ผิวขาวของจงเสียนแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เธอพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "อาชิง ตอนนี้คุณทำไมเย็นชากับฉันนัก เป็นเพราะคุณแต่งงานกับผู้หญิงไร้ค่าคนนั้นแล้วใช่ไหม..."
"หุบปาก เธอไม่มีสิทธิ์พูดถึงภรรยาของฉัน"
เฉินจือหานตวาดเสียงเข้ม ดวงตาของเขาเย็นชาขึ้น มีความโกรธแฝงอยู่เล็กน้อย ส่งสายตาเตือนจงเสียน เธอกัดริมฝีปากล่าง มือทั้งสองกำแน่น ตัวสั่นเล็กน้อย ความเกลียดชังต่อหลินซินเพิ่มขึ้นอีก แต่เธอปรับอารมณ์กลับมายิ้มได้อีกครั้ง
"อาชิงช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม" เสียงหัวเราะของเธอดูไม่จริงใจ แสร้งทำเป็นคนอ่อนหวานโดยไม่สนใจสายตาที่รังเกียจของเขา
เพื่อนสนิททั้งสองคนมองอย่างเอือมระอา รู้สึกอายแทนผู้หญิงอะไรหน้าด้านหน้าทน ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินจือหานมองว่าเป็นเพื่อนเก่า จงเสียนคงโดนกำจัดไปนานแล้ว
"เจี้ยนโจว คุณหัวเราะอะไร?"
"จงเสียน คุณยังคิดถึงเฉินจือหานแม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้ว คุณนี่ไม่อายจริงๆ เลย"
"คุณ! คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?!"
จงเสียนลุกขึ้นด้วยความโกรธ ขว้างกระเป๋าไปทางเจี้ยนโจว
"พอแล้วๆ เราเป็นเพื่อนกัน จะทะเลาะกันทำไม" อู๋เซิงเข้ามาห้ามทัพ เขาห้ามก็เพียงเพราะจงเสียนเสียงดังเกินไป
ที่ห้องประมูล
การประมูลใกล้จะสิ้นสุด เหลือเพียงสิ่งสุดท้าย นั่นคือ ดวงตาแห่งฮอรัส ระหว่างการพัก 15 นาที หลินซินมีโอกาสลงมือ เธอต้องทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด ถ้าเกินเวลาภารกิจจะล้มเหลว หญิงสาวไปที่หลังเวที ก่อนจะติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณเล็กๆ ที่ประตู คลื่นวิทยุทำให้กล้องวงจรปิดในห้องหยุดทำงานทันที ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ
จากนั้นเธอเข้าไปในห้อง ใช้ทักษะการต่อสู้จัดการกับบอดี้การ์ดทั้งหมด เมื่อหมดอุปสรรคหลินซินก็เก็บดวงตาแห่งฮอรัสไว้ในสร้อยคอแล้วรีบออกจากห้อง
ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
การขโมยเป็นภารกิจที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องฆ่าใครหรือเสี่ยงชีวิต แค่ใช้ทักษะเล็กน้อยก็ทำได้ โชคร้ายเมื่อตอนที่กำลังเดินกลับ หลินซินพบกับจงเสียน และหล่อนก็จำเธอได้ทันที หล่อนยืนกั้นทางด้วยท่าทีเหยียดหยาม ถ้าเป็นเวลาปกติ หลินซินคงจัดการด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว แต่สถานการณ์วันนี้พิเศษ หากเธอทำอะไรรุนแรงไปอาจถูกจับได้และภารกิจล้มเหลว เธอจึงไม่กล้าเสี่ยง
จงเสียนหัวเราะเย็น มองหลินซินด้วยความอิจฉา "เธอคือภรรยาใหม่ของอาชิงเหรอ หน้าตาก็แค่พอใช้ได้"
"หยุดเรียกอาชิงซะที ฉันรำคาญ"
"เธอคิดว่าเป็นใครกัน? แต่งงานกับอาชิงแล้วคิดว่าตัวเองสูงส่งขึ้นงั้นเหรอ แต่ก็แค่ผู้หญิงบ้านนอก ไม่มีค่าอะไร"
เพียะ——
เสียงตบดังลั่น จงเสียนหน้าหันไปอีกทาง เพราะหลินซินตบอย่างแรง หัวเธอกระเทือนจนมึนไปหมด
"แม้จะไม่มีค่าอะไร แต่ฉันก็สามารถตบหน้าเธอได้ ถ้าจำเป็นต้องลงมือ ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูด"
หลินซินพูดพลางมองจงเสียนด้วยความรังเกียจ เธอแค่ตบเบาๆ เป็นการสั่งสอน เพราะทนไม่ไหวกับความรำคาญของผู้หญิงคนนี้ เสียงบ่นเหมือนแมลงวันน่ารำคาญ
"ฉันไม่เคยจำเรื่องแค้น เพราะทุกครั้งที่มีแค้น ฉันจัดการทันที ขอโทษนะคุณหนูจง ค่ารักษาของเธอฉันจะจ่ายคืนสิบเท่า ในฐานะภรรยาของเฉินจือหาน เงินไม่ใช่ปัญหา"
"อ๊า!! เธอมันผู้หญิงชั้นต่ำ! กล้าดียังไงมาตบฉัน!!" จงเสียนกรีดร้องพลางจับหน้าตัวเอง
ขณะนั้นผู้จัดการการประมูลก็พบความผิดปกติในห้องควบคุม กล้องวงจรปิดหยุดทำงาน เขารีบพาคนไปตรวจสอบ พบว่าทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันในทางเดิน เขาจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือคุณหนูจง แต่ไม่สามารถจำอีกคนได้ว่าเป็นใคร เธอดูแปลกหน้าสำหรับเขา
"คุณหนูจง นี่เป็นทางเดินหลังเวที คุณเห็นคนแปลกหน้าบ้างไหม?"
“ฉันไม่เห็นใครที่น่าสงสัย แต่ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเพียงคุณจางคนเดียวที่มาที่นี่ ผู้จัดการ คุณควรตรวจสอบเธอ”
ไม่เสียแรงที่เป็นคุณหนูจง เพียงไม่กี่คำก็ทำให้ปัญหากลับมาที่หลินซิน โชคไม่ดีเลย ควรจะออกไปแล้วแท้ๆ ทำไมถึงมาเจอยัยแมลงวันกวนประสาท ผู้จัดการเริ่มสงสัย เขาตรวจสอบแล้วว่าเกือบทุกคนไม่ได้ออกจากที่นั่ง แต่ผู้หญิงคนนี้ทั้งดูไม่คุ้นหน้าและมาอยู่ในทางเดินนี้พอดี มันไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ?
“คุณผู้หญิง ขอโทษด้วย เราต้องขอตรวจค้น เพื่อดูว่าของที่ถูกขโมยอยู่กับคุณหรือไม่”
“กล้าดีอย่างไรที่จะมาตรวจค้นกันแบบนี้!” หลินซินโกรธจ้องมองบอดี้การ์ดที่กำลังจะเข้ามา เธอพร้อมที่จะต่อสู้กับพวกเขา
“ขอโทษด้วยค่ะคุณผู้หญิง ความเสียหายของคุณเราจะชดเชยให้ในภายหลัง”
“ค้นเลย อย่าปล่อยให้หลุดรอดไปแม้แต่นิดเดียว” ผู้จัดการสั่งบอดี้การ์ด
จงเสียนยืนแสยะยิ้มอยู่ข้างๆ เห็นตอนแรกปากเก่งนัก ตอนนี้มีบอดี้การ์ดหกคนมาค้นตัว ดูสิว่าจะยอมขอร้องให้ฉันปล่อยไหม
ในขณะนั้นเอง…
“หยุด!” เสียงเฉินจือหานดังมาจากด้านข้างของทางเดิน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนสนิทสองคน คืออู๋เซิงและเหลียวเจี้ยนโจว
เฉินจือหานคว้าตัวหลินซินเข้ามาในอ้อมกอด
“ใครให้สิทธิ์คุณค้นตัวเธอ?” เขาพูดอย่างเย็นชา จ้องผู้จัดการด้วยสายตาที่น่ากลัว
“ผม...”
ผู้จัดการเห็นเฉินจือหานปรากฏตัว รู้สึกตัวสั่นกลัวว่าตัวเองอาจจะไปยั่วโมโหภรรยาของเฉินจือหาน ที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้ามาก่อน
“คุณเฉิน เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของผม ผมแค่ทำตามหน้าที่ คุณหนูจงบอกว่าภรรยาของคุณเป็นคนเดียวที่เข้ามาที่นี่ ผมจึงต้องตรวจค้น”
ประโยคเดียวทำให้ประเด็นกลับมาที่จงเสียน หล่อนตกใจไม่คิดว่าผู้จัดการจะพาดพิงมาถึงเธอ
“ไม่ใช่นะอาชิง ตอนนั้นฉันเห็นแค่...เอ่อ เห็นภรรยาของคุณ เลยคิดว่า...”
“จงเสียน คุณนี่เก่งจริงๆ เรื่องการปรักปรำคนอื่นต้องยกให้เลย” เหลียวเจี้ยนโจวพูดเยาะเย้ย
จงเสียนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
เฉินจือหานมองจงเสียนด้วยความรังเกียจ “ต่อไปนี้ที่ใดก็ตามที่ฉันและภรรยาอยู่ จงเสียน! เธออย่าให้ฉันเห็นหน้า ไม่งั้นฉันจะทำให้ตระกูลจงหายไปจากเมืองหลวง! และคำว่า ‘อาชิง’ เธอไม่มีสิทธิ์เรียก เรียกแค่ ‘คุณเฉิน’ เท่านั้น เข้าใจไหม?”
จงเสียนพยักหน้า และรีบเดินไปด้วยความหวดกลัว
เฉินจือหานหันไปมองผู้จัดการ ด้วยสายตาพิฆาต ทำให้คนถูกมองแทบเข่าทรุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีก “คิดจะค้นตัวภรรยาของฉัน?”
“ไม่... ไม่เลยครับ คุณเฉิน จะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครับ”
“หลิวซูเหยียน พาคนพวกนี้ไปตัดนิ้วแล้วโยนให้หมากิน!”
“ขอโทษครับ คุณเฉิน ผมผิดไปแล้ว! ผิดไปแล้ว!” เสียงร้องของผู้จัดการดังขึ้นจนหายไปจากทางเดิน บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เธอคือน้องสะใภ้ใช่ไหม หน้าตาสวยจริงๆ ฉันชื่อเหลียวเจี้ยนโจว”
“ฉันชื่ออู๋เซิง” ทั้งสองแนะนำตัวเองให้หลินซินรู้จัก
“ฉันชื่อหลินซิน ยิดดีที่ได้รู้จักค่ะ เฉินจือหานบางทีอาจจะมีนิสัยเสียหน่อย โปรดเข้าใจด้วย” หลินซินยื่นมือเพื่อจับกับเพื่อนสนิททั้งสองคนของสามี แต่เฉินจือหานกลับแทรกเข้ามาขวาง
“แค่ทักทายก็พอ ไม่จำเป็นต้องจับมือ”
แค่นี้ก็ทำเป็นหวง หลินซินรู้จักทั้งคู่ตั้งแต่ชาติที่แล้ว แต่เพราะความขัดแย้งกับเฉินจือหาน เธอไม่เคยมีโอกาสพบกัน ตอนนี้เป็นโอกาสแรกที่ได้พบกัน
++++++++++++++++++++++++
คุณหนูจงอย่าริอาจต่อกรกับภรรยาคุณเฉิน หล่อนมันกระดูกคนละเบอร์ย่ะ
เป็นกำลังใจด้วยกดหัวใจ กดเข้าชั้นให้ด้วยนะคะ
เมื่อเรื่องคลี่คลายเพื่อนสนิททั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัว เฉินจือหานจับมือเล็กๆ ของจางหลินซินพาเธอเดินกลับเข้าไปในห้อง VIP ที่ทางผู้จัดการจัดเตรียมไว้ให้“หลินซิน ทำไมเธอถึงเดินตามลำพัง บอดี้การ์ดไปไหน?”เขาคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน รู้ว่าเธออยากมาด้วยตัวเอง จึงไม่อยากขัดขวางความสนุกของภรรยา แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงจ้างบอดี้การ์ดคอยคุมครองดูแล ส่วนเขาแยกออกไปนั่งกับเพื่อนๆ เพื่อให้หลินซินมีความเป็นส่วนตัว เพราะเขาและเธอยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่“จือหาน ฉันแค่รู้สึกว่ามันน่าจะปลอดภัย” หลินซินโกหกหน้าตาย เธอบอกไม่ได้ว่าเธอมาทำภารกิจ ถ้าสามีของเธอรู้ว่ามีอาณาจักรลับใต้ดิน และทำภารกิจอันตรายทุกวัน เขาคงไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านแน่ๆ“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ เข้าใจไหม? ถ้ามีอะไรก็บอกฉัน ฉันจะไปกับเธอเอง”“ฉันเข้าใจแล้ว จือหานฉันสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีก” หลินซินกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษและออดอ้อนเล็กน้อยเฉินจือหานใจอ่อนไม่ต่อว่าอะไรเธออีก ยามเธอออดอ้อนแบบนี้เขารู้คุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนกับว่าเคยใช้ชีวิตด้วยกันมาแล้วหลายปี แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของหลินซินดังขึ้น ดึงความคิดกลับมา“จ
"จางหลินซิน เธอพูดอะไร…ฉะ ฉัน ไม่ได้…"หลี่หลิงเจินเปลี่ยนท่าทีไปจากเดิม เชิดหน้าขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ในตอนแรกไม่เชื่อคำพูดลูกน้องที่บอกว่าในรถมีเพียงจางหลินซินและชายแปลกหน้าคนหนึ่ง โดยไม่มีบอดี้การ์ดของเฉินจือหาน เธอจึงสั่งการให้ลงมือฆ่าเพราะคิดว่ายังไงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหลินซินคงไม่มีทางรอดได้แน่นอนแต่ทำไมเธอถึงรอดมาได้ล่ะ?!"หลี่หลิงเจิน จงใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่า เพราะวันดีๆ ของเธอคงเหลือไม่มากแล้ว เพราะฉันจะทวงคืนทุกสิ่งที่เธอเคยทำกับฉันทีละน้อย" จางหลินซินก้าวเข้ามาบีบคอหลี่หลิงเจิน ออกแรงเพิ่มทีละนิดทำให้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขาดอากาศหายใจและพูดไม่ออกในเวลานี้บรรยากาศเย็นยะเยือกถึงขีดสุด ดวงตาของจางหลินซินเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น หลี่หลิงเจินกลัวจนพูดไม่ออก เธอจึงปล่อยมือแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ทิ้งให้หลี่หลิงเจินนั่งหายใจเฮือกๆ อยู่บนพื้นโดยไม่แม้แต่จะมอง หลี่หลิงเจินทรุดตัวลงนั่งบนกระเบื้องยังช็อคไม่หายเธอเกือบถูกบีบคอตาย...น่ากลัวจริงๆ จางหลินซินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เส้นเลือดในสมองของหลี่หลิงเจินเหมือนจะระเบิดแตก มือและเท้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง————คฤหาสน์ตระกูลเฉิ
ถนนวงแหวนรอบเขาภายในรถโรลส์-รอยซ์ หลินซินซบอยู่ในอ้อมกอดของเฉินจือหาน เธอรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย จึงพูดเสียงอ่อนว่า "จือหาน เมื่อวานคุณมาโรงพยาบาลได้ยังไง" ถ้าเมื่อวานจือหานมาช้ากว่านี้ เธอคงโดนบิดาตบหน้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ควรเป็นพ่อคนด้วยซ้ำ!"ฉันคิดถึงเธอ" เฉินจือหานจูบหน้าผากของหลินซิน "เลยไปหา"เฉินอวี้ลดแสงไฟในร ถรู้จักหน้าที่ของตัวเองดี จึงรีบยกฉากกั้นเบาะหลังลง เฉินจือหานพอใจมาก เดี๋ยวจะให้โบนัสเฉินอวี้สามเท่าเลย"ฉันก็คิดถึงคุณ จือหาน แต่เพราะฉันต้องจัดการเรื่องยุ่งๆ ของตระกูลจางให้เรียบร้อยก่อน""ให้ฉันจัดการให้ไหม""ไม่ได้จือหาน คนพวกนี้ฉันต้องจัดการเอง""ได้สิ ฉันตามใจภรรยาอยู่แล้ว จำไว้ว่าฉันคือภูเขาที่แข็งแกร่ง คอยอยู่ข้างหลังเธอเสมอ ถ้าไม่อยากจัดการเอาก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ" เฉินจือหานมองเธออย่างเอ็นดู ยกมือปัดผมของหลินซินสายตาของทั้งคู่ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น เฉินจือหานอดใจไม่ไหว จูบปากนุ่มๆ ของหลินซิน สอดลิ้นเข้าไปไปในปากของเธอ แลกความหวานในโพรงปาก หลินซินตอบสนองจูบของเขาเช่นกัน"อืม..." หลินซินครางในลำคอ โอบแขนรอบคอสามีดึงเขาเข้าหาตัวในชาติที่แล้วเธอเกลียดเขา เพียงเพราะเชื
หลินซินไม่สนใจการขัดขวางของเฉินเค่อและเฉินอวี้ เธอผลักประตูเปื้อนเลือดแล้วพุ่งเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นภาพสยดสยอง ภายในใจของเธอก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหว บอดี้การ์ดสิบกว่าคนถูกซัดจนล้มระเนระนาด ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่ขาดสาย บาดแผลบนร่างกายมีทั้งเล็กทั้งใหญ่ ชวนให้ผู้พบเห็นสะเทือนใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเปื้อนเลือด กำลังคลุ้มคลั่งเหมือนสติไม่อยู่กับตัว นั่นนคือเฉินจือหาน"จือหาน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง" น้ำเสียงของหลินซินสั่นเครือในเวลานี้ดวงตาของเฉินจือหานแดงก่ำ เขาไม่ได้ยินสิ่งที่หลินซินพูดเลย รู้เพียงว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของหลินซินพร่ามัวไปหมด คำพูดที่ดังอยู่ข้างหูก็ไม่ได้ยิน"เธอ...เป็นใคร" เฉินจือหานกัดฟันพูด"จือหาน ฉันหลินซิน ภรรยาที่คุณรักที่สุด...คุณจำไม่ได้แล้วเหรอ""ภ... ภรรยา"หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เฉินจือหานก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ แต่ในวินาทีต่อมา ใบหน้าของหลินซินก็เปลี่ยนไป... เป็นใบหน้าของคนที่เขาเกลียดที่สุด เป็นผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ!"จือหาน คุณเป็นอะไร..."แต่ก่อนที่หลินซินจะพูดจบ เฉินจือหานที
เช้าตรู่, คฤหาสน์ตระกูลเฉินแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างส่องลงบนเตียง ทำให้ห้องสว่างไสวด้วยสีทอง เฉินจือหานหลับไปทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา เขาเห็นหลินซินที่นอนหลับอยู่ข้างเตียง ก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้หลินซินรู้สึกตัวว่าคนข้างๆ ขยับตัวจึงลืมตาขึ้น เห็นสามีตื่นแล้วก็ดีใจมาก"จือหาน คุณตื่นแล้ว มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า"“ซินซิน ฉันไม่เป็นไรแล้ว" เฉินจือหานปลอบใจเธอเขามองภรรยาที่อยู่ตรงหน้า นึกถึงผู้หญิงที่มองไม่เห็นในฝัน ท่าทางและน้ำเสียงคล้ายคลึงกันมากทำให้เฉินจือหานเผลอคิดไปชั่วขณะอาจจะเป็นฝันร้ายกระมังเขาไม่อยากคิดมากให้ปวดหัว"ฉันทำเธอเหนื่อยใช่ไหม" เฉินจือหานลูบหน้าหลินซินแล้วดึงเข้ามากอดในอ้อมแขน พูดเบาๆ ว่า "เมื่อวาน...เธอกลัวรึเปล่า"หลินซินเงยหน้าขึ้นหัวเราะคิกคัก "ไม่กลัว จือหาน คุณไม่ใช่ปีศาจร้าย ฉันจะกลัวได้ยังไง""ขอบคุณนะภรรยาของฉัน" สีหน้าของเฉินจือหานสงบลงเล็กน้อย เดิมทีไม่ต้องการให้หลินซินเห็นเขาในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ กังวลว่าเธอจะตกใจและต่อต้าน หวาดหวั่นว่าเธอจะไม่รักเขาอีก ดังนั้นเมื่อเขาอาการกำเริบ ก็จะไปหลบที่ห้องใต้ดินแต่ปฏิกิริยาแรกของหลินซินเมื่อเห็นเขาในสภาพ
ในร้านกาแฟ หญิงสาวสองคนนั่งตรงข้ามกัน"เธอแน่ใจเหรอว่าหล่อนจะมา?""ฉันแน่ใจ ฉันไปหาหล่อนที่บ้านและขอร้องด้วยตัวเอง ไม่มีทางไม่มาหรอ"หลี่หลิงเจินที่นั่งอยู่ตรงข้ามถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำสีม่วงดำ จางเหยียนอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เธอไม่คิดว่าหลินซินจะลงมือทำร้ายอดีตแม่เลี้ยงหลี่หลิงเจินค่อยๆ เพิ่มแรงมือที่ถือแก้วไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ถึงเวลาแล้ว แผนของเราต้องไร้ที่ติ เราต้องทำให้หลินซินเสื่อมเสียชื่อเสียง!""ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเวลานั้นฉันจะได้เป็นสะใภ้รองของตระกูลฉิน ส่วนเธอจะได้เงินไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ เราทั้งคู่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ"ทั้งคู่สบตากันและยิ้ม คราวนี้พวกเธอจะทำให้หลินซินล่มจม! หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากร้านกาแฟ แต่ในมุมหนึ่งของร้านนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยที่ไม่ได้สั่งอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นชายคนนี้ เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน เมื่อพวกนั้นไปแล้วเขาจึงกดหูฟังบูลทูทเพื่อติดต่อบอส"หัวหน้า หลี่หลิงเจินและจางเหยียนอี้พบกันที่ร้านกาแฟ พวกเขาวางแผนที่จะจัดการกับคุณ"หลินซินยิ้มในขณที่พิงหน้าต่างบานใหญ่ "001 สืบ
ที่ชั้นสองห้องพักผ่อน จางเหยียนอี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หลับตาลงใบหน้าอันงดงามปรากฏรอยแดงจางๆ โดยเฉพาะแก้มข้างขวาที่บวมเล็กน้อย ในเวลานี้ผู้ช่วยสาวถือถุงน้ำแข็งเข้ามา แล้วประคบแก้มข้างที่บวมของจางเหยียนอี้"อุ๊ย..." จางเหยียนอี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และด่าออกมาอย่างเจ็บใจ "ยายแก่ตายโหงนั่น มือหนักจริงๆ!"เมื่อมองดูตัวเองที่ดูโทรมในกระจก จางเหยียนอี้ก็ยิ่งเกลียดชังคุณนายฉินมากขึ้นไปอีกก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น"เข้ามา"พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามา โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ "คุณหนูจาง คนที่คุณให้ผมจัดการ…เรียบร้อยแล้วครับ""แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดพลาด?" จางเหยียนอี้ถามด้วยสีหน้ายินดี"ผมแน่ใจครับ คุณหนูจาง ตอนนี้คุณหนูไปตรวจสอบได้เลยครับ""รออะไรอยู่ล่ะ พาฉันไปสิ!!"จางเหยียนอี้รีบโยนถุงน้ำแข็งทิ้ง แล้วตามพนักงานชายออกจากห้องพักผ่อน ด้วยความรู้สึกภูมิใจเต็มเปี่ยม พนักงานชายที่นำทางไปข้างหน้า แววตาแฝงไปด้วยความมืดมน ในขณะเดียวกันในห้องน้ำหญิงข้างๆ พนักงานหญิงคนหนึ่งถูกมัดอยู่ในห้องน้ำ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายใน ขณะที่มือและเท้าถูกมัดด้วยเนคไทจนแน่น และมีผ้าอุดปากอยู่ ที่หน้าปร
ในเวลานี้จางเหยียนอี้เสียหลัก คุณชายและคุณนายลู่เสียหลัก ฉินเสิ่นและลู่หยวนก็เสียหลักด้วยเช่นกันจางเหยียนอี้คิดว่าตัวเองวางแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งสามารถแต่งงานกับตระกูลฉินเพื่อเป็นสะใภ้ และสามารถทำลายหลินซินได้ แต่ทำไม... ทางด้านฉินเสิ่นคิดว่าที่แผนการเป็นไปตามปกติทุกอย่าง แต่ทำไมผู้หญิงของตัวเองถึงได้ถูกพี่ชายร่วมสาบานหลับนอนด้วยส่วนลู่หยวนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้นอนกับสาวงาม แต่ทำไมตอนนี้ถึงต้องกลายเป็นผู้ชายที่หลับนอนกับว่าที่ภรรยาของฉินเสิ่นซึ่งเปรียบได้กับน้องสะใภ้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนของตระกูลลู่ แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ลูกชายไม่เพียงก่อเรื่อง ยังลากพวกเขามาขายหน้าท่ามกลางตระกูลใหญ่ที่มาร่วมงานภายในงานเลี้ยง คนที่น่าจะดีใจที่สุดคงมีเพียงคุณนายฉินเมื่อตระกูลลู่ปูพรมให้เดินเช่นนี้ เหยียนอี้จะปฏิเสธได้อย่างไร เพราะเธอไม่มีทางไปแล้ว คุณนายฉินคงไม่ยอมรับเข้าตระกูลแน่ หลังจากที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าตระกูลจางและตระกูลฉิน จะยกเลิกพิธีแต่งงานแต่จะต้องจ่ายค่าสินสอดคุณนายลู่รู้สึกเกลียดจางเหยียนอี้จนอยากจะหั่นเป็นชิ้นๆ ผู้หญิงคนนี้วางแผนจับลูกชายของหล่อน แต่ไ
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด