“คือ” เขากล่าวพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย “ฉันยังจำเธอได้ทันทีเลย แม้ดีเจจะแนะนำเธอว่าแบมบี้ก็ตาม”เสียงหัวเราะเบา ๆ ด้วยความตกใจหลุดออกจากปากของฉันและสุดท้ายก็อดไม่ได้ ฉันเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเต็มที่ “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่จะมาเจอฉันในคลับเปลื้องผ้า พี่คริสเตียน” ฉันพึมพำขณะมองขึ้นไปที่เพดาน “แม้แต่พี่เดมอนยังไม่รู้เลยว่าฉันทำงานที่นั่น”“โชคดีที่ฉันเจอเธอ” พี่คริสเตียนกล่าว ฉันก้มหน้าลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเขา “เธอหาเรื่องใส่ตัวอย่างหนักเลยนะเดซี่ เธอไปยุ่งเกี่ยวกับริคคาร์โด โบเน็ตติได้ยังไง?”ฉันถอนหายใจและสบตาเขา “เรื่องมันยาว ฉันเองก็เพิ่งรู้เอาคืนนี้เหมือนกัน ฉันยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ”“โอเค” พี่คริสเตียนพูดพลางมองไปทางหน้าต่างรถเมื่อได้ยินเสียงผิวปากดังขึ้น ฉันมองออกไปก็เห็นแฟรงกี้โบกมือเรียกเราให้ออกจากรถ “ยังไงเธอคงได้มีเวลาจัดการเรื่องนี้ที่นี่”ฉันขมวดคิ้วมองพี่คริสเตียนขณะที่เขาเปิดประตูรถออก“เดี๋ยวนะ” ฉันพูดขณะที่คว้าเสื้อของเขาอีกครั้ง เขาหันกลับมาหาฉัน “พี่จะไม่… พาฉันกลับบ้านเหรอ?”แต่ตอนที่พูดไปแบบนั้น ฉันก็ตระหนักว่า… ฉันไม่มีบ้านให้กลับอ
“ระวัง!” คริสเตียนโพล่งขณะที่จับไอริสไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้น เขาจับเธอไว้แน่นเพื่อให้เธอทรงตัวได้ ไอริสเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาโตสีฟ้าอย่างรู้สึกผิด แก้มของเธอแดงระเรื่ออย่างสมบูรณ์แบบให้ตายสิ ทำไมเธอต้องโตมาสวยขนาดนี้ด้วย?“เอ่อ” เธอพูดพลางมองลงไปที่ขาตนเอง “น่าอายจริง ๆ ฉันว่าฉันคงไม่สามารถ…”คริสเตียนมองตามลงไปและสังเกตว่าเข่าของเธอสั่น เขาสบถและโอบไหล่ไอริสแน่นขึ้นก่อนที่จะสอดแขนซ้ายใต้เข่าของเธอและอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนเธอตกใจเล็กน้อยเมื่อเขาอุ้มเธอ “ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ” เธอพึมพำ “ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นอะไร…”“เธอกำลังตกใจน่ะไอริส” คริสเตียนถอนหายใจขณะที่อุ้มเธอแน่นแนบอก “เธอเพิ่งจะเคยเห็นคนยิงกันครั้งแรก โดนลักพาตัวครั้งแรกและโดนขับรถไล่ล่าครั้งแรกใช่ไหมล่ะ?” เขาทำท่ายักไหล่และยิ้มให้เธอพลางพยายามจะทำให้เธอหัวเราะ พระเจ้า เมื่อก่อนเขามักจะชอบทำให้เธอหัวเราะเสมอเธอยิ้มเล็กน้อย“ไม่เป็นไรนะหนูน้อย” คริสเตียนพึมพำ “พวกเราจะดูแลเธอเอง พร้อมไหม?”ไอริสพยักหน้าและคริสเตียนก็เริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าแฟรงกี้ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่คริสเตียนขณะที่เขาเดินมาด้านข้างแต่ไม่ได้พูดอะไรขณะ
ไอริสเซ็กซี่อย่างเหลือเชื่อ เธอมีพลังบนเวทีที่ทำให้บรรดาผู้ชายต้องคุกเข่า แต่เธอกลับรับมืออย่างไร้เดียงสาเสียอย่างนั้น?คริสเตียนคิดว่าไอริสคงไม่รู้ว่าเธอเจอสถานการณ์แบบไหนอยู่เพราะยังไงไอริสก็น่ารักเสมอมา แต่ที่ผ่านเธออ้วนและเชยเกินไปจนไม่สามารถมองว่าเซ็กซี่ได้พระเจ้า เธอเติบโตมาได้ดีจริง ๆพระเจ้าช่วยด้วยลิฟต์ส่งเสียงติ๊งก่อนที่ประตูจะเปิดออกคริสเตียนหายใจเข้าลึก ๆ ขณะเดินออกจากลิฟต์ นิโคเดินนำพวกเขาขณะที่แฟรงกี้เดินตามหลังเหมือนเช่นเคย ทุกคนมุ่งหน้าไปที่ประตูที่สุดทางเดินเมื่อคริสเตียนเห็นผู้ชายสองคนนั้นไปจับไอริสหลังบาร์ เขาก็เกือบจะลงมือสายเกินไป เขาเสียเวลามากเกินไปในการเจรจากับเบ็นที่นอนเลือดไหลอยู่บนพื้นและเอาแต่ตะโกนว่าคริสเตียนจะต้องชดใช้สำหรับเรื่องนี้อย่างไรดังนั้นคริสเตียนจึงเกือบจะพลาดไอ้เวรสองคนที่ตามไปคุกคามไอริส จนกระทั่งเธอตะโกน เขาจึงไปที่บาร์ทันที แต่เขาก็ต้องพลาดเธอไปอีกครั้งเมื่อบาร์เทนเดอร์ได้ใช้แชมเปญเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ชายสองคนนั้น ซึ่งถือว่าฉลาดมากแต่เมื่อชายสองคนหายตัวไปผ่านม่านและไปตามโถงทางเดิน คริสเตียนก็ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ในการออ
ฉันบิดตัวเล็กน้อยภายใต้สายตาของพี่คริสเตียนที่จ้องฉันโดยไม่พูดอะไร พระเจ้า สายตาของเขาช่างร้อนแรงเหลือเกิน ฉันแค่พูดเล่นเล็กน้อย แต่สายตาที่เขามองฉันนั้นมันอะไรกัน?เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?“ห้องนอนปลอดภัย เจ้านาย” นิโคพูดขณะก้าวออกมาจากห้องนอนหลักและมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเกือบจะในเวลาเดียวกับแฟรงกี้“ส่วนที่เหลือของอะพาร์ตเมนต์ก็เหมือนกัน” แฟรงกี้เสริมก่อนที่จะเข้าไปช่วยนิโคค้นตู้เย็น ฉันมองพวกเขาอย่างกระอักกระอ่วนใจและสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปคือ… จะให้ฉันนั่งอยู่ที่นี่ในเสื้อสูทของพี่คริสเตียนแบบนี้เหรอ? จนกว่าพวกเขาจะบอกว่าฉันไปได้? แล้วมันจะเมื่อไหร่กัน?“อยากได้น้ำสักขวดไหม?” พี่คริสเตียนถามและทำให้ฉันสะดุ้ง ฉันเงยหน้ามองเขา เขายกยิ้มให้กับความขี้ตกใจของฉันและโน้มตัวลงมาหาฉันเล็กน้อย “แค่น้ำดื่มน่ะไอริส ไม่ต้องมองฉันราวกับว่าฉันกำลังให้เธอเลือกระหว่างความเป็นและความตายหรอก”ฉันขมวดคิ้วหรี่ตามองเขาทันที เขายังคงยิ้มมุมปากเหมือนที่เคยทำเสมอมา พระเจ้า เราทำแบบนี้เป็นพันครั้งตอนเด็ก ๆ พี่คริสเตียนชอบแกล้งฉันไม่ใช่แบบที่ใจร้ายเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้วฉันก็จะขมวดคิ้ว และเขาก็จะยิ้มเ
สีหน้าของนิโคยังคงเคร่งขรึม แต่ปากของแฟรงกี้กลับบิดเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขาพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเห็นได้ชัดพี่คริสเตียนถอนหายใจและเริ่มขยับเครื่องตรวจจับโลหะไปตามแขนซ้ายของฉันอย่างช้า ๆ โดยเริ่มจากปลายนิ้วแล้วเลื่อนเข้ามาที่ลำตัว“เช็คผมของเธอด้วย” นิโคสั่ง “อาจมีอะไรติดอยู่…ที่กิ๊บติดผมหรืออะไรทำนองนั้น”ฉันกลอกตาและหันกลับมามองพี่คริสเตียน ฉันรู้สึกดีใจที่เห็นว่าเขาเองก็กลอกตาเช่นกัน เขาตรวจสอบฉันอย่างละเอียด ฉันพบว่าตัวเองเสียสมาธิเล็กน้อยจากความใกล้ชิดของเขา มือของเขาเลื่อนใกล้ตัวฉันมากแต่ไม่สัมผัสฉันเลยฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาแม้ว่าฉันจะไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นแต่ลมหายใจของฉันก็ถี่กระชั้นขึ้นเมื่อเห็นกล้ามเนื้อของเขาเคลื่อนไหวอยู่ใต้เสื้อขณะที่เขาเลื่อนเครื่องตรวจจับไปมาบนร่างกายของฉัน ฉันได้กลิ่นกายเขาจากความใกล้ชิดนี้ และพระเจ้า เขาตัวหอมมาก เหมือนกลิ่นหนัง วิสกี้ และ...ฉันกระแอมและเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปทางอื่นพี่คริสเตียนตรวจท่อนบนและลำตัวของฉันเสร็จแต่ไม่พบอะไรเลยอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ คืนนี้ฉันไม่ได้ใส่โลหะเลย แม้แต่ต่างหูฉันก็ยังไ
ฉันสังเกตพี่คริสเตียนในขณะที่ฉันคลายตะขอด้านหลังแล้วดึงเสื้อบิกินี่ออกก่อนโยนมันลงบนเตียง พระเจ้า ฉันคิดขณะที่จับจ้องแผ่นหลังพี่คริสเตียน เขาทั้งสูงและไหล่กว้างมากฉันงอเข่าและก้มลงเพื่อคลายตะขอรองเท้าขณะที่คิดว่าส่วนสูงของเขาไม่ใช่สิ่งเดียวที่เปลี่ยน พี่คริสเตียนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันในหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่นวิธีที่เขาคุยกับแฟรงกี้และนิโค เขาเย็นชามาก และถึงแม้ว่าพวกเขาต่างเป็นผู้ชายที่ดูดี อายุไล่เลี่ยกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าใครเป็นหัวหน้าเขาจัดการกับอำนาจที่ดิบเถื่อนนั้นได้อย่างไร? มันแตกต่างจากผู้ชายที่มีเสน่ห์ ตลก และเป็นกันเองที่ฉันรู้จักตอนเด็ก ๆ มากฉันยืดตัวขึ้น ถอดรองเท้าและกางเกงชั้นในจีสตริงออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโยนมันไปบนเตียงและคว้ากางเกงขาสั้นขึ้นมาใส่“ถ้านิโคเป็นลูกพี่ลูกน้องและบอดี้การ์ดของพี่” ฉันถามพลางดึงกางเกงขาสั้นขึ้นและยกยิ้มเมื่อกางเกงขาสั้นถูกดึงขึ้นเลยเอวมา “แล้วแฟรงกี้ล่ะ?”“แฟรงกี้ไม่ใช่คนในครอบครัวฉัน” พี่คริสเตียนตอบหลังจากนั้นครู่หนึ่งราวกับกำลังตัดสินใจว่าเขาจะให้ฉันรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน “แต่เขาสนิทจนแทบจะเป็นครอบครัวเดียวกันเลย ครอบครัวของ
“อะไรเหรอ?” ฉันถามพร้อมมองตามเขา “โอ้” ฉันอุทานด้วยความแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นรอยฟกช้ำตรงเหนือข้อพับ “คงจะเป็นรอยใหม่…”“พวกเวรนั่น” พี่คริสเตียนบ่นพลางลดแขนของฉันลงและมองหน้าฉัน “ลูกน้องของโบเน็ตติโหดร้ายเกินเหตุเสมอ ฉันขอโทษนะ ฉันจะหายาแก้ปวดมาให้”“ไม่เป็นไร” ฉันพูดพลางกอดอกและยักไหล่ “ฉันเคยเป็นรอยฟกช้ำมาก่อน และพูดตามตรงนะพี่คริสเตียน ถ้าพี่จะโกรธเพราะแค่เรื่องรอยฟกช้ำ พี่คงไม่อยากรู้ว่าพวกเขาวางแผนอะไรไว้…”“ไอริส” เขาพูดและมองฉันด้วยความจริงจัง ฉันปิดปากเงียบและหยุดชะงักไปเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าพวกมันคิดจะทำอะไรกับเธอ เข้าใจไหม?”ฉันพยักหน้า ความรู้สึกหวาดกลัวจากก่อนหน้านี้เริ่มกลับคืนมาเล็กน้อยอีกครั้ง เพราะการเอามาพูดเล่นมันก็เรื่องหนึ่ง แต่หากว่ามาคิดจริง ๆ ว่าพวกนั้นจะทำอะไรกับฉันแล้วล่ะก็...“ขอบคุณนะคะพี่คริสเตียน” ฉันกระซิบ เสียงของฉันสั่นเครือ “ที่ช่วยฉันไว้” ฉันมองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าโดยไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรพี่คริสเตียนถอนหายใจและก้าวเข้ามาหาฉันอีกก้าว เขาประคองใบหน้าของฉันขึ้นด้วยฝ่ามือของเขาครู่หนึ่งก่อนที่จะโอบกอดฉัน “อย่าเพิ่งขอบคุณฉันตอนนี
หลังจากนั้นฉันก็นอนไม่ค่อยหลับ แม้ว่าฉันจะกินแซนวิชจนหมดเกลี้ยงเพราะหิวมากกว่าที่คิดไว้ แต่เมื่อวางจานเปล่าลงฉันก็เอาแต่จ้องเพดานในความมืดด้วยความรู้สึกท้อแท้เป็นเวลานานนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันกันนะ?จริง ๆ แล้วฉันดีใจเล็กน้อยที่พี่คริสเตียนไม่เคยอ่านอีเมล์ที่ฉันส่งให้เขา เพราะอีเมล์เหล่านั้นล้วนเป็นเรื่อง… โกหกไม่ใช่การโกหกอย่างหน้าด้าน ๆ ไม่ใช่การพยายามหลอกลวง แต่เป็นการพรรณนาชีวิตของฉันที่ปกปิดส่วนที่ไม่ดีทั้งหมดเอาไว้และทำให้ทุกอย่างดูสดใสกว่าความเป็นจริง เช่น ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านฉันมักจะบอกเขาเกี่ยวกับงานใหม่ที่ฉันทำ ซึ่งทำให้ฉันหาเงินได้มากมายจากการทำในสิ่งที่ฉันรัก นั่นก็คือการเต้นแน่นอนว่าฉันละเว้นข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นการเต้นเปลื้องผ้าและปล่อยให้ผู้ชายยัดเงินกับสายกางเกงชั้นในและฉันยังละเว้นความเป็นจริงที่ฉันยกเงินเดือนนั้นทั้งหมดให้แฟนฉัน ซึ่งฉันยังบอกไปด้วยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด ฉลาดที่สุด และยอดเยี่ยมที่สุดในโลกยกเว้นเมื่อเขากลายเป็นไอ้สารเลวที่เต็มใจขายฉันให้กับมาเฟียเพื่อชำระหนี้ของตัวเองฉันร้องคร่ำครวญออกมาพลางเอาสองมือปิดหน้าตนเองและคิดว่าทั