ฉันบิดตัวเล็กน้อยภายใต้สายตาของพี่คริสเตียนที่จ้องฉันโดยไม่พูดอะไร พระเจ้า สายตาของเขาช่างร้อนแรงเหลือเกิน ฉันแค่พูดเล่นเล็กน้อย แต่สายตาที่เขามองฉันนั้นมันอะไรกัน?เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?“ห้องนอนปลอดภัย เจ้านาย” นิโคพูดขณะก้าวออกมาจากห้องนอนหลักและมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเกือบจะในเวลาเดียวกับแฟรงกี้“ส่วนที่เหลือของอะพาร์ตเมนต์ก็เหมือนกัน” แฟรงกี้เสริมก่อนที่จะเข้าไปช่วยนิโคค้นตู้เย็น ฉันมองพวกเขาอย่างกระอักกระอ่วนใจและสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปคือ… จะให้ฉันนั่งอยู่ที่นี่ในเสื้อสูทของพี่คริสเตียนแบบนี้เหรอ? จนกว่าพวกเขาจะบอกว่าฉันไปได้? แล้วมันจะเมื่อไหร่กัน?“อยากได้น้ำสักขวดไหม?” พี่คริสเตียนถามและทำให้ฉันสะดุ้ง ฉันเงยหน้ามองเขา เขายกยิ้มให้กับความขี้ตกใจของฉันและโน้มตัวลงมาหาฉันเล็กน้อย “แค่น้ำดื่มน่ะไอริส ไม่ต้องมองฉันราวกับว่าฉันกำลังให้เธอเลือกระหว่างความเป็นและความตายหรอก”ฉันขมวดคิ้วหรี่ตามองเขาทันที เขายังคงยิ้มมุมปากเหมือนที่เคยทำเสมอมา พระเจ้า เราทำแบบนี้เป็นพันครั้งตอนเด็ก ๆ พี่คริสเตียนชอบแกล้งฉันไม่ใช่แบบที่ใจร้ายเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้วฉันก็จะขมวดคิ้ว และเขาก็จะยิ้มเ
สีหน้าของนิโคยังคงเคร่งขรึม แต่ปากของแฟรงกี้กลับบิดเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขาพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเห็นได้ชัดพี่คริสเตียนถอนหายใจและเริ่มขยับเครื่องตรวจจับโลหะไปตามแขนซ้ายของฉันอย่างช้า ๆ โดยเริ่มจากปลายนิ้วแล้วเลื่อนเข้ามาที่ลำตัว“เช็คผมของเธอด้วย” นิโคสั่ง “อาจมีอะไรติดอยู่…ที่กิ๊บติดผมหรืออะไรทำนองนั้น”ฉันกลอกตาและหันกลับมามองพี่คริสเตียน ฉันรู้สึกดีใจที่เห็นว่าเขาเองก็กลอกตาเช่นกัน เขาตรวจสอบฉันอย่างละเอียด ฉันพบว่าตัวเองเสียสมาธิเล็กน้อยจากความใกล้ชิดของเขา มือของเขาเลื่อนใกล้ตัวฉันมากแต่ไม่สัมผัสฉันเลยฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาแม้ว่าฉันจะไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นแต่ลมหายใจของฉันก็ถี่กระชั้นขึ้นเมื่อเห็นกล้ามเนื้อของเขาเคลื่อนไหวอยู่ใต้เสื้อขณะที่เขาเลื่อนเครื่องตรวจจับไปมาบนร่างกายของฉัน ฉันได้กลิ่นกายเขาจากความใกล้ชิดนี้ และพระเจ้า เขาตัวหอมมาก เหมือนกลิ่นหนัง วิสกี้ และ...ฉันกระแอมและเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปทางอื่นพี่คริสเตียนตรวจท่อนบนและลำตัวของฉันเสร็จแต่ไม่พบอะไรเลยอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ คืนนี้ฉันไม่ได้ใส่โลหะเลย แม้แต่ต่างหูฉันก็ยังไ
ฉันสังเกตพี่คริสเตียนในขณะที่ฉันคลายตะขอด้านหลังแล้วดึงเสื้อบิกินี่ออกก่อนโยนมันลงบนเตียง พระเจ้า ฉันคิดขณะที่จับจ้องแผ่นหลังพี่คริสเตียน เขาทั้งสูงและไหล่กว้างมากฉันงอเข่าและก้มลงเพื่อคลายตะขอรองเท้าขณะที่คิดว่าส่วนสูงของเขาไม่ใช่สิ่งเดียวที่เปลี่ยน พี่คริสเตียนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันในหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่นวิธีที่เขาคุยกับแฟรงกี้และนิโค เขาเย็นชามาก และถึงแม้ว่าพวกเขาต่างเป็นผู้ชายที่ดูดี อายุไล่เลี่ยกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าใครเป็นหัวหน้าเขาจัดการกับอำนาจที่ดิบเถื่อนนั้นได้อย่างไร? มันแตกต่างจากผู้ชายที่มีเสน่ห์ ตลก และเป็นกันเองที่ฉันรู้จักตอนเด็ก ๆ มากฉันยืดตัวขึ้น ถอดรองเท้าและกางเกงชั้นในจีสตริงออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโยนมันไปบนเตียงและคว้ากางเกงขาสั้นขึ้นมาใส่“ถ้านิโคเป็นลูกพี่ลูกน้องและบอดี้การ์ดของพี่” ฉันถามพลางดึงกางเกงขาสั้นขึ้นและยกยิ้มเมื่อกางเกงขาสั้นถูกดึงขึ้นเลยเอวมา “แล้วแฟรงกี้ล่ะ?”“แฟรงกี้ไม่ใช่คนในครอบครัวฉัน” พี่คริสเตียนตอบหลังจากนั้นครู่หนึ่งราวกับกำลังตัดสินใจว่าเขาจะให้ฉันรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน “แต่เขาสนิทจนแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันเลย ครอบครัวของ
“อะไรเหรอ?” ฉันถามพร้อมมองตามเขา “โอ้” ฉันอุทานด้วยความแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นรอยฟกช้ำตรงเหนือข้อพับ “คงจะเป็นรอยใหม่…”“พวกเวรนั่น” พี่คริสเตียนบ่นพลางลดแขนของฉันลงและมองหน้าฉัน “ลูกน้องของโบเน็ตติโหดร้ายเกินเหตุเสมอ ฉันขอโทษนะ ฉันจะหายาแก้ปวดมาให้”“ไม่เป็นไร” ฉันพูดพลางกอดอกและยักไหล่ “ฉันเคยเป็นรอยฟกช้ำมาก่อน และพูดตามตรงนะพี่คริสเตียน ถ้าพี่จะโกรธเพราะแค่เรื่องรอยฟกช้ำ พี่คงไม่อยากรู้ว่าพวกเขาวางแผนอะไรไว้…”“ไอริส” เขาพูดและมองฉันด้วยความจริงจัง ฉันปิดปากเงียบและหยุดชะงักไปเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าพวกมันคิดจะทำอะไรกับเธอ เข้าใจไหม?”ฉันพยักหน้า ความรู้สึกหวาดกลัวจากก่อนหน้านี้เริ่มกลับคืนมาเล็กน้อยอีกครั้ง เพราะการเอามาพูดเล่นมันก็เรื่องหนึ่ง แต่หากว่ามาคิดจริง ๆ ว่าพวกนั้นจะทำอะไรกับฉันแล้วล่ะก็...“ขอบคุณนะคะพี่คริสเตียน” ฉันกระซิบ เสียงของฉันสั่นเครือ “ที่ช่วยฉันไว้” ฉันมองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าโดยไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรพี่คริสเตียนถอนหายใจและก้าวเข้ามาหาฉันอีกก้าว เขาประคองใบหน้าของฉันขึ้นด้วยฝ่ามือของเขาครู่หนึ่งก่อนที่จะโอบกอดฉัน “อย่าเพิ่งขอบคุณฉันตอนนี
หลังจากนั้นฉันก็นอนไม่ค่อยหลับ แม้ว่าฉันจะกินแซนวิชจนหมดเกลี้ยงเพราะหิวมากกว่าที่คิดไว้ แต่เมื่อวางจานเปล่าลงฉันก็เอาแต่จ้องเพดานในความมืดด้วยความรู้สึกท้อแท้เป็นเวลานานนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันกันนะ?จริง ๆ แล้วฉันดีใจเล็กน้อยที่พี่คริสเตียนไม่เคยอ่านอีเมล์ที่ฉันส่งให้เขา เพราะอีเมล์เหล่านั้นล้วนเป็นเรื่อง… โกหกไม่ใช่การโกหกอย่างหน้าด้าน ๆ ไม่ใช่การพยายามหลอกลวง แต่เป็นการพรรณนาชีวิตของฉันที่ปกปิดส่วนที่ไม่ดีทั้งหมดเอาไว้และทำให้ทุกอย่างดูสดใสกว่าความเป็นจริง เช่น ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านฉันมักจะบอกเขาเกี่ยวกับงานใหม่ที่ฉันทำ ซึ่งทำให้ฉันหาเงินได้มากมายจากการทำในสิ่งที่ฉันรัก นั่นก็คือการเต้นแน่นอนว่าฉันละเว้นข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นการเต้นเปลื้องผ้าและปล่อยให้ผู้ชายยัดเงินกับสายกางเกงชั้นในและฉันยังละเว้นความเป็นจริงที่ฉันยกเงินเดือนนั้นทั้งหมดให้แฟนฉัน ซึ่งฉันยังบอกไปด้วยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด ฉลาดที่สุด และยอดเยี่ยมที่สุดในโลกยกเว้นเมื่อเขากลายเป็นไอ้สารเลวที่เต็มใจขายฉันให้กับมาเฟียเพื่อชำระหนี้ของตัวเองฉันร้องคร่ำครวญออกมาพลางเอาสองมือปิดหน้าตนเองและคิดว่าทั
พี่คริสเตียนครวญครางและจ้องเขม็งไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเขา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในครัวพลางหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงวอร์มไปด้วย เขาพิงเคาน์เตอร์โดยหันหลังให้ฉันและพึมพำอย่างโกรธจัดกับใครก็ตามที่รับสาย“ว่าไง!” เสียงของแฟรงกี้ตะโกนมาจากด้านหลังฉัน ฉันหันไปเห็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเหยียดแขนเหนือศีรษะขณะเดินออกมาจากห้องนอนที่สอง ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นเขา “เราจะเริ่มงานเลี้ยงอาหารเช้านี้ได้หรือยัง?” เขาถามพลางมองไปรอบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ง่วงนอนแต่ก็กระตือรือร้น“ไม่จ้า” ฉันตอบพร้อมชี้ไปที่โซฟา “นิโคเดือดร้อนแล้ว”“สุดยอดเลย” แฟรงกี้พูดพลางยิ้มให้ฉันและเท้าเอว “ฉันชอบเวลาแบบนี้ที่สุด”“หุบปากไปเลยแฟรงก์” นิโคบ่นพึมพำ“แล้วนี่นายไปทำอะไรอีก?” แฟรงกี้ถามพลางหันไปมองด้านหลังโซฟา“ลืมยกเลิกนัดแม่บ้าน” นิโคถอนหายใจ ฉันเดินไปที่โซฟาเพื่อมองลงไปที่นิโคเช่นกัน“เราจะยกเลิกโยลันดาเหรอ?” แฟรงกี้ตกใจและหมุนตัวมองไปที่ประตูด้วยความเศร้า “โอ้ ไม่นะ แต่เธอพับผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อยและแน่นมาก…”“ฉันยกเลิกพ่อครัวไปด้วย” นิโคพูดด้วยน้ำเสียงหวั่น ๆ “คำสั่งของเจ้านายน่ะ”แฟรงกี้ร้องครวญครางเสียงดังแล
แฟรงกี้และนิโคเสาะไปทั่วห้องครัวอย่างรวดเร็วเพื่อรวบรวมวัตถุดิบต่าง ๆ ในขณะที่ฉันยืนก้มมองเท้าของตัวเองอยู่กับที่และพยายามจับต้นชนปลายความเป็นจริงของตัวเองในตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน เพราะเมื่อฉันรู้ตัวอีกที แฟรงกี้ก็ยัดแก้วกาแฟร้อน ๆ ใส่มือของฉันแล้ว “ครีมกับน้ำตาลใช่ไหม?” เขาถามเบา ๆฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาขณะที่มือกุมแก้วกาแฟไว้ “นายรู้ได้ยังไง?”เขาส่งยิ้มให้ฉัน ทำให้ฉันเห็นถึงความเห็นอกเห็นใจในแววตาของเขา “ฉันเดาจากหน้าตาเธอน่ะ” เขากล่าว จากนั้นก็ขยิบตาให้ฉันและหันกลับไปทางห้องครัว “หวังว่าเธอจะชอบซีเรียลแห้ง ๆ นะ! ตอนนี้เรามีแค่นี้ จนกว่าได้ซื้อนมมา”แต่ฉันไม่ทันได้มีเวลาตอบเพราะพี่คริสเตียนเดินออกมาจากห้องของเขาอีกครั้งโดยสวมสูทสีดำที่ดูราคาแพงอย่างเหลือเชื่อ ริมฝีปากของฉันเม้มเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจเพราะฉันไม่ได้ตระหนักเลยว่าเมื่อคืนเขาแต่งตัวสบาย ๆ ส่วนวันนี้น่ะเหรอ? วันนี้เขาทั้งหล่อ ดูทันสมัย และรวยมาก…มัน… น่าประทับใจจริง ๆ นะ พี่คริสเตียนไม่เห็นความชื่นชมของฉันหรืออาจจะทำเป็นไม่เห็น เขาเดินผ่านฉันไปที่ห้องครัวและคว้าแก้วกาแฟจากมือของแฟรงกี้ท
“เธอต้องการเท่าไร?” เขาถามอย่างกะทันหัน“อะไรนะ?” ฉันถามพร้อมกับเอียงคอ“เท่าไร?” พี่คริสเตียนย้ำและหรี่ตามองฉัน “คนของฉันรู้ที่อยู่ของเธอแล้ว ไอริส ฉันรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน ค่าเช่าบ้านเท่าไร ฉันยังรู้ด้วยว่าผู้หญิงอย่างเธอหาเงินได้เท่าไรในคลับแบบนั้น การตรวจสอบเครดิตของเธอระบุว่าเธอมีเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องหาเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นเธอเป็นหนี้อะไร ไอริส?”ฉันกะพริบตาให้เขาด้วยความตกใจ เขาไปเอาข้อมูลพวกนั้นมาจากไหนในเพียงชั่วข้ามคืน!? “ห๊ะ?“ ฉันหายใจเร็ว “ได้ยังไง…?”“ฉันเป็นคนที่มีอำนาจ” เขาพึมพำขณะที่โน้มตัวเข้ามาใกล้ฉันและปล่อยให้ฉันรู้สึกถึงอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขา หัวใจของฉันเริ่มเต้นเร็วขึ้นและไม่ใช่เพราะฉันกลัวเขา “ฉันมีคนหาข้อมูลพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย”“งั้นพี่ก็รู้อยู่แล้ว” ฉันพูดและวางแก้วกาแฟลงก่อนที่จะกอดอก “ว่าฉันอาศัยอยู่กับแฟน ถ้าพี่รู้ว่าฉันอาศัยอยู่ที่ไหนและว่าค่าเช่าเท่าไร”“ใช่” เขาตอบทันทีโดยที่ตาของเขายังคงหรี่ลงและทำให้ฉันตระหนักได้ชัดเจนว่าเขากำลังทดสอบฉันเพื่อดูว่าฉันจะบอกความจริงกับเขาหรือไม่