“เอาละ มาเริ่มปรุงรสชาติเพื่อหมักหมูกันเถอะ”
เหอจินหนานล้างมือแล้วหยิบเครื่องปรุงกะปริมาณเท่ากับเนื้อหมู คนทั้งสองกำลังเริ่มปรุงเครื่อง เสียงของฮุ่ยฮุ่ยก็ดังเข้ามาก่อนตัวเสียอีก
“ท่านแม่เจ้าขา ท่านแม่”
เหอจินหนานจำต้องหยุดทุกอย่างแล้วหันมามองดูลูกสาวตัวน้อยที่ยามนี้หน้าตามอมแมม ชุดสวยงามถูกเปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายสีเรียบ เสี่ยวลี่กลัวว่าตอนที่ฮุ่ยนฮุ่ยเล่นสนุกในสนามเด็กเล่นชุดราคาแพงจะเสียหายจึงลงมือเย็บชุดใหม่สำหรับเล่นสนุกโดยเฉพาะขึ้นมาหลายชุด มันทำจากผ้าฝ้ายแต่ก็เนื้อดีกว่าชุดของชาวบ้านทั่วไป
“ลูกเบื่อของเล่นพวกนั้นแล้วหรือจึงวิ่งมาหาแม่ที่นี่” มือบางเกลี่ยแก้มที่มีเม็ดทรายเกาะ ก้มตัวจนใบหน้าเกือบเสมอกับลูก ถามอย่างหยอกเย้า
“เปล่าเจ้าค่ะ ลูกไม่ได้เบื่อและไม่มีทางเบื่อของเล่นที่ท่านแม่ทำมาให้” ฮู่ยฮุ่ยส่ายหน้าจนแก้มสั่น มันแดงระเรื่อน่าหอมหน้ากัดมากสำหรับคนหลงลูกอย่างเหอจินหนาน นางใจเย็นมากพอให้ลูกพูดต่อไปว่า
“แต่ว่าพ่อบ้านเฝิงพาคนไปลงสระที่ไร่กลับมาแล้ว แถมยังขนปลาตัวใหญ่มาเยอะมากเลยเจ้าค่ะ!”
ฮุ่ยฮุ่ยพูดจบบ่าวชายหลายคนก็ขนถังไม้เข้ามาหลายถัง เหอจินหนานจูงมือลูกที่กระตือรือร้นอยากพานางไปดูปลาออกไปนอนห้องครัว ทุกคนต่างมาดูปลาเลี้ยงในสระของไร่ตระกูลเฝิง มันตัวใหญ่มากจริง ๆ เท่านี้ในหัวของนางก็คิดถึงเมนูอาหารจากปลามากมาย
พ่อบ้านเฝิงเข้ามารายงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า
“ข้าเห็นว่าใกล้ถึงช่วงที่ฮูหยินต้องส่งของไปให้นายท่านแล้ว ในค่ายทหารคงมีข้าวให้พอกินเท่านั้น จึงคิดว่าหากนำปลามาตากแห้งคงเพิ่มอาหารให้นายท่านได้ขอรับ”
“พ่อบ้านเฝิงรอบคอบมาก ตอนที่ท่านเข้ามารายงานว่าจะลงสระประจำปีข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”
เหอจินหนานคนก่อนเย็นชาก็จริงแต่เรื่องหลายอย่างนางก็ทำตามหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง พ่อบ้านกับกานลู่คือคนรับใช้ที่ใกล้ชิดกับนางพอสมควร เขาจึงมองความเปลี่ยนแปลงของเจ้านายออก ยังนึกสงสัยแต่การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย พ่อบ้านจึงคิดเพียงว่าเพราะป่วยหนักฮูหยินจึงเปลี่ยนความคิด
กว่าพ่อบ้านเฝิงจะออกจากความคิด เหอจินหนานก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมเพื่อทำการบางอย่างโดยมีกานลู่ยืนเคียงกาย มือบางหยิบมีดขึ้นมาคว้าปลาที่ยังไม่ตายทุบหัวมันตายไปครั้งเดียว ความรวดเร็วนี้ทำบ่าวชายและสาวใช้รวมถึงพ่อบ้านมุมปากกระตุก
ส่วนฮุ่ยฮุ่ยถูกดึงความสนใจไปยังปลาที่มารดายกให้หนึ่งตัว แล้วดึงเสี่ยวลี่ไปนั่งยอง ๆ ดูมันแหวกว่ายไปมา บางทีก็สอบถามอย่างสงสัยซึ่งเสี่ยวลี่ตอบคำถามได้ทุกข้อ ความสัมพันธ์นายบ่าวจึงดูจะสนิทสนมขึ้น ฮุ่ยฮุ่ยเปิดใจให้เสี่ยวลี่ในเวลาไม่นาน ทำให้เหอจินหนานผ่อนคลายใจลง
“พวกเจ้าจัดการกับปลา ขอดเกล็ดผ่าท้องทำความสะอาดจนพวกมันมีลักษณะเช่นนี้” นางอธิบายวิธีการมือก็ขยับว่องไว บ่าวชายต่างมองและจดจำหลังจากนั้นบริเวณลานครัวจึงเต็มไปด้วยเสียงทำงานอย่างสามัคคี แม้แต่พ่อบ้านชราก็ยังถกแขนเสื้อทำงานร่วมกันโดยไม่ถือตัว
ในจวนตระกูลเฝิงไม่เคยมีการทำงานร่วมกันระหว่างนายกับบ่าว มันจึงเป็นภาพที่อบอุ่นหัวใจ อากาศในจวนก็อบอุ่นเช่นเดียวกันหลังจากมันแตะจุดเยือกแข็งมาหลายปี
หนึ่งเดือนต่อมาเมืองหลวงปรากฏภาพที่ไม่เคยมี อย่างการที่ชาวเมืองยืนต่อแถวยาวเหยียด ในมือของพวกเขามีถ้วยชามที่เตรียมมาจากบ้านเอาไว้ ตรงหัวแถวมีร้านขายกับข้าวที่ด้านในร้านมีคนนั่งจับจองเต็มทุกโต๊ะทั้งชั้นหนึ่งและห้องส่วนตัวชั้นสอง
ในห้องครัวมีเสียงทำอาหารของพ่อครัวแม่ครัวที่ต่างเร่งมือเพื่อรองรับลูกค้ามากมายข้างนอก คนงานในร้านเดินกันขวักไขว่ทว่าขยันขันแข็ง ไม่มีใครล้มเสียหลักเลยแม้ว่าพวกเขาจะเดินกระทบไหล่กันหลายครั้ง ความมืออาชีพนี้เหอจินหนานลงมาฝึกฝนด้วยตัวเองจนมั่นใจจึงยอมเปิดร้าน
พวกเขาขนถาดใส่อาหารเพื่อนำมาวางด้านในตู้ใสหน้าร้าน คนที่ต่อแถวซื้อเพียงชี้ว่าอยากลองกินอาหารชนิดไหน แม่ค้าบอกราคาคนซื้อพอใจจ่าย แม่ค้าตักอาหารใส่ภาชนะที่ลูกค้าเตรียมมา เป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว
ส่วนลูกค้าที่มานั่งกินก็สั่งอาหารตามเมนูที่เขียนเอาไว้กับพนักงาน รอไม่นานพวกเขาก็ได้ตามที่สั่งไป จากมีบางกลุ่มคิดมาทดลอง หากไม่ถูกปากจะทำการโวยวาย ปรากฏว่าคำแรกเมื่อตักเข้าปากอาการไม่ต่างกันนั่นคือเบิกตากว้าง ตามมาด้วยความเร็วในการกิน
ชื่อเสียงของร้านอาหารไฉ่หงดังไปทั่วเมืองหลวงทั้งที่เปิดได้เพียงเจ็ดวัน เจ้าของอย่างเหอจินหนานก็ยิ้มแก้มปริทุกวันหลังจากคิดบัญชีรายรับรายจ่าย
ตอนแรกนางยังกังวลว่าถ้ามันดังขึ้นมาเหอจินเหยาจะตามราวี แต่คิดอีกทีทำไมต้องหวาดกลัวด้วย นางเองก็มีสมอง ถ้าแม่นั่นคิดเล่นแง่สาวยุคอนาคตเหมือนกันเช่นนางคงไม่ยอมอยู่เฉย
ตอนนี้เหอจินเหยามีอำนาจมากอยู่บ้างแต่ยังไม่ที่สุด เมื่อคิดเช่นนั้นเหอจินหนานก็เร่งสร้างตัวเองและอำนาจในมือ เผื่อว่าสักวันจุดจบของนางจะไม่เลวร้ายนัก
“ผลตอบรับดีเกินคาด วันปิดร้านประจำสัปดาห์คงต้องเลี้ยงข้าวคนงานทุกคนที่เหนื่อยมาด้วยกัน” เหอจินหนานพูดกับกานลู่หลังจากทวนรายรับรายจ่ายของเมื่อวานหมดแล้ว
“ข้าจะแจ้งพวกเขาทุกคนให้เจ้าค่ะ รวมถึงจัดหาของที่จะใช้มาล้วงหน้า”
“ดีแล้ว ฮุ่ยฮุ่ยอยู่ที่ไหน”
ถึงช่วงนี้นางจะยุ่งกับงานที่ร้านก็ไม่เคยละเลยลูกสักครั้ง ตอนเช้าก็จะทำกิจกรรมตื่นนอนกินข้าวร่วมกันถ้าฮุ่ยฮุ่ยมานอนที่เรือนด้วย ตกเย็นหลังเลิกงานก็เล่นสนุกในสนาม ก่อทรายปั้นดินเป็นรูปต่าง ๆ เป็นการละลายพฤติกรรมและผ่อนคลายจิตใจของฮุ่ยฮุ่ยให้สดใสร่าเริงอยู่เสมอ
หลังกินข้าวเย็นก็ถึงเวลาอ่านหนังสือและเล่านิทาน โดยนิทานที่นางเล่ามักจะแฝงข้อคิดบางอย่างเอาไว้ ฮุ่ยฮุ่ยชอบมันมากช่วงหลังจึงมานอนที่เรือนของนางทุกคืน
“เสี่ยวลี่พาคุณหนูไปซื้อขนมเจ้าประจำเจ้าค่ะ อีกสักพักคงจะกลับมา”
“ฝากร้านไว้กับเจ้าด้วยนะ ข้าจะลงไปดูนางสักหน่อย”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
อีกด้านหนึ่งมีกลุ่มคนแต่งตัวกลมกลืนไปกับชาวเมืองเดินมุ่งตรงมาทางร้านไฉ่หง ที่จริงพวกเขามีธุระลับในเมืองแต่ถือโอกาสเดินสำรวจความเป็นอยู่ของชาวเมืองตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือข่าวว่ามีร้านอาหารอร่อยเปิดใหม่กำลังดึงความสนใจของทั้งกลุ่ม
ชายฉกรรทั้งหลายจึงหมายมั่นมาทดสอบว่าร้านนั้นเป็นของผู้ใด มีรสชาติอร่อยสมคำล่ำลือหรือไม่ ยังดีว่าพวกเขามาถึงร้านช่วงบ่ายแก่แล้วคนจึงบางตาแต่ยังมีให้เห็นประปราย หนึ่งในนั้นจึงเสนอขึ้นว่า
“นายท่านชั้นบนมีห้องส่วนตัวขอรับ”
“อืม เจ้าไปจัดการเถอะ”
ชายคนนั้นเดินเข้าไปในร้านส่วนคนที่เหลือยืนรอข้างนอก แม้จะแต่งตัวคล้ายชาวบ้านแต่ความสง่างามและใบหน้าของแต่ละคนก็ออกไปทางรูปหล่อ ขึงขังเหมือนทหารหรือองครักษ์ทำนองนั้น เรียกสายตาของชาวเมืองที่เดินผ่านไปผ่านมาได้มากทีเดียว
เมื่อเห็นว่าคนที่หายไปกลับมายืนโบกมือส่งสัญาณว่าเข้าไปได้ คนทั้งหมดที่ยืนเป็นเป้าสายตาก็เดินเข้าไปในร้าน เสี่ยวเออร์หรือพนักงานของร้านพาทั้งหมดขึ้นไปยังห้องส่วนตัวห้องใหญ่ของชั้นสอง
ตอนที่เข้ามาด้านในทั้งหมดถูกการตกแต่งอันเงียบง่ายทว่าหรูหราดึงดูด ยิ่งทำให้พวกเขาอยากรู้ว่าร้านแห่งนี้คือของผู้ใด มีคนหนุนหลังเป็นขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์คนอื่นหรือไม่
ถ้าเหอจินหนานรู้คงหัวเราะแล้วชี้ไปทางขวามือ นางมีศาลาว่าการศาลยุติธรรมหนุนหลัง ก่อนเปิดร้านทุกวันนางให้คนไปส่งอาหารให้สิงปู้ เป็นการบอกทางอ้อมว่าข้าเคารพท่าน ท่านก็ต้องดูแลข้า
บนชั้นสองมีระเบียงทางเดินลายล้อมโดยตรงกลางเปิดกว้างให้เห็นด้านล่าง ตกแต่งคล้ายโรงเตี๊ยมทั่วไป ทั้งหมดทยอยเข้าไปในห้องแต่เหลือเพียงชายที่เหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เข้าไปเกือบลำดับสุดท้าย แต่แรงกระแทกที่ชนเข้าตรงด้านข้างก็ทำให้ทุกคนเคลื่อนไหว
ก่อนจะพบว่ามีก้อนกลม ๆ ก้อนหนึ่งนั่งจุ่มปุ๊กบนพื้น มือน้อย ๆ ลูบไปที่หน้าผากนูนเด่นที่เริ่มขึ้นสีแดง จมูกโด่งอันเล็กก็แดงเรื่อจากการกระแทกบางอย่าง
“ตายแล้ว คุณหนู เจ็บหรือไม่เจ้าคะ” เป็นสาวใช้นางหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาประคองร่างกลม ๆ แล้วมองสำรวจอย่างห่วงใย
ทุกคนคลายการระวังตัวแล้วแล้วถอนหายใจ ส่วนคนที่ถูกชนก็นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าเด็กน้อยมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน
“เด็กน้อย เจ้าวิ่งซุกซนเช่นนี้ระวังจะเจ็บตัวเอานะ”
ฮุ่ยฮุ่ยรู้สึกผิดอยู่บ้าง นางวิ่งไม่ระวังแถมยังไม่เชื่อฟังพี่เสี่ยวลี่จนชนลูกค้าของท่านแม่ ถ้าคนตรงหน้าโกรธจะต้องสร้างปัญหาจนท่านแม่ต้องปวดหัวแน่ คิดได้ดังนั้นจากที่นั่งเจ็บจนน้ำตาคลอก็ต้องกัดฟันเม้มปากกลั้นก้อนสะอื้นแล้วกล่าวขอโทษอย่างจริงใจว่า
“ท่านลุง ข้าขออภัยที่ไม่ระวังวิ่งชนท่านเจ้าค่ะ”
ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารักแฝงความงดงามนี้ ต้องบอกว่าฮุ่ยฮุ่ยได้ส่วนดีของบิดาและมารดารวมอยู่ในตัว ยิ่งรวมเข้ากับใบหน้ากลมอิ่ม แก้มแดงเรื่อ ดวงตากลมใสกระจ่าง จมูกหน่อยปากนิด รวมถึงวาจารู้ความฉลาดเกินเด็กทำให้คนพบเห็นเอ็นดู
ชายคนนั้นรู้สึกจริง ๆ ว่าเด็กคนนี้กำลังอดทนไม่ร้องไห้แล้วขอโทษเขา ทั้งที่ตัวเองเจ็บมากก็ยังเข้มแข็ง เขาถูกความน่ารักไร้เดียงสาแต่ฉลาดของฮุ่ยฮุ่ยดึงดูดทันที
“นายท่านเป็นข้าที่ผิดเองเจ้าค่ะ ไม่ระวังจนคุณหนูวิ่งชนท่าน” เสี่ยวลี่ที่ห่วงใยคุณหนูและไม่ทันตั้งตัวว่าคุณหนูที่ใกล้ร้องไห้จะลุกขึ้นเอ่ยขออภัยบุรุษแปลกหน้าซึ่งคงเป็นลูกค้า นางกลัวว่าบุรุษที่ทำหน้าตาใจดีจะนึกโกรธคุณหนูจึงคลานเข่าค้อมกายเอาตัวบังร่างน้อย ๆ แล้วเอ่ยรับโทษอย่างจริงจัง
“ข้ามิคิดถือสา แต่เจ้าต้องระวังไม่วิ่งซุกซนด้านนอกอีก รู้หรือไม่” เขาหันไปพูดกับเจ้าตัวน้อยที่โผล่ใบหน้าออกมาจากด้านหลังสาวใช้ ยิ่งเห็นว่าคนที่นางวิ่งชนไม่โกรธแล้วยังบอกกล่าวอย่างห่วงใย
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะระวัง”
ฮุ่ยฮุ่ยก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกแล้ว แถมยังยิ้มแย้มให้อีกต่างหาก ชายหนุ่มเห็นก็นึกอ่อนใจไปพร้อมกับเอ็นดูเจ้าตัวกลมอย่างยิ่ง
“มารดากับบิดาเจ้าอยู่ที่ใดหรือ” กลายเป็นว่าเขายังไม่อยากปล่อยเจ้าตัวกลมจากไป ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงอยากพูดคุยกับแม่หนูน้อยคนนี้มากนัก ทั้งที่ปกติเขาไม่ค่อยชอบเด็กวัยนี้เท่าไหร่
“ท่านแม่กำลังทำงานเจ้าค่ะ ข้าออกมาซื้อขนมไปให้ท่านแม่”
ฮุ่ยฮุ่ยเจือยแจ้วตามประสาการ ตอบโต้ของหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กก็เริ่มต้นขึ้น กลุ่มบุรุษที่มาด้วยต่างไม่กล้าทักท้วงสิ่งใด พวกเขาทำได้เพียงยืนรอเงียบ ๆ เช่นนั้น
เสี่ยวลี่กลัวว่าบุรุษคนนั้นจะรำคาญคุณหนู แต่พอลอบสำรวจอย่างระวังก็พบว่านอกจากยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาก็ไม่มีแววมาดร้ายหรือหงุดหงิด ถึงอย่างนั้นนางก็เกรงใจแขกของฮูหยินอยู่ดี จองห้องส่วนตัวนับว่าไม่ธรรมดา
“คุณหนูเจ้าขา ป่านนี้ฮูหยินคงจะรอนานแล้ว พวกเราอย่ารบกวนเวลาของนายท่าน ท่านนี้เลยนะเจ้าค่ะ”
ฮุ่ยฮุ่ยตัดสินใจได้ไม่นานเมื่อเสี่ยวลี่ยกมารดาเข้ามาอ้าง นางพยักหน้าหันมายิ้มจนดวงตาปิดบอกลาง่าย ๆ ว่า
“ท่านลุง ข้าคงไม่รบกวนท่านแล้ว ขออภัยอีกครั้งที่รบกวนการพักผ่อนของท่านเจ้าค่ะ”
บุรุษคนนั้นเพียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะนึกบางอย่างได้เมื่อตัดสินใจได้แล้ว มือหนาหยิบพู่ห้อยเอวส่งให้เด็กน้อย ฮุ่ยฮุ่ยเอียงคอไม่กล้ารับด้วยท่านแม่เคยสอนว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้า แม้นางจะพูดคุยกับท่านลุงและยังเรียกอย่างสนิทสนมแต่ก็ยังไม่รู้จักกันดีพอ
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจที่สาวน้อยระวังตัวไม่สมกับเด็กวัยเท่านี้เลย นั่นยิ่งทำให้เขาชอบนางมากขึ้นไปอีก
น้ำเสียงทุ้มจึงยิ่งนุ่มนวลช้าชัดขึ้นอีกหลายส่วน “ข้ามอบให้ด้วยนึกเอ็นดูเจ้า อย่าได้คิดว่าข้าไม่หวังดี อีกหน่อยสิ่งนี้จักเป็นผลดีสำหรับเจ้า”
มือหนาคว้ามือน้อยนุ่มวางพู่ห้อยเอวของตนลงไปทำให้ฮุ่ยฮุ่ยยากปฏิเสธ นางรับเอาไว้ย่อกายอย่างชดช้อยเพื่อเป็นการขอบคุณ
“ขอบคุณในความเมตตาเจ้าค่ะท่านลุง”
สาวน้อยจากไปแล้วจึงได้เวลากินข้าวเสียที ใบหน้าที่เคยอ่อนละมุนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเย็นชา รอจนเขานั่งลงแล้วทุกคนถึงนั่งลงตาม หนึ่งในนั้นก็ถามขึ้นว่า
“นายท่านจะให้ข้าสืบเรื่องของเด็กคนนั้นไหมขอรับ”
“ไม่จำเป็น วันหน้ายังต้องพบกันอีกถึงเวลานั้นคงได้รู้ว่าผู้ใดคือมารดาของนาง” และเขาก็จะรู้ว่าผู้ใดคือเจ้าของร้านเปิดใหม่แห่งนี้ ทว่าใบหน้าของสาวน้อยคนนี้คล้ายใครบางคนที่เขาไม่พบหน้านานแล้ว หวังว่าจะไม่กลายเป็นจุดใต้ตำตอหรอกนะ
จากที่เด็กน้อยเอ่ยถึงไม่กี่ประโยคทำให้เขาสนใจเป็นอย่างมาก ไหนจะท่าทีเคารพรักปนชื่นชมมารดาทุกครั้ง พานให้เขาอยากพบหน้าของนางเสียจริง ว่าเป็นสตรีประเภทใดถึงสั่งสอนบุตรสาวให้น่ารักวางตัวดีแล้วยังฉลาดเฉียบแหลมเพียงนี้
*****
ผู้ใด๋มาล่อลวงต้าวก้อนแป้งของหมู่เฮา
มีให้ยงให้หยกด้วยนะ
ด้านเหอจินหนานบอกว่าจะมาหาฮุ่ยฮุ่ย ตอนนางลงมาจากห้องทำงานชั้นสามก็เจอลูกกับเสี่ยวลี่เดินมาพอดี“ท่านแม่~ ข้าไปซื้อขนมมาแต่หิวมากเลยเจ้าค่ะ” ฮุ่ยฮุ่ยลืมไปแล้วว่าตัวเองเจอคนแปลกหน้าแล้วยังได้ของจากเขามา ตอนนี้นางหิวไส้กิ่วแล้วอยากกินอาหารรสมือของท่านแม่ที่สุด“ได้เลย แม่กำลังกังวลว่าเจ้าไปวิ่งเล่นจนลืมหิวเสียแล้ว” เหอจินหนานอุ้มเจ้าตัวน้อยแต่น้ำหนักไม่น้อยเข้ามาในอ้อมแขน ฮุ่ยฮุ่ยกอดคอท่านแม่ซบไหล่อย่างออดอ้อน“ข้าจะกินข้าวกับท่านแม่เจ้าค่ะ”“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปรอที่ห้องส่วนตัวของเรา แม่จะไปทำอาหารมาให้เจ้า”เสี่ยวลี่รับคุณหนูมาอุ้มแล้วพาไปที่ห้องอาหารส่วนตัว ห้องนี้จัดเอาไว้สำหรับฮูหยินและคุณหนูเท่านั้น ส่วนเรื่องที่คุณหนูพบเจอคนผู้หนึ่งและได้รับพู่ห้อยเอวมานางไม่ลืมรายงานแน่นอน เพียงต้องรอให้กลับถึงจวนจึงสะดวกกว่าอีกด้านของแคว้น ชายแดนที่มีสงครามไม่จบไม่สิ้นมาหลายปี ขบวนขนส่งเสบียงจากเมืองหลวงก็มาถึงแล้ว มีนายทหารชั้นผู้น้อยจำนวนหนึ่งยกหีบห่อเดินตรงมายังกระโจมที่พักของนายทหารชั้นสูง นายทหารกลุ่มนั้นหยุดยืนหน้ากระโจมขานเรียกคนด้านในว่า“ท่านรองแม่ทัพ มีของจากตระกูลเฝิงฝากมากับขบวนขนส่งเ
ส่วนคนที่สร้างปรากฏการณ์ก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองหลวง ตอนเช้าตื่นนอนอยู่กับลูก สายหน่อยพาลูกเข้าไปที่ร้าน ช่วงบ่ายนั่งทำบัญชี ตกเย็นก็กลับจวนสอนหนังสือเล่นสนุกกับลูกเป็นเช่นนี้วนเวียนไปจนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนด้านคนที่เงียบมานานอย่างเหอจินเหยาก็ระแคะระคายแล้วถึงร้านขายอาหารที่คนทั่วไปเอ่ยถึง แม้แต่องค์รัชทายาทยังหลุดปากเอ่ยชม นางคับข้องใจจึงสั่งให้คนไปซื้อมาสองสามอย่าง ก่อนคิ้วจะกระตุกเมื่อพบอาหารแสนคุ้นตา“คุณหนู รสชาตินับว่าเลิศรสเจ้าค่ะ” ชุนถิงสาวใช้คนสนิทของเหอจินเหยาชิมอาหารพวกนี้ก็ตกตะลึงเมื่อพบว่ารสชาติของมันอร่อยล้ำกว่าอาหารในภัตตาคารที่นางเคยได้ชิมเป็นไหน ๆเหอจินเหยาเวลานี้ตื่นตัวว่าอาจมีคนมาจากที่เดียวกับนาง จะมาสนใจชิมรสชาติมันเสียที่ไหน ดวงตาหงส์มองผัดกระเพาะหมูสับไข่ดาวตรงหน้าด้วยแววตาล้ำลึก ชุนถิงรับใช้คุณหนูมาค่อนข้างนานเห็นท่าทางเช่นนั้นก็กลับมาสงบเสงี่ยม ตัดใจมองข้ามความอร่อยอย่างไหวตัวทัน“ให้คนไปสืบว่าใครคือเจ้าของร้าน”“เจ้าค่ะ”เหอจินเหยายังคงจับจ้องอาหารคุ้นตาแล้วใช้ความคิด หัวใจของนางเต้นรัวพลางถามตัวเองว่าใครคือคนนั้น จะใช้มิตรหรือศัตรู เดี๋ยวคงรู้กันกลั
เหอจินหนาน คือบุตรสาวตัวปลอมของตระกูลเหอ ที่บอกว่าตัวปลอมนั้นคงต้องย้อนความไปถึงเรื่องราวอันซับซ้อนในอดีตตัวนางในวัยทารกถูกสลับสับเปลี่ยนตัวกับบุตรสาวตัวจริงของตระกูลเหอ จนวันหนึ่งที่ชีวิตกำลังเดินอยู่บนเส้นทางสวยงาม ความจริงกลับมาเยือนอย่างไม่อาจตั้งตัวรับทัน เจ้าของตัวจริงมาทวงคืน หลักฐานแน่ชัดนางจึงกลายเป็นตัวแย่งชีวิตดี ๆ ของผู้อื่นไปแม้ความรักความเอ็นดูที่มารดาและบิดามอบให้จะเป็นของจริง แต่พอบุตรสาวตัวจริงกลับมาทั้งสองก็หันไปทุ่มเททุกอย่างให้อีกฝ่ายจนหมดส่วนนางตลอดชีวิตเกือบยี่สิบปี นางช่วงชิงชีวิตสุขสบายของผู้อื่น แม้จะหน้าด้านเพียงใดหากอีกฝ่ายปรากฏตัวย่อมมีความละอายแก่ใจ จึงยอมหลีกทางแต่โดยดี ใช้ชีวิตเงียบ ๆ ในจวนต่อไปในฐานะบุตรสาวบุญธรรม ปล่อยให้ตัวจริงเชิดฉายสร้างชื่อเสียงดีงามแก่ตระกูลเหอ ให้ทุกคนค่อย ๆ ลืมว่านางคือข้อผิดพลาดของตระกูลเหอน่าเศร้าแม้นางจะใช้ชีวิตจืดจางเพียงใด กลับไม่อาจรอดพ้นหน้าที่สำคัญเช่นการแต่งงานตามหน้าที่ไปได้ใครต่างทราบดีว่าตระกูลเหอภักดีต่อองค์รัชทายาท แล้วเหตุใดนางผู้เป็นบุตรสาวบุญธรรมกลับต้องแต่งงานกับรองแม่ทัพคนหนึ่งและเขายืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามด้ว
“โอ๊ย!! บ้าจริง!” พิมลนาฏตื่นขึ้นหลังจากเธอรู้สึกว่าตัวเองถูกจับหมุนด้วยมือที่มองไม่เห็น“ฮูหยินเจ้าขา ฮูหยินท่านฟื้นแล้ว!!”“ฮือออ ทะ ท่านแม่ ฮึก ท่านแม่”พิมลนาฏหลับตายกมือจับหัวที่ปวดจี๊ดจากเสียงร่ำไห้ข้างหู มันดังผสมปนเปจนน่ารำคาญ ถึงจะรู้ว่าเรื่องเป็นเช่นนี้เธอก็ยังปรับตัวไม่ได้อยู่ดีในโลกไม่คุ้นเคยนี้ เธอดันต้องใช้ชีวิตเป็นฮูหยินของผู้อื่น เป็นแม่ของเด็กน้อย เป็นเจ้านายของใครอีกหลายคน มากที่สุดคือหิวน้ำมาก!พิมลนาฏพ่นลมหายใจแรง ๆ ลืมตามองคนทั้งสองที่นั่งร้องไห้จนตาแดงอยู่ข้างเตียงนิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวลุกจ่ากท่านอนโดยมีความช่วยเหลือของเด็กสาวคนหนึ่ง“ขอน้ำหน่อย”กานลู่ ผละจากผู้เป็นนายปาดเช็ดน้ำตาแล้วรินน้ำต้มสุกจากกาส่งให้ หลังจิบน้ำจนรู้สึกดีแล้วก็หันไปยิ้มบางให้เป็นการขอบคุณ“ขอบใจเจ้ามาก”“ข้าเต็มใจทำหน้าที่ดูแลฮูหยินกับคุณหนูเจ้าค่ะ”พิมลนาฏหรือตอนนี้คือเหอจินหนานหันเหสายตามองดวงหน้ากลมอิ่ม เนื้อตัวอวบอ้วนผิวขาวใสในชุดสีเหลือง มัดผมทรงซาลาเปาผูกเชือกสีเดียวกับชุดด้วยแววตาอ่อนโยนเด็กน้อยร้องไห้จนน้ำตาอาบหน้า ดวงตาแดงเรื่อ จมูกกับปากที่เบะน้อย ๆ แดงก่ำน่ารักน่าสงสารในครา
ผ่านการสวมร่างมาสิบวัน เหอจินหนานใช้ชีวิตกับบุตรสาวอย่างเรียบง่าย นางคอยสั่งสอนความคิดและสิ่งต่าง ๆ มากมาย รวมถึงจับมือน้อยเขียนพู่กัน ดีร้ายยังไงตอนเรียนมหาลัยนางก็ลงเรียนภาษาจีนและการเขียนอักษรจีนโบราณด้วยพู่กันอยู่หนึ่งปีเพื่อเป้าหมายเดียว นั่นคือการหาผู้ชายที่ตรงกับพระเอกในซีรีย์มาเป็นแฟน แต่เหมือนมันจะสูญเปล่าในตอนนั้น เมื่อไม่มีใครก้าวเข้ามาในชีวิตอันเหี่ยวแห้งนี้เลย ใครจะคิดว่าวันหนึ่งต้องมาจับมือของลูกเขียนอักษร ถือว่าใช้เงินลงเรียนได้คุ้มค่าแล้วกานลู่ก็มิสงสัยว่านางไม่ใช่เหอจินหนานตัวจริง พูดก็พูด เหอจินหนานถือว่าเป็นสตรีงดงงามฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง การเรียนของสตรีไม่เคยทิ้ง ยังสำเร็จการศึกษาจนอาจารย์ที่สอนสั่งชื่นชม นางจำได้ตอนอาจารย์แต่ละท่านออกปากชม เหอฮูหยินมีความสุขจนมอบเครื่องประดับราคาแพงให้สองชุดนอกจากนั้นเหอจินหนานยังสนใจเรื่องของทหารและกลยุทธต่าง ๆ อีกด้วยนับดูแล้วคนจวนเหอเลี้ยงดูนางมายี่สิบปี มีสิ่งใดดีก็มอบให้ตลอด พอบุตรสาวตัวจริงปรากฏตัวแม้ไม่ละเลยก็มิอยากสนใจนางอีกคนในจวนเหอคุ้นเคยกับนางมาหลายสิบปี ตอนเหอจินเหยามาก็ยังไม่ทอดทิ้งเสียทีเดียว แต่เหมือนว่าคุณหนูตัวจ
“จ้างช่างไม้มาทำไมหรือเจ้าคะ”“ข้าจะทำของเล่นให้ฮุ่ยฮุ่ย เสี่ยวลี่บอกว่าบิดากับพี่ชายของนางเก่งเรื่องไม้ ข้าจึงลองให้โอกาส” เหอจินหนานนึกภาพของเล่นที่นางวาดเอาไว้ถูกทำออกมาเป็นของจริง ฮุ่ยฮุ่ยคงชอบจนต้องร้องกรีดแน่นอนกานลู่พอรู้มาบ้างว่าบิดากับพี่ชายของเสี่ยวลี่เป็นช่างไม้ หากเป็นฮูหยินก่อนป่วยไข้คงไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยของบ่าวไพร่ขนาดนี้ มิใช่ว่าเมื่อก่อนไม่ดีแต่นางคิดว่าฮูหยินไร้ใจไปสักหน่อย“เจ้าว่าเสี่ยวลี่ใช้ได้หรือไม่”“ใช้ได้เลยเจ้าค่ะ หนึ่งปีมานี้นางไม่เกียจคร้านใฝ่เรียนรู้งานต่าง ๆ ส่วนเรื่องไหวพริบและความฉลาด..นับว่ามีพอสมควร” กานลู่วิเคราะห์อย่างเป็นกลาง ไม่มีน้ำเสียงขุ่นเคืองที่เห็นฮูหยินยกสาวใช้คนหนึ่งมาทำงานข้างกายร่วมกับนางเหอจินหนานยิ้มกว้างกล่าวว่า “คงต้องฝากเจ้าช่วยสอนสั่งนางให้มากกว่านี้”“ได้เจ้าค่ะฮูหยิน”มีคนมาช่วยงานนับว่าดี ยิ่งคนที่นางสอนเองกับมือ อนาคตกานลู่ย่อมวางใจหากต้องไปจัดการเรื่องสำคัญแทนฮูหยินแล้วปล่อยให้เสี่ยวลี่คอยดูแลฮูหยินแทน“คุณหนู! เหตุใดถึงซุกซนเช่นนี้! หากยังมิหยุดดื้อดึงบ่าวจะไม่พาไปหาฮูหยินนะเจ้าคะ!”สองนายบ่าวที่เดินกันไปคุยกันไปเข้ามาใน
“ตามสบายเถอะ แล้วดูว่าสิ่งที่ข้าจะให้พวกท่านทำพอเป็นไปได้หรือไม่”พูดจบเหอจินหนานพาคนทั้งสองเดินไปที่ลานซึ่งตั้งใจว่าจะวางของเล่นไว้ พลางส่งกระดาษที่วาดรูปของเล่นต่าง ๆ ให้เค่อเจี้ยนดูว่าพอจะทำได้หรือไม่เค่อเจี้ยนทำงานเป็นช่างไม้มานับยี่สิบปีพอมองรูปภาพที่มีรายละเอียดชัดเจนก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจ“ทำได้ขอรับ”“เยี่ยม เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง หากงานออกมาถูกใจข้าย่อมว่าจ้างงานอื่นต่อไป”ลู่ทางทำเงินของนางคือการขายอาหารริมทาง และสูตรข้าวมันไก่น้ำจิ้มรสเด็ดของพ่อกับแม่จะต้องให้คนจีนโบราณเปิดหูเปิดตานางเป็นลูกคนเดียว พอพ่อกับแม่จากไปมันจึงเป็นของนาง ทว่างานที่ทำมาตลอดสนุกกว่าจึงปล่อยสูตรข้าวมันไก่ไว้ในความทรงจำ วันนี้ได้เวลานำออกมาโกยตำลึงเข้ากระเป๋าแล้ว ยังมีข้าวขาหมูเนื้อฉ่ำ ๆ ขอแค่อาหารอร่อยถูกปากราคาถูกใจ นางคงรวยขึ้นเป็นกอบเป็นกำก่อนทุกอย่างจะเลวร้าย“ส่วนระยะเวลาพวกข้าขอไม่เกินสิบวันขอรับ” เค่อเจี้ยนพูดอย่างมั่นใจทำให้เหอจินหนานเลิกคิ้วแปลกใจ“พวกเรามีคนงานที่เคยทำด้วยกันแต่ตอนนี้แยกย้ายเพราะไม่มีงานเข้ามา ถ้าเรียกมาช่วยพร้อมค่าจ้างย่อมไม่มีปัญหาขอรับ” เค่อจิ้นตงคลายความสงสัยทำ
ในเมื่ออยากเปิดร้านอาหารจานด่วน นางต้องทดสอบฝีมือของตนเองและทบทวนสูตรในความทรงจำด้วย ยังดีว่าเครื่องปรุงและวัตถุดิบหาได้ไม่ยาก ไม่มีสิ่งไหนก็พอใช้อย่างอื่นทดแทนกันได้ พอชิมรสชาติแล้วพบว่าพอใช้ คนในยุคนี้น่าจะชอบกานลู่ยื่นหน้ามองข้าวที่ถูกหุงจนขึ้นเม็ด สีของมันเหลืองสวยกลิ่นหอมเครื่องเทศฟุ้งไปทั่วครัว ด้านบนมีไก่หนังมันวาวโป๊ะทับอีกที นางกลืนน้ำลายอย่างหิวโหย เหอจินหนานไม่ได้ให้คนสนิทรอนานก็ตักข้าวใส่ถ้วย คว่ำลงบนจาน คีบไก่ออกมาเลาะกระดูกสับเป็นชิ้น ๆ วางบนข้าวอีกทีจัดจานด้วยแตงกวาปอกสีขาวและผักชีสีเขียว เคียงกันกับถ้วยน้ำจิ้ม นางยังวานให้เค่อเจี้ยนทำช้อนกับส้อมไม้มาหลายคู่ สั่งตอนเช้าได้ตอนเย็นถือว่าทำงานรวดเร็วมาก“เจ้าลองชิมดู”กานลู่ลังเลไม่ยอมรับจานอาหารแปลกตาแต่กลิ่นหอมจนน้ำลายไหล ไม่ใช่ว่านางกลัวกินแล้วท้องเสียแต่นางกำลังเกรงใจฮูหยิน เหอจินหนานจึงดันจานใส่อกของคนสนิททำท่าจะปล่อย คนเสียดายของจึงรีบรับเอาไว้อย่างรวดเร็ว“อร่อยยิ่งนักเจ้าค่ะฮูหยิน” แม่ครัวสิงอุทานออกมาหลังตักชิมไปคำใหญ่ ไม่ทราบนางไปจัดการของอร่อยได้ยังไง ข้าวมันไก่ในจานถึงมีรูปแบบไม่ต่างไปจากของกานลู่นักแม้จะใช้
ส่วนคนที่สร้างปรากฏการณ์ก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองหลวง ตอนเช้าตื่นนอนอยู่กับลูก สายหน่อยพาลูกเข้าไปที่ร้าน ช่วงบ่ายนั่งทำบัญชี ตกเย็นก็กลับจวนสอนหนังสือเล่นสนุกกับลูกเป็นเช่นนี้วนเวียนไปจนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนด้านคนที่เงียบมานานอย่างเหอจินเหยาก็ระแคะระคายแล้วถึงร้านขายอาหารที่คนทั่วไปเอ่ยถึง แม้แต่องค์รัชทายาทยังหลุดปากเอ่ยชม นางคับข้องใจจึงสั่งให้คนไปซื้อมาสองสามอย่าง ก่อนคิ้วจะกระตุกเมื่อพบอาหารแสนคุ้นตา“คุณหนู รสชาตินับว่าเลิศรสเจ้าค่ะ” ชุนถิงสาวใช้คนสนิทของเหอจินเหยาชิมอาหารพวกนี้ก็ตกตะลึงเมื่อพบว่ารสชาติของมันอร่อยล้ำกว่าอาหารในภัตตาคารที่นางเคยได้ชิมเป็นไหน ๆเหอจินเหยาเวลานี้ตื่นตัวว่าอาจมีคนมาจากที่เดียวกับนาง จะมาสนใจชิมรสชาติมันเสียที่ไหน ดวงตาหงส์มองผัดกระเพาะหมูสับไข่ดาวตรงหน้าด้วยแววตาล้ำลึก ชุนถิงรับใช้คุณหนูมาค่อนข้างนานเห็นท่าทางเช่นนั้นก็กลับมาสงบเสงี่ยม ตัดใจมองข้ามความอร่อยอย่างไหวตัวทัน“ให้คนไปสืบว่าใครคือเจ้าของร้าน”“เจ้าค่ะ”เหอจินเหยายังคงจับจ้องอาหารคุ้นตาแล้วใช้ความคิด หัวใจของนางเต้นรัวพลางถามตัวเองว่าใครคือคนนั้น จะใช้มิตรหรือศัตรู เดี๋ยวคงรู้กันกลั
ด้านเหอจินหนานบอกว่าจะมาหาฮุ่ยฮุ่ย ตอนนางลงมาจากห้องทำงานชั้นสามก็เจอลูกกับเสี่ยวลี่เดินมาพอดี“ท่านแม่~ ข้าไปซื้อขนมมาแต่หิวมากเลยเจ้าค่ะ” ฮุ่ยฮุ่ยลืมไปแล้วว่าตัวเองเจอคนแปลกหน้าแล้วยังได้ของจากเขามา ตอนนี้นางหิวไส้กิ่วแล้วอยากกินอาหารรสมือของท่านแม่ที่สุด“ได้เลย แม่กำลังกังวลว่าเจ้าไปวิ่งเล่นจนลืมหิวเสียแล้ว” เหอจินหนานอุ้มเจ้าตัวน้อยแต่น้ำหนักไม่น้อยเข้ามาในอ้อมแขน ฮุ่ยฮุ่ยกอดคอท่านแม่ซบไหล่อย่างออดอ้อน“ข้าจะกินข้าวกับท่านแม่เจ้าค่ะ”“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปรอที่ห้องส่วนตัวของเรา แม่จะไปทำอาหารมาให้เจ้า”เสี่ยวลี่รับคุณหนูมาอุ้มแล้วพาไปที่ห้องอาหารส่วนตัว ห้องนี้จัดเอาไว้สำหรับฮูหยินและคุณหนูเท่านั้น ส่วนเรื่องที่คุณหนูพบเจอคนผู้หนึ่งและได้รับพู่ห้อยเอวมานางไม่ลืมรายงานแน่นอน เพียงต้องรอให้กลับถึงจวนจึงสะดวกกว่าอีกด้านของแคว้น ชายแดนที่มีสงครามไม่จบไม่สิ้นมาหลายปี ขบวนขนส่งเสบียงจากเมืองหลวงก็มาถึงแล้ว มีนายทหารชั้นผู้น้อยจำนวนหนึ่งยกหีบห่อเดินตรงมายังกระโจมที่พักของนายทหารชั้นสูง นายทหารกลุ่มนั้นหยุดยืนหน้ากระโจมขานเรียกคนด้านในว่า“ท่านรองแม่ทัพ มีของจากตระกูลเฝิงฝากมากับขบวนขนส่งเ
“เอาละ มาเริ่มปรุงรสชาติเพื่อหมักหมูกันเถอะ”เหอจินหนานล้างมือแล้วหยิบเครื่องปรุงกะปริมาณเท่ากับเนื้อหมู คนทั้งสองกำลังเริ่มปรุงเครื่อง เสียงของฮุ่ยฮุ่ยก็ดังเข้ามาก่อนตัวเสียอีก“ท่านแม่เจ้าขา ท่านแม่”เหอจินหนานจำต้องหยุดทุกอย่างแล้วหันมามองดูลูกสาวตัวน้อยที่ยามนี้หน้าตามอมแมม ชุดสวยงามถูกเปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายสีเรียบ เสี่ยวลี่กลัวว่าตอนที่ฮุ่ยนฮุ่ยเล่นสนุกในสนามเด็กเล่นชุดราคาแพงจะเสียหายจึงลงมือเย็บชุดใหม่สำหรับเล่นสนุกโดยเฉพาะขึ้นมาหลายชุด มันทำจากผ้าฝ้ายแต่ก็เนื้อดีกว่าชุดของชาวบ้านทั่วไป“ลูกเบื่อของเล่นพวกนั้นแล้วหรือจึงวิ่งมาหาแม่ที่นี่” มือบางเกลี่ยแก้มที่มีเม็ดทรายเกาะ ก้มตัวจนใบหน้าเกือบเสมอกับลูก ถามอย่างหยอกเย้า“เปล่าเจ้าค่ะ ลูกไม่ได้เบื่อและไม่มีทางเบื่อของเล่นที่ท่านแม่ทำมาให้” ฮู่ยฮุ่ยส่ายหน้าจนแก้มสั่น มันแดงระเรื่อน่าหอมหน้ากัดมากสำหรับคนหลงลูกอย่างเหอจินหนาน นางใจเย็นมากพอให้ลูกพูดต่อไปว่า“แต่ว่าพ่อบ้านเฝิงพาคนไปลงสระที่ไร่กลับมาแล้ว แถมยังขนปลาตัวใหญ่มาเยอะมากเลยเจ้าค่ะ!”ฮุ่ยฮุ่ยพูดจบบ่าวชายหลายคนก็ขนถังไม้เข้ามาหลายถัง เหอจินหนานจูงมือลูกที่กระตือรือร้นอยากพานาง
ในเมื่ออยากเปิดร้านอาหารจานด่วน นางต้องทดสอบฝีมือของตนเองและทบทวนสูตรในความทรงจำด้วย ยังดีว่าเครื่องปรุงและวัตถุดิบหาได้ไม่ยาก ไม่มีสิ่งไหนก็พอใช้อย่างอื่นทดแทนกันได้ พอชิมรสชาติแล้วพบว่าพอใช้ คนในยุคนี้น่าจะชอบกานลู่ยื่นหน้ามองข้าวที่ถูกหุงจนขึ้นเม็ด สีของมันเหลืองสวยกลิ่นหอมเครื่องเทศฟุ้งไปทั่วครัว ด้านบนมีไก่หนังมันวาวโป๊ะทับอีกที นางกลืนน้ำลายอย่างหิวโหย เหอจินหนานไม่ได้ให้คนสนิทรอนานก็ตักข้าวใส่ถ้วย คว่ำลงบนจาน คีบไก่ออกมาเลาะกระดูกสับเป็นชิ้น ๆ วางบนข้าวอีกทีจัดจานด้วยแตงกวาปอกสีขาวและผักชีสีเขียว เคียงกันกับถ้วยน้ำจิ้ม นางยังวานให้เค่อเจี้ยนทำช้อนกับส้อมไม้มาหลายคู่ สั่งตอนเช้าได้ตอนเย็นถือว่าทำงานรวดเร็วมาก“เจ้าลองชิมดู”กานลู่ลังเลไม่ยอมรับจานอาหารแปลกตาแต่กลิ่นหอมจนน้ำลายไหล ไม่ใช่ว่านางกลัวกินแล้วท้องเสียแต่นางกำลังเกรงใจฮูหยิน เหอจินหนานจึงดันจานใส่อกของคนสนิททำท่าจะปล่อย คนเสียดายของจึงรีบรับเอาไว้อย่างรวดเร็ว“อร่อยยิ่งนักเจ้าค่ะฮูหยิน” แม่ครัวสิงอุทานออกมาหลังตักชิมไปคำใหญ่ ไม่ทราบนางไปจัดการของอร่อยได้ยังไง ข้าวมันไก่ในจานถึงมีรูปแบบไม่ต่างไปจากของกานลู่นักแม้จะใช้
“ตามสบายเถอะ แล้วดูว่าสิ่งที่ข้าจะให้พวกท่านทำพอเป็นไปได้หรือไม่”พูดจบเหอจินหนานพาคนทั้งสองเดินไปที่ลานซึ่งตั้งใจว่าจะวางของเล่นไว้ พลางส่งกระดาษที่วาดรูปของเล่นต่าง ๆ ให้เค่อเจี้ยนดูว่าพอจะทำได้หรือไม่เค่อเจี้ยนทำงานเป็นช่างไม้มานับยี่สิบปีพอมองรูปภาพที่มีรายละเอียดชัดเจนก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจ“ทำได้ขอรับ”“เยี่ยม เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง หากงานออกมาถูกใจข้าย่อมว่าจ้างงานอื่นต่อไป”ลู่ทางทำเงินของนางคือการขายอาหารริมทาง และสูตรข้าวมันไก่น้ำจิ้มรสเด็ดของพ่อกับแม่จะต้องให้คนจีนโบราณเปิดหูเปิดตานางเป็นลูกคนเดียว พอพ่อกับแม่จากไปมันจึงเป็นของนาง ทว่างานที่ทำมาตลอดสนุกกว่าจึงปล่อยสูตรข้าวมันไก่ไว้ในความทรงจำ วันนี้ได้เวลานำออกมาโกยตำลึงเข้ากระเป๋าแล้ว ยังมีข้าวขาหมูเนื้อฉ่ำ ๆ ขอแค่อาหารอร่อยถูกปากราคาถูกใจ นางคงรวยขึ้นเป็นกอบเป็นกำก่อนทุกอย่างจะเลวร้าย“ส่วนระยะเวลาพวกข้าขอไม่เกินสิบวันขอรับ” เค่อเจี้ยนพูดอย่างมั่นใจทำให้เหอจินหนานเลิกคิ้วแปลกใจ“พวกเรามีคนงานที่เคยทำด้วยกันแต่ตอนนี้แยกย้ายเพราะไม่มีงานเข้ามา ถ้าเรียกมาช่วยพร้อมค่าจ้างย่อมไม่มีปัญหาขอรับ” เค่อจิ้นตงคลายความสงสัยทำ
“จ้างช่างไม้มาทำไมหรือเจ้าคะ”“ข้าจะทำของเล่นให้ฮุ่ยฮุ่ย เสี่ยวลี่บอกว่าบิดากับพี่ชายของนางเก่งเรื่องไม้ ข้าจึงลองให้โอกาส” เหอจินหนานนึกภาพของเล่นที่นางวาดเอาไว้ถูกทำออกมาเป็นของจริง ฮุ่ยฮุ่ยคงชอบจนต้องร้องกรีดแน่นอนกานลู่พอรู้มาบ้างว่าบิดากับพี่ชายของเสี่ยวลี่เป็นช่างไม้ หากเป็นฮูหยินก่อนป่วยไข้คงไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยของบ่าวไพร่ขนาดนี้ มิใช่ว่าเมื่อก่อนไม่ดีแต่นางคิดว่าฮูหยินไร้ใจไปสักหน่อย“เจ้าว่าเสี่ยวลี่ใช้ได้หรือไม่”“ใช้ได้เลยเจ้าค่ะ หนึ่งปีมานี้นางไม่เกียจคร้านใฝ่เรียนรู้งานต่าง ๆ ส่วนเรื่องไหวพริบและความฉลาด..นับว่ามีพอสมควร” กานลู่วิเคราะห์อย่างเป็นกลาง ไม่มีน้ำเสียงขุ่นเคืองที่เห็นฮูหยินยกสาวใช้คนหนึ่งมาทำงานข้างกายร่วมกับนางเหอจินหนานยิ้มกว้างกล่าวว่า “คงต้องฝากเจ้าช่วยสอนสั่งนางให้มากกว่านี้”“ได้เจ้าค่ะฮูหยิน”มีคนมาช่วยงานนับว่าดี ยิ่งคนที่นางสอนเองกับมือ อนาคตกานลู่ย่อมวางใจหากต้องไปจัดการเรื่องสำคัญแทนฮูหยินแล้วปล่อยให้เสี่ยวลี่คอยดูแลฮูหยินแทน“คุณหนู! เหตุใดถึงซุกซนเช่นนี้! หากยังมิหยุดดื้อดึงบ่าวจะไม่พาไปหาฮูหยินนะเจ้าคะ!”สองนายบ่าวที่เดินกันไปคุยกันไปเข้ามาใน
ผ่านการสวมร่างมาสิบวัน เหอจินหนานใช้ชีวิตกับบุตรสาวอย่างเรียบง่าย นางคอยสั่งสอนความคิดและสิ่งต่าง ๆ มากมาย รวมถึงจับมือน้อยเขียนพู่กัน ดีร้ายยังไงตอนเรียนมหาลัยนางก็ลงเรียนภาษาจีนและการเขียนอักษรจีนโบราณด้วยพู่กันอยู่หนึ่งปีเพื่อเป้าหมายเดียว นั่นคือการหาผู้ชายที่ตรงกับพระเอกในซีรีย์มาเป็นแฟน แต่เหมือนมันจะสูญเปล่าในตอนนั้น เมื่อไม่มีใครก้าวเข้ามาในชีวิตอันเหี่ยวแห้งนี้เลย ใครจะคิดว่าวันหนึ่งต้องมาจับมือของลูกเขียนอักษร ถือว่าใช้เงินลงเรียนได้คุ้มค่าแล้วกานลู่ก็มิสงสัยว่านางไม่ใช่เหอจินหนานตัวจริง พูดก็พูด เหอจินหนานถือว่าเป็นสตรีงดงงามฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง การเรียนของสตรีไม่เคยทิ้ง ยังสำเร็จการศึกษาจนอาจารย์ที่สอนสั่งชื่นชม นางจำได้ตอนอาจารย์แต่ละท่านออกปากชม เหอฮูหยินมีความสุขจนมอบเครื่องประดับราคาแพงให้สองชุดนอกจากนั้นเหอจินหนานยังสนใจเรื่องของทหารและกลยุทธต่าง ๆ อีกด้วยนับดูแล้วคนจวนเหอเลี้ยงดูนางมายี่สิบปี มีสิ่งใดดีก็มอบให้ตลอด พอบุตรสาวตัวจริงปรากฏตัวแม้ไม่ละเลยก็มิอยากสนใจนางอีกคนในจวนเหอคุ้นเคยกับนางมาหลายสิบปี ตอนเหอจินเหยามาก็ยังไม่ทอดทิ้งเสียทีเดียว แต่เหมือนว่าคุณหนูตัวจ
“โอ๊ย!! บ้าจริง!” พิมลนาฏตื่นขึ้นหลังจากเธอรู้สึกว่าตัวเองถูกจับหมุนด้วยมือที่มองไม่เห็น“ฮูหยินเจ้าขา ฮูหยินท่านฟื้นแล้ว!!”“ฮือออ ทะ ท่านแม่ ฮึก ท่านแม่”พิมลนาฏหลับตายกมือจับหัวที่ปวดจี๊ดจากเสียงร่ำไห้ข้างหู มันดังผสมปนเปจนน่ารำคาญ ถึงจะรู้ว่าเรื่องเป็นเช่นนี้เธอก็ยังปรับตัวไม่ได้อยู่ดีในโลกไม่คุ้นเคยนี้ เธอดันต้องใช้ชีวิตเป็นฮูหยินของผู้อื่น เป็นแม่ของเด็กน้อย เป็นเจ้านายของใครอีกหลายคน มากที่สุดคือหิวน้ำมาก!พิมลนาฏพ่นลมหายใจแรง ๆ ลืมตามองคนทั้งสองที่นั่งร้องไห้จนตาแดงอยู่ข้างเตียงนิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวลุกจ่ากท่านอนโดยมีความช่วยเหลือของเด็กสาวคนหนึ่ง“ขอน้ำหน่อย”กานลู่ ผละจากผู้เป็นนายปาดเช็ดน้ำตาแล้วรินน้ำต้มสุกจากกาส่งให้ หลังจิบน้ำจนรู้สึกดีแล้วก็หันไปยิ้มบางให้เป็นการขอบคุณ“ขอบใจเจ้ามาก”“ข้าเต็มใจทำหน้าที่ดูแลฮูหยินกับคุณหนูเจ้าค่ะ”พิมลนาฏหรือตอนนี้คือเหอจินหนานหันเหสายตามองดวงหน้ากลมอิ่ม เนื้อตัวอวบอ้วนผิวขาวใสในชุดสีเหลือง มัดผมทรงซาลาเปาผูกเชือกสีเดียวกับชุดด้วยแววตาอ่อนโยนเด็กน้อยร้องไห้จนน้ำตาอาบหน้า ดวงตาแดงเรื่อ จมูกกับปากที่เบะน้อย ๆ แดงก่ำน่ารักน่าสงสารในครา
เหอจินหนาน คือบุตรสาวตัวปลอมของตระกูลเหอ ที่บอกว่าตัวปลอมนั้นคงต้องย้อนความไปถึงเรื่องราวอันซับซ้อนในอดีตตัวนางในวัยทารกถูกสลับสับเปลี่ยนตัวกับบุตรสาวตัวจริงของตระกูลเหอ จนวันหนึ่งที่ชีวิตกำลังเดินอยู่บนเส้นทางสวยงาม ความจริงกลับมาเยือนอย่างไม่อาจตั้งตัวรับทัน เจ้าของตัวจริงมาทวงคืน หลักฐานแน่ชัดนางจึงกลายเป็นตัวแย่งชีวิตดี ๆ ของผู้อื่นไปแม้ความรักความเอ็นดูที่มารดาและบิดามอบให้จะเป็นของจริง แต่พอบุตรสาวตัวจริงกลับมาทั้งสองก็หันไปทุ่มเททุกอย่างให้อีกฝ่ายจนหมดส่วนนางตลอดชีวิตเกือบยี่สิบปี นางช่วงชิงชีวิตสุขสบายของผู้อื่น แม้จะหน้าด้านเพียงใดหากอีกฝ่ายปรากฏตัวย่อมมีความละอายแก่ใจ จึงยอมหลีกทางแต่โดยดี ใช้ชีวิตเงียบ ๆ ในจวนต่อไปในฐานะบุตรสาวบุญธรรม ปล่อยให้ตัวจริงเชิดฉายสร้างชื่อเสียงดีงามแก่ตระกูลเหอ ให้ทุกคนค่อย ๆ ลืมว่านางคือข้อผิดพลาดของตระกูลเหอน่าเศร้าแม้นางจะใช้ชีวิตจืดจางเพียงใด กลับไม่อาจรอดพ้นหน้าที่สำคัญเช่นการแต่งงานตามหน้าที่ไปได้ใครต่างทราบดีว่าตระกูลเหอภักดีต่อองค์รัชทายาท แล้วเหตุใดนางผู้เป็นบุตรสาวบุญธรรมกลับต้องแต่งงานกับรองแม่ทัพคนหนึ่งและเขายืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามด้ว