เช้าตรู่, คฤหาสน์ตระกูลเฉิน
แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างส่องลงบนเตียง ทำให้ห้องสว่างไสวด้วยสีทอง เฉินจือหานหลับไปทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา เขาเห็นหลินซินที่นอนหลับอยู่ข้างเตียง ก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้หลินซินรู้สึกตัวว่าคนข้างๆ ขยับตัวจึงลืมตาขึ้น เห็นสามีตื่นแล้วก็ดีใจมาก
"จือหาน คุณตื่นแล้ว มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า"
“ซินซิน ฉันไม่เป็นไรแล้ว" เฉินจือหานปลอบใจเธอ
เขามองภรรยาที่อยู่ตรงหน้า นึกถึงผู้หญิงที่มองไม่เห็นในฝัน ท่าทางและน้ำเสียงคล้ายคลึงกันมากทำให้เฉินจือหานเผลอคิดไปชั่วขณะอาจจะเป็นฝันร้ายกระมังเขาไม่อยากคิดมากให้ปวดหัว
"ฉันทำเธอเหนื่อยใช่ไหม" เฉินจือหานลูบหน้าหลินซินแล้วดึงเข้ามากอดในอ้อมแขน พูดเบาๆ ว่า "เมื่อวาน...เธอกลัวรึเปล่า"
หลินซินเงยหน้าขึ้นหัวเราะคิกคัก "ไม่กลัว จือหาน คุณไม่ใช่ปีศาจร้าย ฉันจะกลัวได้ยังไง"
"ขอบคุณนะภรรยาของฉัน" สีหน้าของเฉินจือหานสงบลงเล็กน้อย เดิมทีไม่ต้องการให้หลินซินเห็นเขาในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ กังวลว่าเธอจะตกใจและต่อต้าน หวาดหวั่นว่าเธอจะไม่รักเขาอีก ดังนั้นเมื่อเขาอาการกำเริบ ก็จะไปหลบที่ห้องใต้ดินแต่ปฏิกิริยาแรกของหลินซินเมื่อเห็นเขาในสภาพนี้คือความเจ็บปวดแล้วยังยอมตายเพื่อเขาอีก
เขารักเมียคนนี้มากเหลือเกิน
เฉินจือหานก้มลงจูบปากหวานของหลินซินห้องเงียบสงบเมื่อเขาเริ่มเคลื่อนไหวหลินซินได้ยินเสียงจูบอันลึกซึ้งของทั้งคู่ดังก้องอยู่ในหูอย่างชัดเจนครู่ใหญ่ก่อนที่เฉินจือหานจะหยุดจูบ เฝ้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่ถูกจูบจนมึนงงด้วยความรัก
"ซินซิน วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่นะสองวันนี้บริษัทมีหลายเรื่องให้ทำ ฉันต้องกลับไปจัดการให้เสร็จ"
"จือหาน ฉันจะรอคุณกลับมานะ"
เขาจูบหน้าผากของหลินซินแล้วลุกจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอรู้สึกผ่อนคลายเฝ้าเขามาทั้งคืนรู้สึกเหนื่อยล้าเช่นกัน ดีที่เขามีงานต้องไปทำต่อ ไม่เช่นนั้นคงไม่จบลงแค่จูบแน่
หลังจากที่เฉินจือหานอาบน้ำและเปลี่ยนชุดสูทออกมา เห็นว่าภรรยาบนเตียงหลับไปแล้วมีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาในห้อง ดูเหมือนว่าเธอจะเหนื่อยจริงๆ เขาจึงปิดประตูเบาๆ แล้วออกจากห้องนอน
————
บ่ายโมง, หน้าคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
มีหญิงสาวสวมชุดเดรสสีชมพูอ่อนกำลังเดินไปมาอยู่หน้าประตูเหล็กของคฤหาสน์ จ้องมองเป็นระยะๆ เหมือนรอมาเป็นเวลานานแล้วและเริ่มใจร้อนผู้ช่วยข้างๆ เห็นว่าคุณหนูไม่สบายใจ จึงใช้กระดาษพัดให้ แล้วยื่นแก้วน้ำเพื่อให้จิบ "คุณหนูจาง คุณรอมาเป็นเวลานานแล้ว ฉันเห็นว่าอากาศวันนี้ร้อนมาก เรากลับกันก่อนไหม"
จางเหยียนอี้กรอกตาและไม่ลืมที่จะเยาะเย้ย "แกจะไปรู้เรื่องอะไร ถ้ามีสมองนิดหน่อยก็ลาออกไปซะ"
"ขอโทษค่ะคุณหนู"
ผู้ช่วยพูดไม่ออก เธอเป็นแค่คนรับใช้ไม่ว่าเจ้านายจะพูดอะไร ก็ต้องรับฟังใครจะไปขัดใจคนให้เงินกันล่ะตอนนี้จางเหยียนอี้ก็ไม่สบายใจ รออยู่ที่หน้าประตูเกือบทั้งบ่ายแล้ว มีเพียงแม่บ้านแก่ๆ คนหนึ่งออกมาบอกเธอว่าหลินซินนอนกลางวันอยู่ ให้เธอรออีกหน่อย จากนั้นก็เดินจากไปไม่เห็นใครมาอีกเลย
"หลินซินจะนอนอะไรนักหนา ต้องให้ฉันรอถึงเมื่อไหร่กัน"
จางเหยียนอี้มองประตูเหล็กแล้วพูดอย่างโกรธเคืองถ้าไม่ใช่ว่า...ลืมไปเถอะ อดทนไว้ก่อนตอนนี้ จางเหยียนอี้จึงสงบสติอารมณ์ลงและปั้นรอยยิ้มอีกครั้งขณะนั้นประตูเหล็กก็เปิดออกคุณป้าซุนเดินเข้ามาเชิญจางเหยียนอี้เข้าไปในคฤหาสน์
จางเหยียนอี้มองการตกแต่งที่ไม่ธรรมดาภายในคฤหาสน์แล้วก็ถอนหายใจออกมาตระกูลเฉินช่างเป็นใหญ่โต มีทั้งเงินและรสนิยม และยังอดที่จะอิจฉาไม่ได้ ว่าหลินซินหญิงแพศยานี่โชคดีจริงๆ
คุณป้าซุนพาจางเหยียนอี้ไปที่โถงใหญ่ พูดช้าๆ ว่า "คุณหนูจาง นั่งก่อนนะคะ อีกสักพักนายหญิงของฉันจะลงมา"
จางเหยียนอี้ได้ยินแล้วก็ใจร้อนอีกครั้ง "เธอลงมาอีกนานแค่ไหน ฉันรอนานทั้งบ่ายแล้ว บอกให้เธอรีบลงมาหน่อยได้ไหม"
"คุณหนูจาง ที่นี่เป็นบ้านของนายหญิงท่านจะรับแขกเมื่อไหร่ พวกเราตัดสินใจแทนไม่ได้” ซุนอี๋แอบรังเกียจในใจ
"พี่สาวรักฉันมาก ของของพี่สาวก็คือของฉัน บ้านหลังใหญ่นี้ก็เหมือน...บ้านของฉัน"
หลังจากที่ซุนอี๋ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอรู้สึกขยะแขยงคุณหนูตระกูลจางคนนี้มากขึ้นไปอีก
"คุณหนูจาง โปรดระมัดระวังคำพูดและการกระทำของคุณ ที่นี่คือตระกูลเฉิน ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาอาละวาดตามใจชอบ"
"คุณเป็นแค่แม่บ้านแก่ๆ คนหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนฉัน!"
จางเหยียนอี้ลุกขึ้นแล้วด่าซุนอี๋ตั้งแต่เด็กจางเหยียนอี้ก็ดูถูกคนรับใช้มาตลอด เธอเคยทำร้ายและทารุณกรรมคนรับใช้มาไม่น้อยแม้ว่าสถานที่จะเปลี่ยนไป แต่เธอก็ยังคงเป็นคนเดิม
"คุณหนูจาง ไม่เพียงแต่คุณจะหน้าตาอัปลักษณ์แล้ว คุณยังมีนิสัยที่น่ารังเกียจอีกด้วยเมื่อเทียบกับนายหญิงแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว" ซุนอี๋พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เต็มไปด้วยถ้อยคำประชดประชัน
"แกว่าฉันอัปลักษณ์งั้นเหรอ แถมยังบอกอีกว่าฉันสู้หลินซินไม่ได้!"
ทันใดนั้นจางเหยียนอี้ก็คลุ้มคลั่ง ตบหน้าซุนอี๋คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็มองด้วยความตกใจผู้หญิงคนนี้ต่ำทรามเสียจริงซุนอี๋เป็นคนที่ทั้งนายท่านและนายหญิงให้ความเคารพ เธอมีอำนาจมากในคฤหาสน์ และเป็นที่เคารพของคนใช้หลินซินลงมาข้างล่างแล้วเห็นเหตุการณ์นี้ เธอรีบเข้ามาขวางดึงซุนอี๋ไว้ข้างหลังทันที
"คุณกล้าตีคนของฉันงั้นเหรอ" หลินซินขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เงยหน้ามองจางเหยียนอี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "จางเหยียนอี้ปกติเธอจะบ้าคลั่งอยู่ข้างนอกก็ช่างเถอะ แต่ไม่คิดว่าจะต่ำทรามถึงขั้นตบหน้าคนของตระกูลเฉิน"
"ฉัน...ฉัน" จางเหยียนอี้พูดไม่ออก
"ถ้าฉันตบเธอบ้างล่ะ ลองดูไหมว่ามันจะเป็นยังไง"หลินซินดึงผมของจางเหยียนอี้แล้วกระชากอย่างแรง ทำให้น้องสาวร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
"เจ็บ! เจ็บนะ ปล่อยฉัน!"
"รู้จักเจ็บด้วยเหรอ" หลินซินปล่อยมือออก บนฝ่ามือของเธอมีเศษผมหลุดออกมาจำนวนมากน้ำตาของจางเหยียนอี้คลอเบ้า ทว่าเธอไม่รู้สึกสงสารเลยสักนิดมองน้องสาวด้วยแววตาเฉยชา
"ซุนอี๋ ตบเธอ"
“ฮะ…”
ซุนอี๋เดินเข้าไปตบเหยียนอี้อย่างไม่ปรานีเสียงดังเพี๊ยะๆ ตบจนใบหน้าของเธอจนแดงก่ำตอนนี้หน้าชาจนไม่กล้าเห่าหอนอีกต่อไปผมที่ยุ่งเหยิง ใบหน้าที่แดงก่ำ ทำให้เธอดูตลกมากแต่ถึงอย่างนั้นจางเหยียนอี้ก็ยังไม่อยากจากไปหลินซินสั่งให้ซุนอี๋หยุด จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปที่คนตรงหน้า
หลินซินจิบชาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "พูดมาเถอะ มาที่ตระกูลเฉินทำไม"
เธอเฝ้ารออยู่หน้าคฤหาสน์ตลอดบ่ายโดยไม่ยอมกลับ ตอนนี้เธอได้รับความอับอายขายหน้ามากมายขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมจากไป แสดงว่าเธอต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง
"ฉันอยากเชิญพี่ไปงานหมั้นที่ตระกูลฉินจัดให้ฉันในอีกสองวันข้างหน้า" เหยียนอี้หยิบการ์ดเชิญที่ห่อไว้ในกระเป๋าออกมาวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน
"ไม่ไป" หลินซินมองแล้วปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
"ทำไม ทำไมพี่ถึงไม่ไป" จางเหยียนอี้ใจร้อนจนเดินเข้ามาสองสามก้าว
"งานแต่งของเธอไม่ใช่ของฉัน แล้วฉันจะไปทำไม"
จางเหยียนอี้กัดริมฝีปากแล้วพูดความจริงออกมา "นี่เป็นการแต่งงานทางการเมือง...ตระกูลจางต้องการให้พี่ไปช่วยรักษาหน้ายิ่งไปกว่านั้น พี่ก็เป็นพี่สาวของฉัน...พี่ไม่อยากเห็นฉันมีความสุขเหรอ"
"ไม่อยาก" หลินซินปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย
"..."
"ถึงตอนนั้น ฉันหวังว่าพี่จะไป.."
"ส่งแขก"
หลินซินลุกขึ้นจากโซฟา แล้วพูดทิ้งท้ายเดินกลับเข้าห้องอย่างเย็นชาว่า "ฉันจะไปตามเวลาที่กำหนด หวังว่าเธออย่าคิดอะไรที่ไม่ดี ไม่เช่นนั้นงานแต่งเธอล่มแน่"
หลินซินรู้ว่างานแต่งครั้งนี้ไม่น่าไว้ใจ แต่เธอก็รับปากเพราะอยากทดสอบดู
++++++++++++++++++++++++
ควรไปไหมน้อออ น้องสาวนิสัยแย่มาก!!
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ที่เก็บเข้าชั้นกดใจให้ เลิฟยูววววน้าา
ในร้านกาแฟ หญิงสาวสองคนนั่งตรงข้ามกัน"เธอแน่ใจเหรอว่าหล่อนจะมา?""ฉันแน่ใจ ฉันไปหาหล่อนที่บ้านและขอร้องด้วยตัวเอง ไม่มีทางไม่มาหรอ"หลี่หลิงเจินที่นั่งอยู่ตรงข้ามถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำสีม่วงดำ จางเหยียนอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เธอไม่คิดว่าหลินซินจะลงมือทำร้ายอดีตแม่เลี้ยงหลี่หลิงเจินค่อยๆ เพิ่มแรงมือที่ถือแก้วไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ถึงเวลาแล้ว แผนของเราต้องไร้ที่ติ เราต้องทำให้หลินซินเสื่อมเสียชื่อเสียง!""ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเวลานั้นฉันจะได้เป็นสะใภ้รองของตระกูลฉิน ส่วนเธอจะได้เงินไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ เราทั้งคู่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ"ทั้งคู่สบตากันและยิ้ม คราวนี้พวกเธอจะทำให้หลินซินล่มจม! หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากร้านกาแฟ แต่ในมุมหนึ่งของร้านนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยที่ไม่ได้สั่งอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นชายคนนี้ เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน เมื่อพวกนั้นไปแล้วเขาจึงกดหูฟังบูลทูทเพื่อติดต่อบอส"หัวหน้า หลี่หลิงเจินและจางเหยียนอี้พบกันที่ร้านกาแฟ พวกเขาวางแผนที่จะจัดการกับคุณ"หลินซินยิ้มในขณที่พิงหน้าต่างบานใหญ่ "001 สืบ
ที่ชั้นสองห้องพักผ่อน จางเหยียนอี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หลับตาลงใบหน้าอันงดงามปรากฏรอยแดงจางๆ โดยเฉพาะแก้มข้างขวาที่บวมเล็กน้อย ในเวลานี้ผู้ช่วยสาวถือถุงน้ำแข็งเข้ามา แล้วประคบแก้มข้างที่บวมของจางเหยียนอี้"อุ๊ย..." จางเหยียนอี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และด่าออกมาอย่างเจ็บใจ "ยายแก่ตายโหงนั่น มือหนักจริงๆ!"เมื่อมองดูตัวเองที่ดูโทรมในกระจก จางเหยียนอี้ก็ยิ่งเกลียดชังคุณนายฉินมากขึ้นไปอีกก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น"เข้ามา"พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามา โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ "คุณหนูจาง คนที่คุณให้ผมจัดการ…เรียบร้อยแล้วครับ""แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดพลาด?" จางเหยียนอี้ถามด้วยสีหน้ายินดี"ผมแน่ใจครับ คุณหนูจาง ตอนนี้คุณหนูไปตรวจสอบได้เลยครับ""รออะไรอยู่ล่ะ พาฉันไปสิ!!"จางเหยียนอี้รีบโยนถุงน้ำแข็งทิ้ง แล้วตามพนักงานชายออกจากห้องพักผ่อน ด้วยความรู้สึกภูมิใจเต็มเปี่ยม พนักงานชายที่นำทางไปข้างหน้า แววตาแฝงไปด้วยความมืดมน ในขณะเดียวกันในห้องน้ำหญิงข้างๆ พนักงานหญิงคนหนึ่งถูกมัดอยู่ในห้องน้ำ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายใน ขณะที่มือและเท้าถูกมัดด้วยเนคไทจนแน่น และมีผ้าอุดปากอยู่ ที่หน้าปร
ในเวลานี้จางเหยียนอี้เสียหลัก คุณชายและคุณนายลู่เสียหลัก ฉินเสิ่นและลู่หยวนก็เสียหลักด้วยเช่นกันจางเหยียนอี้คิดว่าตัวเองวางแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งสามารถแต่งงานกับตระกูลฉินเพื่อเป็นสะใภ้ และสามารถทำลายหลินซินได้ แต่ทำไม... ทางด้านฉินเสิ่นคิดว่าที่แผนการเป็นไปตามปกติทุกอย่าง แต่ทำไมผู้หญิงของตัวเองถึงได้ถูกพี่ชายร่วมสาบานหลับนอนด้วยส่วนลู่หยวนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้นอนกับสาวงาม แต่ทำไมตอนนี้ถึงต้องกลายเป็นผู้ชายที่หลับนอนกับว่าที่ภรรยาของฉินเสิ่นซึ่งเปรียบได้กับน้องสะใภ้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนของตระกูลลู่ แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ลูกชายไม่เพียงก่อเรื่อง ยังลากพวกเขามาขายหน้าท่ามกลางตระกูลใหญ่ที่มาร่วมงานภายในงานเลี้ยง คนที่น่าจะดีใจที่สุดคงมีเพียงคุณนายฉินเมื่อตระกูลลู่ปูพรมให้เดินเช่นนี้ เหยียนอี้จะปฏิเสธได้อย่างไร เพราะเธอไม่มีทางไปแล้ว คุณนายฉินคงไม่ยอมรับเข้าตระกูลแน่ หลังจากที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าตระกูลจางและตระกูลฉิน จะยกเลิกพิธีแต่งงานแต่จะต้องจ่ายค่าสินสอดคุณนายลู่รู้สึกเกลียดจางเหยียนอี้จนอยากจะหั่นเป็นชิ้นๆ ผู้หญิงคนนี้วางแผนจับลูกชายของหล่อน แต่ไ
ตระกูลจางพายุยังไม่สงบ ทุกคนต่างก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ในขณะที่ใบมีดในมือของหลี่หลิงเจิน กำลังจะแทงเข้าที่หน้าอกของหลินซินอย่างฉิวเฉียด เฉินจือหานก็ตอบสนองอย่างฉับไว ดึงหลินซินเข้ามากอดไว้ แล้วหันข้างเตะหลี่หลิงเจินออกไปด้วยแรงมหาศาล หลี่หลิงเจินถูกเฉินจือหานเตะออกไปไกลกว่าสิบเมตร"ไอ้...ไอ้"มีดผลไม้ก็หลุดจากมือของหลี่หลิงเจินเนื่องจากแรงกระแทก แล้วก็ไถลไปบนพื้น ร่างกระแทกเข้ากับเสา ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในถูกบดขยี้ ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงอาเจียนออกมาเป็นเลือด"เฉินอวี้! ลากตัวเธอลงไป ฉันจะจัดการกับเธอเอง!"ดวงตาของเฉินจือหานเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าที่ไม่ประสงค์ดีคนนั้นอย่างโกรธจัด ในขณะนี้ดวงตาของเขาก็แดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด ไร้ซึ่งความอบอุ่น ในสายตาของคนอื่นเขาก็เหมือนซาตานที่เย็นชาและไร้ความปราณี เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้กล้าที่จะลงมือกับคนที่เขารักต่อหน้าต่อตาเขา หาเรื่องตายจริง!เฉินอวี้ก็ตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าลงมือกับภรรยาของประธานบริษัท ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ช่างไม่รู้จักกาละเทศะ เหล่าบอดี้การ์ดได้ยินคำสั่งของเฉินอวี้แล้ว ก็รีบเข้ามาจ
หนึ่งเดือนต่อมา บ้านตระกูลลู่จางเหยียนอี้เพิ่งตื่นนอน หล่อนก็เดินออกมาจากห้องในชุดนอน ขยี้ตาเพราะยังง่วงอยู่ เหมือนกับว่าเธอยังอยู่บ้านตระกูลจาง เดินไปที่ห้องครัวโดยไม่รู้ตัว เปิดตู้เย็นแล้วรินนมให้ตัวเองเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารว่างเปล่า จางเหยียนอี้ก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรขึ้นมา ระเบิดอารมณ์ใส่แม่บ้านหลิวที่อยู่ข้างๆ "พวกเธอทำหน้าที่คนรับใช้ยังไงกัน! ฉันตื่นแล้วทำไมไม่จัดอาหารเช้า จะให้ฉันอดตายหรือไง!"แม่บ้านหลิวตกใจจนก้มหัวลง พูดกับจางเหยียนอี้ด้วยเสียงอ่อนโยน "คุณหนู...นายหญิงและนายท่านยังไม่ตื่น จึงยังจัดโต๊ะอาหารไม่ได้ คุณหนูจะรับประทานของว่างรองท้องก่อนไหมคะ""พวกเขาไม่ตื่นเกี่ยวอะไร ฉันหิวแล้ว จัดอาหารมา!" เธอไม่ได้เต็มใจแต่งงานเข้ามาในตระกูลลู่ ดังนั้นกฎของตระกูลลู่เธอจึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม"คุณหนู นี่เป็นกฎของตระกูลลู่ ต้องรอให้ผู้ใหญ่มาถึงก่อนถึงจะทานอาหารได้ ขอโทษด้วยนะคะ""ไม่จัดอาหารเช้าใช่ไหม" จางเหยียนอี้กัดฟัน จ้องแม่บ้านหลิวด้วยความโกรธ"คุณหนู... ไม่ได้ค่ะ" แม่บ้านหลิวก้มหัวลงต่ำกว่าเดิม คิดในใจว่าไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่นายน้อยแต่งเข้ามาจะเอาแต่ใจขนาดนี้ ไม่ฟังอะ
แสงไฟสีเหลืองอบอุ่นส่องไปที่เตียงขาวสะอาด ชายหญิงคู่หนึ่งนอนกอดกันอยู่บนเตียง พื้นห้องเต็มไปด้วยชุดชั้นในที่กระจัดกระจายและเศษซากกล่องถุงยาง ของบนโต๊ะก็เกลื่อนกลาด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้น หันไปมองหญิงสาวที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม จุดบุหรี่ และเดินออกไปที่ระเบียง ควันบุหรี่ค่อยๆ ลอยขึ้น ทำให้มองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขา ชายหนุ่มทุ่มเทอย่างมาก ห้องธรรมดาของอินเตอร์คอมเพล็กซ์คืนหนึ่งราคาเป็นแสน ไม่เพียงเท่านั้น ห้องพักที่โรงแรมยังจองยากมาก เพราะคนที่พักที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดาเลย ทำให้การจองห้องนั้นยากเย็นเขาต้องใช้เส้นสายถึงจะได้ห้องนี้มา ถ้าไม่ใช่เพื่อแผนการนี้ คงไม่ทุ่มเทขนาดนี้แน่! ขณะนั้นหญิงสาวบนเตียงตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าพื้นที่ข้างๆ ว่างเปล่า ไม่กี่วินาทีก็ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงเช่นกัน เสียงฝีเท้าของเธอรบกวนความคิดของเขา“อาเสิ่น...” เจียงอี้พูดด้วยเสียงอ้อนพลางกอดเอวของฉินเสิ่นไว้แววตาของเขาแสดงความเฉลียวฉลาด แต่เมื่อเจียงอี้เข้ามาใกล้ ประกายในตานั้นก็หายไป เขาดับบุหรี่และหันมากอดเธอ มองด้วยสายตาอบอุ่น“ที่รัก
“เธอแน่ใจ? เขาพูดแบบนี้จริงๆ?”“ไม่ผิดแน่”เมื่อได้ยินคำยืนยันจากลูกสาว จางเย่าหยางที่ถือถ้วยชาก็สั่นเล็กน้อย เมื่อเห็นบิดาเงียบไป จางเหยียนอี้จึงรีบพูดเกลี้ยกล่อม “พ่อ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการทำเงินของเรา! ตราบใดที่ตระกูลลู่ล้มละลาย ตระกูลจางของเราก็จะได้ส่วนแบ่ง ซึ่งมีแต่จะได้ประโยชน์”“แน่ใจได้ยังไงว่าตระกูลจางของเราจะไม่โดนหางเลข?” จางเย่าหยางยังมีความกังวลอยู่“ตราบใดที่เรามีสินค้าจริง พ่อ…พอเราสองตระกูลร่วมมือกัน ก็จะสามารถขจัดข้อสงสัยของพวกเขาได้ พอพวกเขารู้ตัวก็สายไปแล้ว!”“สินค้าพวกนั้น ฉันต้องไปดูเอง” ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงแบบนี้ เขาเคยทำมาแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นกับดักหรือเปล่า? จะวางใจได้ก็ต่อเมื่อไปดูสินค้าด้วยตาตัวเองเท่านั้นสายตาเฉียบแหลมของจางเย่าหยางส่องประกายความสนใจ เขาเคยตรวจสอบสมิธคนนี้มาก่อน มีตัวตนอยู่จริง ตระกูลสมิธเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของรัสเซีย เป็นตระกูลเดียวที่เติบโตจากการค้า มีธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก และปีนี้ เป็นปีแรกที่พวกเขาเปิดตลาดในจีน ผลกำไรเบื้องหลังเรื่องนี้ย่อมมหาศาล หากตระกูลจางสามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายในจีนได้ เขาจะกลายเป็นคนสำคัญในปักกิ่ง
ฉินเสิ่นจอดรถเสร็จแล้วเดินออกมาจากโรงจอดรถใต้ดิน เมื่อเห็นแสงไฟกระพริบที่ประตู ฉินเสิ่นรู้สึกว้าวุ่นใจ เขาหยุดชะงักเล็กน้อยในขณะที่กำลังจะเปิดประตู ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความลังเล แต่สุดท้ายเขาก็รวบรวมความกล้าผลักประตูและเดินเข้าไปไม่ผิดจากที่คิด คุณย่าฉินและฉินจวิ้นนั่งรอเขาอยู่ในห้องอาหาร ซึ่งอาหารบนโต๊ะถูกกินไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทำเอาเขาพูดไม่ออก ทั้งคู่เรียกให้เขากลับมากินข้าว แต่ก็ไม่ได้รอเริ่มกินไปนานแล้ว เมื่อเห็นฉินเสิ่นกลับมา คุณย่าฉินวางตะเกียบลง มองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจ“ฮึ ยังรู้จักกลับมาด้วยเหรอ?” คุณย่าฉินเคาะไม้เท้าลงกับพื้น ทำให้จานบนโต๊ะสั่นไปด้วยฉินเสิ่นถอนหายใจ แล้วอธิบาย “คุณย่า ผมติดงานที่บริษัท แล้วก็ไม่รู้ว่าคุณย่าจะมาที่นี่”“แล้วถ้าต่อไปฉันป่วย จะต้องรอให้แกทำงานเสร็จก่อน แล้วค่อยตายหรือยังไง?!”“คุณย่าอย่าพูดแบบนั้น ย่าก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น”ในตอนนี้ฉินจวิ้นตักอาหารเข้าปาก แล้วพูดเยาะเย้ย “ฉินเสิ่น นี่นายโทษคุณย่าที่มากินข้าวที่นี่เหรอ?”“คุณย่าร่างกายเป็นยังไงนายก็รู้ดี กว่าจะมาจากบ้านใหญ่เพื่อมาหานายได้ แต่นายกลับมีท่าทางแบบนี้ นายมันคนเนรคุณ” พูดจบฉ
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด