“พี่คริสเตียน” ฉันพึมพำพลางเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อมองหน้าเขาหลังจากที่เรานั่งเงียบกันมานานเกินไป “พี่… ไม่มีความหวังกับโลกนี้เลยเหรอ?”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันหลังให้ฉันแล้วมองออกไปยังเมืองที่มืดมิดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความหวังคืออะไร ไอริส” เขาพึมพำ“มันหมายถึง… การเชื่อว่ายังมีสิ่งดี ๆ อยู่ในโลกนี้ ไม่ว่าตอนนี้สิ่งต่าง ๆ จะดูแย่แค่ไหนก็ตาม ยังไงมันจะต้องดีขึ้น”ฉันมองดูรูปร่างหน้าตาของเขาในขณะที่เขามองไปทางอื่นและรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งที่ผู้ชายคนนี้ทั้งเหมือนและก็แตกต่างจากเด็กชายที่ฉันรู้จักมากเพียงใด หลาย ๆ อย่างยังคงเหมือนเดิม แต่กรอบหน้าของเขาแข็งกร้าว วิธีการกัดฟันแน่นของเขา วิธีที่มุมปากของเขาตกลง...เขาเปลี่ยนไปมากจริง ๆเขาถอนหายใจ ซึ่งทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยและยังฉันตระหนักถึงความเข้มข้นที่ฉันจ้องมองเขา จากนั้นเขาก็หันกลับมามองฉัน “ถ้านั่นคือความหวังก็คงไม่ ฉันคงไม่มีความหวังมากนักไอริส โลกนี้มัน... เป็นสถานที่ที่สกปรกและโหดร้าย หลังจากทุกสิ่งที่ฉันพบเห็นมาก็ไม่มีที่ว่างสำหรับความหวังเหลืออยู่มากนัก”สีหน้าของฉันอ่อนลงเมื่อมองกลับไปที่เพื่อนเก่าของฉัน แ
“ฉันไม่อยากให้แฟนของตัวเองไปเต้นเปลื้องผ้าไงไอริส” สตีเว่น แฟนหนุ่มของฉันกล่าวขณะที่กอดอกมองฉัน “มันน่ารังเกียจและสกปรก แฟนของฉันจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง” สตีเว่นคือคนรักวัยมหาวิทยาลัยของฉัน เราคบกันมาได้เก้าเดือนแม้ว่าตอนนี้เขาจะเรียนจบไปแล้ว เขาเป็นคนมีระเบียบวินัยและสงวนตัวเพราะสตีเว่นเป็นลูกชายของบาทหลวง ถึงแบบนั้นเขาก็ดีกับฉันมาก เขาจริงจังกับเรื่องการรอจนถึงคืนวันแต่งงานก่อนที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกได้รับการให้เกียรติและปลอดภัยอย่างยิ่งนอกจากนั้นเขายังหาเงินได้เป็นล้าน ๆ จากการซื้อขายเหรียญคริปโต ในฐานะคนที่เติบโตมาโดยไม่มีอะไรเลย ความมั่นคงทางการเงินนี้ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย เขาเป็นผู้ชายที่ใจกว้างและฉลาดที่สุดที่ฉันเคยพบ ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้คบกับเขา“สตีเว่น” ฉันตอบ “ฉันสาบานต่อพระเจ้าได้เลยว่าฉันจะไม่มีวันนอกใจนายที่คลับแน่ ฉันแค่ไปเต้นรำเฉย ๆ” ฉันจูบแก้มเขา “แต่ตอนนี้ฉันจะสายแล้วและเรายังมีค่าเช่าที่ต้องจ่าย ไม่ต้องห่วงน่าทุกอย่างจะโอเค” พักหลัง ๆ นี้สตีเว่นได้ทุ่มเงินของเขาไปกับการลงทุนในคริปโต และเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด เ
“ยินดีต้อนรับ… แบมบี้!” ดีเจประกาศโดยใช้ชื่อในวงการของฉันการเต้นเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับฉัน ดนตรีทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเสมอ และเมื่อดนตรีนั้นเซ็กซี่น่ะเหรอ? ฉันก็จะรู้สึกเซ็กซี่ไปด้วยไง ฉันสะบัดผมไปด้านหลังเมื่อท่วงทำนองบรรเลง สายตาของฉันจับจ้องไปที่ชายที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้จ่ายเงินตรงหน้าฉัน คนผู้นี้ได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อมานั่งตรงนั้นขณะที่ฉันเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเนิบช้าและเย้ายวน สปอตไลท์สาดส่องตรงมาที่ฉันซึ่งหมายความว่าฉันจะไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดใบหน้าของลูกค้าวีไอพีได้ แต่ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถระบุรายละเอียดของเขาได้ ฉันก็บอกได้ว่านี่คือผู้ชายคนสำคัญที่สุดในห้อง ออร่าของเขาเต็มไปด้วยอำนาจมหาศาลฉันเริ่มหายใจติดขัดเมื่อมองเงาร่างอันแข็งแกร่งด้วยกล้ามเป็นมัดของเขา หากเจ้าพ่อมาเฟียอยู่ที่นี่ก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เขาดูเหมือนผู้ชายที่ควรอยู่ในความมืด และแม้ว่าจะมีผู้ชายคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ ฉันก็ยังคงรู้สึกเหมือนกำลังเต้นเพื่อเขาโดยเฉพาะดวงตาของเจ้าพ่อมาเฟียจับจ้องมาที่ฉันขณะที่ฉันใช้รองเท้าส้นสูงหกนิ้วตั้งหลักอย่างมั่นคงและค่อย ๆ ยกตัวขึ้นสูงโดยเอาก้นขึ้นก่อน ฉันปล่อยให้เขา
ฉันจ้องชายสองคนนั้นด้วยความตกใจขณะที่กอดเงินเหล่านั้นไว้แนบอก “พวกคุณพูดบ้าอะไรกัน!?”“ก็เจ้าแฟนหนุ่มของเธอน่ะ” ชายคนที่ตัวเล็กกว่าเยาะเย้ยขณะที่ผลักแอนโธนี่ออกเมื่อเขาพยายามจะเข้ามาหาฉัน “มันขายเธอให้กับดอน โบเน็ตติเพื่อจ่ายหนี้ส่วนหนึ่งของมันไง”“อะไรนะ!?” ฉันตะโกนถามขณะที่ลุกขึ้นยืนพรวดให้อาบอบนวดเหรอ!? พวกเขาจะให้ฉันไปขายบริการเหรอ!? ฉันก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังชนเข้ากับเคาน์เตอร์หลังบาร์ “พวกคุณน่าจะเข้าใจผิดไปแล้ว… พวกคุณจำผิดคนหรือเปล่า?” “ไม่ผิดแน่นอน” ชายคนแรกกล่าวขณะที่เอื้อมมือมาจับแขนฉันไว้ “ไอริส สก็อตต์ใช่ไหมล่ะ? ใช่ แฟนเธอเอารูปเธอให้พวกเราดูแล้ว พวกเราจำเธอได้ตั้งแต่ที่เธอขึ้นเวทีนั่น” เขาเอนตัวเข้าใกล้ฉันและขู่ “พวกเรารู้ด้วยว่าเธอเรียนอยู่ไหนและบ้านเพื่อนสนิทเธออยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดหนีเชียว” “นี่” ชายคนที่สองกล่าวขณะที่ยื่นโทรศัพท์ของเขามาให้ฉันดูวีดีโอที่กำลังเล่น ฉันจ้องไปที่หน้าจอทันทีเพราะว่าจำเสียงที่ได้ยินได้ฉันตกใจเมื่อตระหนักว่านั่นคือสตีเว่น ฉันเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อดูวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่าสตีเว่นกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเขาร้องไห้ขณะที่มีปืนจ่อห
ฉันขอบคุณแอนโธนี่ในใจขณะที่กอดเงินมุดผ้าม่านข้างหลังบาร์พุ่งตัวหนีฉันได้ยินเสียงคนตะโกนตามหลังและเสียงที่ฟังดูเหมือนจะเป็นหมัดที่กระทบใบหน้าใครบางคนพระเจ้า ฉันหวังว่าแอนโธนี่จะไม่เป็นอะไรแต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาที่จะเป็นห่วงเขาฉันได้ยินเสียงตะโกนอีกครั้งเมื่อวิ่งมาได้ครึ่งทางเดิน และตระหนักได้ทันทีว่าไม่มีทางที่ฉันจะหนีไปยังห้องแต่งตัวได้โดยที่ชายสองคนนั้นจะไม่เห็นฉันหากพวกเขากำลังตามฉันมา ฉันรู้ว่าตรงนี้มีตู้เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ฉันจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและเปิดประตูเข้าไปแอบข้างในทันใดนั้นก็มีเสียงข้างในคลับดังขึ้น ปัง ปัง!ฉันสะดุ้งและเอามือปิดหูตัวเองทันที เสียงนั้นดังราวกับมีคนจุดพลุในคลับ หรือว่าจะเป็นเสียงปืน?เสียงคนตะโกนดังขึ้นจากห้องวีไอพี เหล่าผู้หญิงในห้องแต่งตัวเริ่มกรี๊ดและตื่นตระหนกฉันตกใจและหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้าลึกกว่าเดิมขณะที่ฟังเสียงฝีเท้าของผู้คนที่วิ่งไปตามทางเดิน ต่างพยายามหาทางหนีออกไป“เธอน่าจะไปที่ห้องแต่งตัว!” เสียงแหบห้าวตะโกนจากข้างหน้าตู้ ฉันกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความหวังที่จะรอด เพราะเสียงนั้นเหมือนกับเสียงชายตัวใหญ่“พวกแกมาทำอะไรในคลั
ฉันกรี๊ดอีกครั้งขณะที่ก้มหัวต่ำสุดเท่าที่จะทำได้จนเท้าของฉันเตะไปโดนต้นขาของเจ้าพ่อมาเฟีย“ไปสักทีสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกน “พวกมันจะตามเราทันอยู่แล้ว!”“หมอบลง!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนขณะที่ก้มหลบพลางป้องตัวฉันขณะที่แฟรงกี้หักขวาอย่างกะทันหัน เสียงล้อรถดังเสียดสีท้องถนนฉันกรีดร้องก่อนที่จะขดตัวกลมและร่ายบทสวดที่ฉันไม่ได้สวดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กและไปโรงเรียนคริสต์ซึ่งจริง ๆ ไม่เคยศรัทธาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ฉันกำลังอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ให้โปรดช่วยชีวิตฉันเสียงยิงปืนหยุดลงก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ว่าเจ้าพ่อมาเฟียได้ลุกจากตัวฉันแล้ว ฉันเริ่มเงยหน้า แต่ทันใดนั้นรถคันของเราก็เลื่อนไปด้านข้าง และไม่รู้ด้วยเหตุใด แต่ฉันบอกได้เลยว่าพวกเราถูกชนจากท้ายรถ“เลี้ยวสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ยิงปืนรัวออกนอกหน้าต่าง“ฉันเลี้ยวไม่ได้… ไม่มีที่…”“ไปที่ถนนสี่สิบสอง!” ชายที่นั่งข้างคนขับตะโกน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความกลัวอย่างชัดเจน“ได้!” แฟรงกี้ตะโกนตอบขณะที่หักขวาสุดวงเลี้ยวจนล้อรถฝั่งซ้ายลอยฉันตะโกนด้วยความกลัวขณะที่ตัวไถลไปมาที่เบาะหล
“เธอแตกต่างจากที่ฉันคาดไว้นิดหน่อยนะ เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” พี่คริสเตียนพูดพลางยิ้มมุมปากขณะที่เขามองลงมาที่ชุดนักเต้นเปลื้องผ้าของฉัน ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นแค่กางเกงชั้นในตัวจิ๋วเท่านั้น ฉันหน้าแดงก่ำทันที“โอ้พระเจ้า” ฉันพึมพำพลางห่อไหล่และเข้าไปใกล้เขาอีกเพราะคิดว่าถ้าเข้าไปใกล้กว่านี้ เขาจะได้มองไม่เห็นร่างกายของฉันทั้งหมดราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นทั้งหมดอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้แล้ว ฉันคร่ำครวญด้วยความเขินอาย“ไม่ จริง ๆ นะ!” พี่คริสเตียนหัวเราะพลางถอยกลับเพื่อให้เห็นหน้าฉัน “เธอดูดีนะไอริส ฉันดีใจที่ได้เห็นว่าเธอยังคงเต้นอยู่ แม้... ฉันคิดว่าจะได้เห็นเธอในชุดบัลเล่ต์ระดับชาติ ไม่ใช่นักเต้นเปลื้องผ้าก็ตาม”ฉันถอนหายใจเล็กน้อยและส่ายหัวขณะที่จ้องมองเขา“ดูเหมือนว่าเราจะมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะเลยล่ะพี่คริสเตียน” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครือ“ไม่ต้องห่วง” เขาพึมพำขณะที่ทัดผมของฉันไปไว้ข้างหลังหู “เรามีเวลาอีกเยอะ”พี่คริสเตียนเลื่อนฉันไปนั่งที่ที่นั่งตรงกลางโดยยังคงโอบแขนรอบกายฉันไว้เป็นการปกป้องขณะที่แฟรงกี้ขับรถเอสยูวีสภาพทรุดโทรมของเราเข้าไปในโรงจอดรถในอาคารอะพาร์ตเมนต์สูงระ
“คือ” เขากล่าวพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย “ฉันยังจำเธอได้ทันทีเลย แม้ดีเจจะแนะนำเธอว่าแบมบี้ก็ตาม”เสียงหัวเราะเบา ๆ ด้วยความตกใจหลุดออกจากปากของฉันและสุดท้ายก็อดไม่ได้ ฉันเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเต็มที่ “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่จะมาเจอฉันในคลับเปลื้องผ้า พี่คริสเตียน” ฉันพึมพำขณะมองขึ้นไปที่เพดาน “แม้แต่พี่เดมอนยังไม่รู้เลยว่าฉันทำงานที่นั่น”“โชคดีที่ฉันเจอเธอ” พี่คริสเตียนกล่าว ฉันก้มหน้าลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเขา “เธอหาเรื่องใส่ตัวอย่างหนักเลยนะเดซี่ เธอไปยุ่งเกี่ยวกับริคคาร์โด โบเน็ตติได้ยังไง?”ฉันถอนหายใจและสบตาเขา “เรื่องมันยาว ฉันเองก็เพิ่งรู้เอาคืนนี้เหมือนกัน ฉันยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ”“โอเค” พี่คริสเตียนพูดพลางมองไปทางหน้าต่างรถเมื่อได้ยินเสียงผิวปากดังขึ้น ฉันมองออกไปก็เห็นแฟรงกี้โบกมือเรียกเราให้ออกจากรถ “ยังไงเธอคงได้มีเวลาจัดการเรื่องนี้ที่นี่”ฉันขมวดคิ้วมองพี่คริสเตียนขณะที่เขาเปิดประตูรถออก“เดี๋ยวนะ” ฉันพูดขณะที่คว้าเสื้อของเขาอีกครั้ง เขาหันกลับมาหาฉัน “พี่จะไม่… พาฉันกลับบ้านเหรอ?”แต่ตอนที่พูดไปแบบนั้น ฉันก็ตระหนักว่า… ฉันไม่มีบ้านให้กลับอ