เมื่อเฮดว๊ากสุดโหดของวิศวะ ค้นพบความลับของยายเฉิ่มที่เป็นคู่กัดตนเองเข้าโดยบังเอิญ จึงนำมาเป็นข้ออ้าง พอได้ใกล้ชิดกลับเป็นเขาที่หวั่นไหว
View Moreท่ามกลางความเงียบสงบในยามเช้า อยู่ ๆ เสียงกดกริ่งก็พลันดังสวนขึ้นมาจนสามารถดึงความสนใจของแม่บ้านที่กำลังทำสวนในยามเช้า เธอเดินออกมาหาเพื่อดูว่าใครคือต้นเสียงดังกล่าว ก่อนจะพบเข้ากับบุรุษไปรษณีย์ที่ยืนรอตรงตู้จดหมายที่อยู่หน้ารั้ว
“จดหมายมาส่งครับ ผมเห็นว่าเป็นมีเอกสารสำคัญด้วยเลยไม่กล้าเหน็บไว้ นี่ครับ” บุรุษไปรษณีย์คนนั้นเอ่ยบอกหญิงสาววัยกลางคนก่อนจะยืนซองเอกสารที่ว่าให้กับอีกฝ่ายหลังจากที่พูดจบอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้นเธอรับจดหมายปึกใหญ่ ๆ มาไว้ในมือ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นชื่อจริงและนามสกุลจริงของคุณหนูปรากฏอยู่บนจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์บอกเอาไว้ว่าสำคัญเป็นอย่างมาก
“ขอบใจจ้ะ” เธอเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งปิดประตู หลังจากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต เพื่อส่งมอบจดหมายฉบับดังกล่าวให้กับผู้เป็นเจ้าของ
แต่ในขณะที่กำลังจะสาวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน อยู่ ๆ เสียงเรียกของคุณผู้หญิงก็พลันดังสวนขึ้นมาจนเธอชะงักงัน แล้วให้ความสนใจไปยังอีกฝ่ายแทบจะทันที
“ทิพย์ นั่นจดหมายใครเหรอ?” ผู้เป็นนายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังจดหมายในมือของทิพย์
“มีเยอะเลยค่ะคุณผู้หญิง แต่เห็นว่ามีเอกสารสำคัญส่งมาถึงคุณหนู ทิพย์ว่าจะเอาขึ้นไปให้บนห้องน่ะค่ะ”
“จดหมายสำคัญอะไร เอามาให้ฉันดูหน่อย”
“นี่ค่ะคุณผู้หญิง” เธอยื่นจดหมายให้กับคุณหญิงอร แล้วจึงค่อย ๆ ถอยหลังออกมาอย่างมีมารยาท
สายตาทั้งสองคู่ไล่อ่านข้อความบนเอกสารแผ่นนั้นด้วยความตั้งใจ ก่อนจะรับรู้ถึงเรื่องราวของลูกสาว ที่เธอไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ญาณิน ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอเดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายราวกับว่าไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต อยู่ใต้อาณัติของพ่อกับแม่ไปวัน ๆ เท่านั้น
ทว่าในเวลานั้นเธอไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังถือวิสาสะอ่านเอกสารสำคัญของเธออยู่ จึงเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหาร เพื่อดูว่าเช้านี้ ป้าทิพย์เตรียมอะไรไว้ให้เธอบ้าง
“ยายณิน นี่มันอะไร?” คุณหญิงอรเอ่ยถามพร้อมกับยื่นเอกสารแผ่นนั้นไปหยุดอยู่ตรงหน้าของลูกสาว และต้องการให้เธออธิบายขยายความกับเรื่องราวนี้ให้กระจ่าง
“แม่หมายถึงอะไรคะ ณินไม่เข้าใจ”
“เอกสารนี้เป็นขอลูกไม่ใช่หรือไง จะสอบเข้าสถาปัตย์เนี่ยนะ คิดดีแล้วเหรอ?”
“ว่ายังไงนะ นี่ลูกจะเข้าคณะสถาปัตย์เหรอ”
ในเวลาเดียวกันอยู่ ๆ ผู้เป็นพ่อก็ดันเดินลงมาจากชั้นบน ได้ยินบทสนทนาของแม่ลูกเข้าได้อย่างพอดิบพอดี ซึ่งเขาเองก็มีความเห็นเช่นเดียวกันกับภรรยา จึงรีบเอ่ยประโยคสมทบเธอในทันที
ทว่าทั้งหมดทั้งมวลนั่นก็เพราะว่าพวกท่านต่างก็เป็นห่วงลูกสาว ถึงขนาดแค่เห็นคณะที่ญาณินเลือกเรียนด้วยตัวเองก็ตัดสินกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วว่าเธอไม่มีทางเรียนไหวเป็นแน่
“ไหวไม่ไหวมันก็เป็นเรื่องของอนาคตนี่คะ พ่อกับแม่จะมากดดันณินเพื่ออะไร อีกอย่างทางของณิน ณินจะเลือกเอง”
หญิงสาวโต้กลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ญาณินเพียงแค่ไม่ชอบให้พ่อกับแม่ของเธอเป็นแบบนี้...ก็เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาเธอพยายามทำตามคำสั่งของพวกท่านมาโดยตลอด แต่มันก็พิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเธอไม่เคยมีความสุขกับสิ่งที่พ่อแม่เลือกให้เลยสักนิดเดียว
“พ่อว่าลูกไม่ไหวหรอก เลือกคณะที่มันเรียนง่าย ๆ จะดีกว่า อย่าทำอะไรที่มันเกินตัวจนเกินไป ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งไม่ไหวขึ้นมา มันจะเสียเวลาเอาเปล่า ๆ นะ” คำพูดดังกล่าวส่งผลให้ญาณินถึงกับหยุดชะงักอยู่กับที่ แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่พ่อของเธอแทบจะทันที
“พรุ่งนี้ณินย้ายไปอยู่หอ ส่วนเรื่องเรียนให้มันเป็นเรื่องของอนาคตนะคะ ได้ไม่ได้ ณินก็ไม่เสียใจหรอก เพราะณินเลือกมันเอง ขอตัวขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ”
“ลูกจะไปได้ยังไง กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนเดี๋ยวนี้เลยนะ ยายณิน!!” เมื่อเห็นว่าลูกสาวเดินกลับขึ้นไป ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ตะโกนตามหลังของลูกสาวตัวดีไปอย่างหมดความหวัง
แต่ก่อนญาณินเองก็อยู่ภายใต้คำสั่งของพ่อกับแม่เสมอมา แต่พักหลัง ๆ เมื่อเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นก็อยากที่จะมีความคิด และได้ตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเอง
อีกอย่างการได้ไปอยู่หอคนเดียวก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะส่งเสริมให้เธอกลายเป็นเด็กคนหนึ่งที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม แต่ก็ดีกว่าที่ต้องมาคอยทำตามคำสั่งของพ่อกับแม่ไปวัน ๆ อยู่ดี...
หลังจากที่ปะทะคารมกับพ่อแม่อยู่สักพัก ญาณินขึ้นมาเก็บของบนห้องนอน เธอโน้มตัวลงนอนบนเตียง ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจอย่างถึงที่สุด
อันที่จริงเธอเองก็แอบใจหายที่ต้องจากบ้านไปอยู่หอเพียงตัวคนเดียว หากแต่ลึก ๆ ก็รู้สึกดีที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนอย่างวัยรุ่นคนอื่น ๆ บ้าง เธอดักดานมานานเกินพอแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนั้น เธอก็รีบลุกขึ้นมาเก็บสัมภาระต่าง ๆ เข้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างไว ทั้งเสื้อผ้าข้าวของที่เคยใช้เธอเก็บไปจนหมด เธอเสียดาย เพราะคิดว่าคงไม่ได้กลับมาพักที่บ้านบ่อย ๆ คงอยู่หอจนหนำใจกันไปข้างหนึ่งแน่นอน
ตอนที่ 4“พี่ไม่มีเรียนหรือไง เดี๋ยวหนูจะขึ้นไปเรียนกับเพื่อนแล้วค่ะ พี่ไปได้แล้ว” แตงกวาเห็นว่าญาณินไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เธอจึงรีบไล่รุ่นพี่คนนั้นให้กลับไปเรียนทันที อย่างน้อยได้อยู่กันสองคนก็น่าจะดีกว่ามีคนนอกเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย“แตงกวา จริง ๆ เธอไม่ต้องไล่พี่เขาไปก็ได้นะ เขามาจีบเธอนี่คงใจเสียหมดแล้วมั้งน่ะ” เมื่อรุ่นพี่ที่มาตามจีบเพื่อนสาวเดินจากไปตามคำขอของเธอ ญาณินก็รีบพูดความคิดเห็นของตนสวนขึ้นมาอย่างไว“ไม่เป็นไรหรอก บางทีฉันเองก็แอบรำคาญเหมือนกัน อยากอยู่กับเพื่อนแบบสองต่อสองบ้างน่ะ”“เพิ่งมาเรียนเมื่อวานวันแรก วันนี้แกก็มีหนุ่มมาติดซะแล้ว เนื้อหอมไม่เบาเลยนะแตงกวา” ญาณินพูดแซวอย่างทีเล่นทีจริงพร้อมทั้งปรากฏรอยยิ้มละไมบนใบหน้า“เปล่าสักหน่อย ฉันขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ที่รู้ว่าสอบติดได้ใหม่ ๆ แล้วพอมาอยู่ก็รู้สึกเบื่อ ก็เลยไปหางานพาร์ตไทม์ทำเล่น ๆ น่ะ แล้วก็ไปเจอที่เขานี่แหละ นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตามจีบฉันมาเรื่อย ๆ เลย”“อ๋อ...เป็นแบบนี้นี่เอง”“คนอย่างฉัน เอาอะไรมาเนื้อหอม ฟลุกเจอมามากกว่า” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ ก่อนจะหลบหลีกสายตาของญาณินไปชั่วขณะ แตงกวา
ตอนที่ 3ระยะเวลาผ่านมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกของการไปเรียน ญาณินตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพราะมีเรียนช่วงแปดโมงตรง เธอยังกะเวลาไม่ถูก จึงตื่นเร็วกว่าปกติ ถ้าหากว่าได้ไปเรียนดูสักระยะก็คงจะกะเวลาได้พอดีมากขึ้นใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ประมาณสามสิบนาที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หญิงสาวในคราบชุดนักศึกษาเดินออกมาจากซอยของหอพัก ก่อนจะตรงดิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปลงสถานีต่อไปทันทีที่มาถึงมหาวิทยาลัย ญาณินตรงดิ่งเข้ามานั่งรออาจารย์ในคลาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เธอเป็นหญิงสาวแต่งตัวเชย ๆ ทั้งยังมีแว่นปกปิดความเป็นตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ภายในนั่นจึงส่งผลให้เพื่อน ๆ ในห้องเรียนเดียวกัน ไม่มีใครให้ความสนใจมาที่เธอเลยสักคน ผิดกับสาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงดาราเน็ตไอดอลที่ใครต่างก็ให้ความสนใจและพูดชื่นชมกันอย่างไม่ขาดปาก“นี่เธอ...อยู่คนเดียวเหมือนกันหรอกเหรอ?”ในขณะที่ญาณินกำลังเบนสายตาออกไปทางนอกหน้าต่างเพื่อชมนกชมใจไปพลาง ๆ ระหว่างรออาจารย์ จู่ ๆ หญิงสาวแปลกหน้าก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมทั้งหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ เธอ“อืม ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ มาเรียนที่นี่ก็มาคนเดียว ไม่มีคนรู้จักเลยส
ตอนที่ 2แม้ว่าเมื่อวานจะจบวันได้ไม่ดีนัก แต่เช้าวันใหม่ที่ญาณินรอคอยก็มาถึงเสียที เธอตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่หอ แต่ก่อนจะออกจากบ้าน พ่อและแม่ของเธอก็มายืนเกลี้ยกล่อมไม่อยากให้เธอออกไปจากบ้านหลังนี้“ตอนนี้เปลี่ยนใจยังทันนะยายณิณ ลูกไม่เคยทำอะไรเอง จะไหวจริง ๆ เหรอ”ผู้เป็นแม่ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่แฝงไว้ด้วยความหวัง เธอเองก็เป็นห่วงญาณิน แต่ทว่าก็ไม่อยากขัดใจมากเท่าไรนัก เพราะได้ตัดสินใจลงไปแล้ว“อย่าพยายามเลยค่ะ ณินบอกแล้วไงคะว่าณินตัดสินใจแล้ว ของก็เก็บแล้ว รถก็เตรียมรอแล้ว แถมค่าหอ ค่าเรียนก็จ่ายมัดจำตามข้อตกลงไปก่อนแล้ว ถอยไม่ได้หรอกค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”ชายวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแล้วบอกให้ลูกสาวรีบไป ด้วยความที่เลี้ยงมากับมือ พวกเขารู้ว่ายังไงก็ไม่บังคับญาณินไม่ได้อยู่แล้ว จึงจำใจต้องยอมให้ไปแต่โดยดี ถึงแม้ว่าผู้เป็นแม่จะยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่มากเลยก็ตาม“อย่างนั้นณินลาตรงนี้เลยนะคะ ไม่ต้องไปส่งก็ได้ ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ณินจะโทร.มาบอกนะคะ”“อืม ตามนั้น ไปก็ไป...”บทสนทนาระหว่างพ่อแม่ลูกจบลงแต่เพียงเท่านั้น ญาณินขึ้น
ตอนที่ 1 ท่ามกลางความเงียบสงบในยามเช้า อยู่ ๆ เสียงกดกริ่งก็พลันดังสวนขึ้นมาจนสามารถดึงความสนใจของแม่บ้านที่กำลังทำสวนในยามเช้า เธอเดินออกมาหาเพื่อดูว่าใครคือต้นเสียงดังกล่าว ก่อนจะพบเข้ากับบุรุษไปรษณีย์ที่ยืนรอตรงตู้จดหมายที่อยู่หน้ารั้ว“จดหมายมาส่งครับ ผมเห็นว่าเป็นมีเอกสารสำคัญด้วยเลยไม่กล้าเหน็บไว้ นี่ครับ” บุรุษไปรษณีย์คนนั้นเอ่ยบอกหญิงสาววัยกลางคนก่อนจะยืนซองเอกสารที่ว่าให้กับอีกฝ่ายหลังจากที่พูดจบอย่างรวดเร็ววินาทีนั้นเธอรับจดหมายปึกใหญ่ ๆ มาไว้ในมือ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นชื่อจริงและนามสกุลจริงของคุณหนูปรากฏอยู่บนจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์บอกเอาไว้ว่าสำคัญเป็นอย่างมาก“ขอบใจจ้ะ” เธอเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งปิดประตู หลังจากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังโต เพื่อส่งมอบจดหมายฉบับดังกล่าวให้กับผู้เป็นเจ้าของแต่ในขณะที่กำลังจะสาวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน อยู่ ๆ เสียงเรียกของคุณผู้หญิงก็พลันดังสวนขึ้นมาจนเธอชะงักงัน แล้วให้ความสนใจไปยังอีกฝ่ายแทบจะทันที“ทิพย์ นั่นจดหมายใครเหรอ?” ผู้เป็นนายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเบนสายตามองไปยังจดหมายในมือของทิพย์“มีเยอะเลยค่ะคุณผู้หญิง แต
Comments