ในเวลานี้จางเหยียนอี้เสียหลัก คุณชายและคุณนายลู่เสียหลัก ฉินเสิ่นและลู่หยวนก็เสียหลักด้วยเช่นกัน
จางเหยียนอี้คิดว่าตัวเองวางแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งสามารถแต่งงานกับตระกูลฉินเพื่อเป็นสะใภ้ และสามารถทำลายหลินซินได้ แต่ทำไม... ทางด้านฉินเสิ่นคิดว่าที่แผนการเป็นไปตามปกติทุกอย่าง แต่ทำไมผู้หญิงของตัวเองถึงได้ถูกพี่ชายร่วมสาบานหลับนอนด้วย
ส่วนลู่หยวนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้นอนกับสาวงาม แต่ทำไมตอนนี้ถึงต้องกลายเป็นผู้ชายที่หลับนอนกับว่าที่ภรรยาของฉินเสิ่นซึ่งเปรียบได้กับน้องสะใภ้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนของตระกูลลู่ แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ลูกชายไม่เพียงก่อเรื่อง ยังลากพวกเขามาขายหน้าท่ามกลางตระกูลใหญ่ที่มาร่วมงาน
ภายในงานเลี้ยง คนที่น่าจะดีใจที่สุดคงมีเพียงคุณนายฉิน
เมื่อตระกูลลู่ปูพรมให้เดินเช่นนี้ เหยียนอี้จะปฏิเสธได้อย่างไร เพราะเธอไม่มีทางไปแล้ว คุณนายฉินคงไม่ยอมรับเข้าตระกูลแน่ หลังจากที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าตระกูลจางและตระกูลฉิน จะยกเลิกพิธีแต่งงานแต่จะต้องจ่ายค่าสินสอด
คุณนายลู่รู้สึกเกลียดจางเหยียนอี้จนอยากจะหั่นเป็นชิ้นๆ ผู้หญิงคนนี้วางแผนจับลูกชายของหล่อน แต่ไม่คาดคิดว่าจะลากผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวด้วย ทำให้ตระกูลลู่ต้องประสบเคราะห์กรรม หลังจากที่จัดการเรื่องราวทั้งหมดเสร็จแล้ว คนของตระกูลลู่และตระกูลฉินก็ออกจากห้องรับแขกไป จางเหยียนอี้เมื่อเห็นว่าฉินเสิ่นไม่แม้แต่จะมองหน้า เธอก็รีบออกไปทันที
จางเย่าหยางเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปขวางแล้วด่าทอ "จะไปไหนอีก! ยังไม่สำนึกอีกเหรอ ว่าทำให้คนอื่นอับอายขายหน้ามากแค่ไหน?!"
จางเหยียนอี้หยุดเดิน ตอนนี้อารมณ์ของเธอเดือดพล่านเหมือนน้ำร้อน "เป็นความผิดของพ่อนั่นแหละ!"
"แกว่าฉันทำให้คนอื่นอับอายขายหน้า?"
"แล้วพ่อทำอะไรบ้างล่ะ ฉันวิ่งเต้นอยู่คนเดียว ถีบตัวเองเพื่อเป็นสะใภ้ตระกูลฉิน แล้วพ่อทำอะไร? เหอะ เอาเพื่อนพี่มาเป็นเมีย ไม่สนใจลูกไม่สนใจใคร"
"แก! แกมันไม่ได้เรื่อง ทำอะไรไม่รอบคอบเอง แล้วจะมาโทษฉันได้ยังไง"
หลินซินที่อยู่ข้างๆ หมุนนิ้วเล่นผม พิงอยู่ที่เก้าอี้ตัวหลัก ฟังอย่างสนุกสนาน ไม่คาดคิดว่าจางเหยียนอี้จะโง่ขนาดนี้ แต่สิ่งที่พูดกับจางเย่าหยางนั้นมีเหตุผลมาก
ในวินาทีถัดมาจางเหยียนอี้ย้ายเป้าหมายการโจมตีไปที่หลินซิน ซึ่งกำลังดูละครฉากใหญ่อยู่เงียบๆ เธอจ้องเขม็งไปที่พี่สาวแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับจะฉีกคนบนโซฟาออกเป็นชิ้นๆ
แต่หลินซินก็ไม่กลัว จ้องตากันแบบนี้ อยากมีเรื่องอีกก็จัดให้
"แล้วเธอก็ด้วย ทำไมโชคถึงได้ดีขนาดนี้! ฉันวางแผนไว้รอบคอบมาแล้ว แต่พี่ก็ยังรอดไปได้ ทำไม ทำไม?!" จางเหยียนอี้คลุ้มคลั่ง
"ไม่ได้พึ่งโชค แต่พึ่งความสามารถ" หลินซินมองไปที่คนตรงหน้า ที่กำลังโกรธจัดแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
"ฉันตกอับ แต่เธอทำให้ตระกูลลู่ต้องก้มหัวขอแต่งงานกับฉัน แล้วเธอก็ยังมาเสแสร้งอยู่ตรงหน้าฉันอีก เธอไม่ใช่คน! หลินซิน!"
"โอ้? จางเหยียนอี้ เธอต้องรู้ไว้ว่าฉันเสแสร้ง แต่คนที่ได้รับผลกรรมคือเธอ"
"อ๊ากกก!"
อีกด้านหนึ่ง บ้านตระกูลจาง
ในเวลานี้บ้านตระกูลจางกลายเป็นโจ๊กที่คนรุมกิน หลี่หลิงเจินที่นั่งอยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเธอก็คิดจะแอบหนีไป
"ฉันอนุญาตให้เธอไปแล้วเหรอ?" หลินซินพูดเสียงดัง ทำให้หลี่หลิงเจินหยุดชะงัก
ผู้คนถึงได้สังเกตเห็นผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องคนนี้ เกือบลืมไปว่าผู้หญิงคนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อเรื่อง แววตาของเฉินจือหานเปลี่ยนไปทันที ขมวดคิ้วมองไปที่ความวุ่นวาย คิดในใจว่าตระกูลจางไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง คนแล้วคนเล่า กล้าทำร้ายภรรยาสุดที่รักของเขาขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาบอกว่าเธอสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้น ตระกูลจางคงไม่เหลืออยู่ในเมืองหลวงแล้ว
จู่ๆ ทุกคนก็รู้สึกเย็นวาบที่หลัง เมื่อเห็นว่าเฉินจือหานเริ่มโกรธหลินซินก็จับมือใหญ่ของเขาไว้ สามีรู้สึกถึงการปลอบโยนของภรรยาก็สงบสติอารมณ์ลง ในเวลานี้หลินซินเดินลงมาจากเก้าอี้ แล้วหยุดอยู่ข้างๆ หลี่หลิงเจิน
หล่อนร้องออกมาด้วยความรนราน "คุณจะทำอะไร?"
"ไม่ได้จะทำอะไร" หลินซินยิ้ม แต่แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา เธอกล่าวต่อ "ฉันไม่เคยจดจำความแค้น แต่เมื่อมีแค้นฉันก็จะแก้แค้นทันที"
หลินซินยกมือขึ้นแล้วตบหน้าหลี่หลิงเจินอย่างแรง หล่อนรู้สึกมึนงง ปากมีเลือดไหลออกมา จากนั้นหลินซินก็เตะหล่อนล้มลงกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
หลี่หลิงเจินไม่รู้เลยว่าหลินซินเป็นคนในแวดวงมาเฟีย ทุกแรงที่กระทำล้วนใช้พลังทั้งหมด ในสายตาของคนอื่น ดูเหมือนว่าหลินซินแค่แสดงอารมณ์ ไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมาย แต่สิ่งที่มองไม่เห็นคือความเจ็บปวดแสนสาหัส มีเพียงหลี่หลิงเจินเท่านั้นที่รู้ว่าเจ็บปวดขนาดไหน
"หลินซิน ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไป..." หลี่หลิงเจินคุกเข่าอ้วนวอน หวังว่าหลินซินจะเมตตาปล่อยเธอไป
"ทำไมล่ะ หืม? ตอนที่เธอวางแผนกับน้องสาวของฉัน ไม่เห็นเธอคิดจะปล่อยฉันไป?"
หลี่หลิงเจินจำเป็นต้องหันไปมองจางเย่าหยาง หวังว่าเขาจะนึกถึงความสัมพันธ์สามีภรรยาแล้วช่วยเธอ "เย่าหยาง! คุณไม่สามารถมองดูฉันตายได้ ฉันเคย...เคยตั้งท้องลูกของคุณ."
จางเย่าหยางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องโถงอย่างเฉียบขาด หลี่หลิงเจินตกใจไม่คาดคิดว่าเขาจะใจร้ายขนาดนี้ ไม่พูดไม่จาแล้วก็เดินจากไป
"หลี่หลิงเจิน เธอต้องรู้ไว้ว่าสู้ฉันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นครั้งนี้ ครั้งหน้า หรือครั้งต่อๆ ไป เธอก็จะแพ้" หลินซิก้มลงมองอดีตแม่เลี้ยงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาสมเพช
เธอย่อตัวลงใช้มือข้างหนึ่งจับคางของหลี่หลิงเจินแล้วพูดอย่างโหดเหี้ยม "การพบกันระหว่างเธอกับคนรักเก่า การเปิดโปงในโรงพยาบาล รวมถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดในครั้งนี้ ฉันเป็นคนจัดการทั้งหมด ฮึ คาดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ?"
หลินซินเป็นคนใจแข็งก็จริง แต่พูดจาตรงไปตรงมา
"เป็นไปไม่ได้... เธอจะรู้เรื่องของฉันกับเขาได้ยังไง ทั้งที่มีแค่ฉันกับเขาเท่านั้นที่รู้" หลี่หลิงเจินต่อต้าน ราวกับไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของหลินซิน
แต่เธอประเมินเครือข่ายข่าวกรองใต้ดินของหลินซินต่ำเกินไป ตราบใดที่หลินซินต้องการ แม้แต่หนูในท่อระบายน้ำของเมืองหลวง เครือข่ายข่าวกรองของฐานลับก็สามารถจับตัวมาได้ทันที ยิ่งกว่านั้นเรื่องอื้อฉาวของหลี่หลิงเจินในครั้งนั้น ทำให้หล่อนไม่มีอะไรเหลือแล้ว หลิงเจินแข็งไปครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นจากพื้นด้วยความสั่นเทา ใช้แรงสุดท้ายยืนให้มั่นคง
"หลินซิน...ฉัน หลี่หลิงเจิน จะไม่แพ้..."
เฉินจือหานรู้สึกว่าไม่ดีแล้ว ในเสี้ยววินาทีนั้น หลี่หลิงเจินก็ล้วงมีดผลไม้แบบพับได้ออกมาจากกระเป๋า แล้วพุ่งเข้าหาหลินซิน
"ตายซะ!!!"
"คุณนาย!"
"ภรรยา!"
จือหานและเฉินอวี้ร้องออกมาด้วยความตกใจ
ตระกูลจางพายุยังไม่สงบ ทุกคนต่างก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ในขณะที่ใบมีดในมือของหลี่หลิงเจิน กำลังจะแทงเข้าที่หน้าอกของหลินซินอย่างฉิวเฉียด เฉินจือหานก็ตอบสนองอย่างฉับไว ดึงหลินซินเข้ามากอดไว้ แล้วหันข้างเตะหลี่หลิงเจินออกไปด้วยแรงมหาศาล หลี่หลิงเจินถูกเฉินจือหานเตะออกไปไกลกว่าสิบเมตร"ไอ้...ไอ้"มีดผลไม้ก็หลุดจากมือของหลี่หลิงเจินเนื่องจากแรงกระแทก แล้วก็ไถลไปบนพื้น ร่างกระแทกเข้ากับเสา ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในถูกบดขยี้ ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงอาเจียนออกมาเป็นเลือด"เฉินอวี้! ลากตัวเธอลงไป ฉันจะจัดการกับเธอเอง!"ดวงตาของเฉินจือหานเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าที่ไม่ประสงค์ดีคนนั้นอย่างโกรธจัด ในขณะนี้ดวงตาของเขาก็แดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด ไร้ซึ่งความอบอุ่น ในสายตาของคนอื่นเขาก็เหมือนซาตานที่เย็นชาและไร้ความปราณี เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้กล้าที่จะลงมือกับคนที่เขารักต่อหน้าต่อตาเขา หาเรื่องตายจริง!เฉินอวี้ก็ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าลงมือกับภรรยาของประธานบริษัท ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ช่างไม่รู้จักกาละเทศะ เหล่าบอดี้การ์ดได้ยินคำสั่งของเฉินอวี้แล้ว ก็รีบเข้ามาจ
หนึ่งเดือนต่อมา บ้านตระกูลลู่จางเหยียนอี้เพิ่งตื่นนอน หล่อนก็เดินออกมาจากห้องในชุดนอน ขยี้ตาเพราะยังง่วงอยู่ เหมือนกับว่าเธอยังอยู่บ้านตระกูลจาง เดินไปที่ห้องครัวโดยไม่รู้ตัว เปิดตู้เย็นแล้วรินนมให้ตัวเองเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารว่างเปล่า จางเหยียนอี้ก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรขึ้นมา ระเบิดอารมณ์ใส่แม่บ้านหลิวที่อยู่ข้างๆ "พวกเธอทำหน้าที่คนรับใช้ยังไงกัน! ฉันตื่นแล้วทำไมไม่จัดอาหารเช้า จะให้ฉันอดตายหรือไง!"แม่บ้านหลิวตกใจจนก้มหัวลง พูดกับจางเหยียนอี้ด้วยเสียงอ่อนโยน "คุณหนู...นายหญิงและนายท่านยังไม่ตื่น จึงยังจัดโต๊ะอาหารไม่ได้ คุณหนูจะรับประทานของว่างรองท้องก่อนไหมคะ""พวกเขาไม่ตื่นเกี่ยวอะไร ฉันหิวแล้ว จัดอาหารมา!" เธอไม่ได้เต็มใจแต่งงานเข้ามาในตระกูลลู่ ดังนั้นกฎของตระกูลลู่เธอจึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม"คุณหนู นี่เป็นกฎของตระกูลลู่ ต้องรอให้ผู้ใหญ่มาถึงก่อนถึงจะทานอาหารได้ ขอโทษด้วยนะคะ""ไม่จัดอาหารเช้าใช่ไหม" จางเหยียนอี้กัดฟัน จ้องแม่บ้านหลิวด้วยความโกรธ"คุณหนู... ไม่ได้ค่ะ" แม่บ้านหลิวก้มหัวลงต่ำกว่าเดิม คิดในใจว่าไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่นายน้อยแต่งเข้ามาจะเอาแต่ใจขนาดนี้ ไม่ฟังอะ
แสงไฟสีเหลืองอบอุ่นส่องไปที่เตียงขาวสะอาด ชายหญิงคู่หนึ่งนอนกอดกันอยู่บนเตียง พื้นห้องเต็มไปด้วยชุดชั้นในที่กระจัดกระจายและเศษซากกล่องถุงยาง ของบนโต๊ะก็เกลื่อนกลาด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้น หันไปมองหญิงสาวที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม จุดบุหรี่ และเดินออกไปที่ระเบียง ควันบุหรี่ค่อยๆ ลอยขึ้น ทำให้มองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขา ชายหนุ่มทุ่มเทอย่างมาก ห้องธรรมดาของอินเตอร์คอมเพล็กซ์คืนหนึ่งราคาเป็นแสน ไม่เพียงเท่านั้น ห้องพักที่โรงแรมยังจองยากมาก เพราะคนที่พักที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดาเลย ทำให้การจองห้องนั้นยากเย็นเขาต้องใช้เส้นสายถึงจะได้ห้องนี้มา ถ้าไม่ใช่เพื่อแผนการนี้ คงไม่ทุ่มเทขนาดนี้แน่! ขณะนั้นหญิงสาวบนเตียงตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าพื้นที่ข้างๆ ว่างเปล่า ไม่กี่วินาทีก็ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงเช่นกัน เสียงฝีเท้าของเธอรบกวนความคิดของเขา“อาเสิ่น...” เจียงอี้พูดด้วยเสียงอ้อนพลางกอดเอวของฉินเสิ่นไว้แววตาของเขาแสดงความเฉลียวฉลาด แต่เมื่อเจียงอี้เข้ามาใกล้ ประกายในตานั้นก็หายไป เขาดับบุหรี่และหันมากอดเธอ มองด้วยสายตาอบอุ่น“ที่รัก
“เธอแน่ใจ? เขาพูดแบบนี้จริงๆ?”“ไม่ผิดแน่”เมื่อได้ยินคำยืนยันจากลูกสาว จางเย่าหยางที่ถือถ้วยชาก็สั่นเล็กน้อย เมื่อเห็นบิดาเงียบไป จางเหยียนอี้จึงรีบพูดเกลี้ยกล่อม “พ่อ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการทำเงินของเรา! ตราบใดที่ตระกูลลู่ล้มละลาย ตระกูลจางของเราก็จะได้ส่วนแบ่ง ซึ่งมีแต่จะได้ประโยชน์”“แน่ใจได้ยังไงว่าตระกูลจางของเราจะไม่โดนหางเลข?” จางเย่าหยางยังมีความกังวลอยู่“ตราบใดที่เรามีสินค้าจริง พ่อ…พอเราสองตระกูลร่วมมือกัน ก็จะสามารถขจัดข้อสงสัยของพวกเขาได้ พอพวกเขารู้ตัวก็สายไปแล้ว!”“สินค้าพวกนั้น ฉันต้องไปดูเอง” ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงแบบนี้ เขาเคยทำมาแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นกับดักหรือเปล่า? จะวางใจได้ก็ต่อเมื่อไปดูสินค้าด้วยตาตัวเองเท่านั้นสายตาเฉียบแหลมของจางเย่าหยางส่องประกายความสนใจ เขาเคยตรวจสอบสมิธคนนี้มาก่อน มีตัวตนอยู่จริง ตระกูลสมิธเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของรัสเซีย เป็นตระกูลเดียวที่เติบโตจากการค้า มีธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก และปีนี้ เป็นปีแรกที่พวกเขาเปิดตลาดในจีน ผลกำไรเบื้องหลังเรื่องนี้ย่อมมหาศาล หากตระกูลจางสามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายในจีนได้ เขาจะกลายเป็นคนสำคัญในปักกิ่ง
ฉินเสิ่นจอดรถเสร็จแล้วเดินออกมาจากโรงจอดรถใต้ดิน เมื่อเห็นแสงไฟกระพริบที่ประตู ฉินเสิ่นรู้สึกว้าวุ่นใจ เขาหยุดชะงักเล็กน้อยในขณะที่กำลังจะเปิดประตู ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความลังเล แต่สุดท้ายเขาก็รวบรวมความกล้าผลักประตูและเดินเข้าไปไม่ผิดจากที่คิด คุณย่าฉินและฉินจวิ้นนั่งรอเขาอยู่ในห้องอาหาร ซึ่งอาหารบนโต๊ะถูกกินไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทำเอาเขาพูดไม่ออก ทั้งคู่เรียกให้เขากลับมากินข้าว แต่ก็ไม่ได้รอเริ่มกินไปนานแล้ว เมื่อเห็นฉินเสิ่นกลับมา คุณย่าฉินวางตะเกียบลง มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจ“ฮึ ยังรู้จักกลับมาด้วยเหรอ?” คุณย่าฉินเคาะไม้เท้าลงกับพื้น ทำให้จานบนโต๊ะสั่นไปด้วยฉินเสิ่นถอนหายใจ แล้วอธิบาย “คุณย่า ผมติดงานที่บริษัท แล้วก็ไม่รู้ว่าคุณย่าจะมาที่นี่”“แล้วถ้าต่อไปฉันป่วย จะต้องรอให้แกทำงานเสร็จก่อน แล้วค่อยตายหรือยังไง?!”“คุณย่าอย่าพูดแบบนั้น ย่าก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น”ในตอนนี้ฉินจวิ้นตักอาหารเข้าปาก แล้วพูดเยาะเย้ย “ฉินเสิ่น นี่นายโทษคุณย่าที่มากินข้าวที่นี่เหรอ?”“คุณย่าร่างกายเป็นยังไงนายก็รู้ดี กว่าจะมาจากบ้านใหญ่เพื่อมาหานายได้ แต่นายกลับมีท่าทางแบบนี้ นายมันคนเนรคุณ” พูดจบฉ
ข่าวด่วนวันนี้——"เมื่อคืนเวลา 22:00 น. เกิดอุบัติเหตุรถชนที่ชานเมือง รถบรรทุกชนกับรถโรลส์รอยซ์ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ชาย 1 หญิง และคนขับรถบรรทุกบาดเจ็บสาหัส จากการสอบสวนพบว่าสาเหตุเกิดจากคนขับรถบรรทุกดื่มสุราแล้วขับรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงนี้ขึ้น"ชาวเน็ต A: "ถนนเส้นนั้นไม่ใช่ทางเดียว ที่เข้าไปยังย่านคนรวยในเมืองหลวงหรือ? ครั้งแรกเลยที่ได้ยินว่ามีอุบัติเหตุ"ชาวเน็ต B: "ฉันไปดูที่เกิดเหตุมาแล้ว โอ้พระเจ้า ตายกันสยองมาก หัวหลุดจากร่างเลย"ชาวเน็ต C: "ใช่ ฉันก็ไปดูมาเหมือนกัน ดูเหมือนผู้เสียชีวิตคือคุณนายฉินและลูกชายคนโตของตระกูลฉิน"ชาวเน็ต D: "ไม่น่าเชื่อเลย! จริงหรือเปล่า? ครอบครัวฉินนี่เรื่องใหญ่เลยนะ ได้ยินมาว่าคนในครอบครัวฉินไม่ค่อยถูกกัน...หรือว่า..."ชาวเน็ต E: "เล่ามาๆ (รูปภาพ: กินข้าวโพด) "หลินซินที่นั่งอยู่บนโซฟาสไตล์ยุโรป ใช้มือข้างเดียวถือโทรศัพท์และเลื่อนดูอย่างเบื่อหน่าย เทรนด์ฮอตบนเวยป๋อวันนี้ไม่พ้นเรื่องของครอบครัวฉินเธอยังไม่ได้ลงมือเลย คนในครอบครัวฉินก็เล่นกันเองเสียแล้วหลินซินยิ้มเล็กน้อยแล้วจิบชาดำ จากนั้นก็โทรไปหาเบอร์ 001 "เริ่มแผนการของเราได้แล้ว
เมื่อเธอเงยขึ้นก็เห็นหน้าจางเหยียนอี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว จางเหยียนอี้เคยแย่งเสื้อผ้าจากมือพนักงานขายก่อนหน้านี้ มองหลินซินด้วยความโกรธ "เสื้อตัวนี้ฉันจะซื้อ!""แต่คุณผู้หญิงท่านนี้เห็นเสื้อตัวนี้ก่อน คุณช่วยเลือกตัวอื่นได้ไหม?" พนักงานขายลำบากใจไม่อยากขัดใจทั้งสองฝ่าย"ฉันจะจ่ายเป็นสองเท่า!" จางเหยียนอี้หยิบการ์ดจากกระเป๋า ยื่นให้พนักงานขายพนักงานขายรับการ์ด เมื่อได้ยินเรื่องราคาสองเท่าก็รีบไปที่เคาน์เตอร์จัดการทันที ยอดขายเดือนนี้ต้องเกินเป้าแน่นอน! หลินซินไม่สนใจการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ของจางเหยียนอี้ เธอหันไปเลือกเสื้อผ้าตัวอื่นต่อ เหมือนเหตุการณ์นี้ไม่มีผลอะไรกับเธอ ท้ายที่สุดแล้ว การโต้เถียงกับคนที่ใกล้ตาย เป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ เสียเวลา เสียแรงการซื้อเสื้อผ้าสำหรับหลินซิน เป็นแค่เรื่องทำให้มีความสุขเท่านั้น ในบ้านเธอมีเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังเต็มตู้ ไม่ขาดอะไรเลย การยกเสื้อตัวนี้ให้จางเหยียนอี้จึงเป็นเรื่องเล็กน้อย ในขณะที่หลินซินมองดูชุดเดรสอีกตัว จางเหยียนอี้ก็ก้าวมาอย่างรวดเร็วแล้วแย่งชุดไป"ตัวนี้ฉันก็เอา! แค่ของที่ผู้หญิงคนนี้จับ ฉันก็จะเอาทั้งหมด!" หลินซินเลิกค
"พวกคุณต้องคอยดูให้ดี ว่าเธอจ่ายเงินครบไหม"พนักงานขายสองคนพยักหน้า ใบหน้าของจางเหยียนอี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าจะถูกตอกหน้ากลับอย่างแรง เธอคิดว่ามาทำร้ายหลินซินสักหน่อย แต่กลับต้องเสียหน้าและเสียบัตรไป"พนักงานสองคนนี้ทำงานได้ดี ฉลาดมาก" หลินซินชมเชยพนักงานขายที่รู้ใจการได้รับการยอมรับจากภรรยาของท่านประธาน ทำให้พวกเธอรู้สึกว่าโชคดีมาก นายนหญิงทั้งสวยและใจดี! หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จ หลินซินก็คล้องแขนเฉินจือหานและออกไปจากร้านหรูภายในรถโรลส์-รอยซ์ นอกหน้าต่างท้องฟ้ามืดครึ้มลมแรง ฝนกระหน่ำปะทะกระจก ข้างนอกมีพายุรุนแรง แต่ภายในรถกลับมีบรรยากาศโรแมนติก หลินซินถูกเฉินจือหานอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก เธอรู้สึกเหนื่อยจึงเอนตัวพิงหน้าอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะนี่คือช่วงเวลาที่เธอรู้สึกปลอดภัยที่สุด"ที่รัก เธออยากไปไหน?""เราไม่ได้ไปเยี่ยมคุณปู่มานานแล้ว วันนี้ไปเยี่ยมคุณปู่ดีไหมคะ""ตามใจเธอทั้งหมด" เฉินจือหานสูดกลิ่นหอมหวานจากต้นคอหลินซินอย่างหลงใหลเฉินอวี้ที่นั่งข้างคนขับรู้จังหวะ เลยยกแผ่นกั้นภายในรถขึ้น ให้ทั้งสองคนมีพื้นที่ส่วนตัว เฉินจือหานอดไม่ได้ที่จะลูบไล้แก้มหลิ
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด