Share

บทที่ 5

ฉันกรี๊ดอีกครั้งขณะที่ก้มหัวต่ำสุดเท่าที่จะทำได้จนเท้าของฉันเตะไปโดนต้นขาของเจ้าพ่อมาเฟีย

“ไปสักทีสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกน “พวกมันจะตามเราทันอยู่แล้ว!”

“หมอบลง!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนขณะที่ก้มหลบพลางป้องตัวฉันขณะที่แฟรงกี้หักขวาอย่างกะทันหัน เสียงล้อรถดังเสียดสีท้องถนน

ฉันกรีดร้องก่อนที่จะขดตัวกลมและร่ายบทสวดที่ฉันไม่ได้สวดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กและไปโรงเรียนคริสต์ซึ่งจริง ๆ ไม่เคยศรัทธาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ฉันกำลังอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ให้โปรดช่วยชีวิตฉัน

เสียงยิงปืนหยุดลงก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ว่าเจ้าพ่อมาเฟียได้ลุกจากตัวฉันแล้ว ฉันเริ่มเงยหน้า แต่ทันใดนั้นรถคันของเราก็เลื่อนไปด้านข้าง และไม่รู้ด้วยเหตุใด แต่ฉันบอกได้เลยว่าพวกเราถูกชนจากท้ายรถ

“เลี้ยวสิวะแฟรงกี้!” เจ้าพ่อมาเฟียตะโกนด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ยิงปืนรัวออกนอกหน้าต่าง

“ฉันเลี้ยวไม่ได้… ไม่มีที่…”

“ไปที่ถนนสี่สิบสอง!” ชายที่นั่งข้างคนขับตะโกน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความกลัวอย่างชัดเจน

“ได้!” แฟรงกี้ตะโกนตอบขณะที่หักขวาสุดวงเลี้ยวจนล้อรถฝั่งซ้ายลอย

ฉันตะโกนด้วยความกลัวขณะที่ตัวไถลไปมาที่เบาะหลัง แสงไฟรถคันอื่นส่องผ่านหน้าต่างและเสียงบีบแตรก็ดังไปทั่วเนื่องจากเมื่อกี้แฟรงกี้ตัดหน้ารถเป็นแถวเพื่อหักเลี้ยว

เสียงตะโกนของฉันกลายเป็นเสียงกรีดร้องเมื่อตัวฉันลอย แต่ทันใดนั้นก็มีมือมาคว้าตัวฉันเอาไว้ มือหนึ่งจับที่เอว อีกมือหนึ่งจับที่หัวและปกป้องศีรษะของฉันก่อนที่มันจะกระแทกเข้ากับกระจกหน้าต่าง

ฉันอ้าปากค้าง ตาฉันเบิกกว้างขณะที่ถูกดึงไปบนตักของเจ้าพ่อมาเฟีย และเมื่อฉันสบตากับเขา ฉันก็ตระหนักได้ว่าถ้าไม่มีมือของเขาอยู่ตรงนั้นเพื่อรับแรงกระแทกจากกระจก สมองของฉันคงกระจายในรถคันนี้เต็มไปหมด

ฉันจ้องไปที่ใบหน้าของเขา ซึ่งจู่ ๆ ก็ใกล้ฉันมาก ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

รถเอสยูวีของเรากลับมาตั้งตรงบนล้อทั้งสี่และแล่นไปตามถนนท่ามกลางการจราจรที่คับคั่ง

เจ้าพ่อมาเฟียสาปสบถอย่างไม่หยุดหย่อนเมื่อละสายตาจากฉันไปที่แฟรงกี้ เขายังสะบัดมือตนเองด้วยความพยายามที่จะบรรเทาความเจ็บปวด

“สลัดพวกมันได้หรือยัง!?”

“เจ้านายช่วยดูให้หน่อย!” แฟรงกี้ตะโกนข้ามไหล่มา และในขณะที่ฉันยังอยู่ในตักของเขา เจ้าพ่อก็เอี้ยวตัวและมองออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง ฉันมองตามไปด้วย แต่…

สิ่งเดียวที่ฉันเห็นคือรถแท็กซี่และรถเก๋ง

ไม่มีวี่แววของพวกนั้น

“ตอนนี้นะ” เจ้าพ่อกล่าวอย่างตึงเครียด “ตอนนี้พวกเราสลัดพวกมันได้แล้ว”

เขามองหาอีกสักครู่ แต่แล้วร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันกลับมามองด้านหน้าของรถ “ไปอะพาร์ตเมนต์บนถนนบราวน์นะ แฟรงก์” เขาสั่งด้วยท่าทีที่เย็นลงกว่าก่อนหน้านี้ “เราต้องหลบสักพัก”

“ตกลง” แฟรงกี้ตอบในขณะที่ยังคงขับรถอย่างรวดเร็วแต่ก็กลมกลืนไปกับการจราจรมากขึ้นเล็กน้อย ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงกิจกรรมผิดกฎหมายได้ดีไปกว่าการขับรถผ่านเมืองพร้อมกับกระจกหลังที่แตกและนักเต้นเปลื้องผ้าที่ถูกลักพาตัวมา

มันจึงสมเหตุสมผลที่พวกเขาต้องการที่จะกลมกลืนกับคนธรรมดาในตอนนี้ เพื่อที่พวกเราจะได้หายตัวไป เพื่อที่พวกเราจะไม่ถูกใครก็ตามที่ไล่ตามเรามาด้วยไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม พบเจอเข้า

“ได้โปรด” ฉันหายใจเข้า เสียงของฉันสั่นเครือ ฉันรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำนั้นจากริมฝีปากตนเอง ฉันพูดมันออกไปโดยไม่ได้คิด

เจ้าพ่อมาเฟียหันมาสนใจฉันทันที

“คุณ คุณเอาไปทั้งหมดเลยก็ได้” ฉันพูดพร้อมชี้ไปที่เงินสดที่กระจัดกระจายไปทั่วเบาะหลังและปลิวว่อนไปตามสายลมที่พัดผ่านกระจกหลังเข้ามาในตอนนี้ “แต่… ปล่อยฉันไปเถอะนะ…”

เจ้าพ่อมาเฟียจ้องฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มเยาะ “ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว หนึ่งในสามของเงินนั้นก็เป็นของฉันนะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไตร่ตรอง “และฉันก็ยอมจ่ายมันไปอย่างง่ายดายแลกกับการเต้น อะไรทำให้เธอคิดว่าเงินจำนวนนั้น” เขากล่าวพร้อมพยักหน้าไปที่เงินบนเบาะและพื้น “พอที่จะซื้ออิสรภาพของเธอ?”

ฉันลังเลโดยไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี

“ฉัน ฉันจะหามาให้อีก” ฉันพึมพำอย่างสิ้นหวัง “ฉันทำงานได้…”

รอยยิ้มของเขาเจ้าเล่ห์ยิ่งขึ้นเมื่อเขาจ้องฉันก่อนที่จะเริ่มส่ายหัวเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ฉันไม่รู้และไม่เข้าใจ ฉันอ่านสีหน้าของเขาไม่ออก

“ได้โปรด” ฉันขอร้อง เสียงของฉันแผ่วเบาขณะที่น้ำตาคลอเบ้า “ได้โปรด อย่าส่งฉันให้กับดอน โบเน็ตติเลยนะ… อย่าขายฉันให้กับซ่องนะ…”

แขนของเจ้าพ่อมาเฟียรัดแน่นขึ้นรอบตัวฉันขณะที่สีหน้าของเขาเศร้าหมองจนเหมือนจะสงสารฉันด้วยซ้ำ และทันใดนั้นเขาก็อุ้มฉันไว้ในอ้อมแขน เขายกมือขึ้นและลูบแก้มฉันเบา ๆ พร้อมกับจ้องตา

“ไอริส” เขาพึมพำ ฉันชะงักเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองจากปากของเขา

ทันใดนั้นฉันก็จำบางอย่างได้ ฉันไม่ได้ใส่ใจในตอนนั้น แต่เขาเคยเรียกฉันว่าไอริสก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ? หลังจากที่ฉันเต้นเสร็จ…

เขามีความเกี่ยวข้องกับโบเน็ตติด้วยหรือเปล่า?

“คุณ…” ฉันกระซิบขณะที่ส่ายหัวให้เขาด้วยความสับสน “คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง?”

“ไอริส…” เขากระซิบตอบ “จำฉันไม่ได้เหรอ?”

ฉันถอยเล็กน้อยเพื่อมองเขาและสังเกตกรามที่ขึ้นเป็นสันหนา จมูกโด่ง ตาสีเทาอมฟ้าใต้คิ้วสีเข้ม… และเมื่อฉันจ้องเขาก็รู้สึกคุ้นเคย โดยเฉพาะดวงตาของเขา ฉันไม่ได้แค่จินตนาการไปเอง แต่ฉันไม่สามารถหาข้อสรุปได้…

“คุณคือเจ้าพ่อมาเฟีย” ฉันพึมพำขณะที่ขมวดคิ้วมองเขาและพยายามเชื่อมโยงเงื่อนงำต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ฉันรู้ดีว่าตนต้องพลาดบางอย่างไป

“ใช่ แล้วยังไง?” เขาตอบพร้อมกับยกคิ้วขึ้นในลักษณะที่กระตุ้นความทรงจำบางอย่างของฉัน ฉันรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะยกคิ้วขึ้นแบบนั้น?

“แล้วคุณ… ลักพาตัวฉัน? เพื่อ… แก้แค้นเหรอ? แก้แค้นโบเน็ตติเหรอคะ? หรือเพราะฉันเห็นคุณยิงใคร? หรือ…”

เขายิ้มให้ฉันกว้างขึ้นขณะที่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “ฉันลักพาตัวเธอมาเพื่อปกป้องเธอ เดซี่”

ฉันเบิกตากว้างขึ้นเมื่อได้ยินชื่อเล่นในวัยเด็กของฉันจากปากของเขา และแล้วทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง

ความทรงจำย้อนกลับมาหาฉันในทันที

พลบค่ำช่วงปลายฤดูร้อน ฉันวิ่งไปตามทุ่งหลังบ้านกับเด็กชายที่เรียกฉันว่าเดซี่ ตามชื่อดอกไม้ที่ฉันชอบที่สุด

ค่ำคืนที่ฉันแอบออกจากบ้านตอนเที่ยงคืนกับพี่ชายเพื่อไปเล่นเกมกระดานกับเด็กชายที่อาศัยอยู่บ้าน

ข้าง ๆ จนถึงรุ่งเช้า ซึ่งเขาได้สอนฉันเล่นโป๊กเกอร์ที่นั้นด้วย

บ่ายฤดูหนาวนับพันที่ฉันสร้างป้อมหิมะกับพี่ชายและเพื่อนสนิทของพี่ที่มีดวงตาสีฟ้าแสนร่าเริง...

“พี่คริสเตียน” ฉันหายใจเข้าลึก ๆ มือของฉันกำเสื้อเขา ฉันจ้องมองเขาอย่างไม่กะพริบตาราวกับว่าเขาจะหายไปหากฉันละสายตาจากเขาไปเพียงวินาทีเดียว ราวกับว่าฉันจะสูญเสียเขาไปอีกครั้ง ตลอดกาล

“ว่าไง ตัวเล็กของฉัน” เขาพึมพำพลางลูบแก้มฉันเบา ๆ “ฉันจะไม่มีวันละสายตาจากเธออีก”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status