ฉันจ้องชายสองคนนั้นด้วยความตกใจขณะที่กอดเงินเหล่านั้นไว้แนบอก “พวกคุณพูดบ้าอะไรกัน!?”“ก็เจ้าแฟนหนุ่มของเธอน่ะ” ชายคนที่ตัวเล็กกว่าเยาะเย้ยขณะที่ผลักแอนโธนี่ออกเมื่อเขาพยายามจะเข้ามาหาฉัน “มันขายเธอให้กับดอน โบเน็ตติเพื่อจ่ายหนี้ส่วนหนึ่งของมันไง”“อะไรนะ!?” ฉันตะโกนถามขณะที่ลุกขึ้นยืนพรวดให้อาบอบนวดเหรอ!? พวกเขาจะให้ฉันไปขายบริการเหรอ!? ฉันก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังชนเข้ากับเคาน์เตอร์หลังบาร์ “พวกคุณน่าจะเข้าใจผิดไปแล้ว… พวกคุณจำผิดคนหรือเปล่า?” “ไม่ผิดแน่นอน” ชายคนแรกกล่าวขณะที่เอื้อมมือมาจับแขนฉันไว้ “ไอริส สก็อตต์ใช่ไหมล่ะ? ใช่ แฟนเธอเอารูปเธอให้พวกเราดูแล้ว พวกเราจำเธอได้ตั้งแต่ที่เธอขึ้นเวทีนั่น” เขาเอนตัวเข้าใกล้ฉันและขู่ “พวกเรารู้ด้วยว่าเธอเรียนอยู่ไหนและบ้านเพื่อนสนิทเธออยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดหนีเชียว” “นี่” ชายคนที่สองกล่าวขณะที่ยื่นโทรศัพท์ของเขามาให้ฉันดูวีดีโอที่กำลังเล่น ฉันจ้องไปที่หน้าจอทันทีเพราะว่าจำเสียงที่ได้ยินได้ฉันตกใจเมื่อตระหนักว่านั่นคือสตีเว่น ฉันเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อดูวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่าสตีเว่นกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเขาร้องไห้ขณะที่มีปืนจ่อห
ฉันขอบคุณแอนโธนี่ในใจขณะที่กอดเงินมุดผ้าม่านข้างหลังบาร์พุ่งตัวหนีฉันได้ยินเสียงคนตะโกนตามหลังและเสียงที่ฟังดูเหมือนจะเป็นหมัดที่กระทบใบหน้าใครบางคนพระเจ้า ฉันหวังว่าแอนโธนี่จะไม่เป็นอะไรแต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาที่จะเป็นห่วงเขาฉันได้ยินเสียงตะโกนอีกครั้งเมื่อวิ่งมาได้ครึ่งทางเดิน และตระหนักได้ทันทีว่าไม่มีทางที่ฉันจะหนีไปยังห้องแต่งตัวได้โดยที่ชายสองคนนั้นจะไม่เห็นฉันหากพวกเขากำลังตามฉันมา ฉันรู้ว่าตรงนี้มีตู้เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ฉันจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเปิดประตูเข้าไปแอบข้างในทันใดนั้นก็มีเสียงข้างในคลับดังขึ้น ปัง ปัง!ฉันสะดุ้งและเอามือปิดหูตัวเองทันที เสียงนั้นดังราวกับมีคนจุดพลุในคลับ หรือว่าจะเป็นเสียงปืน?เสียงคนตะโกนดังขึ้นจากห้องวีไอพี เหล่าผู้หญิงในห้องแต่งตัวเริ่มกรี๊ดและตื่นตระหนกฉันตกใจและหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้าลึกกว่าเดิมขณะที่ฟังเสียงฝีเท้าของผู้คนที่วิ่งไปตามทางเดิน ต่างพยายามหาทางหนีออกไป“เธอน่าจะไปที่ห้องแต่งตัว!” เสียงแหบห้าวตะโกนจากข้างหน้าตู้ ฉันกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความหวังที่จะรอด เพราะเสียงนั้นเหมือนกับเสียงชายตัวใหญ่“พวกแกมาทำอะไรในคลั
ฉันกรี๊ดอีกครั้งขณะที่ก้มหัวต่ำสุดเท่าที่จะทำได้จนเท้าของฉันเตะไปโดนต้นขาของเจ้าพ่อมาเฟีย“ไปสักทีสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกน “พวกมันจะตามเราทันอยู่แล้ว!”“หมอบลง!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนขณะที่ก้มหลบพลางป้องตัวฉันขณะที่แฟรงกี้หักขวาอย่างกะทันหัน เสียงล้อรถดังเสียดสีท้องถนนฉันกรีดร้องก่อนที่จะขดตัวกลมและร่ายบทสวดที่ฉันไม่ได้สวดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กและไปโรงเรียนคริสต์ซึ่งจริง ๆ ไม่เคยศรัทธาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ฉันกำลังอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ให้โปรดช่วยชีวิตฉันเสียงยิงปืนหยุดลงก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ว่าเจ้าพ่อมาเฟียได้ลุกจากตัวฉันแล้ว ฉันเริ่มเงยหน้า แต่ทันใดนั้นรถคันของเราก็เลื่อนไปด้านข้าง และไม่รู้ด้วยเหตุใด แต่ฉันบอกได้เลยว่าพวกเราถูกชนจากท้ายรถ“เลี้ยวสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ยิงปืนรัวออกนอกหน้าต่าง“ฉันเลี้ยวไม่ได้… ไม่มีที่…”“ไปที่ถนนสี่สิบสอง!” ชายที่นั่งข้างคนขับตะโกน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความกลัวอย่างชัดเจน“ได้!” แฟรงกี้ตะโกนตอบขณะที่หักขวาสุดวงเลี้ยวจนล้อรถฝั่งซ้ายลอยฉันตะโกนด้วยความกลัวขณะที่ตัวไถลไปมาที่เบาะหล
“เธอแตกต่างจากที่ฉันคาดไว้นิดหน่อยนะ เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” พี่คริสเตียนพูดพลางยิ้มมุมปากขณะที่เขามองลงมาที่ชุดนักเต้นเปลื้องผ้าของฉัน ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นแค่กางเกงชั้นในตัวจิ๋วเท่านั้น ฉันหน้าแดงก่ำทันที“โอ้พระเจ้า” ฉันพึมพำพลางห่อไหล่และเข้าไปใกล้เขาอีกเพราะคิดว่าถ้าเข้าไปใกล้กว่านี้ เขาจะได้มองไม่เห็นร่างกายของฉันทั้งหมดราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นทั้งหมดอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้ว ฉันคร่ำครวญด้วยความเขินอาย“ไม่ จริง ๆ นะ!” พี่คริสเตียนหัวเราะพลางถอยกลับเพื่อให้เห็นหน้าฉัน “เธอดูดีนะไอริส ฉันดีใจที่ได้เห็นว่าเธอยังคงเต้นอยู่ แม้... ฉันคิดว่าจะได้เห็นเธอในชุดบัลเล่ต์ระดับชาติ ไม่ใช่นักเต้นเปลื้องผ้าก็ตาม”ฉันถอนหายใจเล็กน้อยและส่ายหัวขณะที่จ้องมองเขา“ดูเหมือนว่าเราจะมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะเลยล่ะพี่คริสเตียน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครือ“ไม่ต้องห่วง” เขาพึมพำขณะที่ทัดผมของฉันไปไว้ข้างหลังหู “เรามีเวลาอีกเยอะ”พี่คริสเตียนเลื่อนฉันไปนั่งที่ที่นั่งตรงกลางโดยยังคงโอบแขนรอบกายฉันไว้เป็นการปกป้องขณะที่แฟรงกี้ขับรถเอสยูวีสภาพทรุดโทรมของเราเข้าไปในโรงจอดรถในอาคารอะพาร์ตเมนต์สูงระ
“คือ” เขากล่าวพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย “ฉันยังจำเธอได้ทันทีเลย แม้ดีเจจะแนะนำเธอว่าแบมบี้ก็ตาม”เสียงหัวเราะเบา ๆ ด้วยความตกใจหลุดออกจากปากของฉันและสุดท้ายก็อดไม่ได้ ฉันเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเต็มที่ “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่จะมาเจอฉันในคลับเปลื้องผ้า พี่คริสเตียน” ฉันพึมพำขณะมองขึ้นไปที่เพดาน “แม้แต่พี่เดมอนยังไม่รู้เลยว่าฉันทำงานที่นั่น”“โชคดีที่ฉันเจอเธอ” พี่คริสเตียนกล่าว ฉันก้มหน้าลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเขา “เธอหาเรื่องใส่ตัวอย่างหนักเลยนะเดซี่ เธอไปยุ่งเกี่ยวกับริคคาร์โด โบเน็ตติได้ยังไง?”ฉันถอนหายใจและสบตาเขา “เรื่องมันยาว ฉันเองก็เพิ่งรู้เอาคืนนี้เหมือนกัน ฉันยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ”“โอเค” พี่คริสเตียนพูดพลางมองไปทางหน้าต่างรถเมื่อได้ยินเสียงผิวปากดังขึ้น ฉันมองออกไปก็เห็นแฟรงกี้โบกมือเรียกเราให้ออกจากรถ “ยังไงเธอคงได้มีเวลาจัดการเรื่องนี้ที่นี่”ฉันขมวดคิ้วมองพี่คริสเตียนขณะที่เขาเปิดประตูรถออก“เดี๋ยวนะ” ฉันพูดขณะที่คว้าเสื้อของเขาอีกครั้ง เขาหันกลับมาหาฉัน “พี่จะไม่… พาฉันกลับบ้านเหรอ?”แต่ตอนที่พูดไปแบบนั้น ฉันก็ตระหนักว่า… ฉันไม่มีบ้านให้กลับอ
“ระวัง!” คริสเตียนโพล่งขณะที่จับไอริสไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้น เขาจับเธอไว้แน่นเพื่อให้เธอทรงตัวได้ ไอริสเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาโตสีฟ้าอย่างรู้สึกผิด แก้มของเธอแดงระเรื่ออย่างสมบูรณ์แบบให้ตายสิ ทำไมเธอต้องโตมาสวยขนาดนี้ด้วย?“เอ่อ” เธอพูดพลางมองลงไปที่ขาตนเอง “น่าอายจริง ๆ ฉันว่าฉันคงไม่สามารถ…”คริสเตียนมองตามลงไปและสังเกตว่าเข่าของเธอสั่น เขาสบถและโอบไหล่ไอริสแน่นขึ้นก่อนที่จะสอดแขนซ้ายใต้เข่าของเธอและอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนเธอตกใจเล็กน้อยเมื่อเขาอุ้มเธอ “ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ” เธอพึมพำ “ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไร…”“เธอกำลังตกใจน่ะไอริส” คริสเตียนถอนหายใจขณะที่อุ้มเธอแน่นแนบอก “เธอเพิ่งจะเคยเห็นคนยิงกันครั้งแรก โดนลักพาตัวครั้งแรกและโดนขับรถไล่ล่าครั้งแรกใช่ไหมล่ะ?” เขาทำท่ายักไหล่และยิ้มให้เธอพลางพยายามจะทำให้เธอหัวเราะ พระเจ้า เมื่อก่อนเขามักจะชอบทำให้เธอหัวเราะเสมอเธอยิ้มเล็กน้อย“ไม่เป็นไรนะหนูน้อย” คริสเตียนพึมพำ “พวกเราจะดูแลเธอเอง พร้อมไหม?”ไอริสพยักหน้าและคริสเตียนก็เริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าแฟรงกี้ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่คริสเตียนขณะที่เขาเดินมาด้านข้างแต่ไม่ได้พูดอะไรขณะ
ไอริสเซ็กซี่อย่างเหลือเชื่อ เธอมีพลังบนเวทีที่ทำให้บรรดาผู้ชายต้องคุกเข่า แต่เธอกลับรับมืออย่างไร้เดียงสาเสียอย่างนั้น?คริสเตียนคิดว่าไอริสคงไม่รู้ว่าเธอเจอสถานการณ์แบบไหนอยู่เพราะยังไงไอริสก็น่ารักเสมอมา แต่ที่ผ่านเธออ้วนและเชยเกินไปจนไม่สามารถมองว่าเซ็กซี่ได้พระเจ้า เธอเติบโตมาได้ดีจริง ๆพระเจ้าช่วยด้วยลิฟต์ส่งเสียงติ๊งก่อนที่ประตูจะเปิดออกคริสเตียนหายใจเข้าลึก ๆ ขณะเดินออกจากลิฟต์ นิโคเดินนำพวกเขาขณะที่แฟรงกี้เดินตามหลังเหมือนเช่นเคย ทุกคนมุ่งหน้าไปที่ประตูที่สุดทางเดินเมื่อคริสเตียนเห็นผู้ชายสองคนนั้นไปจับไอริสหลังบาร์ เขาก็เกือบจะลงมือสายเกินไป เขาเสียเวลามากเกินไปในการเจรจากับเบ็นที่นอนเลือดไหลอยู่บนพื้นและเอาแต่ตะโกนว่าคริสเตียนจะต้องชดใช้สำหรับเรื่องนี้อย่างไรดังนั้นคริสเตียนจึงเกือบจะพลาดไอ้เวรสองคนที่ตามไปคุกคามไอริส จนกระทั่งเธอตะโกน เขาจึงไปที่บาร์ทันที แต่เขาก็ต้องพลาดเธอไปอีกครั้งเมื่อบาร์เทนเดอร์ได้ใช้แชมเปญเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ชายสองคนนั้น ซึ่งถือว่าฉลาดมากแต่เมื่อชายสองคนหายตัวไปผ่านม่านและไปตามโถงทางเดิน คริสเตียนก็ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ในการออ
ฉันบิดตัวเล็กน้อยภายใต้สายตาของพี่คริสเตียนที่จ้องฉันโดยไม่พูดอะไร พระเจ้า สายตาของเขาช่างร้อนแรงเหลือเกิน ฉันแค่พูดเล่นเล็กน้อย แต่สายตาที่เขามองฉันนั้นมันอะไรกัน?เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?“ห้องนอนปลอดภัย เจ้านาย” นิโคพูดขณะก้าวออกมาจากห้องนอนหลักและมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเกือบจะในเวลาเดียวกับแฟรงกี้“ส่วนที่เหลือของอะพาร์ตเมนต์ก็เหมือนกัน” แฟรงกี้เสริมก่อนที่จะเข้าไปช่วยนิโคค้นตู้เย็น ฉันมองพวกเขาอย่างกระอักกระอ่วนใจและสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปคือ… จะให้ฉันนั่งอยู่ที่นี่ในเสื้อสูทของพี่คริสเตียนแบบนี้เหรอ? จนกว่าพวกเขาจะบอกว่าฉันไปได้? แล้วมันจะเมื่อไหร่กัน?“อยากได้น้ำสักขวดไหม?” พี่คริสเตียนถามและทำให้ฉันสะดุ้ง ฉันเงยหน้ามองเขา เขายกยิ้มให้กับความขี้ตกใจของฉันและโน้มตัวลงมาหาฉันเล็กน้อย “แค่น้ำดื่มน่ะไอริส ไม่ต้องมองฉันราวกับว่าฉันกำลังให้เธอเลือกระหว่างความเป็นและความตายหรอก”ฉันขมวดคิ้วหรี่ตามองเขาทันที เขายังคงยิ้มมุมปากเหมือนที่เคยทำเสมอมา พระเจ้า เราทำแบบนี้เป็นพันครั้งตอนเด็ก ๆ พี่คริสเตียนชอบแกล้งฉันไม่ใช่แบบที่ใจร้ายเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้วฉันก็จะขมวดคิ้ว และเขาก็จะยิ้มเ