“เธอต้องการเท่าไร?” เขาถามอย่างกะทันหัน“อะไรนะ?” ฉันถามพร้อมกับเอียงคอ“เท่าไร?” พี่คริสเตียนย้ำและหรี่ตามองฉัน “คนของฉันรู้ที่อยู่ของเธอแล้ว ไอริส ฉันรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน ค่าเช่าบ้านเท่าไร ฉันยังรู้ด้วยว่าผู้หญิงอย่างเธอหาเงินได้เท่าไรในคลับแบบนั้น การตรวจสอบเครดิตของเธอระบุว่าเธอมีเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องหาเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นเธอเป็นหนี้อะไร ไอริส?”ฉันกะพริบตาให้เขาด้วยความตกใจ เขาไปเอาข้อมูลพวกนั้นมาจากไหนในเพียงชั่วข้ามคืน!? “ห๊ะ?“ ฉันหายใจเร็ว “ได้ยังไง…?”“ฉันเป็นคนที่มีอำนาจ” เขาพึมพำขณะที่โน้มตัวเข้ามาใกล้ฉันและปล่อยให้ฉันรู้สึกถึงอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขา หัวใจของฉันเริ่มเต้นเร็วขึ้นและไม่ใช่เพราะฉันกลัวเขา “ฉันมีคนหาข้อมูลพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย”“งั้นพี่ก็รู้อยู่แล้ว” ฉันพูดและวางแก้วกาแฟลงก่อนที่จะกอดอก “ว่าฉันอาศัยอยู่กับแฟน ถ้าพี่รู้ว่าฉันอาศัยอยู่ที่ไหนและว่าค่าเช่าเท่าไร”“ใช่” เขาตอบทันทีโดยที่ตาของเขายังคงหรี่ลงและทำให้ฉันตระหนักได้ชัดเจนว่าเขากำลังทดสอบฉันเพื่อดูว่าฉันจะบอกความจริงกับเขาหรือไม่
“พี่คริสเตียน” ฉันพูดพร้อมกับทาบมือลงบนอกและพยายามสื่อให้เขาเห็นว่าฉันพูดความจริงทุกอณู “ฉันสาบานได้เลย ฉันไม่รู้ว่าพี่กำลังพูดถึงอะไร ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรทั้งนั้น ถ้าฉันพลาดอะไรไป นั่นก็เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ”“คิดให้ดี ไอริส” พี่คริสเตียนพูดในขณะที่ยังคงจ้องลงมองฉัน “เธอรู้เรื่องอะไรอีก? เกี่ยวกับแฟนเธอหรือหนี้ของเขา ทำไมพวกนั้นถึงยังต้องตามล่าเธออยู่ล่ะ?”ฉันพยายามคุ้ยทุกเรื่องที่รู้ ทุกอย่างที่ฉันรู้เกี่ยวกับหนี้ของสตีเว่น สิ่งที่พวกเขาให้ฉันดูในวิดีโอเมื่อคืนนี้ สิ่งที่สตีเว่นพูดในวีดีโอคอล แม้แต่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันรู้เกี่ยวกับการที่สตีเว่นซื้อขายคริปโต แต่พูดตามตรง แต่พูดตามตรงขณะที่พูดออกมาฉันก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรเลยพี่คริสเตียนกัดฟันแน่นพลางส่ายหัวให้ฉันเพราะเรื่องต่าง ๆ ไม่สอดคล้องกันเลย เขาอ้าปากเพื่อเรียกร้องข้อมูลใหม่ ๆ ด้วยความโกรธ แต่แล้วนิโคก็เข้ามาขัดจังหวะ“แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องที่เธอรู้ล่ะ?” เขาถาม ทั้งพี่คริสเตียนและฉันก็หันไปสนใจเขา “ถ้ามันเป็นสิ่งที่เธอมีล่ะ?”“นายกำลังจะสื่ออะไร?” พี่คริสเตียนตวาด“ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย” นิโคพ
“เธออยู่นี่” นิโคพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเล็กน้อย “เดี๋ยวให้เธอบอกนายเอง”“แอนโธนี่?” ฉันถาม“โอ้พระเจ้า ไอริส” เขาอุทาน “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?!”“ฉันไม่เป็นไร” ฉันตอบอย่างรีบร้อน “ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ นายล่ะ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?!”“ฉันไม่เป็นไร เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น!? เธอกำลังนับเงินอยู่ดี ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็ถูกพวกอันธพาลตามตะครุบ แล้วก็ถูกอันธพาลอีกคนอุ้มพาดไหล่ออกจากคลับไป! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!”แววตาของนิโคมืดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าตัวเองถูกเรียกว่าอันธพาล แต่เขาไม่ได้พูดอะไร“เอิ่ม” ฉันพูดพลางเงยหน้ามองพี่คริสเตียนที่ส่ายหัวช้า ๆ เพื่อบอกฉันเป็นนัยว่าอย่าเปิดเผยความลับใด ๆ ในตอนนี้ แม้แต่กับเพื่อนของฉันเอง “ฟังนะแอนโธนี่ ฉันบอกได้แค่ว่าฉันไม่เป็นไร…”“ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเราจะพูดเมื่อมีปืนจ่อหัวอยู่!”“ไม่มี! ฉันสาบานได้เลย! ฉันกำลังดื่มกาแฟอยู่ในอะพาร์ตเมนต์หรูด้วยซ้ำ!”แอนโธนี่เงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนต่างรอคอย“ได้” เขาขึ้นเสียง “พิสูจน์สิ”“อะไรนะ?” ฉันตกใจเล็กน้อย“ใช้แก้วกาแฟนั้นทำเสียงเดี๋ยวนี้! ก่อนที่ใครก็ตามที่จับเธอไว้จะปลอมมันขึ้นมา!” ฉันเอนตัวไปหยิบช้อนจากเคาน์เต
พี่คริสเตียนละสายตาก่อน เขากัดฟันแน่นและก้มมองโทรศัพท์ของเขา “ฉันมีงานที่ต้องทำ” เขาพึมพำขณะผละตัวจากเคาน์เตอร์และเดินผ่านฉันไปก่อนที่จะกดหมายเลขและยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูขณะเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องของเขา“มา แบมบี้” แฟรงกี้พูดหลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าไปทางโซฟา น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน “อย่าคิดมาก เธอชอบเล่นเกมไหม?”“นายไม่ต้องเรียกฉันว่าแบมบี้ก็ได้” ฉันพึมพำขณะเดินตามเขาไปที่โซฟาพร้อมกับถือแก้วกาแฟมาด้วย “ฉันชื่อไอริส”“อ๋อ ฉันรู้ชื่อเธอ” เขากล่าวพร้อมกับยิ้มให้ฉันขณะที่ยื่นคอนโซลเกมให้ “ฉันแค่ชอบชื่อแบมบี้มากกว่า เอาล่ะ เกมนี้ค่อนข้างรุนแรงนะ แต่เธอแค่ต้องยิงหัวเอเลี่ยนเท่านั้น…”ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาฉันก็ไม่เก่งขึ้นเลย หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความโล่งอกและวิตกกังวลในเวลาเดียวกันเมื่อนิโคกลับมา“ได้มาแล้ว!” เขาตะโกนในขณะที่กำกระเป๋าของฉันไว้แน่นและเดินมาที่โซฟา“โอ้ ขอบคุณพระเจ้า” ฉันพูดขณะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋า“อย่างเพิ่งรีบ” นิโคพูดพลางยิ้มเย้ยและดึงมันออกจากมือฉัน “เจ้านายได้สิทธิ์ก่อน”“แต่นั่นมันของ ๆ ฉัน” ฉันประท้วงเมื่อในที่สุดพี่คริสเตียนก็ออกมาจากห้องนอนของเ
“รอยปากกาเลอะจากซ้ายไปขวา” นิโคพึมพำพลางชี้ไปที่สมุดบันทึกของสตีเว่นซึ่งมีอะไรก็ไม่รู้อยู่ข้างใน “เกิดขึ้นบ่อยครั้งในกรณีคนที่ถนัดซ้าย”“ไอริสถนัดขวา” พี่คริสเตียนพึมพำ จากนั้นเขาก็ส่งสมุดบันทึกให้กับนิโคซึ่งสำรวจมันต่อ“แต่ถึงเธอจะไม่ได้จดบันทึกนี้เอง” นิโคพูดพลางมองมาที่ฉันจากขอบสมุดบันทึก “ทำไมฉันถึงต้องเชื่อด้วยว่าเธอจะไม่เคยเห็นมัน?”“อะไรนะ?!” ฉันอ้าปากค้างและเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อจ้องไปมาระหว่างนิโคและพี่คริสเตียนด้วยความตกใจอีกครั้งที่พวกเขาไม่เชื่อฉัน “ฉันไม่รู้ว่านั่นคืออะไร! ฉันไม่อยากจะมีมันในกระเป๋าตัวเองด้วยซ้ำ! สมุดบันทึกนั่นกำลังทำลายชีวิตของฉัน ถ้ามันสำคัญอย่างที่นายพูด!”“เอาล่ะ คริส” นิโคพูดพลางหันไปหาพี่คริสเตียนแล้วพูดกับเขาโดยไม่สนใจฉัน “ผู้หญิงคนนี้พูดจาไร้สาระ ถ้าเราเชื่อเธอ เราก็สมควรเจอสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา!”ปากของฉันอ้าค้างและปล่อยเสียงฮึดฮัดดังออกมา“เธอต้องมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้แน่ และแน่นอนว่าเธอจะต้องโกหกหน้าตายเพื่อเอาตัวรอด!” นิโคยืนกรานพร้อมชี้ไปที่สมุดบันทึกอย่างแข็งกร้าว “แถมเธอยังเป็นนักเต้นเปลื้องผ้าอีกด้วย พวกเธอรู้วิธีโกหกคนอื่น มันคือห
“พี่คริสเตียน!” ฉันตะโกนอีกครั้งพร้อมกับปิดประตูตามหลังตัวเอง เขาหันกลับจากมาที่สุดทางเดินใกล้ลิฟต์ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลในขณะที่ฉันรีบวิ่งไปหาเขา“ไอริส!” เขาถามพร้อมกับเอามือโอบเอวฉันและดึงฉันเข้าใกล้ด้วยท่าทีปกป้องก่อนที่จะมองหาสิ่งที่ทำให้ฉันแตกตื่นขนาดนั้น “เกิดอะไรขึ้น!?”“อะไรวะเนี่ย!” แฟรงกี้ตะโกนพร้อมกับกระชากประตูเปิดออกและพุ่งเข้ามาในโถงทางเดินตามฉันโดยมีนิโคตามมาติด ๆ“ขอฉัน” ฉันพูดขณะกัดฟันแน่นและกอดอกจ้องพี่คริสเตียน “คุยกับพี่สองคนได้ไหม?”พี่คริสเตียนใช้เวลาครึ่งวินาทีกว่าจะรู้ตัวว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และฉันแค่ไล่ตามเขามาเพื่อขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว เขาถอนหายใจก่อนที่จะยกมือขึ้นห้ามนิโคและแฟรงกี้ ทั้งคู่หยุดชะงักทันทีแม้ว่าพวกเขาจะดูไม่พอใจก็ตาม“เธอมีเวลาจนกว่าลิฟต์จะมา” เขาพูดด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำของฉัน แต่เขาก็ยังพยักหน้าส่งสัญญาณหาบอดี้การ์ดตนเองและส่งพวกเขากลับเข้าไปข้างใน พวกเขาทำตามที่พี่คริสเตียนบอก ทั้งคู่จ้องเขม็งมาที่ฉันขณะปิดประตู“พี่คริสเตียน” ฉันบ่นทันทีที่พวกเขาไม่ได้ยินฉันแล้ว “พี่จะทิ้งฉันไว้ที่นี่กับคนแปลกหน้
“นิโค?” ฉันถามเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเขาเหลือบตามามองฉัน ส่วนฉันก็เหลือบตาไปที่โทรศัพท์ตนเอง“ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรจะถาม” ฉันพูดเบา ๆ “แต่นายช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าพี่ชายฉันได้ส่งข้อความหาฉันหรือเปล่า เขา… ไม่ค่อยดีอยู่ นายไม่ต้องบอกฉันก็ได้ว่าเขาส่งข้อความมาว่าอะไร แค่… บอกว่าเขาได้ส่งข้อความมาหรือไม่ก็พอ”นิโคจ้องฉันสักครู่ก่อนที่จะถอนหายใจและหยิบโทรศัพท์ของฉันขึ้นมาในขณะที่ฉันบอกเขาว่าข้อความนั้นจะถูกเขียนว่ามาจากเดมอน เขาเลื่อนดูข้อความของฉันและส่ายหัว ฉันรู้สึกโล่งใจมาก เดมอนตอนนี้ค่อนข้างจะเปราะบางและเขามักจะหาที่พักพิงใจกับฉันเมื่อทุกอย่างมืดมน“ขอบคุณนะ” ฉันกระซิบให้นิโคซึ่งพยักหน้าให้ฉันก่อนที่จะพึมพำบางอย่างเกี่ยวกับการสั่งของชำและลุกขึ้นไป“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีวัตถุดิบเลย?” ฉันถามขณะละสายตาจากวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามเหนือเมืองและหันไปมองแฟรงกี้ซึ่งหาวอยู่ข้าง ๆ ฉัน “เชฟพวกนายเอาอาหารกลับไปหมดหลังจากที่เสร็จงานหรือยังไง?”แฟรงกี้ยิ้มใส่ฉัน “เปล่า เราแค่ไม่ค่อยได้มาที่นี่เท่าไร”ฉันกะพริบตาให้เขาด้วยความสับสน จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ อะพาร์ตเมนต์โล่ง ๆ แห่งนี้ ที่นี่อาจจะเป
ฉันหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเล่นที่พี่คริสเตียนเรียกฉันเป็นการส่วนตัวออกจากปากของนิโค “นาย… รู้เรื่องนั้นได้ยังไง?”“โอ้พระเจ้า” นิโคพูดพลางส่ายหัวและจ้องมองฉันขณะที่นั่งลงข้าง ๆ แฟรงกี้อย่างช้า ๆ “เมื่อใดก็ตามที่คริสเตียนพูดถึงช่วงหลายปีก่อนที่เขาจะกลับบ้าน เขาจะเปลี่ยนชื่อเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือมาจากไหน ถ้าอย่างนั้นเธอก็คือน้องสาวของคิดเหรอ?”ฉันยิ้มเล็กน้อย “คงงั้น” ฉันตอบพลางกอดอกและนึกถึงชื่อเล่นที่พี่คริสเตียนเรียกเดมอน “เดี๋ยวก่อนนะ แล้วก่อนหน้านี้พวกนายคิดว่าฉันเป็นใคร?”นิโคหัวเราะเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่าเธอเป็นโสเภณีที่เจ้านายต้องการให้พากลับมา คือฉันคิดได้ค่อนข้างเร็วว่าเขาต้องเคยเจอเธอมาก่อน แต่ฉันแค่คิดว่า…” เขาลังเลก่อนที่จะยักไหล่เป็นนัย ๆ ทำให้ฉันส่งเสียงแหลมเล็ก ๆ เป็นการประท้วง“นิโค! ฉันไม่ได้ขายตัวนะ!”“แต่เธอเป็นนักเต้นเปลื้องผ้าไง!”“มันไม่เหมือนกัน!” ฉันตะโกนพลางคว้าหมอนอิงแล้วขว้างมันใส่เขา นิโคแค่รับมันและหัวเราะ“ฉันขอโทษ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แต่ฉันคิดจริง ๆ ว่าเขาคงประทับใจใน… ความสามารถของเธอ และว่าเขาเพียงแค่ต้องช่วยเธอจากซ่องสกปรก