เมื่อเรื่องคลี่คลายเพื่อนสนิททั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัว เฉินจือหานจับมือเล็กๆ ของจางหลินซินพาเธอเดินกลับเข้าไปในห้อง VIP ที่ทางผู้จัดการจัดเตรียมไว้ให้
“หลินซิน ทำไมเธอถึงเดินตามลำพัง บอดี้การ์ดไปไหน?”
เขาคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน รู้ว่าเธออยากมาด้วยตัวเอง จึงไม่อยากขัดขวางความสนุกของภรรยา แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงจ้างบอดี้การ์ดคอยคุมครองดูแล ส่วนเขาแยกออกไปนั่งกับเพื่อนๆ เพื่อให้หลินซินมีความเป็นส่วนตัว เพราะเขาและเธอยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่
“จือหาน ฉันแค่รู้สึกว่ามันน่าจะปลอดภัย” หลินซินโกหกหน้าตาย เธอบอกไม่ได้ว่าเธอมาทำภารกิจ ถ้าสามีของเธอรู้ว่ามีอาณาจักรลับใต้ดิน และทำภารกิจอันตรายทุกวัน เขาคงไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านแน่ๆ
“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ เข้าใจไหม? ถ้ามีอะไรก็บอกฉัน ฉันจะไปกับเธอเอง”
“ฉันเข้าใจแล้ว จือหานฉันสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีก” หลินซินกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษและออดอ้อนเล็กน้อย
เฉินจือหานใจอ่อนไม่ต่อว่าอะไรเธออีก ยามเธอออดอ้อนแบบนี้เขารู้คุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนกับว่าเคยใช้ชีวิตด้วยกันมาแล้วหลายปี แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของหลินซินดังขึ้น ดึงความคิดกลับมา
“จือหานคนขับรถมารับฉันแล้ว คืนนี้ฉันอยากกลับบ้านไปพักสักคืนได้ไหม?”
เฉินจือหานได้ยินเช่นนั้นก็ลูบหัวเธออย่างเอ็นดู “ได้สิ ทุกอย่างตามที่เธอต้องการ”
วันนี้เฉินจือหานช่างใจดีเหลือเกินผิดจากปกติ แต่หลินซินไม่สนใจอะไรมาก รีบจูบปากเขาเบาๆ แล้วออกจากห้องพักทันที
ที่ประตูด้านหลังอาคาร
001 ยืนพิงรถ SUV กำลังสูบบุหรี่อยู่ ร่างในชุดดำของเขาดูกลมกลืนไปกับความมืด มองไกลๆ เห็นเพียงแสงสีแดงจางๆ ของบุหรี่ หลินซินเห็นกองก้นบุหรี่เกลื่อนพื้นก็รู้ว่า 001 รอนานแล้ว
“ไปกันเถอะ”
001 ทิ้งก้นบุหรี่และเหยียบมันก่อนจะเห็นหลินซินในชุดราตรี ความสวยงามนี้ทำให้เขาตะลึงไปชั่วขณะ ปกติแล้วเจ้านายของเขาจะใส่แต่ชุดภารกิจ การเห็นเจ้านายในลุคที่ดูดีเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย คิดได้ดังนั้น 001 ก็สตาร์ทรถและออกจากประตูหลัง
---
เฉินจือหานนั่งลงบนโซฟาหลังจากหลินซินออกไป เขาหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าแล้วจุดสูบ ควันบุหรี่ลอยคลุ้งปิดบังใบหน้าที่ดูไม่ออกถึงอารมณ์
หลิวซูเหยียนเดินเข้ามาพร้อมรายงาน “นายท่าน ภรรยาของท่านนั่งรถที่ใช้ป้ายทะเบียนปลอม คนขับมีทักษะสูงมาก เราตามไปได้เพียงเล็กน้อยก็หลงทางแล้ว ข้อมูลที่สืบค้นก็เป็นข้อมูลปลอมทั้งหมด ภรรยาของท่านมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ฉันรู้แล้ว” เฉินจือหานพ่นควันออกมาพร้อมกับดับบุหรี่ เขายืนขึ้นและสั่งว่า “ไม่ต้องสืบต่อไปแล้ว แต่ให้คนตามดูแลความปลอดภัยของภรรยาฉันให้ดี”
“ครับ นายท่าน”
เฉินจือหานรู้สึกมาตลอดว่าหลินซินมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เมื่อให้หลิวซูเหยียนไปสืบสวนแต่กลับหาอะไรไม่ได้ เขาก็รู้แล้วว่าภรรยาคนงามมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ไม่ว่าจางหลินซินจะมีภูมิหลังอย่างไร เขาก็จะปกป้องเธออย่างดี การสืบเรื่องนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของเธอเท่านั้น ความรู้สึกที่ของเขามีต่อหลินซินจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ทำไม ถึงแม้ว่าเวลาที่ได้อยู่กับหลินซินจะสั้นมาก แต่เขากลับรู้สึกเหมือนว่ารักกันมานานแล้ว ตั้งแต่เห็นหลินซินครั้งแรก หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
ทำไมกันนะ...
---
ยามค่ำคืน ถนนในเมือง
หลินซินนั่งอยู่ในรถ SUV เธอหยิบ 'ดวงตาแห่งฮอรัส' ออกมาจากสร้อยคอที่มีช่องลับ
“เจ้านาย เราถูกสะกดรอย” 001 กล่าวพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนที่มุ่งหน้าไปยังชานเมือง
หลินซินมองกระจกหลัง เห็นว่ามีรถสามคันตามมาใกล้ๆ เธอคิดในใจว่าใครกันที่ทนไม่ได้ เพียงไม่กี่วันหลังจากเธอแต่งงานเข้าตระกูลเฉิน ก็ส่งคนมาจัดการเธอแล้วหรือ
“001 ลดความเร็ว ฉันอยากรู้ว่าใครที่กล้าทำเรื่องแบบนี้” หลินซินเปิดช่องลับใต้เบาะ หยิบปืนสองกระบอกใส่ในกระเป๋าถือ
เมื่อ ลดความเร็วลง รถสามคันข้างหลังก็รีบตามมาปิดทางทันที ชายหัวโล้นที่มีฟันดำลงจากรถ เดินมาที่รถของหลินซิน ใช้มีดกระแทกกระจกหน้าต่าง เพื่อบอกให้พวกเขาลงจากรถ หลินซินลงจากรถมองไปรอบๆ เห็นว่ามีคนทั้งหมดสิบคน ไม่มีใครดูเป็นมืออาชีพ แค่กลุ่มนักเลงธรรมดาๆ เธอจึงมั่นใจว่าไม่ใช่นักฆ่าจากองค์กรลับ เธอรู้สึกโล่งใจมากเพราะการเปิดเผยตัวตนจะนำมาซึ่งปัญหามากมาย โชคดีที่พวกนั้นไม่ได้ฉลาดถึงขนาดตามมาถึงที่นี่
ดังนั้นกลุ่มนี้ก็แค่พวกกระจอกให้เธอจัดการง่ายๆ เท่านั้น หัวโล้นมองหลินซินด้วยสายตาหื่นกระหาย ลิ้นเลียริมฝีปากเผยฟันดำๆ “ยัยนี่สวยจริงๆ เล่นสนุกก่อนฆ่าดีไหม?”
ไม่ใช่แค่มีผู้หญิงสวยๆ ให้เล่นสนุก ยังได้เงินอีกสามแสน พวกมันหัวเราะไปตามๆ กัน
“พี่ใหญ่พูดถูก!”
“พี่ใหญ่ อย่าลืมแบ่งให้พวกเราบ้างนะ”
“ฮ่าๆๆ”
กลุ่มนักเลงพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย หลินซินรู้สึกขยะแขยงจนแทบทนไม่ไหว ในขณะที่ 001 ได้จับมีดที่ซ่อนไว้ในกระเป๋า เตรียมพร้อมรอคำสั่งจากเจ้านาย อยากส่งพวกนี้ไปพบยมบาลเต็มแก่แล้ว
“พวกแกรนหาที่เองนะ” คำพูดของหลินซินทำให้พวกหัวโจกพากันหัวเราะ
“นังนี่อวดเก่งไม่เบา”
“คงอยากตายเต็มแก่แล้วสิ ชีวิตที่ไม่ต่างจากหมาของพวกแก อยู่รกโลกมานานเกินไปแล้ว”
หัวโจกเริ่มโมโหยกมีดขึ้นขู่หลินซิน “นังลูกหมา! แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ! วันนี้ฉันจะจัดการแกให้ได้!” เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงมือเปล่าคนเดียว จะรอดพ้นจากกลุ่มคนจำนวนมากของเขาไปได้
คงไม่มีปืนหรอกนะ?
หลินซินยิ้มมุมปากแต่ในตาเย็นชา เธอหยิบปืนที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าออกมา แล้วยกขึ้นเล็งไปที่หัวของหัวโจกอย่างรวดเร็ว มันเห็นดวงตาอันเย็นชาของหลินซิน และปลายกระบอกปืนที่จ่อมา รู้สึกกลัวจนมือที่จับมีดสั่นเทา เธอกำลังยิ้ม แต่ทำไมถึงรู้สึกเย็นเยียบเหมือนเลือดในตัวถูกแช่แข็ง
ปืน???
เธอเอาปืนมาจากไหน? ไม่ทันที่หัวโจกจะคิดอะไรต่อ หลินซินก็ยิงปืนสองนัดที่หัวเข่าของมัน ทำให้เกิดแผลรูใหญ่ที่มีเลือดไหลออกมา
“อ๊าก!!!” หัวโจกเจ็บปวดจนต้องคุกเข่าลงกรีดร้องอย่างทรมาน
หลินซินขึ้นนั่งบนกระโปรงหน้ารถ สายตาจ้องมองหัวโจกพร้อมกับเป่าควันปืนเบาๆ “001 ฉันเหนื่อยแล้ว ที่เหลือจัดการด้วย”
เหล่าสมุนเห็นหลินซินยิงหัวโจกก็ลุกฮือหยิบมีดขึ้นมา พวกมันมีตั้งเก้าคนทำไมจะจัดการไอ้สองคนนี้ไม่ได้ แต่พวกมันคิดผิดไปมาก 001 ดึงมีดออกจากเอว ใช้ความเร็วและความคล่องตัวของเขา ฟันพวกสมุนทีละคน ราวกับหั่นผัก ไม่ช้าพวกนั้นก็ตายหมด
ชาตินี้เรียนรู้เยอะแล้ว หัวโจกเห็นสมุนตายหมดในเวลาไม่กี่นาที ก็กลัวจนตัวสั่น ในใจเขาคิดข้อมูลบอกว่าเป็นแค่คุณหนูที่ไม่มีแรง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? คิดว่าจะจัดการง่ายๆ เลยพาลูกน้องแค่ไม่กี่คนมาด้วย ตอนนี้กลายเป็นเขาที่ถูกจัดการง่ายๆ คนอื่นมีปืน เขามีแค่มีดจะสู้ไหวได้อย่างไร
“พี่...พี่สาว...ปล่อยผมเถอะ...ผมแค่รับงานมา” หัวโจกพูดขณะตบหน้าตัวเอง หน้าบวมแดงเหมือนหมู
“ได้สิ แค่บอกฉันมาว่าใครส่งแกมา แล้วฉันจะ...”
หลินซินพูดไม่ทันจบ หัวโจกก็รีบบอกความจริงทันที “เป็นผู้หญิงชื่อหลี่หลิงเจิน เธอให้เงินเราสามแสนบอกให้มาจัดการคุณ”
หลี่หลิงเจิน?
คิดว่าจะเป็นจางเย่าหยางซะอีก แต่คิดไปคิดมาก็เป็นไปได้ หลี่หลิงเจินถนัดเรื่องลอบกัดเสมอ
“พี่สาว...ปล่อย...”
ปัง—
เสียงปืนดังขึ้น หัวโจกตาโต มองหลินซินอย่างไม่เชื่อ แล้วร่างของมันก็ล้มลง
หลินซินยิ้มเย็น “ฉันแค่จะบอกว่าถ้าแกพูดออกมา ฉันจะให้แกตายง่ายขึ้น”
ไปดีนะหัวโจกแล้วครั้งหน้าชาติหน้าห้ามโกนหัวอีก มันสะท้อนแสงทำให้แสบตา หลินซินจัดการศัตรูโดยไม่ไว้หน้าเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
001 เดินเข้ามา “เจ้านายต้องการให้ผมจัดการผู้หญิงคนนั้นไหม?”
“ไม่ต้อง ฉันฝึกพวกนายมาให้ทำเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องเล็กๆ แบบนี้ฉันจัดการเอง จะให้หลี่หลิงเจินตายง่ายๆ น่ะ ไม่มีทาง
————
บ้านตระกูลจาง
หลี่หลิงเจินกอดโทรศัพท์รออย่างกระวนกระวาย ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว แต่คนที่ส่งไปยังไม่ติดต่อกลับมา ก่อนหน้านี้พวกมันแจ้งว่าหลินซินกับเฉินจือหานไม่ได้มาด้วยกันไม่ใช่เหรอ? หรือว่าแผนการล้มเหลว?
ในขณะที่หลี่หลิงเจินพยายามปลอบใจตัวเอง หลินซินก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นเธอกลับมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็หน้าซีดเผือด มองหลินซินด้วยความตกตะลึง
“เป็นอะไร หลี่หลิงเจิน เห็นฉันกลับมานี่แปลกใจเหรอ?”
“ไม่...ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้น เธอเข้าใจผิด” หลี่หลิงเจินพยายามแก้ตัว
หลินซินไม่สนใจ เดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์จากมือหลี่หลิงเจิน แล้วกดโทรหาหมายเลขที่โทรล่าสุด เสียงโทรศัพท์ดังมาจากมือถือในมือของหลินซิน เธอยิ้มเยาะ หันกลับมามองหลี่หลิงเจินแล้ววางสาย หลี่หลิงเจินหน้าซีดเมื่อเห็นเบอร์โทรนั้น คาวามหวาดกลัวทำให้เธอปวดท้องกะทันหัน ต้องพยุงท้องพิงกำแพง
“เป็นไปได้ยังไง? ทำไมเธอถึงกลับมาได้?” หลี่หลิงเจินทำหน้าเหยเก
“หลี่หลิงเจิน ไม่ใช่ทุกคนที่จะโง่เหมือนเธอ หวังได้ทุกอย่างแต่สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย”
===================
ชาตินี้ภรรยาคุณเฉินรู้ความชั่วช้าของหลิงเจินหมดแล้ว
อย่าคิดว่าจะเล่นงานได้ง่ายๆ คุณสามีรู้ว่าคุณภรรยามีความลับ
แต่ก็พร้อมซัพพอร์ตต สามีแห่งชาติจริงๆ พ่อคุ๊ณ
"จางหลินซิน เธอพูดอะไร…ฉะ ฉัน ไม่ได้…"หลี่หลิงเจินเปลี่ยนท่าทีไปจากเดิม เชิดหน้าขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ในตอนแรกไม่เชื่อคำพูดลูกน้องที่บอกว่าในรถมีเพียงจางหลินซินและชายแปลกหน้าคนหนึ่ง โดยไม่มีบอดี้การ์ดของเฉินจือหาน เธอจึงสั่งการให้ลงมือฆ่าเพราะคิดว่ายังไงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหลินซินคงไม่มีทางรอดได้แน่นอนแต่ทำไมเธอถึงรอดมาได้ล่ะ?!"หลี่หลิงเจิน จงใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่า เพราะวันดีๆ ของเธอคงเหลือไม่มากแล้ว เพราะฉันจะทวงคืนทุกสิ่งที่เธอเคยทำกับฉันทีละน้อย" จางหลินซินก้าวเข้ามาบีบคอหลี่หลิงเจิน ออกแรงเพิ่มทีละนิดทำให้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขาดอากาศหายใจและพูดไม่ออกในเวลานี้บรรยากาศเย็นยะเยือกถึงขีดสุด ดวงตาของจางหลินซินเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น หลี่หลิงเจินกลัวจนพูดไม่ออก เธอจึงปล่อยมือแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ทิ้งให้หลี่หลิงเจินนั่งหายใจเฮือกๆ อยู่บนพื้นโดยไม่แม้แต่จะมอง หลี่หลิงเจินทรุดตัวลงนั่งบนกระเบื้องยังช็อคไม่หายเธอเกือบถูกบีบคอตาย...น่ากลัวจริงๆ จางหลินซินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เส้นเลือดในสมองของหลี่หลิงเจินเหมือนจะระเบิดแตก มือและเท้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง————คฤหาสน์ตระกูลเฉิ
ถนนวงแหวนรอบเขาภายในรถโรลส์-รอยซ์ หลินซินซบอยู่ในอ้อมกอดของเฉินจือหาน เธอรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย จึงพูดเสียงอ่อนว่า "จือหาน เมื่อวานคุณมาโรงพยาบาลได้ยังไง" ถ้าเมื่อวานจือหานมาช้ากว่านี้ เธอคงโดนบิดาตบหน้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ควรเป็นพ่อคนด้วยซ้ำ!"ฉันคิดถึงเธอ" เฉินจือหานจูบหน้าผากของหลินซิน "เลยไปหา"เฉินอวี้ลดแสงไฟในร ถรู้จักหน้าที่ของตัวเองดี จึงรีบยกฉากกั้นเบาะหลังลง เฉินจือหานพอใจมาก เดี๋ยวจะให้โบนัสเฉินอวี้สามเท่าเลย"ฉันก็คิดถึงคุณ จือหาน แต่เพราะฉันต้องจัดการเรื่องยุ่งๆ ของตระกูลจางให้เรียบร้อยก่อน""ให้ฉันจัดการให้ไหม""ไม่ได้จือหาน คนพวกนี้ฉันต้องจัดการเอง""ได้สิ ฉันตามใจภรรยาอยู่แล้ว จำไว้ว่าฉันคือภูเขาที่แข็งแกร่ง คอยอยู่ข้างหลังเธอเสมอ ถ้าไม่อยากจัดการเอาก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ" เฉินจือหานมองเธออย่างเอ็นดู ยกมือปัดผมของหลินซินสายตาของทั้งคู่ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น เฉินจือหานอดใจไม่ไหว จูบปากนุ่มๆ ของหลินซิน สอดลิ้นเข้าไปไปในปากของเธอ แลกความหวานในโพรงปาก หลินซินตอบสนองจูบของเขาเช่นกัน"อืม..." หลินซินครางในลำคอ โอบแขนรอบคอสามีดึงเขาเข้าหาตัวในชาติที่แล้วเธอเกลียดเขา เพียงเพราะเชื
หลินซินไม่สนใจการขัดขวางของเฉินเค่อและเฉินอวี้ เธอผลักประตูเปื้อนเลือดแล้วพุ่งเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นภาพสยดสยอง ภายในใจของเธอก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหว บอดี้การ์ดสิบกว่าคนถูกซัดจนล้มระเนระนาด ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่ขาดสาย บาดแผลบนร่างกายมีทั้งเล็กทั้งใหญ่ ชวนให้ผู้พบเห็นสะเทือนใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเปื้อนเลือด กำลังคลุ้มคลั่งเหมือนสติไม่อยู่กับตัว นั่นนคือเฉินจือหาน"จือหาน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง" น้ำเสียงของหลินซินสั่นเครือในเวลานี้ดวงตาของเฉินจือหานแดงก่ำ เขาไม่ได้ยินสิ่งที่หลินซินพูดเลย รู้เพียงว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของหลินซินพร่ามัวไปหมด คำพูดที่ดังอยู่ข้างหูก็ไม่ได้ยิน"เธอ...เป็นใคร" เฉินจือหานกัดฟันพูด"จือหาน ฉันหลินซิน ภรรยาที่คุณรักที่สุด...คุณจำไม่ได้แล้วเหรอ""ภ... ภรรยา"หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เฉินจือหานก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ แต่ในวินาทีต่อมา ใบหน้าของหลินซินก็เปลี่ยนไป... เป็นใบหน้าของคนที่เขาเกลียดที่สุด เป็นผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ!"จือหาน คุณเป็นอะไร..."แต่ก่อนที่หลินซินจะพูดจบ เฉินจือหานที
เช้าตรู่, คฤหาสน์ตระกูลเฉินแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างส่องลงบนเตียง ทำให้ห้องสว่างไสวด้วยสีทอง เฉินจือหานหลับไปทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา เขาเห็นหลินซินที่นอนหลับอยู่ข้างเตียง ก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้หลินซินรู้สึกตัวว่าคนข้างๆ ขยับตัวจึงลืมตาขึ้น เห็นสามีตื่นแล้วก็ดีใจมาก"จือหาน คุณตื่นแล้ว มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า"“ซินซิน ฉันไม่เป็นไรแล้ว" เฉินจือหานปลอบใจเธอเขามองภรรยาที่อยู่ตรงหน้า นึกถึงผู้หญิงที่มองไม่เห็นในฝัน ท่าทางและน้ำเสียงคล้ายคลึงกันมากทำให้เฉินจือหานเผลอคิดไปชั่วขณะอาจจะเป็นฝันร้ายกระมังเขาไม่อยากคิดมากให้ปวดหัว"ฉันทำเธอเหนื่อยใช่ไหม" เฉินจือหานลูบหน้าหลินซินแล้วดึงเข้ามากอดในอ้อมแขน พูดเบาๆ ว่า "เมื่อวาน...เธอกลัวรึเปล่า"หลินซินเงยหน้าขึ้นหัวเราะคิกคัก "ไม่กลัว จือหาน คุณไม่ใช่ปีศาจร้าย ฉันจะกลัวได้ยังไง""ขอบคุณนะภรรยาของฉัน" สีหน้าของเฉินจือหานสงบลงเล็กน้อย เดิมทีไม่ต้องการให้หลินซินเห็นเขาในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ กังวลว่าเธอจะตกใจและต่อต้าน หวาดหวั่นว่าเธอจะไม่รักเขาอีก ดังนั้นเมื่อเขาอาการกำเริบ ก็จะไปหลบที่ห้องใต้ดินแต่ปฏิกิริยาแรกของหลินซินเมื่อเห็นเขาในสภาพ
ในร้านกาแฟ หญิงสาวสองคนนั่งตรงข้ามกัน"เธอแน่ใจเหรอว่าหล่อนจะมา?""ฉันแน่ใจ ฉันไปหาหล่อนที่บ้านและขอร้องด้วยตัวเอง ไม่มีทางไม่มาหรอ"หลี่หลิงเจินที่นั่งอยู่ตรงข้ามถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำสีม่วงดำ จางเหยียนอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เธอไม่คิดว่าหลินซินจะลงมือทำร้ายอดีตแม่เลี้ยงหลี่หลิงเจินค่อยๆ เพิ่มแรงมือที่ถือแก้วไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ถึงเวลาแล้ว แผนของเราต้องไร้ที่ติ เราต้องทำให้หลินซินเสื่อมเสียชื่อเสียง!""ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเวลานั้นฉันจะได้เป็นสะใภ้รองของตระกูลฉิน ส่วนเธอจะได้เงินไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ เราทั้งคู่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ"ทั้งคู่สบตากันและยิ้ม คราวนี้พวกเธอจะทำให้หลินซินล่มจม! หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากร้านกาแฟ แต่ในมุมหนึ่งของร้านนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยที่ไม่ได้สั่งอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นชายคนนี้ เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน เมื่อพวกนั้นไปแล้วเขาจึงกดหูฟังบูลทูทเพื่อติดต่อบอส"หัวหน้า หลี่หลิงเจินและจางเหยียนอี้พบกันที่ร้านกาแฟ พวกเขาวางแผนที่จะจัดการกับคุณ"หลินซินยิ้มในขณที่พิงหน้าต่างบานใหญ่ "001 สืบ
ที่ชั้นสองห้องพักผ่อน จางเหยียนอี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หลับตาลงใบหน้าอันงดงามปรากฏรอยแดงจางๆ โดยเฉพาะแก้มข้างขวาที่บวมเล็กน้อย ในเวลานี้ผู้ช่วยสาวถือถุงน้ำแข็งเข้ามา แล้วประคบแก้มข้างที่บวมของจางเหยียนอี้"อุ๊ย..." จางเหยียนอี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และด่าออกมาอย่างเจ็บใจ "ยายแก่ตายโหงนั่น มือหนักจริงๆ!"เมื่อมองดูตัวเองที่ดูโทรมในกระจก จางเหยียนอี้ก็ยิ่งเกลียดชังคุณนายฉินมากขึ้นไปอีกก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น"เข้ามา"พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามา โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ "คุณหนูจาง คนที่คุณให้ผมจัดการ…เรียบร้อยแล้วครับ""แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดพลาด?" จางเหยียนอี้ถามด้วยสีหน้ายินดี"ผมแน่ใจครับ คุณหนูจาง ตอนนี้คุณหนูไปตรวจสอบได้เลยครับ""รออะไรอยู่ล่ะ พาฉันไปสิ!!"จางเหยียนอี้รีบโยนถุงน้ำแข็งทิ้ง แล้วตามพนักงานชายออกจากห้องพักผ่อน ด้วยความรู้สึกภูมิใจเต็มเปี่ยม พนักงานชายที่นำทางไปข้างหน้า แววตาแฝงไปด้วยความมืดมน ในขณะเดียวกันในห้องน้ำหญิงข้างๆ พนักงานหญิงคนหนึ่งถูกมัดอยู่ในห้องน้ำ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายใน ขณะที่มือและเท้าถูกมัดด้วยเนคไทจนแน่น และมีผ้าอุดปากอยู่ ที่หน้าปร
ในเวลานี้จางเหยียนอี้เสียหลัก คุณชายและคุณนายลู่เสียหลัก ฉินเสิ่นและลู่หยวนก็เสียหลักด้วยเช่นกันจางเหยียนอี้คิดว่าตัวเองวางแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งสามารถแต่งงานกับตระกูลฉินเพื่อเป็นสะใภ้ และสามารถทำลายหลินซินได้ แต่ทำไม... ทางด้านฉินเสิ่นคิดว่าที่แผนการเป็นไปตามปกติทุกอย่าง แต่ทำไมผู้หญิงของตัวเองถึงได้ถูกพี่ชายร่วมสาบานหลับนอนด้วยส่วนลู่หยวนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้นอนกับสาวงาม แต่ทำไมตอนนี้ถึงต้องกลายเป็นผู้ชายที่หลับนอนกับว่าที่ภรรยาของฉินเสิ่นซึ่งเปรียบได้กับน้องสะใภ้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนของตระกูลลู่ แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ลูกชายไม่เพียงก่อเรื่อง ยังลากพวกเขามาขายหน้าท่ามกลางตระกูลใหญ่ที่มาร่วมงานภายในงานเลี้ยง คนที่น่าจะดีใจที่สุดคงมีเพียงคุณนายฉินเมื่อตระกูลลู่ปูพรมให้เดินเช่นนี้ เหยียนอี้จะปฏิเสธได้อย่างไร เพราะเธอไม่มีทางไปแล้ว คุณนายฉินคงไม่ยอมรับเข้าตระกูลแน่ หลังจากที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าตระกูลจางและตระกูลฉิน จะยกเลิกพิธีแต่งงานแต่จะต้องจ่ายค่าสินสอดคุณนายลู่รู้สึกเกลียดจางเหยียนอี้จนอยากจะหั่นเป็นชิ้นๆ ผู้หญิงคนนี้วางแผนจับลูกชายของหล่อน แต่ไ
ตระกูลจางพายุยังไม่สงบ ทุกคนต่างก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ในขณะที่ใบมีดในมือของหลี่หลิงเจิน กำลังจะแทงเข้าที่หน้าอกของหลินซินอย่างฉิวเฉียด เฉินจือหานก็ตอบสนองอย่างฉับไว ดึงหลินซินเข้ามากอดไว้ แล้วหันข้างเตะหลี่หลิงเจินออกไปด้วยแรงมหาศาล หลี่หลิงเจินถูกเฉินจือหานเตะออกไปไกลกว่าสิบเมตร"ไอ้...ไอ้"มีดผลไม้ก็หลุดจากมือของหลี่หลิงเจินเนื่องจากแรงกระแทก แล้วก็ไถลไปบนพื้น ร่างกระแทกเข้ากับเสา ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในถูกบดขยี้ ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงอาเจียนออกมาเป็นเลือด"เฉินอวี้! ลากตัวเธอลงไป ฉันจะจัดการกับเธอเอง!"ดวงตาของเฉินจือหานเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าที่ไม่ประสงค์ดีคนนั้นอย่างโกรธจัด ในขณะนี้ดวงตาของเขาก็แดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด ไร้ซึ่งความอบอุ่น ในสายตาของคนอื่นเขาก็เหมือนซาตานที่เย็นชาและไร้ความปราณี เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้กล้าที่จะลงมือกับคนที่เขารักต่อหน้าต่อตาเขา หาเรื่องตายจริง!เฉินอวี้ก็ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าลงมือกับภรรยาของประธานบริษัท ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ช่างไม่รู้จักกาละเทศะ เหล่าบอดี้การ์ดได้ยินคำสั่งของเฉินอวี้แล้ว ก็รีบเข้ามาจ
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด