ทันใดนั้นทุกอย่างก็รู้สึกท่วมท้นเกินไปอย่างกระทันหันฉันร้องไห้โฮและซบหน้าลงกับฝ่ามือตนเองอีกครั้ง ฉันสะอื้นไห้จนไหล่สั่นและเริ่มร้องไห้หนักมากจนแทบจะหายใจไม่ทัน จากนั้นฉันก็ตกใจเพราะรู้ว่าพวกมาเฟียสุดโหดกำลังมองฉันราวกับว่าฉันเป็นคนโง่ แต่ฉันไม่สนใจอะไรแล้วจริง ๆ เพราะพี่คริสเตียนกำลังถามฉันว่าฉันต้องการช่วยชีวิตสตีเว่นหรือไม่ ผู้ชายที่พยายามจะขายฉันให้ไปค้าบริการทางเพศ ซึ่งเป็นสาเหตุทั้งหมดที่ฉันต้องถูกจับขังไว้เพื่อปกป้องตัวเอง...ฉันได้ยินผ่าน ๆ ว่าพี่คริสเตียนพูดบางอย่างกับนิโคและแฟรงกี้ เหมือนจะบอกพวกเขาให้ออกไปสักครู่เพื่อให้เขาคุยกับฉัน แต่ฉันเอาแต่จดจ่อกับชีวิตที่แสนเลวร้ายของตัวเองจนสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีผ้าห่มนุ่ม ๆ มาคลุมรอบตัวฉันฉันเงยหน้ามองพี่คริสเตียนด้วยความประหลาดใจขณะที่เขานั่งลงข้าง ๆ ฉันบนโซฟาและโอบไหล่ของฉัน “ไม่เป็นไรนะ” เขาพึมพำพร้อมยื่นมือมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มฉัน ฉันมองไปรอบ ๆ แต่แฟรงกี้กับนิโคไม่อยู่แล้วฉันหันหน้ากลับไปหาพี่คริสเตียนและเอนตัวเข้าหาเขาเล็กน้อยโดยยังคงร้องไห้อยู่และส่ายหัวเพราะว่า…เขากลับมาแล้ว หน้ากากเจ้าพ่อมาเฟียถูกถอดออกและพี่คริสเตี
“พี่จะไปไหน?” ฉันถามด้วยความสับสนและประหลาดใจขณะที่เขาเดินรอบโต๊ะกาแฟมุ่งไปที่ห้องครัว“ฉันจะเติมเครื่องดื่มให้เรานะ ไอริส” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “เพราะว่าถ้าเราจะคุยเรื่องครอบครัวของฉันกัน ฉันคงต้องดื่มอีกขวด”ฉันก็หัวเราะ แม้ว่าจะไม่ควรก็ตามพี่คริสเตียนหันกลับมาจากในห้องครัวและมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเมื่อได้ยินฉันหัวเราะ...บ้าเอ้ย มันฟื้นฝูหัวใจที่เศร้าหมองของฉันได้ดีเลยทีเดียวการทำให้พี่คริสเตียนยิ้มได้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในวันของฉันเสมอมาเขานำขวดไวน์มาพร้อมกับแก้วที่สองและนั่งลงเงียบ ๆ บนโซฟา จากนั้นเขาก็รินไวน์ให้ฉันครึ่งแก้วและรินแก้วที่สองให้ตัวเองในขณะที่เงยหน้ามองฉัน“เธอยังต้องให้คำตอบเรื่องแฟนเก่าของเธอนะ” เขากล่าวเบา ๆ และก่อนที่ใจของฉันจะจมดิ่งลงไปมากกว่านี้ เขาก็เพิ่มเติมประโยคนั้น “แต่เธอใช้เวลาคิดจนถึงตอนเช้าก็ได้ ตกลงไหม?”“ตกลง” ฉันกระซิบ พลางหยิบแก้วไวน์ที่เขายื่นมาให้ฉันและจ้องมองไวน์สีทองที่สวยงาม“เอาล่ะ” พี่คริสเตียนพูดพลางเอนหลังพิงเบาะโซฟา วางแขนไว้บนพนักพิงโซฟาและยกแก้วขึ้นมาทางฉันเพื่อเป็นการชนแก้ว “ไหนเล่าให้ฉันฟังหน่อย เด
“พี่คริสเตียน” ฉันพึมพำพลางเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อมองหน้าเขาหลังจากที่เรานั่งเงียบกันมานานเกินไป “พี่… ไม่มีความหวังกับโลกนี้เลยเหรอ?”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันหลังให้ฉันแล้วมองออกไปยังเมืองที่มืดมิดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความหวังคืออะไร ไอริส” เขาพึมพำ“มันหมายถึง… การเชื่อว่ายังมีสิ่งดี ๆ อยู่ในโลกนี้ ไม่ว่าตอนนี้สิ่งต่าง ๆ จะดูแย่แค่ไหนก็ตาม ยังไงมันจะต้องดีขึ้น”ฉันมองดูรูปร่างหน้าตาของเขาในขณะที่เขามองไปทางอื่นและรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งที่ผู้ชายคนนี้ทั้งเหมือนและก็แตกต่างจากเด็กชายที่ฉันรู้จักมากเพียงใด หลาย ๆ อย่างยังคงเหมือนเดิม แต่กรอบหน้าของเขาแข็งกร้าว วิธีการกัดฟันแน่นของเขา วิธีที่มุมปากของเขาตกลง...เขาเปลี่ยนไปมากจริง ๆเขาถอนหายใจ ซึ่งทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยและยังฉันตระหนักถึงความเข้มข้นที่ฉันจ้องมองเขา จากนั้นเขาก็หันกลับมามองฉัน “ถ้านั่นคือความหวังก็คงไม่ ฉันคงไม่มีความหวังมากนักไอริส โลกนี้มัน... เป็นสถานที่ที่สกปรกและโหดร้าย หลังจากทุกสิ่งที่ฉันพบเห็นมาก็ไม่มีที่ว่างสำหรับความหวังเหลืออยู่มากนัก”สีหน้าของฉันอ่อนลงเมื่อมองกลับไปที่เพื่อนเก่าของฉัน แ
“ฉันไม่อยากให้แฟนของตัวเองไปเต้นเปลื้องผ้าไงไอริส” สตีเว่น แฟนหนุ่มของฉันกล่าวขณะที่กอดอกมองฉัน “มันน่ารังเกียจและสกปรก แฟนของฉันจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง” สตีเว่นคือคนรักวัยมหาวิทยาลัยของฉัน เราคบกันมาได้เก้าเดือนแม้ว่าตอนนี้เขาจะเรียนจบไปแล้ว เขาเป็นคนมีระเบียบวินัยและสงวนตัวเพราะสตีเว่นเป็นลูกชายของบาทหลวง ถึงแบบนั้นเขาก็ดีกับฉันมาก เขาจริงจังกับเรื่องการรอจนถึงคืนวันแต่งงานก่อนที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกได้รับการให้เกียรติและปลอดภัยอย่างยิ่งนอกจากนั้นเขายังหาเงินได้เป็นล้าน ๆ จากการซื้อขายเหรียญคริปโต ในฐานะคนที่เติบโตมาโดยไม่มีอะไรเลย ความมั่นคงทางการเงินนี้ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย เขาเป็นผู้ชายที่ใจกว้างและฉลาดที่สุดที่ฉันเคยพบ ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้คบกับเขา“สตีเว่น” ฉันตอบ “ฉันสาบานต่อพระเจ้าได้เลยว่าฉันจะไม่มีวันนอกใจนายที่คลับแน่ ฉันแค่ไปเต้นรำเฉย ๆ” ฉันจูบแก้มเขา “แต่ตอนนี้ฉันจะสายแล้วและเรายังมีค่าเช่าที่ต้องจ่าย ไม่ต้องห่วงน่าทุกอย่างจะโอเค” พักหลัง ๆ นี้สตีเว่นได้ทุ่มเงินของเขาไปกับการลงทุนในคริปโต และเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด เ
“ยินดีต้อนรับ… แบมบี้!” ดีเจประกาศโดยใช้ชื่อในวงการของฉันการเต้นเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับฉัน ดนตรีทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเสมอ และเมื่อดนตรีนั้นเซ็กซี่น่ะเหรอ? ฉันก็จะรู้สึกเซ็กซี่ไปด้วยไง ฉันสะบัดผมไปด้านหลังเมื่อท่วงทำนองบรรเลง สายตาของฉันจับจ้องไปที่ชายที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้จ่ายเงินตรงหน้าฉัน คนผู้นี้ได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อมานั่งตรงนั้นขณะที่ฉันเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเนิบช้าและเย้ายวน สปอตไลท์สาดส่องตรงมาที่ฉันซึ่งหมายความว่าฉันจะไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดใบหน้าของลูกค้าวีไอพีได้ แต่ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถระบุรายละเอียดของเขาได้ ฉันก็บอกได้ว่านี่คือผู้ชายคนสำคัญที่สุดในห้อง ออร่าของเขาเต็มไปด้วยอำนาจมหาศาลฉันเริ่มหายใจติดขัดเมื่อมองเงาร่างอันแข็งแกร่งด้วยกล้ามเป็นมัดของเขา หากเจ้าพ่อมาเฟียอยู่ที่นี่ก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เขาดูเหมือนผู้ชายที่ควรอยู่ในความมืด และแม้ว่าจะมีผู้ชายคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ ฉันก็ยังคงรู้สึกเหมือนกำลังเต้นเพื่อเขาโดยเฉพาะดวงตาของเจ้าพ่อมาเฟียจับจ้องมาที่ฉันขณะที่ฉันใช้รองเท้าส้นสูงหกนิ้วตั้งหลักอย่างมั่นคงและค่อย ๆ ยกตัวขึ้นสูงโดยเอาก้นขึ้นก่อน ฉันปล่อยให้เขา
ฉันจ้องชายสองคนนั้นด้วยความตกใจขณะที่กอดเงินเหล่านั้นไว้แนบอก “พวกคุณพูดบ้าอะไรกัน!?”“ก็เจ้าแฟนหนุ่มของเธอน่ะ” ชายคนที่ตัวเล็กกว่าเยาะเย้ยขณะที่ผลักแอนโธนี่ออกเมื่อเขาพยายามจะเข้ามาหาฉัน “มันขายเธอให้กับดอน โบเน็ตติเพื่อจ่ายหนี้ส่วนหนึ่งของมันไง”“อะไรนะ!?” ฉันตะโกนถามขณะที่ลุกขึ้นยืนพรวดให้อาบอบนวดเหรอ!? พวกเขาจะให้ฉันไปขายบริการเหรอ!? ฉันก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังชนเข้ากับเคาน์เตอร์หลังบาร์ “พวกคุณน่าจะเข้าใจผิดไปแล้ว… พวกคุณจำผิดคนหรือเปล่า?” “ไม่ผิดแน่นอน” ชายคนแรกกล่าวขณะที่เอื้อมมือมาจับแขนฉันไว้ “ไอริส สก็อตต์ใช่ไหมล่ะ? ใช่ แฟนเธอเอารูปเธอให้พวกเราดูแล้ว พวกเราจำเธอได้ตั้งแต่ที่เธอขึ้นเวทีนั่น” เขาเอนตัวเข้าใกล้ฉันและขู่ “พวกเรารู้ด้วยว่าเธอเรียนอยู่ไหนและบ้านเพื่อนสนิทเธออยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดหนีเชียว” “นี่” ชายคนที่สองกล่าวขณะที่ยื่นโทรศัพท์ของเขามาให้ฉันดูวีดีโอที่กำลังเล่น ฉันจ้องไปที่หน้าจอทันทีเพราะว่าจำเสียงที่ได้ยินได้ฉันตกใจเมื่อตระหนักว่านั่นคือสตีเว่น ฉันเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อดูวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่าสตีเว่นกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเขาร้องไห้ขณะที่มีปืนจ่อห
ฉันขอบคุณแอนโธนี่ในใจขณะที่กอดเงินมุดผ้าม่านข้างหลังบาร์พุ่งตัวหนีฉันได้ยินเสียงคนตะโกนตามหลังและเสียงที่ฟังดูเหมือนจะเป็นหมัดที่กระทบใบหน้าใครบางคนพระเจ้า ฉันหวังว่าแอนโธนี่จะไม่เป็นอะไรแต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาที่จะเป็นห่วงเขาฉันได้ยินเสียงตะโกนอีกครั้งเมื่อวิ่งมาได้ครึ่งทางเดิน และตระหนักได้ทันทีว่าไม่มีทางที่ฉันจะหนีไปยังห้องแต่งตัวได้โดยที่ชายสองคนนั้นจะไม่เห็นฉันหากพวกเขากำลังตามฉันมา ฉันรู้ว่าตรงนี้มีตู้เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ฉันจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเปิดประตูเข้าไปแอบข้างในทันใดนั้นก็มีเสียงข้างในคลับดังขึ้น ปัง ปัง!ฉันสะดุ้งและเอามือปิดหูตัวเองทันที เสียงนั้นดังราวกับมีคนจุดพลุในคลับ หรือว่าจะเป็นเสียงปืน?เสียงคนตะโกนดังขึ้นจากห้องวีไอพี เหล่าผู้หญิงในห้องแต่งตัวเริ่มกรี๊ดและตื่นตระหนกฉันตกใจและหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้าลึกกว่าเดิมขณะที่ฟังเสียงฝีเท้าของผู้คนที่วิ่งไปตามทางเดิน ต่างพยายามหาทางหนีออกไป“เธอน่าจะไปที่ห้องแต่งตัว!” เสียงแหบห้าวตะโกนจากข้างหน้าตู้ ฉันกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความหวังที่จะรอด เพราะเสียงนั้นเหมือนกับเสียงชายตัวใหญ่“พวกแกมาทำอะไรในคลั
ฉันกรี๊ดอีกครั้งขณะที่ก้มหัวต่ำสุดเท่าที่จะทำได้จนเท้าของฉันเตะไปโดนต้นขาของเจ้าพ่อมาเฟีย“ไปสักทีสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกน “พวกมันจะตามเราทันอยู่แล้ว!”“หมอบลง!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนขณะที่ก้มหลบพลางป้องตัวฉันขณะที่แฟรงกี้หักขวาอย่างกะทันหัน เสียงล้อรถดังเสียดสีท้องถนนฉันกรีดร้องก่อนที่จะขดตัวกลมและร่ายบทสวดที่ฉันไม่ได้สวดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กและไปโรงเรียนคริสต์ซึ่งจริง ๆ ไม่เคยศรัทธาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ฉันกำลังอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ให้โปรดช่วยชีวิตฉันเสียงยิงปืนหยุดลงก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ว่าเจ้าพ่อมาเฟียได้ลุกจากตัวฉันแล้ว ฉันเริ่มเงยหน้า แต่ทันใดนั้นรถคันของเราก็เลื่อนไปด้านข้าง และไม่รู้ด้วยเหตุใด แต่ฉันบอกได้เลยว่าพวกเราถูกชนจากท้ายรถ“เลี้ยวสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ยิงปืนรัวออกนอกหน้าต่าง“ฉันเลี้ยวไม่ได้… ไม่มีที่…”“ไปที่ถนนสี่สิบสอง!” ชายที่นั่งข้างคนขับตะโกน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความกลัวอย่างชัดเจน“ได้!” แฟรงกี้ตะโกนตอบขณะที่หักขวาสุดวงเลี้ยวจนล้อรถฝั่งซ้ายลอยฉันตะโกนด้วยความกลัวขณะที่ตัวไถลไปมาที่เบาะหล