำคนเดียวเลยรึไง" ไอ้พวกนี้นี่ หาเรื่องอู้กันตลอด มัวแต่นั่งแซวสาวกันอยู่ได้ "ก็ทำอยู่นี่ไง ปากคุยแต่มือทำไหมล่ะ" ภามตอบกลับคนขี้บ่น "ทำอะไร ฉันเห็นพวกแกสองคนนั่งคุยกันอยู่เนี่ย รีบเลยนะ! ถ้าฉันไปดูหนังรอบหกโมงไม่ทัน ฉันเอาพวกแกตายแน่!!" เคยได้ยินคำพูดนี้ไหม 'ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลย' คำนี้มันใช้ได้กับเพื่อนของเธอจริงๆนะ "ค๊าบ~" เจเจยิ้มเจื่อนก่อนจะรีบก้มหน้าพิมพ์รายงานต่อทันที เพราะถ้ารายงานไม่เสร็จมีหวังโดนหลังแหวนแน่ "ก็ทำอยู่นี่ไงจะรีบไปไหนล่ะ โรงหนังไม่หนีหรอกมั้ง" "ไม่ต้องเลยไอ้ภาม แกอ่ะตัวดี" "ดุแบบนี้ไง ไอ้พี่โอบมันเลย..." ขวับ! วาโยละสายตาจากภาม แล้วจ้องมองไปที่เจเจแทน เพราะคนที่เขาเอ่ยชื่ออยู่ตอนนี้คือแฟนสุดที่รักของเธอ "โอเคๆไม่พูดแล้ว" เจเจยกธงขาวยอมแพ้ แต่ทว่า... "ไอ้ภามมึงรีบทำดิ เดี๋ยวเพื่อนก็ไปหาผู้ไม่ทันหรอกมึง! ฮ่าๆ" "......" ยัง ยังไม่หยุดอีก วาโยหยิบปากกาขึ้นมาควง ถ้าเขายังพูดอีกแค่คำเดียวมีหวังปากกาแท่งนี้ได้ลอยไปปักที่หัวของเจเจแน่ "พี่เจขา~" "อุ๊ย! น้องจอยจ๋า~" "เออ! ใหญ่ขึ้นจริงว่ะ" ภามหันไปกระซิบเจเจ แล้วบอกถึงขนาดหน้าอกหน้าใจที่เปลี่ยนไปของคู่ขาเพื่อนสนิท "กูบอกแล้ว" ทั้งคู่กระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับมดสนทนากันเพราะกลัวเพื่อนอีกคนได้ยิน "เพื่อนโย~ กระผมขอ..." "ไม่ได้! ถ้ารายงานไม่เสร็จ ก็ไม่ต้องไป" "รู้ใจซะด้วยว่าจะพูดอะไร แต่ยังไงน้องเขาก็มาแล้ว~" "มาแล้วก็นั่งรอสิ มันยากตรงไหนไม่ทราบ" "เพื่อนพี่ดุตลอดเลยนะคะ" "ไม่เป็นไรนะจ๊ะ อีกนิดก็เสร็จแล้ว รอพี่แป๊บนะ" เจเจยิ้มหวานส่งให้จอยเมื่อรู้ชะตาชีวิตตัวเองว่าไม่สามารถไปตอนนี้ได้ อุตส่าห์ทำเสียงสองเสียงสามแล้ววาโยก็ยังไม่ใจอ่อน "ก็ได้ค่ะ" จอยตอบเสียงเศร้าก่อนจะเดินมานั่งตักเจเจ พรึ่บ~ "เก้าอี้ก็มีมั้ยหนู นั่งแบบนั้น ไอ้เจมันคงมีกะจิตกะใจทำรายงานหรอกมั้ง" ไม่ใช่แค่นั่งตักธรรมดา แต่เธอนั่งคร่อม ย้ำว่านั่งคร่อมและหันหน้าเข้าหาเจเจก่อนจะยกมือคล้องคอ ดีที่เธอใส่กระโปรงพลีท ถ้าเป็นกระโปรงทรงเอนี่ไม่อยากจะคิดเลย "หวงกูแหละ" "ห่วงงานค่ะ!" เจเจอุ้มหญิงสาวลงจากตักแล้วยกมือหยิกแก้มเธออย่างหยอกเย้า "นั่งข้างๆพี่ก่อนนะ" "ก็ได้ค่ะ~" เธอยิ้มหวานแล้วหอมแก้มเจเจ และในขณะเดียวกัน ภามก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปสั่งของหวานเพื่อเอามาดับร้อนให้คนขี้โมโห "แล้วแกจะเล่นโทรศัพท์ทำไมไอ้ภาม สาวในแชตคงไม่หนีหายไปไหนหรอกมั้ง" ภามเงยหน้าขึ้นมามองวาโยแล้วทำสายตานิ่งๆ พร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วแกะมายัดใส่ปากเธอแบบไม่ทันตั้งตัว "เห้ย!" "อุ๊บ!" ลูกอมฮอลล์ไม่ต่ำกว่าสี่เม็ดถูกยัดใส่ปาก ก่อนที่ภามจะเอามือมาปิดไว้ไม่ให้คายออก "อมไว้จะได้เลิกบ่น" "อื้อ!! ไอ้ภาม! ไอ้เพื่อนชั่ว" "ถึงจะชั่วก็เพื่อนมึงไหมล่ะโย กูไม่เอาหินให้อมก็ดีเท่าไหร่แล้ว" ภามรีบดึงมือออกเมื่อวาโยทำท่าจะกัด พอมือหลุดออกจากปาก เธอก็รีบคายทิ้งทันที "แค่กๆถ้าลูกอมติดคอฉันตายขึ้นมาจะทำยังไงห๊ะ!" "เดี๋ยวพาไปวัด" "เอ้า! ไม่พาไปโรงพยาบาลก่อนหรอวะ" เจเจถาม "ไม่ต้องหรอก พาไปวัดทีเดียวเลย ขี้เกียจไปเพิ่มภาระให้หมอที่โรงพยาบาล" "อึ๊ย! นี่แกหาว่าฉันเป็นภาระหรอไอ้ภาม แกตายซะเถอะ!" ภามวิ่งหนีโดยมีวาโยที่ถือไม้บรรทัดฟุตเหล็กวิ่งไล่ตีตามหลัง เจเจแค่แซว มีแต่ภามนี่แหละที่สามารถถึงเนื้อถึงตัววาโยได้ พื้นที่มีเป็นร้อยตารางวา แต่เลือกที่จะวิ่งไล่ตีกันแค่รอบโต๊ะหินอ่อน "โย! ถ้าโดนขึ้นมาจริงๆมันเจ็บนะเว้ย" "ก็ตีให้เจ็บไง! ตีไม่เจ็บแล้วฉันจะตีทำไม" พรึ่บ~ "เห้ย! โย เฉียดหน้าไปนิดเดียวเอง" หมับ! ภามตวัดมือล็อคคอวาโยไว้แบบหลวมๆก่อนที่เธอจะดิ้นแรงๆเพื่อให้หลุดพ้น แต่ทว่า! งับ~ "อ๊ะ!" วาโยถูกคนที่ล็อคคออยู่ด้านหลังกัดเข้าที่หูจนร้องเสียงหลงก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นจับ "อี๋~ น้ำลาย! สกปรกที่สุดเลยไอ้ภาม!!"หลายปีต่อมา... ตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยอดนมแม่อย่างเป็นทางการแล้ว ก็เหลือแต่ตัวพ่อเนี่ยแหละที่ร้องขอกินนมก่อนนอนเกือบทุกคืน ไหนใครบอกว่าแต่งงานอยู่ด้วยกันนานๆแล้วผัวจะเบื่อ แต่นี่ไม่เลย... รู้สึกว่าภามรักและหลงเธอมากกว่าเดิมเสียอีก ถึงบางวันทั้งคู่จะไม่ได้ทำรัก เขาก็ขอแค่ได้กอดได้หอมเมียให้ชื่นใจก่อนไปทำงานแค่นี้เขาก็มีความสุขมากแล้ววันนี้เป็นวันที่หมอนัดสาวน้อยอย่างวรินทร์มารับวัคซีนครบสี่ขวบที่โรงพยาบาล แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่วาโยเจอรุ่นพี่อย่างแทนที่เคยเรียนร่วมคณะเดียวกันสมัยมหาลัย"น้องวาโยนี่เองพี่ก็คิดว่าใคร^_^" "พี่แทน มาหาหมอหรอคะ""ครับ พี่พา เอ่อ... พาน้องสาวมาฝากครรภ์ ว่าแต่เรามาทำอะไรที่แผนกเด็กเล็กหรอครับ?""โยพาลูกสาวมาฉีดวัคซีนค่ะ""อ้าว นี่เรามีลูกแล้วหรอ แล้วไหนล่ะสามี? ทำไมถึงไม่มาด้วย ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆมากับลูกสาวตามลำพังแบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย" "เขามาด้วยนะคะพี่แทน..." แทนแกล้งชะเง้อคอมองข้ามผ่านคนตัวเล็กไปทางด้านหลังก็ไม่เจอใคร วาโยเลยหันมองข้างๆที่มีภามยืนอยู่ แล้วทำหน้างงๆว่าพี่แทนไม่เห็นภามจริงๆหรอ หรือเขาแค่แกล้งเล่น? วรินทร
@หนึ่งปีต่อมา...ตอนนี้วาโยคลอดลูกสาวได้สี่เดือนแล้ว และเดือนนี้ก็เป็นเดือนสุดท้ายในการสอบปลายภาคสำหรับนักศึกษาปีสี่ ทั้งภามและวาโยเลยต้องเรียนหนักเป็นพิเศษ แต่หน้าที่เลี้ยงลูกส่วนใหญ่จะเป็นคุณพ่อลูกอ่อนอย่างภาม เขาอยากให้วาโยโฟกัสกับเรื่องเรียนให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงวรินทร์เดี๋ยวเขาจะดูแลให้เองอย่างเช่นวันนี้คนที่เลี้ยงลูกอยู่ในห้องก็เป็นภาม ส่วนวาโยเธอออกมานั่งเรียนอยู่โซนด้านนอกกับอาจารย์ที่แม่สามีจ้างมาสอนพิเศษให้ถึงเพนท์เฮาส์ แต่ทว่า! นั่งเรียนยังไม่ถึงชั่วโมงภามก็เดินออกมาตามด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะเขาเห็นอาจารย์ที่มาสอนวาโยวันนี้ไม่ใช่คนเดิม"โย ลูกร้องหิวนม เข้าไปดูลูกในห้องหน่อย" "ตอนนี้เลยหรอ แต่ฉันยังเรียนไม่จบครอสเลยนะ" ปกติภามไม่เคยปล่อยให้ลูกร้องนี่นา นมก็ปั๊มไว้ให้ตั้งเยอะมาบอกว่าลูกร้องหิวนมได้ยังไง ไม่ใช่ว่าวาโยไม่เป็นห่วงลูกนะ แต่ปัญหาแค่นี้เธอเชื่อว่าภามจัดการได้สบายอยู่แล้ว"นมที่ปั๊มแช่ไว้ในตู้เย็นละลายไม่ทัน""อ๋อ โอเค..." ที่แท้ก็นมละลายไม่ทันนี่เอง วาโยเลยละสายตาจากภามหันกลับมามองอาจารย์ก่อนจะพูดต่อ "งั้นเดี๋ยวโยขอเข้าไป
หลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันเรื่องสินสอดเรียบร้อยแล้วก็พากันกลับบ้านไปดูฤกษ์ วาโยเลยขอกลับมาอยู่คอนโดก่อน รอจนกว่าจะแต่งงานแล้วค่อยย้ายไปอยู่เพนท์เฮาส์ที่ภามซื้อให้ และเธอมองว่ามันไม่ใช่ของเธอแต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นเรือนหอของเราสองคนต่างหาก'โยจำคำแม่ไว้นะลูก... ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแพ้ผู้หญิงขี้อ้อน หมั่นเอาใจลูกเขยแม่ให้มากๆ อย่าปล่อยให้ผู้ชายดีๆแบบภามหลุดมือไปเด็ดขาด'วาโยหวนนึกถึงคำพูดของแม่แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ฮึบ!เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน อ้อนแฟนตัวเองไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสักหน่อย พอคิดได้ดังนั้นวาโยก็เดินมาหาภามที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งบนตักของแฟนหนุ่มจนเขาต้องวางไอแพดในมือลงข้างตัวแล้วยกมือมาโอบเอวเธอไว้แทน"แกดูอะไรอยู่หรอ" "ดูแพ็คเกจคลอดลูก กินข้าวอิ่มแล้วหรือไง" ความจริงทั้งคู่กินข้าวด้วยกันไปแล้วรอบนึง แต่ผ่านมายังไม่ถึงชั่วโมงวาโยก็ร้องหิวอีก ภามเลยทำให้กินอีกรอบ ส่วนตัวเขาก็มานั่งดูโปรแกรมคลอดลูกรอเธอไปพลางๆ"อิ่มแล้ว..." "แล้วทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก""รอแฟนไปอาบให้""ฮึ?""ก็ช่วงนี้ฉันหน้ามืดบ่อยๆ กลัวตัวเองจะเป็นลมในห้องน้ำ แกอาบให้ฉันหน่อ
"อย่าเพิ่งเป็นลม เพราะยังไม่หมดแค่นั้น""ยังมีอีกหรอ!?" แค่นี้เธอก็จะเป็นลมอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรที่เซอร์ไพรส์มากกว่านี้อีกมีหวังได้วูบไปจริงๆแน่"...." ภามที่ยืนช้อนหลังวาโยอยู่ในตอนนี้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีออกมาใช้ ก่อนจะสอดมือล้วงกระเป๋าหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงขึ้นมายื่นไปด้านหน้าของวาโยแล้วเปิดกล่องดังป๊อก! โชว์แหวนเพชรน้ำดีด้านในให้คนตัวเล็กที่ตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ได้เห็น"อะ อะไรของแกเนี่ยO_O" "แต่งงานกันนะโย..." วาโยมองแหวนเพชรเม็ดโตในกล่องที่มีความเปล่งประกายวิบวับสวยงามเล่นกับแสงไฟภายในห้องอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ถึงจะแอบหวังให้เขาขอแต่งงานแต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆทำให้เธอตั้งตัวรับไม่ทัน เธอมองแหวนในกล่องอีกครั้งก่อนที่ภาพจะตัดไปราวกับมีคนมาสับสวิตซ์ พรึ่บ! "เห้ย! โย ทุกคน! เมียผมเป็นลม" ภามรีบย่อตัวลงอุ้มคนตัวเล็กที่หมดสติขึ้นทันที แล้วภาพก็ตัดมาทางฝั่งของอาโป... "จะปล่อยฉันไปได้รึยัง" นี่เป็นคำถามที่ร้อยของวันนี้ที่นิเนยเอ่ยถามอาโป เขาเล่นขังเธอไว้ในห้องกับเขาตั้งแต่จับตัวเธอมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวเธอไป"จะให้ผมปล่อยป
อึก! อ้วก~"โย!" ภามลืมตาตื่นจากฝันดียังไม่ทันถึงเสี้ยววิ ก็รีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงวิ่งตรงไปหาเสียงโอ้กอ้ากในห้องน้ำทันที พอเข้ามาถึงเขาก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปช่วยลูบหลังให้วาโยที่นั่งกอดโถส้วมอ้วกอยู่อย่างหมดสภาพด้วยความเป็นห่วง "ไหวมั้ย""ฉันไหว อ้วก~" วาโยชูนิ้วโอเคตอบกลับมาทั้งที่ยังก้มหน้าอ้วกไม่หยุด"ตัวแสบทำไมแกล้งแม่แต่เช้าเลย ถ้าคลอดออกมาเมื่อไหร่พ่อจะตีให้" มาโหมดดุลูกซะแล้วเมื่อเห็นเมียอ้วกจนเหนื่อย"ดุแค่ฉันก็พอ เว้นลูกไว้คนนึง" วาโยอ้วกเสร็จก็หันมายิ้มหวานให้ภาม เชิงบอกเป็นนัยๆว่าแค่นี้เองสบายมาก "หึ ลูกคงดื้อเหมือนแม่สินะ" พูดจบภามก็ช้อนตัวอุ้มวาโยมานั่งที่ขอบอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำจากฝักบัวใส่มือแล้วเอามาลูบหน้าให้วาโย แต่ทว่า! สายตาเขาดันเกเรไม่ได้มองแค่หน้าสวยๆของเธอ แต่ดันมองต่ำลงไปกว่านั้นอีก...เนินหน้าอกขาวๆที่ล้นออกมาจากชุดนอนสุดวาบหวิวที่เธอแอบลุกขึ้นไปใส่มาเมื่อคืน มันชวนมองซะจนภามลอบกลืนน้ำลายลงคอดัง อึก!ยิ่งเปียกน้ำยิ่งเห็นไปถึงไหนต่อไหน... "จะมองอีกนานไหม" เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำให้ภามเลื่อนสายตากลับมามองหน้าเธอก่อนจะเอื้อมมือไปปิดน้ำแล้วเก็บฝักบัวเข้าที่ "
พอมาถึงโรงพยาบาลภามก็ขอรถเข็นมาให้ฉันนั่งแล้วเข็นฉันเข้าห้องตรวจ แต่พอเจอหมอผู้ชายก็บอกว่าไม่สะดวกใจเลยต้องเปลี่ยนมาเป็นหมอผู้หญิงแทน และคิดว่าเรื่องจะจบ แต่ไม่เลย ภามไม่ยอมให้อัลตร้าซาวด์ผ่านช่องคลอดบอกว่ากลัวโดนหัวลูก ให้ตายเถอะ! หมอเลยต้องอธิบายหลักการทั้งหมดที่มีให้คุณพ่อมือใหม่ได้ฟังกว่าจะยอมได้หมอถึงกับยกมือกุมขมับ... ผลตรวจเลือดออกมาว่าฉันท้องจริงๆ และอัลตร้าซาวด์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ลูกในท้องยังเล็กมากขนาดเท่ากับเมล็ดถั่ว อายุครรภ์แค่ 6 สัปดาห์ถือว่าโตตามเกณฑ์ พอหมอบอกว่าแข็งแรงทั้งแม่และลูก เท่านั้นแหละ! ผู้เป็นพ่อก็ยิ้มออกมาไม่หุบ ดีใจยิ่งกว่าฉันที่เป็นแม่เสียอีกหาหมอเสร็จภามก็พาฉันไปช็อปปิ้งต่อ ขนาดท้องฉันแบนราบจนแทบจะมองไม่ออกด้วยซ้ำแต่เขาก็ยังซื้อชุดคลุมท้องให้ บอกว่าในอนาคตก็ต้องใช้ ตอนแรกจะซื้อของลูกมาด้วยนะ ฉันเลยห้ามไว้ก่อนบอกเขาว่ารอรู้เพศก่อนค่อยซื้อก็ได้ พอกลับมาถึงคอนโดก็ยังไม่วายนั่งดูรูปอัลตร้าซาวด์แล้วยิ้มอยู่คนเดียวไม่ค่อยจะเห่อเท่าไหร่เลย...อ๋อ! ยังมีอีกเรื่องที่หมอย้ำ คือช่วงนี้ให้งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนจนกว่าอายุครรภ์จะครบ 3 เดือนขึ
อยู่ไม่ได้แล้วโว๊ย... ฉันรีบหมุนตัววิ่งหนีเข้าห้องทันที ขอโทษนะนิเนยเรื่องแกคงไม่น่าตกใจเท่าเรื่องฉันตอนนี้หรอก ดูแลตัวเองไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ฉันก็ลำบากไม่ต่างจากแก"จะหนีไปไหน" ภามวิ่งตามมาดันประตูไว้ไม่ให้ปิด"แกเอามือออกจากประตูเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันปิดประตูหนีบนิ้วแกแน่" เขาไม่ยอม ฉันก็ไม่ยอม เลยเกิดการยื้อแย่งประตูกันเกิดขึ้น จนในที่สุดภามก็ผลักประตูเข้ามาได้จนสำเร็จ ฉันที่กำลังจะวิ่งหนีเข้าห้องน้ำก็โดนเขาล็อคตัวไว้แบบหลวมๆ"บอกให้เอาไอ้นี่ไปตรวจ""ไม่! ฉันไม่ตรวจ" ฉันดิ้นจนหลุดออกจากวงแขนแกร่งแล้วหันไปจ้องหน้าภามอย่างเอาเรื่อง"จะดื้อให้ได้อะไรขึ้นมาโย ตอนนี้อาจจะท้องอยู่ก็ได้ ไม่สังเกตุตัวเองบ้างเลยรึไง" ไม่ใช่ว่าฉันไม่สังเกตุตัวเอง แต่แค่ตอนนี้ยังไม่อยากยอมรับความจริงก็เท่านั้น ถ้าตรวจแล้วผลออกมาว่าฉันท้องขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง"จะบ้าหรอ ฉันจะท้องได้ยังไงแกเอาอะไรมาพูด""ทำไมจะท้องไม่ได้ ผัวก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ทั้งคน ลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองมีผัว หรือต้องให้ลื้อฟื้นความทรงจำก่อนตรวจ?""ไม่ต้อง ถอยออกไปเลยนะ!" ฉันยกมือดันแผงอกคนที่โน้มตัวเข้ามาหา ภามเท้าแขนสองข้างลงกับโต๊
"....." มือที่เคยถือยาดมค้างอยู่กลางอากาศ สมองเริ่มอื้ออึง ตามองตรงไม่มีจุดโฟกัส รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ภามส่งมือมาลูบท้องฉันผ่านชุดเดรสแล้ว "สรุปประจำเดือนไม่มาใช่ไหม? หรือว่าท้อ... ""มาแล้ว!" ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เป็นก็ตาม แต่ประจำเดือนฉันอาจจะคาดเคลื่อนก็ได้ ใครจะไปรู้ ถ้ายังไม่ถึงสิ้นเดือนอย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ขอปลอบใจตัวเองไปก่อนแล้วกัน... "จะบอกว่าตอนนี้เป็นประจำเดือนอยู่หรือยังไง?""...." ฉันพยักหน้า"เป็นตอนไหนแล้วทำไมไม่รู้? ไม่เห็นปวดท้องร้องกินของหวานเลย เห็นนั่งกินแต่มะม่วงเปรี้ยว ไหนจะอ้วก ไหนจะเป็นลม แถมนมยังใหญ่ขึ้นขนาดนี้ ต้องท้องแน่ๆ ป่ะ! ไปโรงพยาบาลกัน ลองให้หมอตรวจดู" หมับ! ภามจับมือฉันตั้งท่าเตรียมลุกแต่ฉันชักมือกลับแล้วดึงเขาให้นั่งลงแบบเดิม ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาลเพราะกลัวเจอความจริงแล้วรับไม่ได้เราสองคนอยู่ปีสาม เพิ่งสอบปลายภาคเสร็จยังไม่ถึงอาทิตย์ ซึ่งเหลือเวลาอีกเป็นปีกว่าจะจบมหาลัย ฉันจะมาท้องตอนนี้ได้ยังไง ไม่ได้เด็ดขาด ที่บ้านคงผิดหวังในตัวเราสองคนมาก ฉันทำงานเสริมเขียนนิยายขายอยู่บ้างแต่รายได้ก็น้อยนิด จะ
@วันต่อมา...Talk : ภามคิดถึงเมีย...นี่เป็นคำที่อยู่ในหัวผมตั้งแต่เมื่อวานเย็นจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าเวลาเมื่อคืนมันยาวนานกว่าคืนไหนๆ กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้า และใช่! ผมนอนกอดเสื้อแทนกอดวาโย คิดแล้วก็เศร้า ขนาดตอนนี้ผมยังนั่งมองประตูห้องนอนของวาโยด้วยสายตาละห้อย แล้วถามกับตัวเองซ้ำๆว่าเมื่อไหร่เธอจะตื่นสักที คิดถึงไม่ไหวแล้วโว๊ยยยย!! อยากเห็นหน้าจะตายห่าแล้วเนี่ย... แกร๊ก! สิ้นสุดการรอคอย เพราะ 'แฟน' ของผมได้เปิดประตูออกมาแล้ว แต่ผมต้องคีพลุคนิ่งไว้ก่อน เดี๋ยวเธอจะมาหาว่าผมคลั่งรักอีก -_-*ผมมองวาโยด้วยสายตาราบเรียบไม่บอกความรู้สึก เธอเดินออกมาด้วยชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยวปาดไหล่กระโปรงสั้นเลยเข่าขึ้นไปสองนิ้ว น่ารักดีแต่ผมแอบหงุดหงิดตรงที่ชุดดันโชว์เนินหน้าอกขาวๆของเธอเนี่ยแหละ ถึงเพื่อนเธอจะเป็นผู้หญิงแต่ผมก็อดหวงไม่ได้ผมมองสำรวจชุดไปเลื่อยๆจนสบสายตาเข้ากับวาโยทำให้ผมตกใจ เลยละสายตาจากเธอหันไปมองจอ ทำเหมือนว่าออกมานั่งดูทีวีเฉยๆ ไม่ได้ออกมานั่งรอใครทั้งนั้น"ทำไมแกตื่นเช้าจังเพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเองนะ วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่หรอ" วาโยเห็นผมไม่ตอบเลยเดินเข้ามาใกล้
Comments