+++++++++++++++++++++ โหดกับคนทั้งโลกยกเว้นเธอคนเดียวของแทร่! มีจริง! รักเมียม๊ากกกก ก.ไก่พันล้านตัว ขาดเมียขาดใจ เคยตายตามเมียมาแล้ว เมียยังไม่ทันร้องขอ พ่อก็จัดให้แล้วจ้าาาาา
หนึ่งเดือนต่อมา บ้านตระกูลลู่จางเหยียนอี้เพิ่งตื่นนอน หล่อนก็เดินออกมาจากห้องในชุดนอน ขยี้ตาเพราะยังง่วงอยู่ เหมือนกับว่าเธอยังอยู่บ้านตระกูลจาง เดินไปที่ห้องครัวโดยไม่รู้ตัว เปิดตู้เย็นแล้วรินนมให้ตัวเองเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารว่างเปล่า จางเหยียนอี้ก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรขึ้นมา ระเบิดอารมณ์ใส่แม่บ้านหลิวที่อยู่ข้างๆ "พวกเธอทำหน้าที่คนรับใช้ยังไงกัน! ฉันตื่นแล้วทำไมไม่จัดอาหารเช้า จะให้ฉันอดตายหรือไง!"แม่บ้านหลิวตกใจจนก้มหัวลง พูดกับจางเหยียนอี้ด้วยเสียงอ่อนโยน "คุณหนู...นายหญิงและนายท่านยังไม่ตื่น จึงยังจัดโต๊ะอาหารไม่ได้ คุณหนูจะรับประทานของว่างรองท้องก่อนไหมคะ""พวกเขาไม่ตื่นเกี่ยวอะไร ฉันหิวแล้ว จัดอาหารมา!" เธอไม่ได้เต็มใจแต่งงานเข้ามาในตระกูลลู่ ดังนั้นกฎของตระกูลลู่เธอจึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม"คุณหนู นี่เป็นกฎของตระกูลลู่ ต้องรอให้ผู้ใหญ่มาถึงก่อนถึงจะทานอาหารได้ ขอโทษด้วยนะคะ""ไม่จัดอาหารเช้าใช่ไหม" จางเหยียนอี้กัดฟัน จ้องแม่บ้านหลิวด้วยความโกรธ"คุณหนู... ไม่ได้ค่ะ" แม่บ้านหลิวก้มหัวลงต่ำกว่าเดิม คิดในใจว่าไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่นายน้อยแต่งเข้ามาจะเอาแต่ใจขนาดนี้ ไม่ฟังอะ
แสงไฟสีเหลืองอบอุ่นส่องไปที่เตียงขาวสะอาด ชายหญิงคู่หนึ่งนอนกอดกันอยู่บนเตียง พื้นห้องเต็มไปด้วยชุดชั้นในที่กระจัดกระจายและเศษซากกล่องถุงยาง ของบนโต๊ะก็เกลื่อนกลาด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้น หันไปมองหญิงสาวที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม จุดบุหรี่ และเดินออกไปที่ระเบียง ควันบุหรี่ค่อยๆ ลอยขึ้น ทำให้มองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขา ชายหนุ่มทุ่มเทอย่างมาก ห้องธรรมดาของอินเตอร์คอมเพล็กซ์คืนหนึ่งราคาเป็นแสน ไม่เพียงเท่านั้น ห้องพักที่โรงแรมยังจองยากมาก เพราะคนที่พักที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดาเลย ทำให้การจองห้องนั้นยากเย็นเขาต้องใช้เส้นสายถึงจะได้ห้องนี้มา ถ้าไม่ใช่เพื่อแผนการนี้ คงไม่ทุ่มเทขนาดนี้แน่! ขณะนั้นหญิงสาวบนเตียงตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าพื้นที่ข้างๆ ว่างเปล่า ไม่กี่วินาทีก็ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงเช่นกัน เสียงฝีเท้าของเธอรบกวนความคิดของเขา“อาเสิ่น...” เจียงอี้พูดด้วยเสียงอ้อนพลางกอดเอวของฉินเสิ่นไว้แววตาของเขาแสดงความเฉลียวฉลาด แต่เมื่อเจียงอี้เข้ามาใกล้ ประกายในตานั้นก็หายไป เขาดับบุหรี่และหันมากอดเธอ มองด้วยสายตาอบอุ่น“ที่รัก
“เธอแน่ใจ? เขาพูดแบบนี้จริงๆ?”“ไม่ผิดแน่”เมื่อได้ยินคำยืนยันจากลูกสาว จางเย่าหยางที่ถือถ้วยชาก็สั่นเล็กน้อย เมื่อเห็นบิดาเงียบไป จางเหยียนอี้จึงรีบพูดเกลี้ยกล่อม “พ่อ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการทำเงินของเรา! ตราบใดที่ตระกูลลู่ล้มละลาย ตระกูลจางของเราก็จะได้ส่วนแบ่ง ซึ่งมีแต่จะได้ประโยชน์”“แน่ใจได้ยังไงว่าตระกูลจางของเราจะไม่โดนหางเลข?” จางเย่าหยางยังมีความกังวลอยู่“ตราบใดที่เรามีสินค้าจริง พ่อ…พอเราสองตระกูลร่วมมือกัน ก็จะสามารถขจัดข้อสงสัยของพวกเขาได้ พอพวกเขารู้ตัวก็สายไปแล้ว!”“สินค้าพวกนั้น ฉันต้องไปดูเอง” ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงแบบนี้ เขาเคยทำมาแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นกับดักหรือเปล่า? จะวางใจได้ก็ต่อเมื่อไปดูสินค้าด้วยตาตัวเองเท่านั้นสายตาเฉียบแหลมของจางเย่าหยางส่องประกายความสนใจ เขาเคยตรวจสอบสมิธคนนี้มาก่อน มีตัวตนอยู่จริง ตระกูลสมิธเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของรัสเซีย เป็นตระกูลเดียวที่เติบโตจากการค้า มีธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก และปีนี้ เป็นปีแรกที่พวกเขาเปิดตลาดในจีน ผลกำไรเบื้องหลังเรื่องนี้ย่อมมหาศาล หากตระกูลจางสามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายในจีนได้ เขาจะกลายเป็นคนสำคัญในปักกิ่ง
ฉินเสิ่นจอดรถเสร็จแล้วเดินออกมาจากโรงจอดรถใต้ดิน เมื่อเห็นแสงไฟกระพริบที่ประตู ฉินเสิ่นรู้สึกว้าวุ่นใจ เขาหยุดชะงักเล็กน้อยในขณะที่กำลังจะเปิดประตู ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความลังเล แต่สุดท้ายเขาก็รวบรวมความกล้าผลักประตูและเดินเข้าไปไม่ผิดจากที่คิด คุณย่าฉินและฉินจวิ้นนั่งรอเขาอยู่ในห้องอาหาร ซึ่งอาหารบนโต๊ะถูกกินไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทำเอาเขาพูดไม่ออก ทั้งคู่เรียกให้เขากลับมากินข้าว แต่ก็ไม่ได้รอเริ่มกินไปนานแล้ว เมื่อเห็นฉินเสิ่นกลับมา คุณย่าฉินวางตะเกียบลง มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจ“ฮึ ยังรู้จักกลับมาด้วยเหรอ?” คุณย่าฉินเคาะไม้เท้าลงกับพื้น ทำให้จานบนโต๊ะสั่นไปด้วยฉินเสิ่นถอนหายใจ แล้วอธิบาย “คุณย่า ผมติดงานที่บริษัท แล้วก็ไม่รู้ว่าคุณย่าจะมาที่นี่”“แล้วถ้าต่อไปฉันป่วย จะต้องรอให้แกทำงานเสร็จก่อน แล้วค่อยตายหรือยังไง?!”“คุณย่าอย่าพูดแบบนั้น ย่าก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น”ในตอนนี้ฉินจวิ้นตักอาหารเข้าปาก แล้วพูดเยาะเย้ย “ฉินเสิ่น นี่นายโทษคุณย่าที่มากินข้าวที่นี่เหรอ?”“คุณย่าร่างกายเป็นยังไงนายก็รู้ดี กว่าจะมาจากบ้านใหญ่เพื่อมาหานายได้ แต่นายกลับมีท่าทางแบบนี้ นายมันคนเนรคุณ” พูดจบฉ
ข่าวด่วนวันนี้——"เมื่อคืนเวลา 22:00 น. เกิดอุบัติเหตุรถชนที่ชานเมือง รถบรรทุกชนกับรถโรลส์รอยซ์ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ชาย 1 หญิง และคนขับรถบรรทุกบาดเจ็บสาหัส จากการสอบสวนพบว่าสาเหตุเกิดจากคนขับรถบรรทุกดื่มสุราแล้วขับรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงนี้ขึ้น"ชาวเน็ต A: "ถนนเส้นนั้นไม่ใช่ทางเดียว ที่เข้าไปยังย่านคนรวยในเมืองหลวงหรือ? ครั้งแรกเลยที่ได้ยินว่ามีอุบัติเหตุ"ชาวเน็ต B: "ฉันไปดูที่เกิดเหตุมาแล้ว โอ้พระเจ้า ตายกันสยองมาก หัวหลุดจากร่างเลย"ชาวเน็ต C: "ใช่ ฉันก็ไปดูมาเหมือนกัน ดูเหมือนผู้เสียชีวิตคือคุณนายฉินและลูกชายคนโตของตระกูลฉิน"ชาวเน็ต D: "ไม่น่าเชื่อเลย! จริงหรือเปล่า? ครอบครัวฉินนี่เรื่องใหญ่เลยนะ ได้ยินมาว่าคนในครอบครัวฉินไม่ค่อยถูกกัน...หรือว่า..."ชาวเน็ต E: "เล่ามาๆ (รูปภาพ: กินข้าวโพด) "หลินซินที่นั่งอยู่บนโซฟาสไตล์ยุโรป ใช้มือข้างเดียวถือโทรศัพท์และเลื่อนดูอย่างเบื่อหน่าย เทรนด์ฮอตบนเวยป๋อวันนี้ไม่พ้นเรื่องของครอบครัวฉินเธอยังไม่ได้ลงมือเลย คนในครอบครัวฉินก็เล่นกันเองเสียแล้วหลินซินยิ้มเล็กน้อยแล้วจิบชาดำ จากนั้นก็โทรไปหาเบอร์ 001 "เริ่มแผนการของเราได้แล้ว
เมื่อเธอเงยขึ้นก็เห็นหน้าจางเหยียนอี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว จางเหยียนอี้เคยแย่งเสื้อผ้าจากมือพนักงานขายก่อนหน้านี้ มองหลินซินด้วยความโกรธ "เสื้อตัวนี้ฉันจะซื้อ!""แต่คุณผู้หญิงท่านนี้เห็นเสื้อตัวนี้ก่อน คุณช่วยเลือกตัวอื่นได้ไหม?" พนักงานขายลำบากใจไม่อยากขัดใจทั้งสองฝ่าย"ฉันจะจ่ายเป็นสองเท่า!" จางเหยียนอี้หยิบการ์ดจากกระเป๋า ยื่นให้พนักงานขายพนักงานขายรับการ์ด เมื่อได้ยินเรื่องราคาสองเท่าก็รีบไปที่เคาน์เตอร์จัดการทันที ยอดขายเดือนนี้ต้องเกินเป้าแน่นอน! หลินซินไม่สนใจการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ของจางเหยียนอี้ เธอหันไปเลือกเสื้อผ้าตัวอื่นต่อ เหมือนเหตุการณ์นี้ไม่มีผลอะไรกับเธอ ท้ายที่สุดแล้ว การโต้เถียงกับคนที่ใกล้ตาย เป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ เสียเวลา เสียแรงการซื้อเสื้อผ้าสำหรับหลินซิน เป็นแค่เรื่องทำให้มีความสุขเท่านั้น ในบ้านเธอมีเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังเต็มตู้ ไม่ขาดอะไรเลย การยกเสื้อตัวนี้ให้จางเหยียนอี้จึงเป็นเรื่องเล็กน้อย ในขณะที่หลินซินมองดูชุดเดรสอีกตัว จางเหยียนอี้ก็ก้าวมาอย่างรวดเร็วแล้วแย่งชุดไป"ตัวนี้ฉันก็เอา! แค่ของที่ผู้หญิงคนนี้จับ ฉันก็จะเอาทั้งหมด!" หลินซินเลิกค
"พวกคุณต้องคอยดูให้ดี ว่าเธอจ่ายเงินครบไหม"พนักงานขายสองคนพยักหน้า ใบหน้าของจางเหยียนอี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าจะถูกตอกหน้ากลับอย่างแรง เธอคิดว่ามาทำร้ายหลินซินสักหน่อย แต่กลับต้องเสียหน้าและเสียบัตรไป"พนักงานสองคนนี้ทำงานได้ดี ฉลาดมาก" หลินซินชมเชยพนักงานขายที่รู้ใจการได้รับการยอมรับจากภรรยาของท่านประธาน ทำให้พวกเธอรู้สึกว่าโชคดีมาก นายนหญิงทั้งสวยและใจดี! หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จ หลินซินก็คล้องแขนเฉินจือหานและออกไปจากร้านหรูภายในรถโรลส์-รอยซ์ นอกหน้าต่างท้องฟ้ามืดครึ้มลมแรง ฝนกระหน่ำปะทะกระจก ข้างนอกมีพายุรุนแรง แต่ภายในรถกลับมีบรรยากาศโรแมนติก หลินซินถูกเฉินจือหานอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก เธอรู้สึกเหนื่อยจึงเอนตัวพิงหน้าอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะนี่คือช่วงเวลาที่เธอรู้สึกปลอดภัยที่สุด"ที่รัก เธออยากไปไหน?""เราไม่ได้ไปเยี่ยมคุณปู่มานานแล้ว วันนี้ไปเยี่ยมคุณปู่ดีไหมคะ""ตามใจเธอทั้งหมด" เฉินจือหานสูดกลิ่นหอมหวานจากต้นคอหลินซินอย่างหลงใหลเฉินอวี้ที่นั่งข้างคนขับรู้จังหวะ เลยยกแผ่นกั้นภายในรถขึ้น ให้ทั้งสองคนมีพื้นที่ส่วนตัว เฉินจือหานอดไม่ได้ที่จะลูบไล้แก้มหลิ
หลินซินลืมตาตืนพบว่าตัวเองอยู่บนเตียง ขยี้ตาไล่ความง่วงงุนและมองดูรอบตัว ผ้าห่มยังคงเรียบร้อยดี เธอรู้ทันทีว่าสามีไปทำงานที่บริษัทแล้ว เพื่อที่จะอยู่กับเธอเฉินจือหานมักรีบเคลียร์งานแล้วกลับบ้าน พอเธอหลับไปแล้วเขาถึงกลับไปทำงานที่บริษัทเพื่อจัดการธุระที่ค้างคาต้องยอมรับว่าตั่งแต่อยู่กับเฉินจือหาน หลินซินก็หลับสบายมาก หลายครั้งตื่นขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากสมัยที่เธอเป็นนักฆ่า ที่นอนหลับอย่างระมัดระวัง เพราะต้องระวังตัวอยู่ตลอดตามความเคยชินของนักฆ่า แม้แต่เสียงลมพัดเบาๆ ในเวลากลางคืนก็ทำให้เธอตื่นได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะเธอมีจือหานอยู่ด้วยติ๊งหน่อง——เสียงโทรศัพท์พิเศษของหลินซินดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเธอ จึงลุกขึ้นจากเตียงและรับสาย“บอสครับ หล่อนกลับมาที่บ้านตระกูลจางแล้ว และจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวเช้าของวันพรุ่งนี้ ดูเหมือนว่ากำลังจะหนี” 001 รายงานขณะที่มองดูไฟที่เปิดสว่างอยู่ในบ้านตระกูลจาง“จับตาดูหล่อนไว้ อย่าให้หนีไปได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ริมฝีปากของหลินซินคลี่ยิ้มเล็กน้อยวันนี้คือวันตายของจางเหยียนอี้บ้านตระกูลจางจางเหยียนอี้ค้นหาของรวบรวมเอกสารสำคัญ
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด