บทที่4
หลินซินฝันร้ายอีกครั้ง เธอฝันเห็นตัวเองถูกยิง และฝันเห็นจือหานจุดไฟเผาคฤหาสน์เพื่อพลีชีพตาม ฝันเหล่านี้ทำให้เธอหวาดกลัวจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก หายใจแรงและมีเหงื่อชุ่มใบหน้า ความเจ็บปวดจากการถูกยิงทำให้หวาดหวั่น นับตั้งแต่เกิดใหม่ก็ไม่เคยนอนหลับสนิทเลย สาเหตุหนึ่งคือความกลัวจากการถูกฆ่า อีกสาเหตุคือเธอเคยชินกับการที่จือหานนอนเคียงข้างทุกคืน
ไม่มีเขา หลินซินก็ไม่สามารถนอนหลับได้ แม้ว่าหลับก็จะฝันร้ายตลอด
ในชาติก่อนเพราะเธอเกลียดจือหาน จึงไม่ยอมรับว่ารักเขา และไม่ยอมเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง รู้ดีว่าจือหานมักจะมากอดเธอหลังจากที่หลับไปแล้ว เธอรู้ดี แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ กลัวว่าหากขยับตัวจะทำให้เขารู้และละมือออก เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็ชินกับการมีจือหานอยู่เคียงข้าง
หลินซินลุกจากเตียง เปิดประตูห้องและเดินไปที่ห้องของจือหาน
ที่บ้านตระกูลจง…
จงเซียนทุบทำลายข้าวของในห้องนั่งเล่นอย่างบ้าคลั่ง เศษเครื่องปั้นดินเผาและน้ำชากระจายเต็มพื้น คนรับใช้เห็นจงเซียนคลั่งก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม กลัวว่าตัวเองจะเป็นรายต่อไป ในเมื่อข้าวของที่พังเป็นของจนเซียน เธออยากจะทุบก็ให้ทุบไป เพราะมีเงินมากพอที่จะทำแบบนี้
“เซียนเอ๋อร์ เธอทำอะไรน่ะ? เสียงดังขนาดนี้ เดี๋ยวปู่ตื่นขึ้นมาจะทำยังไง?” จงหลิงลงมาจากชั้นสอง เห็นภาพนี้ก็อดตกใจไม่ได้
“แม่ จือหานจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว! แม่ให้หนูสงบสติอารมณ์ได้ยังไงล่ะ?” จงเซียนนั่งลงบนโซฟาแล้วโวยวายใส่จงหลิง
“เป็นเพราะเฉินจือหานตาไม่ถึง ลูกสาวแม่ดีขนาดนี้เขายังไม่เอา นี่เขาตาบอดจริงๆ ที่ไปแต่งกับผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเทียบลูกได้ อย่าโกรธเลยนะลูก” ผู้เป็นแม่ปลอบประโลมหวังให้จงเซียนใจเย็นลง แต่เธอกลับปัดแก้วน้ำจนแตก
“ทำไมล่ะ หนูไม่เหมาะสมตรงไหน ภรรยาของจือหานต้องเป็นหนูเท่านั้น!”
“เซียนเอ๋อร์ เลิกเพ้อเจ้อเถอะ พวกเขาจะจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ ลูกทำอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ไม่ใช่สามีของแม่ แม่ก็เลยไม่สนใจอะไรไง” จงเซียนมองแม่ด้วยสายตาไม่พอใจ “ยิ่งกว่านั้นถึงจะแต่งงานแล้วก็ยังหย่ากันได้ไม่ใช่เหรอ?”
จงหลิงเงียบไป เธอกลับไปที่ห้อง เรียกลูกน้องที่ไว้ใจที่สุด สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“กู้จือ แผนที่วางไว้เริ่มดำเนินการได้แล้ว”
“รับทราบ คุณหนู”
จงเซียนหันหลังให้กู้จือ จึงไม่เห็นแววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกนี้ต่อมาได้ทำร้ายตัวเธอเองอย่างคาดไม่ถึง
ห้องนอนจือหาน…
หลินซินเดินเข้าไปในห้องของจือหานท่ามกลางความมืด เธอไม่ต้องเปิดไฟก็รู้ตำแหน่งของเตียง จือหานนอนอยู่บนนั้น มีกลิ่นหอมบางอย่างลอยเข้ามา ทำให้เขารู้สึกแปลกความนุ่มนวลในอ้อมแขนจึงลืมตาตื่น
“คุณมาทำอะไร?” จือหานพูดเสียงต่ำ มองผู้หญิงที่เข้ามาในห้องกลางดึกด้วยความประหลาดใจ
“ฉันฝันร้าย ฉันกลัว นอนไม่หลับ” หลินซินมองจือหานด้วยสายตาเว้าวอน
“งั้นคืนนี้นอนที่นี่ ฉันจะอยู่ข้างๆ คุณจะได้ไม่กลัว” จือหานลูบหัวหลินซินปลอบใจ
ไม่รู้ทำไมเมื่อหลินซินเข้ามาในห้องและปีนขึ้นเตียง เขาไม่โกรธแต่รู้สึกสงสารเธอ ความรู้สึกนี้ทำให้ประหลาดใจ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงไล่ไปเลี้ยงหมาแล้ว
“จือหาน...” หลินซินมองชายหนุ่มตรงหน้า น้ำเสียงเริ่มอ่อนโยน
“ว่าไง?”
“ฉันขอกอดคุณได้ไหม?”
“ได้สิ”
จือหานตกใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบตกลง พวกเขาเพิ่งเจอกันครั้งแรกเองนะ? หลินซินโผเข้ากอดคนที่เธอรัก น้ำตาไหลเมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคย โชคดีจริงที่เธอยังได้เจอคนรักอีกครั้ง ความรู้สึกที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งมันมหัศจรรย์เกิดคาดคิด จือหานลูบหลังหลินซินปลอบใจเธอ แล้วกอดเธอแน่นขึ้น
ทันใดนั้นภาพหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดของเขา เป็นภาพหลินซินที่นอนตายบนเตียง อยู่ๆ ก็เกิดภาพหลอน แต่กลับรู้สึกเหมือนจริงมาก ความเจ็บปวดในใจทำให้เขาตื่นตระหนก ทำไมถึงรู้สึกว่าเขารู้จักหลินซินนานแล้ว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเอง
“หลินซิน ก่อนหน้านี้เรา...เคยเจอกันไหม?”
“ถ้าบอกว่าเราเป็นคนรักกันในชาติก่อน จือหาน…คุณเชื่อไหม”
จือหานไม่ได้ตอบเธอจึงเงยหน้าจ้องมองเขา ไม่อาจระงับความรู้สึกรักและคิดถึงที่ล้นเอ่อล้นได้ ในชาติก่อนเธอถูกบังคับให้มาอยู่กับตระกูลเฉิน แต่ในชาตินี้เธอเลือกที่จะมาเอง เธอต้องการชดเชยความรักทั้งหมดที่เคยมีต่อจือหาน
คิดได้เช่นนี้หลินซินก็โอบคอเขาและจูบอย่างลืมตัว ผ่านไปหลายวินาทีเธอจึงสังเกตเห็นว่า ร่างกายของเขาแข็งทื่อใบหน้าดูเคร่งเครียด เธอไม่รู้ว่าจือหานก็รับรู้ถึงความรู้สึกนี้เช่นกัน เขาจึงทำอะไรไม่ถูก
หลินซินคิดว่าทำให้จือหานโกรธ จึงหยุดการกระทำที่เกินเลย และไม่กล้าขยับ อาจเพราะเธอรีบเกินไป หากชายหนุ่มไม่พอใจจะทำอย่างไรดี แต่เธอประเมินความรักของจือหานที่มีต่อเธอต่ำไป ไม่ว่าจะเป็นในชาติก่อนหรือในชาตินี้
“ขอโทษค่ะ ฉัน...ฉันกลับไปนอนห้องตัวเองดีกว่า”
หลินซินลุกขึ้นเตรียมจะไป แต่เมื่อคนในอ้อมแขนของเขาพยายามหนี เขาก็รู้สึกหวิวใจ และรีบคว้าหลินซินกลับมาในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ฉันอนุญาตให้เธอไปแล้วหรือ? จูบคนอื่นเขาต้องรับผิดชอบนะ หลินซิน”
เธอหยุดนิ่งในอ้อมกอดของจือหาน ปล่อยให้ลมหายใจอุ่นของเขาล้อมรอบร่างกาย ร่างใหญ่ของเขาจูบซอกคอเธอ ทำให้ใจเธอสั่นระริกใบหน้าของแดงก่ำ
“เมื่อกี้ทำเป็นกล้าทำไมตอนนี้ไม่ขยับแล้ว?” จือหานเย้าแหย่
เธอไม่กล้าขยับจริงๆ เพราะเธอรู้สึกได้ว่าจือหานมีปฏิกิริยา หากเธอขยับอีกนิด เธอคงจะโดนกินสดๆ จือหานไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาพลิกตัวกดหลินซินลงบนเตียง ร่างกายของทั้งคู่มีเพียงชุดนอนบางๆ ที่คั่นไว้ ความร้อนของร่างกายที่แนบชิดกันทำให้ทั้งคู่รู้สึกเดือดพล่านหลินซินถูกกดบนเตียง มือของเธอถูกกดไว้ข้างใบหู จึงไม่สามารถขยับได้ เส้นผมของเธอกระจายอยู่รอบๆ และปล่อยให้เขาจูบเธออย่างลึกซึ้ง แล้วเธอก็จูบตอบ ความรู้สึกทั้งหวานและเร่าร้อน
จือหานค่อยๆ ถอดชุดนอนลูกไม้ของเธอ มือของเขาลูบไล้ผิวเนียนทีละนิด จนเหลือเพียงชุดชั้นในบรรยากาศในห้องยิ่งร้อนแรงขึ้น การเล้าโลมของเขาทำเอาเธอสติกระเจิงเนื้อตัวเหลวเหมือนเนย พร้อมละลายเมื่อสัมผัสกับความเร่าร้อนของเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลินซินตื่นขึ้นมาและสังเกตว่าข้างกายเธอว่างเปล่า ก้มลงมองรอยจูบบนและก็ถอนหายใจ ไม่ว่าจะในชาติก่อนหรือในชาตินี้ จือหานก็ยังคงทั้งดุและเร่าร้อน
จือหานนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ เพลิดเพลินกับเช้าอันสงบ ท่านปู่ของเขาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มองดูหลานชายของตนด้วยความไม่พอใจ
“จือหาน ทำไมตื่นเช้าจังไม่อยู่กับหลินซินให้นานกว่านี้?”
“เป็นเพราะคุณปู่ตื่นเช้าเกินไป?” จือหานถามกลับ
“หลานคนนี้จะทำให้ปู่โมโหตายเลยหรือไง” ท่านปู่ใช้ไม้เท้าทุบพื้นด้วยความโกรธ จือหานปกติไม่ค่อยพูดกับเขา แต่พอพูดก็ทำให้ปู่โมโหจนแทบคลั่ง
หลินซินลงมาจากชั้นบนและเห็นฉากที่ปู่หลานกำลังโต้เถียงกัน เธออดหัวเราะไม่ได้จือหานหันไปทางซ้าย ท่านปู่หันไปทางขวาเป็นภาพที่ช่างกลมเกลียวกันจริงๆ
“คุณปู่... ทำไมถึงมาแต่เช้าเลยคะ?” หลินซินเดินไปหาท่านปู่
“โอ้ คุณหนูจาง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่บ้านตระกูลเฉิน ปู่ต้องมาดูให้แน่ใจว่าหลานชายของปู่ไม่ได้แกล้งเธอ” ท่านปู่หันไปมองจือหานด้วยสายตาดุ
“ไม่มีแน่นอนค่ะคุณปู่ จือหานดูแลหนูดีมาก”
ท่านปู่มองเห็นรอยจูบรอบคอของหลินซินและเข้าใจทันที เขาหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจไม่ผิดหวังเลยจริงๆ หลานชายของเขาเชี่ยวชาญจริงๆ ดี ดีมาก
“ท่านปู่ คุณหนู อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ” สุนอี๋มองดูภาพที่แสนสุขนี้ด้วยความดีใจ เธอจึงรีบจัดเตรียมอาหารเช้าให้เร็วขึ้น
“หิวหรือยัง เราไปทานอะไรกันเถอะ” จือหานจับมือหลินซิน และพาเธอไปที่โต๊ะอาหารด้วยความเอ็นดู
“ชีวิตปู่ช่างรันทดนัก รีบออกมาตั้งแต่เช้า แต่กลับถูกหลานชายทิ้งไว้ไม่มีใครสนใจ” ท่านปู่พูดอย่างน้อยใจ
จือหานในตอนนี้ไม่มีปู่ในสายตาแล้ว
“ไม่หรอกค่ะคุณปู่ จือหานยังคงห่วงใยคุณปู่ หนูก็อยู่ตรงนี้ด้วยไงคะ” หลินซินเข้ามาพยุงท่านปู่ไปที่โต๊ะอาหาร
ท่านปู่ยิ้มและไม่ทำท่าทางน่าสงสารเหมือนก่อนหน้า จากนั้นทั้งเขาและจือหานก็นั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน
นี่เป็นวันที่แสนสุขที่สุดในคฤหาสน์ตระกูลเฉิน ใบหน้าของคนรับใช้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม บรรยากาศอันเงียบเหงาในคฤหาสน์ก็บรรเทาลงอย่างมาก
ขอกำลังใจจากนักอ่าน ช่วยกันกดเข้าชั้นด้วยนะคะ
สวนดอกไม้บ้านตระกูลเฉิน…แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบลงมาบนตัว สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ลมพัดเบาผ่านด้านของหลินซินและพี่เหวินสาวใช้ที่คอยติดตาม เธอให้คนสวนหากุหลาบหลายต้นมาวางเรียงไว้ในบริเวณ เพื่อเตรียมพรรณไม้ปลูกลงดินด้วยตัวเอง เคยชอบกุหลาบยังไงก็ยังชอบอย่างนั้น หญิงสาวจะเนรมิตสวนกุหลาบเหมือนในชาติก่อนอีกครั้ง"นายหญิง ถ้าคุณชอบดอกกุหลาบจริงๆ ทำไมไม่ให้คนอื่นมาปลูก คุณอย่าลงมือทำเองเลยนะคะ แดดร้อนเดี๋ยวผิวจะเสีย" แม่บ้านเหวินยิ้มอย่างอ่อนโยน กล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง งานสวนแบบนี้เจ้านายควรยืนสั่งการอยู่เฉยๆ"พี่เหวิน ก่อนหน้านี้ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า ถ้าชอบอะไรต้องทำเอง เหมือนเวลาเรารักใครก็ต้องรักเอง จะได้ไม่ต้องมานึกย้อนเสียใจในภายหลัง""คุณพูดดีจริงๆ นายหญิง” สาวใช้เหวินรู้สึกว่านายหญิงเป็นคนที่รู้จักให้ความสำคัญ และเป็นคนดีที่สุดที่เคยพบ จึงเริ่มชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆหลินซินผูกกระโปรงของเธอขึ้น แล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไปในสวนเพื่อฝังเมล็ดดอกไม้ สาวใช้ยังคงยืนที่ข้างๆ ถือร่มบังแดดที่ตัวนายหญิงไม่ให้ถูกแดดเผาเสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้น…เป็นเสียงพิเศษที่หลินซินตั้งไว้ เพื
ผิวขาวของจงเสียนแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เธอพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "อาชิง ตอนนี้คุณทำไมเย็นชากับฉันนัก เป็นเพราะคุณแต่งงานกับผู้หญิงไร้ค่าคนนั้นแล้วใช่ไหม...""หุบปาก เธอไม่มีสิทธิ์พูดถึงภรรยาของฉัน"เฉินจือหานตวาดเสียงเข้ม ดวงตาของเขาเย็นชาขึ้น มีความโกรธแฝงอยู่เล็กน้อย ส่งสายตาเตือนจงเสียน เธอกัดริมฝีปากล่าง มือทั้งสองกำแน่น ตัวสั่นเล็กน้อย ความเกลียดชังต่อหลินซินเพิ่มขึ้นอีก แต่เธอปรับอารมณ์กลับมายิ้มได้อีกครั้ง"อาชิงช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม" เสียงหัวเราะของเธอดูไม่จริงใจ แสร้งทำเป็นคนอ่อนหวานโดยไม่สนใจสายตาที่รังเกียจของเขาเพื่อนสนิททั้งสองคนมองอย่างเอือมระอา รู้สึกอายแทนผู้หญิงอะไรหน้าด้านหน้าทน ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินจือหานมองว่าเป็นเพื่อนเก่า จงเสียนคงโดนกำจัดไปนานแล้ว"เจี้ยนโจว คุณหัวเราะอะไร?""จงเสียน คุณยังคิดถึงเฉินจือหานแม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้ว คุณนี่ไม่อายจริงๆ เลย""คุณ! คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?!"จงเสียนลุกขึ้นด้วยความโกรธ ขว้างกระเป๋าไปทางเจี้ยนโจว"พอแล้วๆ เราเป็นเพื่อนกัน จะทะเลาะกันทำไม" อู๋เซิงเข้ามาห้ามทัพ เขาห้ามก็เพียงเพราะจงเสียนเสียงดังเกินไปที่ห้องประมูล
เมื่อเรื่องคลี่คลายเพื่อนสนิททั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัว เฉินจือหานจับมือเล็กๆ ของจางหลินซินพาเธอเดินกลับเข้าไปในห้อง VIP ที่ทางผู้จัดการจัดเตรียมไว้ให้“หลินซิน ทำไมเธอถึงเดินตามลำพัง บอดี้การ์ดไปไหน?”เขาคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน รู้ว่าเธออยากมาด้วยตัวเอง จึงไม่อยากขัดขวางความสนุกของภรรยา แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงจ้างบอดี้การ์ดคอยคุมครองดูแล ส่วนเขาแยกออกไปนั่งกับเพื่อนๆ เพื่อให้หลินซินมีความเป็นส่วนตัว เพราะเขาและเธอยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่“จือหาน ฉันแค่รู้สึกว่ามันน่าจะปลอดภัย” หลินซินโกหกหน้าตาย เธอบอกไม่ได้ว่าเธอมาทำภารกิจ ถ้าสามีของเธอรู้ว่ามีอาณาจักรลับใต้ดิน และทำภารกิจอันตรายทุกวัน เขาคงไม่ยอมให้เธอออกจากบ้านแน่ๆ“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ เข้าใจไหม? ถ้ามีอะไรก็บอกฉัน ฉันจะไปกับเธอเอง”“ฉันเข้าใจแล้ว จือหานฉันสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ทำแบบนี้อีก” หลินซินกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษและออดอ้อนเล็กน้อยเฉินจือหานใจอ่อนไม่ต่อว่าอะไรเธออีก ยามเธอออดอ้อนแบบนี้เขารู้คุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนกับว่าเคยใช้ชีวิตด้วยกันมาแล้วหลายปี แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของหลินซินดังขึ้น ดึงความคิดกลับมา“จ
"จางหลินซิน เธอพูดอะไร…ฉะ ฉัน ไม่ได้…"หลี่หลิงเจินเปลี่ยนท่าทีไปจากเดิม เชิดหน้าขึ้นแล้วเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ในตอนแรกไม่เชื่อคำพูดลูกน้องที่บอกว่าในรถมีเพียงจางหลินซินและชายแปลกหน้าคนหนึ่ง โดยไม่มีบอดี้การ์ดของเฉินจือหาน เธอจึงสั่งการให้ลงมือฆ่าเพราะคิดว่ายังไงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหลินซินคงไม่มีทางรอดได้แน่นอนแต่ทำไมเธอถึงรอดมาได้ล่ะ?!"หลี่หลิงเจิน จงใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่า เพราะวันดีๆ ของเธอคงเหลือไม่มากแล้ว เพราะฉันจะทวงคืนทุกสิ่งที่เธอเคยทำกับฉันทีละน้อย" จางหลินซินก้าวเข้ามาบีบคอหลี่หลิงเจิน ออกแรงเพิ่มทีละนิดทำให้ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขาดอากาศหายใจและพูดไม่ออกในเวลานี้บรรยากาศเย็นยะเยือกถึงขีดสุด ดวงตาของจางหลินซินเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น หลี่หลิงเจินกลัวจนพูดไม่ออก เธอจึงปล่อยมือแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ทิ้งให้หลี่หลิงเจินนั่งหายใจเฮือกๆ อยู่บนพื้นโดยไม่แม้แต่จะมอง หลี่หลิงเจินทรุดตัวลงนั่งบนกระเบื้องยังช็อคไม่หายเธอเกือบถูกบีบคอตาย...น่ากลัวจริงๆ จางหลินซินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เส้นเลือดในสมองของหลี่หลิงเจินเหมือนจะระเบิดแตก มือและเท้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง————คฤหาสน์ตระกูลเฉิ
ถนนวงแหวนรอบเขาภายในรถโรลส์-รอยซ์ หลินซินซบอยู่ในอ้อมกอดของเฉินจือหาน เธอรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย จึงพูดเสียงอ่อนว่า "จือหาน เมื่อวานคุณมาโรงพยาบาลได้ยังไง" ถ้าเมื่อวานจือหานมาช้ากว่านี้ เธอคงโดนบิดาตบหน้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ควรเป็นพ่อคนด้วยซ้ำ!"ฉันคิดถึงเธอ" เฉินจือหานจูบหน้าผากของหลินซิน "เลยไปหา"เฉินอวี้ลดแสงไฟในร ถรู้จักหน้าที่ของตัวเองดี จึงรีบยกฉากกั้นเบาะหลังลง เฉินจือหานพอใจมาก เดี๋ยวจะให้โบนัสเฉินอวี้สามเท่าเลย"ฉันก็คิดถึงคุณ จือหาน แต่เพราะฉันต้องจัดการเรื่องยุ่งๆ ของตระกูลจางให้เรียบร้อยก่อน""ให้ฉันจัดการให้ไหม""ไม่ได้จือหาน คนพวกนี้ฉันต้องจัดการเอง""ได้สิ ฉันตามใจภรรยาอยู่แล้ว จำไว้ว่าฉันคือภูเขาที่แข็งแกร่ง คอยอยู่ข้างหลังเธอเสมอ ถ้าไม่อยากจัดการเอาก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ" เฉินจือหานมองเธออย่างเอ็นดู ยกมือปัดผมของหลินซินสายตาของทั้งคู่ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น เฉินจือหานอดใจไม่ไหว จูบปากนุ่มๆ ของหลินซิน สอดลิ้นเข้าไปไปในปากของเธอ แลกความหวานในโพรงปาก หลินซินตอบสนองจูบของเขาเช่นกัน"อืม..." หลินซินครางในลำคอ โอบแขนรอบคอสามีดึงเขาเข้าหาตัวในชาติที่แล้วเธอเกลียดเขา เพียงเพราะเชื
หลินซินไม่สนใจการขัดขวางของเฉินเค่อและเฉินอวี้ เธอผลักประตูเปื้อนเลือดแล้วพุ่งเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นภาพสยดสยอง ภายในใจของเธอก็จมดิ่งลงสู่ก้นเหว บอดี้การ์ดสิบกว่าคนถูกซัดจนล้มระเนระนาด ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่ขาดสาย บาดแผลบนร่างกายมีทั้งเล็กทั้งใหญ่ ชวนให้ผู้พบเห็นสะเทือนใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเปื้อนเลือด กำลังคลุ้มคลั่งเหมือนสติไม่อยู่กับตัว นั่นนคือเฉินจือหาน"จือหาน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง" น้ำเสียงของหลินซินสั่นเครือในเวลานี้ดวงตาของเฉินจือหานแดงก่ำ เขาไม่ได้ยินสิ่งที่หลินซินพูดเลย รู้เพียงว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของหลินซินพร่ามัวไปหมด คำพูดที่ดังอยู่ข้างหูก็ไม่ได้ยิน"เธอ...เป็นใคร" เฉินจือหานกัดฟันพูด"จือหาน ฉันหลินซิน ภรรยาที่คุณรักที่สุด...คุณจำไม่ได้แล้วเหรอ""ภ... ภรรยา"หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เฉินจือหานก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ แต่ในวินาทีต่อมา ใบหน้าของหลินซินก็เปลี่ยนไป... เป็นใบหน้าของคนที่เขาเกลียดที่สุด เป็นผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ!"จือหาน คุณเป็นอะไร..."แต่ก่อนที่หลินซินจะพูดจบ เฉินจือหานที
เช้าตรู่, คฤหาสน์ตระกูลเฉินแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างส่องลงบนเตียง ทำให้ห้องสว่างไสวด้วยสีทอง เฉินจือหานหลับไปทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา เขาเห็นหลินซินที่นอนหลับอยู่ข้างเตียง ก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้หลินซินรู้สึกตัวว่าคนข้างๆ ขยับตัวจึงลืมตาขึ้น เห็นสามีตื่นแล้วก็ดีใจมาก"จือหาน คุณตื่นแล้ว มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า"“ซินซิน ฉันไม่เป็นไรแล้ว" เฉินจือหานปลอบใจเธอเขามองภรรยาที่อยู่ตรงหน้า นึกถึงผู้หญิงที่มองไม่เห็นในฝัน ท่าทางและน้ำเสียงคล้ายคลึงกันมากทำให้เฉินจือหานเผลอคิดไปชั่วขณะอาจจะเป็นฝันร้ายกระมังเขาไม่อยากคิดมากให้ปวดหัว"ฉันทำเธอเหนื่อยใช่ไหม" เฉินจือหานลูบหน้าหลินซินแล้วดึงเข้ามากอดในอ้อมแขน พูดเบาๆ ว่า "เมื่อวาน...เธอกลัวรึเปล่า"หลินซินเงยหน้าขึ้นหัวเราะคิกคัก "ไม่กลัว จือหาน คุณไม่ใช่ปีศาจร้าย ฉันจะกลัวได้ยังไง""ขอบคุณนะภรรยาของฉัน" สีหน้าของเฉินจือหานสงบลงเล็กน้อย เดิมทีไม่ต้องการให้หลินซินเห็นเขาในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ กังวลว่าเธอจะตกใจและต่อต้าน หวาดหวั่นว่าเธอจะไม่รักเขาอีก ดังนั้นเมื่อเขาอาการกำเริบ ก็จะไปหลบที่ห้องใต้ดินแต่ปฏิกิริยาแรกของหลินซินเมื่อเห็นเขาในสภาพ
ในร้านกาแฟ หญิงสาวสองคนนั่งตรงข้ามกัน"เธอแน่ใจเหรอว่าหล่อนจะมา?""ฉันแน่ใจ ฉันไปหาหล่อนที่บ้านและขอร้องด้วยตัวเอง ไม่มีทางไม่มาหรอ"หลี่หลิงเจินที่นั่งอยู่ตรงข้ามถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำสีม่วงดำ จางเหยียนอี้รู้สึกประหลาดใจมาก เธอไม่คิดว่าหลินซินจะลงมือทำร้ายอดีตแม่เลี้ยงหลี่หลิงเจินค่อยๆ เพิ่มแรงมือที่ถือแก้วไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ถึงเวลาแล้ว แผนของเราต้องไร้ที่ติ เราต้องทำให้หลินซินเสื่อมเสียชื่อเสียง!""ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเวลานั้นฉันจะได้เป็นสะใภ้รองของตระกูลฉิน ส่วนเธอจะได้เงินไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ เราทั้งคู่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ"ทั้งคู่สบตากันและยิ้ม คราวนี้พวกเธอจะทำให้หลินซินล่มจม! หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากร้านกาแฟ แต่ในมุมหนึ่งของร้านนั้น มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยที่ไม่ได้สั่งอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นชายคนนี้ เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน เมื่อพวกนั้นไปแล้วเขาจึงกดหูฟังบูลทูทเพื่อติดต่อบอส"หัวหน้า หลี่หลิงเจินและจางเหยียนอี้พบกันที่ร้านกาแฟ พวกเขาวางแผนที่จะจัดการกับคุณ"หลินซินยิ้มในขณที่พิงหน้าต่างบานใหญ่ "001 สืบ
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป
หลังสถานการณ์สงบลงมีเสียงปิดประตูดังขึ้น เฉินอวี้ออกไปแล้ว เหลือเพียงเฉินจือหานนั่งดื่มเหล้าอยู่ในห้องทำงาน หนึ่งแก้ว…แล้วอีกแก้ว ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเตรียมจะไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ หลินซินก็รีบกลับไปที่ระเบียงของห้องนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง หลินซินรู้สึกไม่สบายใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใจร้อน แต่เรื่องที่เฉินจือหานถูกพิษ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก ตราบใดที่มาดามหมิงยังอยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน การที่จือหานต้องอยู่ภายใต้การข่มขู่ของเธอเป็นเวลาหนึ่งวัน ทำให้มาดามหมิงเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของลูกชาย การฆ่าคนง่าย แต่การฆ่าคนที่สามารถจับจุดอ่อนของตนได้มันยากมากหลินซินหยิบโทรศัพท์พิเศษออกมา และโทรหาหมายเลข 001“ไปตรวจสอบบุคคลที่ชื่อว่า หมิงฉวน ฉันต้องการให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดของหล่อนอย่างละเอียด ใช่, มันสำคัญมาก”สั่งเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง เธอกลับไปนอนบนเตียงและห่มผ้าห่ม…แต่ลืมตาตื่นตลอดทั้งคืนเช้าวันถัดมาหลินซินตื่นขึ้นและพบว่า ฉินจือหานไม่ได้กลับมาที่ห้องนอน เขาอยู่ที่ห้องทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยขวดเหล้า จึงสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด หลายวันผ่านไปหลินซินไม
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงชายหนุ่มที่เย็นเยียบดังขึ้นมาดามหมิงหยุดมือ ซ่อนเจตนาฆ่าที่เพิ่งแสดงออกเมื่อสักครู่ กลับมามีท่าทางใจดีอีกครั้งเมื่อมองลูกชาย เขาเดินมาจากสวนไกลๆ เห็นหลินซินถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนสนามหญ้า ลมหนาวพัดผ่านผมของเธอ เขาโกรธสุดขีด ผู้หญิงของเขาไม่เคยต้องทนความอับอายแบบนี้!ปัง!เฉินจือหานหยิบปืนออกมา ยิงบอดี้การ์ดชาวต่างชาติสองคนที่กักขังหลินซินทันที ทั้งสองมีรูเลือดดำทมึนที่หัวล้มลงกับพื้นทันที หลินซินไม่มีที่พึ่งก็ล้มลงบนสนามหญ้า เฉินจือหานเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วกอดภรรยาไว้ ใส่เสื้อคลุมให้เธอเมื่อเห็นเศษแก้วบนขาของหลินซินแ ละมือที่แดงจากการถูกน้ำร้อนลวก เฉินจือหานก็แทบเป็นบ้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธรุนแรงพุ่งเป้ามองไปที่คุณนายหมิง “คุณกล้าแอบทำร้ายผู้หญิงของผม! หมิงฉวน!” ปลายกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากมาดามหมิง หล่อนไม่หลบไม่หนี ยังคงมีท่าทางใจดีเหมือนเดิม“อาจือ ทำแบบนี้แม่จะเสียใจนะ” แกล้งร้องไห้และปล่อยน้ำตาหยดสองหยด“มันสมควรแล้วไหม แต่เดิมคุณซ่อนตัวอยู่ต่างประเทศ อยู่ไปจนตายก็ไม่มีใครสน แต่เมื่อกลับมาผมจะส่งคุณลงนรก ผลของการทำร้ายผู้หญิงของผมคือความตาย
ไม่นานนักม้าพันธุ์เผือกชื่อ ทาเสวี่ย ถูกนำตัวมา เป็นม้าสีขาวทั้งตัวมีเพียงกีบเท้าทั้งสี่ที่เป็นสีน้ำตาล เป็นม้าพันธุ์ดี มีความเร็วและความอึดสูง เป็นพันธุ์ที่หายากมาก"คุณผู้หญิง ทาเสวี่ยมาแล้วค่ะ" แม่บ้านซุนส่งสายบังเหียนให้หลินซิน"ดี" หลินซินรับสายบังเหียน ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังพาตัวจงเซียนไปที่ประตูใหญ่ หลินซินก็สั่งให้หยุด"ปล่อยเธอ" หลินซินสั่ง"ปล่อย ปล่อยฉัน” เมื่อบอดี้การ์ดปล่อยตัว จงเซียนก็สะบัดมือออกทันที"ฉันจะให้โอกาสเธอ ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งนี้มากนัก หากวันนี้เธอสามารถทำให้ทาเสวี่ยเชื่องต่อหน้าทุกคนได้ ฉันจะยกตำแหน่งให้เธอเลย เป็นไง?""เธอไม่ได้หลอกใช่ไหม?" จงเซียนไม่แน่ใจ"พูดคำไหนคำนั้น"หลินซินยื่นสายบังเหียนให้จงเซียน พร้อมทำท่าทางเหมือนว่าถ้าพูดโกหกจะตายทันที"แค่ม้าตัวเดียวเอง รอดูได้เลย!"จงเซียนรับสายบังเหียน แล้วขึ้นม้าทันที ตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเข้าร่วมการแข่งมาหลายครั้ง การทำให้ม้าเชื่องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ เมื่อขึ้นม้าแล้วก็หันไปมองหลินซินด้วยสายตาท้าทาย"แต่ถ้าเธอแพ้ เธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ทันที และห้ามเข้ามาอีก""ยังมีเวลาเปลี่ยนใจนะ" คำพูดของหลินซินทำให้
ผู้ชายดูดีที่สุดเมื่อไหร่ แน่นอนว่าเมื่อเขายืนอยู่ข้างภรรยาโดยไม่มีเงื่อนไข! ผู้ชายที่รักภรรยามากควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเฉินจือหานความรักและความเอาใจใส่ ที่หลินซินได้รับต้องมาจากเขาเท่านั้น พร้อมแสดงความรักที่มีต่อภรรยาให้ทุกคนเห็นโดยไม่มีเงื่อนไข หลินซินในอ้อมกอดของเฉินจือหานมีความสุขมาก ยิ้มจนเกือบถึงหูมาดามหมิงลงมาจากชั้นสาม เห็นคนรับใช้พากันคุกเข่าและคราบเลือดบนพื้นก็ขมวดคิ้ว "คุณปู่ของเธอไม่เกลียดการฆ่าคนในบ้านหรอกเหรอ?""นี่คือบ้านของผม ใครจะตายไม่ใช่เรื่องที่คุณมีสิทธิ์ยุ่งโดยเฉพาะคุณ อย่ายุ่งเรื่องของผมให้มากนัก" เฉินจือหานหัวเราะเย็นชา"จือหาน... เธอ" มาดามหมิงพูดไม่ออก โกรธจนต้องบีบที่จับบันไดอย่างแรง ไม่คิดว่าเฉินจือหานที่ไม่ได้เจอกันสิบปี จะมีนิสัยแข็งกร้าวขนาดนี้ กล้าต่อกรกับเธอแล้ว“ทำไมคุณถึงอยู่ที่ชั้นสาม นั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ”คำถามง่ายๆ ของหลินซิน ทำลายบรรยากาศในตอนนั้น ห้องของเธอกับเฉินจือหานอยู่ที่ชั้นสาม เพื่อความเป็นส่วนตัวปกติจะอนุญาตให้แม่บ้านซุน เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้น คนรับใช้คนอื่นๆ สามารถทำงานได้เฉพาะที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
อาการบาดเจ็บของเฉินจือหานไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจากตรวจเสร็จเขาก็สั่งให้เฉินอวี้เก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน ในระหว่างการตรวจ เฉินจือหานยืนกรานที่จะกอดภรรยาเอาไว้ ไม่ว่าจะตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ทั้งหมดเขาต้องมีหลินซินอยู่ข้างๆ ด้วย มิฉะนั้นจะไม่ยอมให้ตรวจพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความประทับใจ พวกเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภรรยาของคุณเฉินช่างโชคดีจริงๆ “คุณเฉิน ถ้าไม่มีกิจกรรมที่รุนแรงและไม่ทำให้แผลเปิด ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ” หมอแจ้งอาการเมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว“รวมถึงเรื่องบนเตียงด้วยไหม?” เฉินจือหานถามขึ้นหลินซินฟังแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่หมอมีประสบการณ์มาก จึงเพียงไอเบาๆ และตอบว่า “ตราบเท่าที่ไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่มีปัญหาครับ”“ได้ยินไหมที่รัก ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะ” เฉินจือหานกอดหลินซินแล้วขบหูเธอเบาๆ“คุณก็ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ จือหาน” หลินซินทุบหน้าอกเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยเสียงอ้อนๆหลังจากการตรวจเสร็จ เขาก็กอดภรรยาเดินออกจากโรงพยาบาลไปที่ลานจอดรถ ทุกคนคิดว่าเฉินจือหานแสดงความคลั่งรักแบบสุดใจ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก ที่เมื่อวานเขาทำให้เธอบาด