สวนดอกไม้บ้านตระกูลเฉิน…
แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบลงมาบนตัว สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ลมพัดเบาผ่านด้านของหลินซินและพี่เหวินสาวใช้ที่คอยติดตาม เธอให้คนสวนหากุหลาบหลายต้นมาวางเรียงไว้ในบริเวณ เพื่อเตรียมพรรณไม้ปลูกลงดินด้วยตัวเอง เคยชอบกุหลาบยังไงก็ยังชอบอย่างนั้น หญิงสาวจะเนรมิตสวนกุหลาบเหมือนในชาติก่อนอีกครั้ง
"นายหญิง ถ้าคุณชอบดอกกุหลาบจริงๆ ทำไมไม่ให้คนอื่นมาปลูก คุณอย่าลงมือทำเองเลยนะคะ แดดร้อนเดี๋ยวผิวจะเสีย" แม่บ้านเหวินยิ้มอย่างอ่อนโยน กล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง งานสวนแบบนี้เจ้านายควรยืนสั่งการอยู่เฉยๆ
"พี่เหวิน ก่อนหน้านี้ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า ถ้าชอบอะไรต้องทำเอง เหมือนเวลาเรารักใครก็ต้องรักเอง จะได้ไม่ต้องมานึกย้อนเสียใจในภายหลัง"
"คุณพูดดีจริงๆ นายหญิง” สาวใช้เหวินรู้สึกว่านายหญิงเป็นคนที่รู้จักให้ความสำคัญ และเป็นคนดีที่สุดที่เคยพบ จึงเริ่มชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินซินผูกกระโปรงของเธอขึ้น แล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไปในสวนเพื่อฝังเมล็ดดอกไม้ สาวใช้ยังคงยืนที่ข้างๆ ถือร่มบังแดดที่ตัวนายหญิงไม่ให้ถูกแดดเผา
เสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้น…เป็นเสียงพิเศษที่หลินซินตั้งไว้ เพื่อให้รู้ว่าคนที่ฐานลับโทรมา
"พี่เหวิน ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า ช่วยไปเอาน้ำส้มมาให้ฉันหน่อยได้ไหม"
“ได้ค่ะนายหญิง"
รอจนแม่บ้านเหวินเดินออกไป หลินซินจึงรับโทรศัพท์ ไม่ได้หิวน้ำเพียงแค่หาข้ออ้างในการอยู่ลำพังเพื่อคุยความลับกับลูกน้อง
"001 ได้ข้อมูลที่ฉันต้องการมาหรือยัง"
" ตรวจสอบแล้วครับเจ้านาย ดวงตาฮอรัสจะถูกขายที่งานประมูลในวันพรุ่งนี้ เวลาสองทุ่ม ผู้จัดประมูลต้องการให้สิ่งนี้เป็นไฮไลต์ จึงถูกนำมาไว้ในรายการท้ายสุด ให้แขกเข้างานก่อนสิบนาทีตอนนี้มีการขายตั๋วแล้วครับ"
"เข้าใจแล้ว"
"แต่บอสครับ บัตรเข้างานนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ ผู้เข้าร่วมต้องเป็นสมาชิก และต้องลงชื่อในการเข้างาน ผู้เข้าร่วมเป็นคนรู้จักในวงสังคมชั้นสูง ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามา พวกเขาจะทราบได้ทันที ได้ยินมาว่าเตรียมกำลังพลไว้หนาแน่นมาก ไม่มีที่หลบหนีครับ"
"ไม่ต้องกังวล 001 ฉันมีวิธีในการเข้าไป"
"ครับบอส"
แค่บัตรเข้างานประมูล มันจะไปยากอะไร สามีของเธอเป็นถึงผู้นำตระกูลเฉิน จึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรง อันที่จริงแต่งงานกับคนที่มีอำนาจก็มีข้อดีอยู่หลายส่วน แม่บ้านนำน้ำดื่มมาให้ในขณะที่เธอยังคุยสาย เพียงแค่เงียบเสียงตอนที่สาวใช้เดินเข้ามา แม่บ้านเหวินรู้มารยาทจึงวางแก้วน้ำแล้วเลี่ยงหลบออกไป
หลังคุยสายเสร็จ หลินซินเดินเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อเปลี่ยนชุดใหม่ หยิบชุดกระโปรงสีแดงสดมาสวม แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของจือหาน แน่นอนว่ามีคนสนิทของเขาอยู่ในห้องด้วย กำลังหารืออะไรกันสักอย่าง ทว่าเรื่องของเขาคงไม่สำคัญเท่าเรื่องของเธอหรอก
"อาซินของฉัน เธอเหนื่อยแล้วหรือยัง"
"ค่ะ ฉันมีเรื่องอยากถาม งานประมูลครั้งนี้ฉันอยากเข้าร่วมด้วย คุณมีบัตรเข้างานไหมคะ"
"ฮะ...?"
“ฉันอยากเข้าร่วมงานประมูลค่ะ อยากเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“มีสิ ซูเหยียน…”
“ครับท่านประธาน นี่คือบัตรเข้างานประมูลครับนายหญิง”
"ขอบใจมากนะ หลิวซูเหยียน"
หลินซินพูดขอบคุณหลังได้รับบัตรเชิญแล้วก็ออกจากห้อง เหลือเพียงคนสนิทและเฉินจือหานที่จ้องกันอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเคร่งขรึม มองซูเหยียนด้วยสายตาเย็นเยียบ จนทำให้ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความหนาวเย็น
"ซูเหยียน คืนนี้จัดหาบอดี้การ์ดมาเยอะๆ หน่อย ลองทดสอบฝีมือพวกเขาก่อนรับเข้างาน"
"ครับคุณผู้ชาย”
ซูเหยียนตอบพร้อมกับฝืนยิ้ม ดูเหมือนเย็นนี้มีคนมาเป็นกระสอบทรายให้ระบายอารมณ์แล้ว!
งานประมูล…
ค่ำคืนที่มีลมเย็นพัดผ่านเข้ามาแสงดาวริบหรี่ คืนเดือนเพ็ญส่องประกายเหมือนสายน้ำ หน้าทางเข้างานประมูลมีรถหรูจอดเรียงราย ผู้ที่ก้าวลงจากรถล้วนแต่เป็นคนมีฐานะ หลินซินก้าวลงจากรถเบนท์ลีย์ ชุดกระโปรงกำมะหยี่สีดำเปิดไหล่ แต่งหน้าเข้มดูโดดเด่น มองใกล้ๆ จะเห็นต่างหูมุกสีขาวบริสุทธิ์ สร้อยคอเป็นไข่มุกสวยงาม ผมสีน้ำตาลถูกรวบขึ้น มีปอยผมหล่นลงมาข้างใบหน้า เพิ่มเสน่ห์ให้กับกรอบหน้าที่งดงาม เป็นความสวยที่ดูหรูหราและน่าจดจำในทันทีที่มองเห็น นี่คือชุดที่หลินซินคิดว่าธรรมดาที่สุดแล้ว แต่กลับดึงดูดทุกสายตามองมาที่เธอ มีทั้งสงสัย ชื่นชม และอิจฉา...
ผู้จัดการเห็นบัตรเชิญในมือของหลินซิน ก็มาประจบประแจงทันที เพราะนั่นคือบัตรเชิญสีทอง บุคคลสำคัญเท่านั้นถึงจะได้ พราะบัตรเชิญประเภทนี้มีเฉพาะสามตระกูลใหญ่เท่านั้น
"คุณผู้หญิง กระผมยินดีรับใช้ครับ" ผู้จัดการทำท่าทางเชิญอย่างนอบน้อม
หลินซินพยักหน้า ก้าวเท้าลงส้นสูงสิบเซนติเมตรเดินเข้าสู่ห้องประมูล ผู้จัดการพาเธอไปยังห้องรับรอง VIP หมายเลขแปดบนชั้นสอง ห้องรับรองถูกตกแต่งด้วยสีฟ้าเป็นหลัก ผ่านกระจกที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สามารถมองเห็นเวทีประมูลได้ทั้งหมด
"คุณผู้หญิง ขอให้สนุกกับงานประมูลนะครับ มีอะไรเรียกใช้ได้เลย" ผู้จัดการพูดจบก็ออกไปจากห้อง
เวลานี้งานประมูลก็เริ่มขึ้นแล้ว ผู้ดำเนินรายการในชุดกี่เพ้าลายดอกโบตั๋นเดินขึ้นเวที แนะนำว่า "สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานประมูลในวันนี้ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง สินค้าทุกชิ้นในวันนี้รับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวัง"
"เริ่มจากของชิ้นแรก ภาพวาดต้นฉบับ 'ฟูชุนซานจวี่' ราคาเริ่มต้นที่สี่แสน"
"สี่แสน"
"เจ็ดแสน"
"หนึ่งล้าน"
ราคาประมูลสูงขึ้นเรื่อยๆ
"สามล้าน"
"สามล้านครั้งที่หนึ่ง สามล้านครั้งที่สอง สามล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับคุณผู้ชายที่ชนะการประมูล ภาพวาดจะถูกส่งถึงมือท่านในภายหลัง"
ไม่คาดคิดว่าคุณผู้ชายท่านหนึ่ง จะเพิ่มราคาอีกสองล้านทันทีเพื่อคว้าภาพวาดนั้นมา
ในห้องรับรองหมายเลขสิบ
ชายหนุ่มสามคนกำลังนั่งบนโซฟามองการประมูล เฉินจือหานอยู่ในชุดสูทสีดำ ท่าทางเคร่งขรึมสง่างาม
"เฮ้ จือหาน นายมีภรรยาแล้วนี่ ทำไมไม่ประมูลเครื่องเพชรไปให้ภรรยานายหน่อยล่ะ?" เหลียวเจี้ยนโจวแซว
เหลียวเจี้ยนโจวมีท่าทางกวนๆ ใบหน้าหล่อเหลา มีเสน่ห์ แต่ดูไม่เป็นระเบียบ ใส่เสื้อเชิ้ตขาวที่คอเสื้อเปิดแง้มเล็กน้อย และพับแขนเสื้อขึ้น ดูผ่อนคลายแต่ก็มีมาดไม่เบา
"ทำไม เรื่องของภรรยาฉันต้องให้นายมายุ่งด้วย?"
"หวงภรรยาเหลือเกินนะนาย ว่าไงบ้างอู๋เซิง นายว่าจือหานกลายเป็นผู้ชายที่หวงภรรยาไปแล้วจริงไหม ฮ่าๆ"
"เจี้ยนโจว พูดน้อยๆ หน่อย ระวังวันหนึ่งโปรเจกต์ที่นายสนใจจะถูกจือหานคว้าไป" อู๋เซิงยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบาๆ พร้อมกับพูดแซวเจี้ยนโจว
อู๋เซิงมีใบหน้าขาวเหมือนหยก สุภาพเรียบร้อย ดวงตามีความสุขุมที่ไม่สมวัย ใส่สูทสีขาว ท่าทางสง่างามแต่ผ่อนคลาย แม้ว่าเหลียวเจี้ยนโจวจะดูเป็นคนกวนๆ แต่ความโหดของเขาไม่แพ้เฉินจือหาน เพียงแต่เขาดูเหมือนจะเป็นเสือยิ้มยาก ทุกบริษัทในปักกิ่งต่างก็ไม่กล้าสู้กับเขา เพราะไม่เพียงแต่เขาจะทำลายชื่อเสียงของคู่แข่ง เขายังสามารถทำให้คู่แข่งหายไปจากเมืองในคืนเดียว
ส่วนอู๋เซิงก็ไม่ใช่คนที่น่าละเลย แม้ดูสุภาพ แต่ภายในเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่เคยปราณีต่อศัตรู เคยรวบรวมสี่ตระกูลอู๋ให้เป็นหนึ่งเดียว และนั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ทำให้ไม่มีการแก่งแย่งในตระกูลอีกต่อไป
สามคนนี้ ล้วนเป็นเสือไร้พ่าย!
สามตระกูลใหญ่ในปักกิ่งคือ ตระกูลเฉิน ตระกูลเหลียว และตระกูลอู๋ ตระกูลเฉินเน้นธุรกิจ ตระกูลเหลียวเน้นบันเทิง ตระกูลอู๋เน้นการแพทย์ สามตระกูลใหญ่ควบคุมอุตสาหกรรมหลักของปักกิ่ง ทั้งเครือข่ายธุรกิจและอำนาจที่สืบทอดมายาวนาน ระหว่างที่พวกเขาคุยกันประตูห้องถูกเปิดเข้ามาเป็น จงเสียน ทำให้ทุกคนในห้องแปลกใจ
เธอมาทำอะไรที่นี่?
"ไง คุณหนูจง มาดูงานประมูลด้วยเหรอ?" เหลียวเจี้ยนโจวในท่าทางกวนๆ ทำให้จงเสียนรู้สึกขยะแขยง เหมือนเป็นลูกคนรวยที่ใช้เงินเล่นไปวันๆ ไม่เหมือนเฉินจือหาน ทั้งหล่อและมีความสามารถ
"เหลียวเจี้ยนโจว ดาราที่พวกนายคั่วอยู่คงยังไม่พอสำหรับนายสินะ จึงยังสนุกได้อีก" จงเสียนพูดแทงใจดำของเหลียวเจี้ยนโจว ก่อนจะมองไปที่เฉินจือหานแล้วเดินเข้าไปหาหัวใจเต้นแรง คิดว่าแต่งงานแล้ว แต่ทำไมยังไม่ยอมพาภรรยามาเจอเพื่อนๆ ล่ะ?
"จือหาน อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดคุณปู่ ฉันอยากให้คุณช่วยเลือกของขวัญหลังงานประมูลจบ" จงเสียนพูดเบาๆ
"ไม่ว่าง"
เฉินจือหานตอบทันที โดยไม่แม้แต่จะมองจงเสียนเลย
ผิวขาวของจงเสียนแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เธอพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "อาชิง ตอนนี้คุณทำไมเย็นชากับฉันนัก เป็นเพราะคุณแต่งงานกับผู้หญิงไร้ค่าคนนั้นแล้วใช่ไหม...""หุบปาก เธอไม่มีสิทธิ์พูดถึงภรรยาของฉัน"เฉินจือหานตวาดเสียงเข้ม ดวงตาของเขาเย็นชาขึ้น มีความโกรธแฝงอยู่เล็กน้อย ส่งสายตาเตือนจงเสียน เธอกัดริมฝีปากล่าง มือทั้งสองกำแน่น ตัวสั่นเล็กน้อย ความเกลียดชังต่อหลินซินเพิ่มขึ้นอีก แต่เธอปรับอารมณ์กลับมายิ้มได้อีกครั้ง"อาชิงช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม" เสียงหัวเราะของเธอดูไม่จริงใจ แสร้งทำเป็นคนอ่อนหวานโดยไม่สนใจสายตาที่รังเกียจของเขาเพื่อนสนิททั้งสองคนมองอย่างเอือมระอา รู้สึกอายแทนผู้หญิงอะไรหน้าด้านหน้าทน ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินจือหานมองว่าเป็นเพื่อนเก่า จงเสียนคงโดนกำจัดไปนานแล้ว"เจี้ยนโจว คุณหัวเราะอะไร?""จงเสียน คุณยังคิดถึงเฉินจือหานแม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้ว คุณนี่ไม่อายจริงๆ เลย""คุณ! คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?!"จงเสียนลุกขึ้นด้วยความโกรธ ขว้างกระเป๋าไปทางเจี้ยนโจว"พอแล้วๆ เราเป็นเพื่อนกัน จะทะเลาะกันทำไม" อู๋เซิงเข้ามาห้ามทัพ เขาห้ามก็เพียงเพราะจงเสียนเสียงดังเกินไปที่ห้องประมูล
เมื่อเรื่องคลี่คลายเพื่อนสนิททั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัว เฉินจือหานจับมือเล็กๆ ของจางหลินซินพาเธอเดินกลับเข้าไปในห้อง VIP ที่ทางผู้จัดการจัดเตรียมไว้ให้“หลินซิน ทำไมเธอถึงเดินตามลำพัง บอดี้การ์ดไปไหน?”เขาคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน รู้ว่าเธออยากมาด้วยตัวเอง จึงไม่อยากขัดขวางความสนุกของภรรยา แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงจ้างบอดี้การ์ดคอยคุมครองดูแล ส่วนเขาแยกออกไปนั่งกับเพื่อนๆ เพื่อให้หลินซินมีความเป็นส่วนตัว เพราะเขาและเธอยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่“จือหาน ฉันแค่รู้สึกว่ามันน่าจะปลอดภัย” หลินซินโกหกหน้าตาย เธอบอกไม่ได้ว่าเธอมาทำภารกิจ ถ้าสามีของเธอรู้ว่ามีอาณาจักรลับใต้ดิน และทำภารกิจอันตรายทุกวัน เขาคงไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านแน่ๆ“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ เข้าใจไหม? ถ้ามีอะไรก็บอกฉัน ฉันจะไปกับเธอเอง”“ฉันเข้าใจแล้ว จือหานฉันสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีก” หลินซินกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษและออดอ้อนเล็กน้อยเฉินจือหานใจอ่อนไม่ต่อว่าอะไรเธออีก ยามเธอออดอ้อนแบบนี้เขารู้คุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนกับว่าเคยใช้ชีวิตด้วยกันมาแล้วหลายปี แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของหลินซินดังขึ้น ดึงความคิดกลับมา“จ
"จางหลินซิน เธอพูดอะไร…ฉะ ฉัน ไม่ได้…"หลี่หลิงเจินเปลี่ยนท่าทีไปจากเดิม เชิดหน้าขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ในตอนแรกไม่เชื่อคำพูดลูกน้องที่บอกว่าในรถมีเพียงจางหลินซินและชายแปลกหน้าคนหนึ่ง โดยไม่มีบอดี้การ์ดของเฉินจือหาน เธอจึงสั่งการให้ลงมือฆ่าเพราะคิดว่ายังไงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหลินซินคงไม่มีทางรอดได้แน่นอนแต่ทำไมเธอถึงรอดมาได้ล่ะ?!"หลี่หลิงเจิน จงใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่า เพราะวันดีๆ ของเธอคงเหลือไม่มากแล้ว เพราะฉันจะทวงคืนทุกสิ่งที่เธอเคยทำกับฉันทีละน้อย" จางหลินซินก้าวเข้ามาบีบคอหลี่หลิงเจิน ออกแรงเพิ่มทีละนิดทำให้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขาดอากาศหายใจและพูดไม่ออกในเวลานี้บรรยากาศเย็นยะเยือกถึงขีดสุด ดวงตาของจางหลินซินเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น หลี่หลิงเจินกลัวจนพูดไม่ออก เธอจึงปล่อยมือแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ทิ้งให้หลี่หลิงเจินนั่งหายใจเฮือกๆ อยู่บนพื้นโดยไม่แม้แต่จะมอง หลี่หลิงเจินทรุดตัวลงนั่งบนกระเบื้องยังช็อคไม่หายเธอเกือบถูกบีบคอตาย...น่ากลัวจริงๆ จางหลินซินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เส้นเลือดในสมองของหลี่หลิงเจินเหมือนจะระเบิดแตก มือและเท้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง————คฤหาสน์ตระกูลเฉิ
ถนนวงแหวนรอบเขาภายในรถโรลส์-รอยซ์ หลินซินซบอยู่ในอ้อมกอดของเฉินจือหาน เธอรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย จึงพูดเสียงอ่อนว่า "จือหาน เมื่อวานคุณมาโรงพยาบาลได้ยังไง" ถ้าเมื่อวานจือหานมาช้ากว่านี้ เธอคงโดนบิดาตบหน้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ควรเป็นพ่อคนด้วยซ้ำ!"ฉันคิดถึงเธอ" เฉินจือหานจูบหน้าผากของหลินซิน "เลยไปหา"เฉินอวี้ลดแสงไฟในร ถรู้จักหน้าที่ของตัวเองดี จึงรีบยกฉากกั้นเบาะหลังลง เฉินจือหานพอใจมาก เดี๋ยวจะให้โบนัสเฉินอวี้สามเท่าเลย"ฉันก็คิดถึงคุณ จือหาน แต่เพราะฉันต้องจัดการเรื่องยุ่งๆ ของตระกูลจางให้เรียบร้อยก่อน""ให้ฉันจัดการให้ไหม""ไม่ได้จือหาน คนพวกนี้ฉันต้องจัดการเอง""ได้สิ ฉันตามใจภรรยาอยู่แล้ว จำไว้ว่าฉันคือภูเขาที่แข็งแกร่ง คอยอยู่ข้างหลังเธอเสมอ ถ้าไม่อยากจัดการเอาก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ" เฉินจือหานมองเธออย่างเอ็นดู ยกมือปัดผมของหลินซินสายตาของทั้งคู่ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น เฉินจือหานอดใจไม่ไหว จูบปากนุ่มๆ ของหลินซิน สอดลิ้นเข้าไปไปในปากของเธอ แลกความหวานในโพรงปาก หลินซินตอบสนองจูบของเขาเช่นกัน"อืม..." หลินซินครางในลำคอ โอบแขนรอบคอสามีดึงเขาเข้าหาตัวในชาติที่แล้วเธอเกลียดเขา เพียงเพราะเชื
หลินซินไม่สนใจการขัดขวางของเฉินเค่อและเฉินอวี้ เธอผลักประตูเปื้อนเลือดแล้วพุ่งเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นภาพสยดสยอง ภายในใจของเธอก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหว บอดี้การ์ดสิบกว่าคนถูกซัดจนล้มระเนระนาด ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่ขาดสาย บาดแผลบนร่างกายมีทั้งเล็กทั้งใหญ่ ชวนให้ผู้พบเห็นสะเทือนใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเปื้อนเลือด กำลังคลุ้มคลั่งเหมือนสติไม่อยู่กับตัว นั่นนคือเฉินจือหาน"จือหาน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง" น้ำเสียงของหลินซินสั่นเครือในเวลานี้ดวงตาของเฉินจือหานแดงก่ำ เขาไม่ได้ยินสิ่งที่หลินซินพูดเลย รู้เพียงว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของหลินซินพร่ามัวไปหมด คำพูดที่ดังอยู่ข้างหูก็ไม่ได้ยิน"เธอ...เป็นใคร" เฉินจือหานกัดฟันพูด"จือหาน ฉันหลินซิน ภรรยาที่คุณรักที่สุด...คุณจำไม่ได้แล้วเหรอ""ภ... ภรรยา"หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เฉินจือหานก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ แต่ในวินาทีต่อมา ใบหน้าของหลินซินก็เปลี่ยนไป... เป็นใบหน้าของคนที่เขาเกลียดที่สุด เป็นผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ!"จือหาน คุณเป็นอะไร..."แต่ก่อนที่หลินซินจะพูดจบ เฉินจือหานที
เช้าตรู่, คฤหาสน์ตระกูลเฉินแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างส่องลงบนเตียง ทำให้ห้องสว่างไสวด้วยสีทอง เฉินจือหานหลับไปทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา เขาเห็นหลินซินที่นอนหลับอยู่ข้างเตียง ก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้หลินซินรู้สึกตัวว่าคนข้างๆ ขยับตัวจึงลืมตาขึ้น เห็นสามีตื่นแล้วก็ดีใจมาก"จือหาน คุณตื่นแล้ว มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า"“ซินซิน ฉันไม่เป็นไรแล้ว" เฉินจือหานปลอบใจเธอเขามองภรรยาที่อยู่ตรงหน้า นึกถึงผู้หญิงที่มองไม่เห็นในฝัน ท่าทางและน้ำเสียงคล้ายคลึงกันมากทำให้เฉินจือหานเผลอคิดไปชั่วขณะอาจจะเป็นฝันร้ายกระมังเขาไม่อยากคิดมากให้ปวดหัว"ฉันทำเธอเหนื่อยใช่ไหม" เฉินจือหานลูบหน้าหลินซินแล้วดึงเข้ามากอดในอ้อมแขน พูดเบาๆ ว่า "เมื่อวาน...เธอกลัวรึเปล่า"หลินซินเงยหน้าขึ้นหัวเราะคิกคัก "ไม่กลัว จือหาน คุณไม่ใช่ปีศาจร้าย ฉันจะกลัวได้ยังไง""ขอบคุณนะภรรยาของฉัน" สีหน้าของเฉินจือหานสงบลงเล็กน้อย เดิมทีไม่ต้องการให้หลินซินเห็นเขาในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ กังวลว่าเธอจะตกใจและต่อต้าน หวาดหวั่นว่าเธอจะไม่รักเขาอีก ดังนั้นเมื่อเขาอาการกำเริบ ก็จะไปหลบที่ห้องใต้ดินแต่ปฏิกิริยาแรกของหลินซินเมื่อเห็นเขาในสภาพ
ในร้านกาแฟ หญิงสาวสองคนนั่งตรงข้ามกัน"เธอแน่ใจเหรอว่าหล่อนจะมา?""ฉันแน่ใจ ฉันไปหาหล่อนที่บ้านและขอร้องด้วยตัวเอง ไม่มีทางไม่มาหรอ"หลี่หลิงเจินที่นั่งอยู่ตรงข้ามถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำสีม่วงดำ จางเหยียนอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เธอไม่คิดว่าหลินซินจะลงมือทำร้ายอดีตแม่เลี้ยงหลี่หลิงเจินค่อยๆ เพิ่มแรงมือที่ถือแก้วไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ถึงเวลาแล้ว แผนของเราต้องไร้ที่ติ เราต้องทำให้หลินซินเสื่อมเสียชื่อเสียง!""ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเวลานั้นฉันจะได้เป็นสะใภ้รองของตระกูลฉิน ส่วนเธอจะได้เงินไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ เราทั้งคู่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ"ทั้งคู่สบตากันและยิ้ม คราวนี้พวกเธอจะทำให้หลินซินล่มจม! หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากร้านกาแฟ แต่ในมุมหนึ่งของร้านนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยที่ไม่ได้สั่งอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นชายคนนี้ เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน เมื่อพวกนั้นไปแล้วเขาจึงกดหูฟังบูลทูทเพื่อติดต่อบอส"หัวหน้า หลี่หลิงเจินและจางเหยียนอี้พบกันที่ร้านกาแฟ พวกเขาวางแผนที่จะจัดการกับคุณ"หลินซินยิ้มในขณที่พิงหน้าต่างบานใหญ่ "001 สืบ
ที่ชั้นสองห้องพักผ่อน จางเหยียนอี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หลับตาลงใบหน้าอันงดงามปรากฏรอยแดงจางๆ โดยเฉพาะแก้มข้างขวาที่บวมเล็กน้อย ในเวลานี้ผู้ช่วยสาวถือถุงน้ำแข็งเข้ามา แล้วประคบแก้มข้างที่บวมของจางเหยียนอี้"อุ๊ย..." จางเหยียนอี้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และด่าออกมาอย่างเจ็บใจ "ยายแก่ตายโหงนั่น มือหนักจริงๆ!"เมื่อมองดูตัวเองที่ดูโทรมในกระจก จางเหยียนอี้ก็ยิ่งเกลียดชังคุณนายฉินมากขึ้นไปอีกก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น"เข้ามา"พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามา โค้งคำนับเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ "คุณหนูจาง คนที่คุณให้ผมจัดการ…เรียบร้อยแล้วครับ""แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดพลาด?" จางเหยียนอี้ถามด้วยสีหน้ายินดี"ผมแน่ใจครับ คุณหนูจาง ตอนนี้คุณหนูไปตรวจสอบได้เลยครับ""รออะไรอยู่ล่ะ พาฉันไปสิ!!"จางเหยียนอี้รีบโยนถุงน้ำแข็งทิ้ง แล้วตามพนักงานชายออกจากห้องพักผ่อน ด้วยความรู้สึกภูมิใจเต็มเปี่ยม พนักงานชายที่นำทางไปข้างหน้า แววตาแฝงไปด้วยความมืดมน ในขณะเดียวกันในห้องน้ำหญิงข้างๆ พนักงานหญิงคนหนึ่งถูกมัดอยู่ในห้องน้ำ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายใน ขณะที่มือและเท้าถูกมัดด้วยเนคไทจนแน่น และมีผ้าอุดปากอยู่ ที่หน้าปร
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด