“พี่คริสเตียน!” ฉันตะโกนอีกครั้งพร้อมกับปิดประตูตามหลังตัวเอง เขาหันกลับจากมาที่สุดทางเดินใกล้ลิฟต์ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลในขณะที่ฉันรีบวิ่งไปหาเขา“ไอริส!” เขาถามพร้อมกับเอามือโอบเอวฉันและดึงฉันเข้าใกล้ด้วยท่าทีปกป้องก่อนที่จะมองหาสิ่งที่ทำให้ฉันแตกตื่นขนาดนั้น “เกิดอะไรขึ้น!?”“อะไรวะเนี่ย!” แฟรงกี้ตะโกนพร้อมกับกระชากประตูเปิดออกและพุ่งเข้ามาในโถงทางเดินตามฉันโดยมีนิโคตามมาติด ๆ“ขอฉัน” ฉันพูดขณะกัดฟันแน่นและกอดอกจ้องพี่คริสเตียน “คุยกับพี่สองคนได้ไหม?”พี่คริสเตียนใช้เวลาครึ่งวินาทีกว่าจะรู้ตัวว่าไม่มีอะไรผิดปกติ และฉันแค่ไล่ตามเขามาเพื่อขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว เขาถอนหายใจก่อนที่จะยกมือขึ้นห้ามนิโคและแฟรงกี้ ทั้งคู่หยุดชะงักทันทีแม้ว่าพวกเขาจะดูไม่พอใจก็ตาม“เธอมีเวลาจนกว่าลิฟต์จะมา” เขาพูดด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำของฉัน แต่เขาก็ยังพยักหน้าส่งสัญญาณหาบอดี้การ์ดตนเองและส่งพวกเขากลับเข้าไปข้างใน พวกเขาทำตามที่พี่คริสเตียนบอก ทั้งคู่จ้องเขม็งมาที่ฉันขณะปิดประตู“พี่คริสเตียน” ฉันบ่นทันทีที่พวกเขาไม่ได้ยินฉันแล้ว “พี่จะทิ้งฉันไว้ที่นี่กับคนแปลกหน้
“นิโค?” ฉันถามเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเขาเหลือบตามามองฉัน ส่วนฉันก็เหลือบตาไปที่โทรศัพท์ตนเอง“ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรจะถาม” ฉันพูดเบา ๆ “แต่นายช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าพี่ชายฉันได้ส่งข้อความหาฉันหรือเปล่า เขา… ไม่ค่อยดีอยู่ นายไม่ต้องบอกฉันก็ได้ว่าเขาส่งข้อความมาว่าอะไร แค่… บอกว่าเขาได้ส่งข้อความมาหรือไม่ก็พอ”นิโคจ้องฉันสักครู่ก่อนที่จะถอนหายใจและหยิบโทรศัพท์ของฉันขึ้นมาในขณะที่ฉันบอกเขาว่าข้อความนั้นจะถูกเขียนว่ามาจากเดมอน เขาเลื่อนดูข้อความของฉันและส่ายหัว ฉันรู้สึกโล่งใจมาก เดมอนตอนนี้ค่อนข้างจะเปราะบางและเขามักจะหาที่พักพิงใจกับฉันเมื่อทุกอย่างมืดมน“ขอบคุณนะ” ฉันกระซิบให้นิโคซึ่งพยักหน้าให้ฉันก่อนที่จะพึมพำบางอย่างเกี่ยวกับการสั่งของชำและลุกขึ้นไป“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีวัตถุดิบเลย?” ฉันถามขณะละสายตาจากวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามเหนือเมืองและหันไปมองแฟรงกี้ซึ่งหาวอยู่ข้าง ๆ ฉัน “เชฟพวกนายเอาอาหารกลับไปหมดหลังจากที่เสร็จงานหรือยังไง?”แฟรงกี้ยิ้มใส่ฉัน “เปล่า เราแค่ไม่ค่อยได้มาที่นี่เท่าไร”ฉันกะพริบตาให้เขาด้วยความสับสน จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ อะพาร์ตเมนต์โล่ง ๆ แห่งนี้ ที่นี่อาจจะเป
ฉันหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเล่นที่พี่คริสเตียนเรียกฉันเป็นการส่วนตัวออกจากปากของนิโค “นาย… รู้เรื่องนั้นได้ยังไง?”“โอ้พระเจ้า” นิโคพูดพลางส่ายหัวและจ้องมองฉันขณะที่นั่งลงข้าง ๆ แฟรงกี้อย่างช้า ๆ “เมื่อใดก็ตามที่คริสเตียนพูดถึงช่วงหลายปีก่อนที่เขาจะกลับบ้าน เขาจะเปลี่ยนชื่อเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือมาจากไหน ถ้าอย่างนั้นเธอก็คือน้องสาวของคิดเหรอ?”ฉันยิ้มเล็กน้อย “คงงั้น” ฉันตอบพลางกอดอกและนึกถึงชื่อเล่นที่พี่คริสเตียนเรียกเดมอน “เดี๋ยวก่อนนะ แล้วก่อนหน้านี้พวกนายคิดว่าฉันเป็นใคร?”นิโคหัวเราะเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่าเธอเป็นโสเภณีที่เจ้านายต้องการให้พากลับมา คือฉันคิดได้ค่อนข้างเร็วว่าเขาต้องเคยเจอเธอมาก่อน แต่ฉันแค่คิดว่า…” เขาลังเลก่อนที่จะยักไหล่เป็นนัย ๆ ทำให้ฉันส่งเสียงแหลมเล็ก ๆ เป็นการประท้วง“นิโค! ฉันไม่ได้ขายตัวนะ!”“แต่เธอเป็นนักเต้นเปลื้องผ้าไง!”“มันไม่เหมือนกัน!” ฉันตะโกนพลางคว้าหมอนอิงแล้วขว้างมันใส่เขา นิโคแค่รับมันและหัวเราะ“ฉันขอโทษ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แต่ฉันคิดจริง ๆ ว่าเขาคงประทับใจใน… ความสามารถของเธอ และว่าเขาเพียงแค่ต้องช่วยเธอจากซ่องสกปรก
นิโคลุกขึ้นเพื่อเทไวน์ใส่แก้วแล้วดันมันมาทางฉันอย่างมีน้ำใจเมื่อฉันจัดของเสร็จ “นี่” เขากล่าว “ขอบคุณที่จัดครัวให้ นั่นไม่ใช่… สิ่งที่เราถนัดเลย”ฉันยักไหล่พลางรู้สึกพอใจเล็กน้อยที่ได้ทำความสนิทสนมกับผู้ชายคนที่ยังพร้อมจะเป็นศัตรูของฉันเมื่อเช้านี้ “ด้วยความยินดี” ฉันตอบเรียบ ๆ “ถ้าอย่างนั้น…” ฉันพูดอย่างลังเลเล็กน้อย “เหล่าพี่ชายของพี่คริสเตียนไม่… มีปัญหาอะไรเหรอ? ที่เขาดูเหมือนจะเป็นคนโปรด?”“โอ้ มีแน่นอน” แฟรงกี้พูดพลางหยิบพิซซ่าชิ้นที่สามพร้อมกับยกคิ้วขึ้น “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นลูกคนละแม่ ส่วนสามคนที่เหลือ พวกเขาค่อนข้างจะรวมหัวกัน แต่มันปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าคริสเตียนเก่งเรื่องพวกนี้มากกว่าพวกเขามาก และอีกอย่าง ลอเรนโซซึ่งควรจะเป็นทายาท เขาติดผงมากเกินกว่าจะได้รับความไว้ใจ…”นิโคตบไหล่แฟรงกี้ขณะที่ฉันกินสลัดเสร็จและกัดพิซซ่าไปหนึ่งคำพลางมองดูพวกเขา“อะไร?!” แฟรงกี้ประท้วงและชี้มาทางฉันด้วยมือที่ยกขึ้น “ครึ่งหนึ่งของโสเภณีทางฝั่งตะวันตกของเมืองคงสามารถบอกเธอได้ว่าลอเรนโซ โรมาโนชอบเสพยาแค่ไหนและอีกอย่างเธอคือเดซี่ เธอน่าจะรู้จักคริสเตียนมากกว่าพวกเราอีก”“ไม่จริง” นิโคพูดด
ช่วงเวลาตึงเครียดยาวนานจนฉันสงสัยอย่างจริงจังว่าพี่คริสเตียนจะต่อยใครหรือเปล่าแต่ฉันคิดว่าเขาทำให้พวกเราทุกคนต่างตกใจเมื่อพี่คริสเตียนเหลือบมองเบียร์ของนิโค “มีอีกไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแห้ง ๆ“มีครับ” นิโคตอบแล้วรีบกระโดดออกจากเก้าอี้และมุ่งหน้าไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบขวดเบียร์ออกมา นิโคดูตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อมองหาที่เปิดขวดอย่างกระวนกระวาย ฉันคิดว่าเขาคงอยากจะชดเชยที่ถูกจับได้โดยไม่รู้ตัวแต่มันอยู่ในมือของฉันที่ยื่นออกไปหาเขาแล้วนิโคขมวดคิ้วขณะที่เขาคว้ามันและเปิดขวดแล้วส่งไปให้พี่คริสเตียน ขณะที่เขาทำแบบนั้น ฉันก็เหลือบมองกลับไปที่เจ้าพ่อมาเฟีย ซึ่งฉันแปลกใจที่เห็นเขาเฝ้าดูพวกเราอย่างระมัดระวัง เขารับขวดเบียร์จากนิโคและมองมาที่ฉันพลางจิบมันอย่างใจเย็นพลางสังเกต“ดูเหมือนว่าเธอจะตีสนิทกับพวกเขาได้บ้างแล้วนะ ไอริส” เขากล่าวเบา ๆ ในขณะที่เขาลดขวดเบียร์ลง“ไม่หรอก” ฉันพูดพร้อมกับยักไหล่ “แฟรงกี้ยังขู่จะล่ามโซ่ข้อเท้าฉันอยู่เลยถ้าฉันทำตัวไม่ดี” แฟรงกี้ส่งเสียงตะกุกตะกักเพื่อประท้วง พี่คริสเตียนยิ้มเล็กน้อย “แล้วพี่ล่ะ ไปทำอะไรมาเหรอ?” ฉันถามโดยวางมือบนเคาน์เตอร์และเอนตัวไปหาเขาพร
“ถูกต้อง” พี่คริสเตียนพูด“นายเชื่อเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ?” นิโคตวาดและชี้มาทางฉันขณะที่สายตายังคงมองพี่คริสเตียน “ว่าเธอไม่รู้อะไรเลย? ว่าเธอแค่อาศัยอยู่กับผู้ชายคนนั้น ยกเงินเดือนทั้งหมดของตัวเองให้เขาโดยไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่แค่นักบัญชีลับของโบเน็ตติเท่านั้น แต่เขากำลังวางแผนที่จะแบล็กเมล์ทั้งห้าตระกูลมาเฟียด้วย?”“ใช่” พี่คริสเตียนตะคอกพร้อมหันศีรษะเพื่อจ้องนิโคเขม็ง “ฉันไปสืบมาแล้วนิโค และทุกอย่างที่ไอริสพูดตรงตามที่ฉันสืบมา หรือว่านายต้องการให้ฉันเชื่อว่าเพื่อนสมัยเด็กของฉันร่วมมือกับนักบัญชีของโบเน็ตติ และปกปิดร่องรอยของเธอได้อย่างน่าทึ่งแต่กลับห่วยแตกในการดำเนินชีวิตในโลกนี้?”ฉันอ้าปากค้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาประเมินฉัน แต่... ฉันก็หุบปากทันทีเพราะว่าสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ผิด“ถ้าฉันรู้ว่าสตีเว่นจะแบล็กเมล์ทั้งห้าตระกูล” ฉันกระซิบแล้วกางมือออก “ฉันจะไปเต้นเปลื้องผ้าทำไมล่ะ? เขาน่าจะได้เงินเป็นล้าน ๆ…”“เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นที่สงสัยไง” นิโคประท้วงพลางส่ายหัวให้ฉัน เขากลับมาเชื่อมั่นอีกครั้งว่าฉันเป็นสายลับ แม้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ตาม“แล้วทำไมฉันจะต้องเอาของสำคัญอย่างสมุดน
ทันใดนั้นทุกอย่างก็รู้สึกท่วมท้นเกินไปอย่างกระทันหันฉันร้องไห้โฮและซบหน้าลงกับฝ่ามือตนเองอีกครั้ง ฉันสะอื้นไห้จนไหล่สั่นและเริ่มร้องไห้หนักมากจนแทบจะหายใจไม่ทัน จากนั้นฉันก็ตกใจเพราะรู้ว่าพวกมาเฟียสุดโหดกำลังมองฉันราวกับว่าฉันเป็นคนโง่ แต่ฉันไม่สนใจอะไรแล้วจริง ๆ เพราะพี่คริสเตียนกำลังถามฉันว่าฉันต้องการช่วยชีวิตสตีเว่นหรือไม่ ผู้ชายที่พยายามจะขายฉันให้ไปค้าบริการทางเพศ ซึ่งเป็นสาเหตุทั้งหมดที่ฉันต้องถูกจับขังไว้เพื่อปกป้องตัวเอง...ฉันได้ยินผ่าน ๆ ว่าพี่คริสเตียนพูดบางอย่างกับนิโคและแฟรงกี้ เหมือนจะบอกพวกเขาให้ออกไปสักครู่เพื่อให้เขาคุยกับฉัน แต่ฉันเอาแต่จดจ่อกับชีวิตที่แสนเลวร้ายของตัวเองจนสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีผ้าห่มนุ่ม ๆ มาคลุมรอบตัวฉันฉันเงยหน้ามองพี่คริสเตียนด้วยความประหลาดใจขณะที่เขานั่งลงข้าง ๆ ฉันบนโซฟาและโอบไหล่ของฉัน “ไม่เป็นไรนะ” เขาพึมพำพร้อมยื่นมือมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มฉัน ฉันมองไปรอบ ๆ แต่แฟรงกี้กับนิโคไม่อยู่แล้วฉันหันหน้ากลับไปหาพี่คริสเตียนและเอนตัวเข้าหาเขาเล็กน้อยโดยยังคงร้องไห้อยู่และส่ายหัวเพราะว่า…เขากลับมาแล้ว หน้ากากเจ้าพ่อมาเฟียถูกถอดออกและพี่คริสเตี
“พี่จะไปไหน?” ฉันถามด้วยความสับสนและประหลาดใจขณะที่เขาเดินรอบโต๊ะกาแฟมุ่งไปที่ห้องครัว“ฉันจะเติมเครื่องดื่มให้เรานะ ไอริส” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “เพราะว่าถ้าเราจะคุยเรื่องครอบครัวของฉันกัน ฉันคงต้องดื่มอีกขวด”ฉันก็หัวเราะ แม้ว่าจะไม่ควรก็ตามพี่คริสเตียนหันกลับมาจากในห้องครัวและมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเมื่อได้ยินฉันหัวเราะ...บ้าเอ้ย มันฟื้นฝูหัวใจที่เศร้าหมองของฉันได้ดีเลยทีเดียวการทำให้พี่คริสเตียนยิ้มได้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในวันของฉันเสมอมาเขานำขวดไวน์มาพร้อมกับแก้วที่สองและนั่งลงเงียบ ๆ บนโซฟา จากนั้นเขาก็รินไวน์ให้ฉันครึ่งแก้วและรินแก้วที่สองให้ตัวเองในขณะที่เงยหน้ามองฉัน“เธอยังต้องให้คำตอบเรื่องแฟนเก่าของเธอนะ” เขากล่าวเบา ๆ และก่อนที่ใจของฉันจะจมดิ่งลงไปมากกว่านี้ เขาก็เพิ่มเติมประโยคนั้น “แต่เธอใช้เวลาคิดจนถึงตอนเช้าก็ได้ ตกลงไหม?”“ตกลง” ฉันกระซิบ พลางหยิบแก้วไวน์ที่เขายื่นมาให้ฉันและจ้องมองไวน์สีทองที่สวยงาม“เอาล่ะ” พี่คริสเตียนพูดพลางเอนหลังพิงเบาะโซฟา วางแขนไว้บนพนักพิงโซฟาและยกแก้วขึ้นมาทางฉันเพื่อเป็นการชนแก้ว “ไหนเล่าให้ฉันฟังหน่อย เด