หลิวซินเยว่พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏเป็นเพดานห้องหรูหรา ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีแดงฉูดฉาด เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายมังกร และโคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ ทุกอย่างดูแพงเว่อร์วังอลังการงานสร้าง
"ที่... ที่นี่มันที่ไหนกัน" เธอพึมพำเบาๆ อยู่ในใจ เสียงแหบพร่าราวกับไม่ได้ใช้งานมานาน
หลิวซินเยว่เบิกตากว้าง หัวใจเต้นระรัว ภาพตรงหน้าทำให้เลือดในกายเย็นเยียบจนแทบแข็ง ร่างกายของเธอ...ไม่ใช่มันไม่ใช่ร่างกายของเธอ ร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ กลับกลายเป็นหญิงสาวบอบบาง ดูนุ่มนิ่มผิวพรรณขาวผ่องราวกับหยวกกล้วย เรือนร่างบอบบางอรชรอ้อนแอ้น
แต่...มันไม่ใช่ร่างของเธอ
หลิวซินเยว่ผู้เป็นถึงมาสายลับสาว เจ้าของฉายา 'กุหลาบเพลิง' ผู้มีใบหน้าสวยเฉี่ยว ดวงตาเฉี่ยวคมดุจเหยี่ยว เรือนร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบ กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงสาวบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!" หลิวซินเยว่สบถลั่น ความรู้สึกสับสน ตกใจ และหวาดกลัว ประดังประเดเข้ามาในหัวพร้อมๆ กัน
ความทรงจำสุดท้ายของเธอก่อนจะหมดสติไป เธอโดนหลี่เจี้ยนชายคนรักยิงตรงกลางหัวใจอย่างโหดเหี้ยม แล้วเธอก็เสียชีวิตคาที่ทันที แล้วเหตุใด... เธอถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ ในขณะที่เธอครุ่นคิด ทันใดนั้นเธอดูสึกเสียววูบขึ้นมาทันที
"แต่... เดี๋ยวก่อน นั่นมันอะไร ทำไมมีคนอยู่บนร่างของเธอ" เธอที่มัวแต่สำรวจตัวเอง เลยมองไม่เห็นชายหนุ่มตรงหน้า หลิวซินเยว่จ้องมองคนบนร่างเธออย่างพิจารณา
เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีหล่อเหลาพอๆ กับพระเอกซีรีส์ สูงร่างสูงโปร่งกำยำเขาเปลือยกายอยู่ กล้ามท้องเขาเป็นมัดๆ ผิวสีแทนคมเข้ม กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะเขาคร่อมร่างเธออยู่พร้อมกระแทกกระทั้นแก่นกายเข้ามาในตัวเธอ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคาย แต่แววตาดุดันราวกับสัตว์ป่า กำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก หลิวซินเยว่แทบหยุดหายใจ
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย" เธอกรีดร้องลั่นอยู่ในใจ ก่อนจะรู้สึกถึงความเจ็บแปลบแล่นริ้วไปทั่วร่างกาย ราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหยกๆ
สายตาของเธอไล่มองไปรอบๆ ห้อง พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคราบรัก... ที่บ่งบอกว่าไม่ใช่แค่รอบเดียวที่เธอมีอะไรกับชายคนนี้
"ซี๊ด...ทำไมมันแน่นอย่างนี้" หวังหย่งเจี๋ยครางเสียงต่ำ พลางขบเม้มซอกคอขาวเนียนของหญิงสาวอย่างหลงใหล เรือนร่างบอบบางใต้ร่าง บัดนี้ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด เผยให้เห็นผิวพรรณละเอียดอ่อน ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ดิบในตัวเขาให้พลุ่งพล่าน
"โอ้ มาย ก็อด นี้ฉันกำลังโดนผู้ชายเปิดซิงอยู่ใช่ไหม" หลิวซินเยว่แทบอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของร่างเดิมจะตายคาอกผู้ชายคนนี้ พ่อคุณเล่นจัดหนักจัดเต็มขนาดนี้ ใครจะไปทนไหว
ท่ามกลางความปั่นป่วน หลิวซินเยว่พยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจาย ทำไม...เธอถึงมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ และที่สำคัญ ร่างกายนี้...ไม่ใช่ร่างกายของเธอ
ทันใดนั้น ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ไหลบ่าเข้ามาในหัวของเธอราวกับเขื่อนแตก เธอคือ "หลิวซินเยว่" ลูกสาวช่างตัดเสื้อธรรมดาที่มีฐานะปานกลาง ที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองหลวงแห่งนี้ เมื่อคืนเธอไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย ด้วยความที่ไม่เคยแตะต้องแอลกอฮอล์มาก่อน แค่เพียงแก้วเดียวก็ทำให้เธอเมาได้ เธอจึงขอตัวเพื่อนๆ ไปเข้าห้องน้ำ แต่ระหว่างทางขากลับเธอเดินชนเข้ากับชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่ดูมึนเมาก่อนที่เขาจะลากตัวเธอออกจากร้านอาหาร และมาจบในสถานที่แห่งนี้
หวังหย่งเจี๋ยผละออกจากร่างบางหลังเสร็จกิจรอบที่เท่าไหร่เขาก็จำไม่ได้ เพราะยาปลุกเซ็กส์ที่เขาโดนวางยาค่อนข้างแรงเหมือนเดิน เขาไม่สามารถต้านทานอารมณ์ดิบเถื่อนของตัวเองได้ เลยจัดการหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าไปเต็มสูบ เขามองหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่เบื้องล่างด้วยแววตาอ่านยาก ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้าง ดูตกใจ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมีปฏิกิริยาแบบนี้มาก่อน ปกติมีแต่จะแสดงความพอใจ ออดอ้อน หรือไม่ก็...แสร้งทำเป็นเขินอายกับเขา
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" หลิวซินเยว่ร้องตะโกน เสียงแหบพร่าเหมือนไม่ได้ใช้งานมานาน "นายเป็นใคร ปล่อยฉันนะ"
นายพลหนุ่มเลิกคิ้ว "นี้เธอจำฉันไม่ได้แล้วรึ เมื่อคืนเธอยังออดอ้อนขอให้ฉันทำแรงๆ อยู่เลย" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าราวกับจะมองทะลุปรุโปร่ง ทำให้เธอหนาวสั่นไปทั่วสันหลัง แม้ในห้องจะมีเพียงแอร์ที่เปิดไว้จนเย็นเฉียบก็ตาม
"ฉันไม่รู้จักนาย ฉันไม่เคยเจอนายมาก่อน เมื่อวานเป็นนายที่ลากฉันออกมาจากที่ร้านอาหาร" หลิวซินเยว่ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
"อย่ามาเล่นละครตบตาฉันหน่อยเลย" หวังหย่งเจี๋ยแสยะยิ้มที่มุมปาก "เมื่อคืนเธอยังครางเรียกชื่อของฉันอยู่เลย แล้วตอนนี้มาทำเป็นจำไม่ได้ มันน่าขำสิ้นดี"
"เธอคงรู้อยู่แล้วสินะว่าฉันคือ หวังหย่งเจี๋ย นายพลแห่งกองพลที่ 3 "
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อราวกับถูกสาป ชื่อนี้...ใบหน้านี้...ไม่ผิดแน่ นี่มันนายพลหวัง ตัวร้ายในนิยายที่เธออ่านก่อนจะตายนี่นา แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย?
ยิ่งคิดก็ยิ่งช็อก เธอจำได้ว่าในนิยายเรื่องนี้ ตัวเองน่าจะเป็นแค่ตัวประกอบหญิงสาวที่บังเอิญไปมีความสัมพันธ์กับนายพลหวัง แล้วก็เกิดตั้งท้อง นายพลหวังเลยต้องจำใจแต่งงานกับเธอ ทั้งที่เขามีหญิงสาวในดวงใจอย่างหลี่เหมยฮัวที่เป็นนางเอกของเรื่องอยู่แล้ว หญิงสาวผู้เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและชาติตระกูล แถมยังมีจิตใจงดงามราวกับนางฟ้า
นายพลหวังรักหลี่เหมยฮัวตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก แต่พอเขาโตขึ้นเขากำลังจะสารภาพรัก หลี่เหมยฮัวกลับไปตกหลุมรักพระเอกของเรื่อง ซุนเจ๋อ พันตรีหนุ่มไฟแรงผู้มีนิสัยอบอุ่น แสนดี ตรงกันข้ามกับนายพลหวังที่แม้จะหน้าตาดีเช่นกันแต่ติดที่เขาก็มีนิสัยแข็งกร้าวและเย็นชา
หลังจากที่เสียคนรักไป นายพลหวังก็ทำตัวเสเพล มีความสัมพันธ์กับหญิงสาวทั่วทั้งเมืองหลวง ด้วยความที่เขาเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลหวัง ที่ร่ำรวยมหาศาลทำให้เขามีแต่ผู้หญิงเข้ามาไม่ขาดสาย จนกระทั่งมาเจอกับหลิวซินเยว่ในงานเลี้ยงในร้านอาหารแห่งหนึ่ง คืนนั้นนายพลหวังถูกวางยาปลุกกำหนัดโดยศัตรูของเขา เพื่อให้เขามีอะไรกับหญิงสาวที่นายพลเซียวศัตรูของเขาจัดหามาให้ เพื่อทำการแบล็กเมล์ให้เขาออกจากราชการ แต่เขารู้ทันแผนการร้ายเขาเลยหนีผู้หญิงคนนั้นออกจากห้องมา และมาชนเข้ากับหลิวซินเยว่ที่กำลังมึนเมา เขาเลยจับเจ้าของร่างนี้มาจนทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อหลิวซินเยว่ตั้งท้อง นายพลหวังก็จำใจต้องแต่งงานกับเธอเพื่อรับผิดชอบ แต่เขาก็ไม่ได้รักเธอเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเฝ้าคิดถึงหลี่เหมยฮัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนหลิวซินเยว่ก็รู้ตัวดีว่าเป็นได้แค่ตัวแทน จึงได้แต่เก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ
สุดท้ายหลิวซินเยว่ก็ตายอนาถ เพราะโดนศัตรูของท่านนายพลหวังวางยาเร่งคลอด จนทำให้เธอตกเลือดตายทั้งแม่และลูก ส่วนนายพลหวังก็ถูกศัตรูฆ่าตายในเวลาต่อมา
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย เธอไม่ได้อยากเป็นตัวประกอบที่ต้องมาตายอนาถแบบนั้นนะ
หวังหย่งเจี๋ยหรี่ตามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ทำหน้าบึ้งจึงเหมือนคนถ่ายไม่ออก "นี่เธอเป็นอะไรรึเปล่า? " เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความสงสัย
"ปะ...เปล่าค่ะ ฉันแค่ปวดท้องเท่านั้น" เธอตอบตะกุกตะกัก พยายามตั้งสติ
นายพลหนุ่มยังคงจ้องมองเธอด้วยแววตาอ่านยาก ใบหน้าคมคายไร้ซึ่งรอยยิ้ม บุคลิกของเขาช่างแตกต่างจากพระเอกในนิยายลิบลับ พระเอกจะแสนดี และอบอุ่น ส่วนนายพลหวังนั้น เย็นชา ดุดัน สมกับเป็นตัวร้ายในนิยายจริงๆ
เอาล่ะ...ในเมื่อเธอมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็คงต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ เธอจะไม่ยอมตายอนาถแบบในนิยายเด็ดขาด
หวังหย่งเจี๋ยมองหญิงสาวบนเตียงด้วยแววตาซับซ้อน เขาจำได้ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ภาพความเร่าร้อนเมื่อค่ำคืนยังคงติดตา เขา เขาไม่คาดคิดเด็กสาวบ้านๆ ที่ดูภายนอกจะแสนจืดชืดคนนี้จะซ่อนรูปที่สุดแสนจะเย้ายวนเอาไว้ จะทำให้เขาเสียอาการจะควบคุมสติไม่อยู่ได้ถึงเพียงนี้"เธอเป็นอย่างไรบ้าง" นายพลหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบหลิวซินเยว่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเขา"คุณ..." เธอพยายามเปล่งเสียง แต่กลับพูดไม่ออก ลำคอของเธอแห้งผาก ร่างกายปวดร้าวระบมไปหมดหวังหย่งเจี๋ยเห็นแววตาสับสนของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างไร ความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนที่เกิดจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด กลับทำให้เขาต้องมีอะไรกับหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ"ผมขอโทษ..." หวังหย่งเจี๋ยเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนผมโดนศัตรูลอบวางยาปลุกกำหนัดทำให้ผมควบคุมอารมณ์ไม่ได้" เขาพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงใจ หวังว่าคนร่างบางที่อยู่ตรงหน้าจะเข้าใจหลินซินเยว่ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้จะโทษใคร โทษโชคชะตาที่เล่นตลก ที่ทำให้เธอโผล่มาในร่างของตัวประกอบ ความบริสุทธิ์ที
หวังหย่งเจี๋ยขับรถแล่นผ่านสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย รถจี๊ปสีเขียวมะกอกของเขาเลี้ยวเข้าสู่ตรอกเล็กๆ ก่อนจะจอดลงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หยดน้ำฝนเกาะพราวบนกระจกหน้ารถ บดบังทัศนียภาพภายนอกให้เลือนรางเขาก้าวลงจากรถ ปิดประตูเสียงดัง ปล่อยให้ความเย็นยะเยือกของสายฝนซึมผ่านเสื้อโค้ตตัวหนา ความรู้สึกหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจ เขารีบสาวเท้าเข้าไปในบ้านความเย็นยะเยือกแทรกซึมผ่านเสื้อโค้ตตัวหนาของเขา แต่ไม่อาจสู้กับความร้อนรุ่มในใจที่กำลังคุกรุ่น เขาหวังว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่ทำให้เขาหลงใหลในค่ำคืนที่ผ่านมาแต่ภายในบ้านกลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยของเธอ"บ้าเอ๊ย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย "ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงถึงหนีฉันไปแบบนี้" นายพลหนุ่มพึมพำกับตัวเอง เขาก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องนอน เตียงนอนขนาดใหญ่ยังคงยับยู่ยี่ บ่งบอกถึงเรื่องราวร้อนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่เจ้าของร่างกายอันเย้ายวนใจกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดาษโน้ตสักใบภาพความทรงจำของหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบอบบาง กลิ่นกายหอมหวาน และสัมผัสอันเร่าร้อนยังคงติดตรึงอยู่ในใจของนายพลหนุ่ม เขาไม่คาดคิดว่าสภาพที่ลุกจากเตียงไม่ขึ
หลิวซินเยว่เดินออกจากห้องนอนเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน เธอหวังว่าแม่ของเธอจะทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทาง เธอเหลือบไปเห็นรูปถ่ายขาวดำใบหนึ่งวางอยู่บนชั้นวางของตั้งอยู่ในบ้าน เป็นรูปของผู้หญิงหน้าตาสะสวยอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวในรูปมีเค้าโครงใบหน้าคล้ายกับเธอมาก'นี่คงเป็นแม่ของหลิวซินเยว่สินะ' เธอคิดในใจ พร้อมกับความรู้สึกโหยหาบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ก่อนเธอมองไปที่รูปถ่ายของชายวัยกลางคนในชุดทหารที่ตั้งอยู่ใกล้กัน นั่นคือพ่อของหลิวซินเยว่ เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธออายุได้เพียง 10 ขวบ แม่ของเธอต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานตัดเย็บผ้าหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเลี้ยงชีพ ส่งเสียหลิวซินเยว่จนเรียนจบมัธยมปลาย และสอบเข้าคณะแพทย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้'เยว่เยว่' เสียงเรียกของคนเป็นแม่ทำเอาความคิดที่กำลังล่องลอยของเธอถูกดึงกลับมาสู่โลกความจริง เธอเห็นแม่ของเธอกำลังเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับอาหารจานโปรด"วันนี้แม่ทำผัดผักกาดขาวกับเต้าหู้หม่าโผที่ลูกชอบ มาทานกันเร็ว""ค่ะแม่" หยวนชิงตอบรับก่อนจะเดินตามคนเป็นแม่เข้าไปนั่
เสียงโวยวายดังลั่นหน้าบ้านปลุกหลิวซินเยว่ให้ตื่นจากภวังค์ เธอลุกขึ้นอย่างงัวเงีย หัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงตะคอกดังมาจากหน้าบ้าน"ซูหลิน เงินที่แกยืมไปเมื่อไหร่จะคืน นี่มันเลยเวลาไปหลายวันแล้วนะ"หลิวซินเยว่รีบวิ่งไปที่หน้าบ้าน ภาพที่เห็นทำให้เลือดในกายเธอเดือดพล่าน ชายฉกรรจ์สองคนหน้าตาดุดันกำลังยืนค้ำหัวแม่ของเธออยู่ ใบหน้าของแม่ของเธอซีดเผือด มือข้างหนึ่งกำชายเสื้อไว้แน่น"ขอเวลาให้ฉันอีกหน่อยเถอะนะคะ พอดีลูกค้ายังไม่มาเอาเสื้อที่ตัดไว้ อีกไม่กี่วันฉันจะรีบเอาเงินไปคืนให้แน่นอนค่ะ" ซูหลินกล่าวเสียงสั่นเครือ"อีกไม่กี่วัน? แกพูดแบบนี้มาหลายรอบแล้ว อย่ามาลีลาหลอกลวงกูอีก" เสียงตวาดดังลั่นมาจากหน้าบ้าน ทำให้นางซูหลินสะดุ้งสุดตัวชายร่างยักษ์สองคนยืนจังก้าขวางประตู ใบหน้าดุร้ายราวกับยักษ์มาร หนึ่งในนั้นคือ เจียงกู่เหวยเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบผู้โหดเหี้ยม เขาเดินเข้ามาใกล้ซูหลิน ยกมือขึ้นหมายจะตบใบหน้าของเธอหลิวซินเยว่ เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เลือดในกายก็พลุ่งพล่าน เธอเคยเป็นตำรวจสาวมาก่อน ความเก่งกาจด้านการต่อสู้ยังคงฝังแน่นอยู่ในสัญชาตญาณ เธอพุ่งตัวออกไป ยืนขวางหน้าคนเป็นแม่ พร้อมกั
"แม่คะ เดี๋ยวเราแต่งตัวไปข้างนอกกันเถอะ หนูว่าจะไปร้านขายผ้าด้วย หนูจะเลือกซื้อผ้ามาตัดเย็บชุดแบบนี้ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดพลางหยิบชุดที่เธอเพิ่งตัดเย็บเสร็จมาสวม เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวแขนพอง จับคู่กับกระโปรงทรงเอสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องของเธออย่างลงตัว ยิ่งขับให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตา ชุดดูทันสมัยผิดวิสัยสาวชาวบ้านทั่วไป ใครเห็นแล้วต้องเหลียวมอง"แม่ว่ายังไงบ้างคะ" เธอถามแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มหวาน"ก็ดีเหมือนกันนะ เยว่เยว่ ลูกแต่งตัวแบบนี้ดูสวยขึ้นเยอะเลย" ซูหลินแม่ของเธอตอบด้วยแววตาเอ็นดู "แต่ว่า...""แต่ว่าอะไรเหรอคะแม่""เอ่อ... คือว่า..." นางซูมีสีหน้าลำบากใจ "แม่ว่าชุดนี้มันดู... โดดเด่นเกินไปหน่อยหรือเปล่าลูก ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้กัน"หลิวซินเยว่เข้าใจความกังวลของผู้เป็นแม่ดี ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนยังค่อนข้างอนุรักษนิยม การแต่งตัวที่ฉูดฉาดเกินไปอาจทำให้ถูกนินทาได้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเรากำลังเปิดประเทศ ผู้คนก็ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หนูอยากลองนำเทรนด์ดูบ้าง"ซูหลินเห็นลูกสาวมุ่งมั่นเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย "เอาเถอะๆ แม่ตามใจลูกก็แ
หลังจากซื้อผ้าเสร็จ หลิวซินเยว่ก็เอ่ยขึ้น "แม่คะ เดี๋ยวแม่จ้างรถลากให้ไปส่งของที่บ้านของเรานะคะ หนูจะไปห้างสรรพสินค้าหน่อยค่ะ หนูกะไปซื้อเครื่องสำอาง กับให้ช่างตัดผมซอยผมให้ด้วยค่ะ"นางซูพยักหน้า "ไปเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขนผ้าพวกนี้ไปเอง"เมื่อเห็นแม่ขึ้นรถลากไปแล้ว หลิวซินเยว่ก็เรียกรถลากอีกคันให้ไปส่งเธอที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้เธอกะจะไปเปลี่ยนทรงผมให้ทันสมัยขึ้น ก่อนจะไปซื้อเครื่องสำอาง ‘วันนี้ละฉันจะปฏิวัติจากแม่สาวสุดเฉิ่มมาเป็นสาวสวยให้ดู’ หลิวซินเยว่คิดในใจเมื่อมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใจกลางเมืองหญิงสาวจ่ายเงินก่อนจะลงจากรถลาก เธอสูดหายใจเข้าลึก สัมผัสบรรยากาศแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่แตกต่างจากยุคปัจจุบันที่เธอจากมาโดยสิ้นเชิงร้านตัดผมในห้างสรรพสินค้าตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ส่องประกายสะท้อนแสงไฟนีออนสีสันสดใส ช่างผมชายหนุ่มท่าทางทันสมัยกำลังวุ่นอยู่กับการเซ็ตผมให้ลูกค้าสาวสวย หลิวซินเยว่ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านทันที"สวัสดีครับ คุณลูกค้าสนใจใช้บริการอะไรครับ" ช่างผมหนุ่มเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม"ฉันอยากตัดผมค่ะ" หลิวซินเยว่ตอบ "อยากได้ทรงผมที่ทันสมัยหน่อยค่ะ""คุณอยากได้ทรงผมแบบไ
ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ""ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร""โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวังหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราว
หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้าหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?""ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ย
หลังเลิกเรียนในตอนเย็น หลิวซินเยว่เก็บหนังสือใส่กระเป๋า วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตในยุคนี้ ดีที่เธอยังมีความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงใช้ชีวิตในยุคนี้ได้อย่างยากลำบากเพราะแต่ละวิชาในคณะแพทย์นั้นยากมาก ความรู้ที่ติดตัวมาทำให้เธอเรียนได้อย่างสบายๆ อีกเพียงปีเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว และเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลตอนนี้เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่โรงพยาบาลที่ไหนดีในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของทันใดนั้น เสียงใสๆ ของจางเสี่ยวหลานเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น"เยว่เยว่ เธอไปทำอะไรมานี่ ทำไมดูสวยขึ้น?" จางเสี่ยวหลานเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจ้องมองหลิวซินเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะสแกนหาความเปลี่ยนแปลงหลิวซินเยว่ยิ้มให้เพื่อนสนิท "ฉันก็แค่ไปเปลี่ยนทรงผมกับลองแต่งหน้าดูเท่านั้นแหละ""จริงเหรอ แค่นั้นเองเหรอ" จางเสี่ยวหลานหรี่ตามอง "หรือว่าเธอมีความรักหรือเปล่าถึงได้หันมาดูแลตัวเองแบบนี้" น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้"บ้า ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากสวยเฉยๆ" หลิวซินเยว่รีบปฏิเสธ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อจางเสี่ยวหลานยิ้มกริ่ม "เย
เช้าวันต่อมารถจี๊ปทหารคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าร้านตัดเย็บซูหลินเล็กๆ ในตลาดหรงเหมย หวังหย่งเจี๋ยในชุดเครื่องแบบนายพลก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมคายดูสง่าผ่าเผย เขามองเข้าไปในร้าน เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ แต่ไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวร่างบางที่เขาเจอเมื่อวานภายในร้านดูเรียบร้อยสะอาดตา ผิดกับภายนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน หวังหย่งเจี๋ย มองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทักขึ้น"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ใช่ไหมครับซูหลินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า "ใช่แล้วค่ะ ฉันชื่อซูหลินเป็นเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ค่ะ ท่านนายพลต้องการอะไรคะ" แววตาของหล่อนฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเครื่องแบบทหารบนตัวเขา"ผมต้องการสั่งตัดชุดทหารครับ" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "ไม่ทราบว่าที่ร้านมีพนักงานคนอื่นอีกไหมครับ พอดีผมต้องการสั่งตัดหลายชุด" สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้าน"ที่ร้านแห่งนี้มีฉันเพียงแค่คนเพียงคนเดียวค่ะ" นางซูหลินตอบ "ปกติจะมีลูกสาวมาช่วยด้วย แต่วันนี้เธอมีเรียนค่ะ น่าจะกลับช่วงเย็นๆ โน่นแหละค่ะ""อ้อ" หวังหย่งเจี๋ย รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "งั้นผมจะสั่งตัดชุดทหาร สัก 7 ชุด นะครับ ถ
หลังจากที่เธอเพิ่งได้จักรเย็บผ้าจากป้าเจียงมา งานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผ้าหลากสีสันถูกตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง ตอนนี้เธอกับแม่ตัดเย็บชุดเสร็จไปได้เกือบ 10 ชุดแล้ว แต่ละชุดล้วนมีดีไซน์ที่ทันสมัย ต่างจากเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ที่มีขายทั่วไปในตลาดขณะที่หลินซินเยว่กำลังเย็บชายกระโปรงชุดสีแดงสดอยู่นั้น เสียงใสๆ ก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน "ขอโทษนะคะ ร้านตัดเย็บซูหลินอยู่นี่หรือเปล่าคะ"ซินเยว่วางมือจากงานตรงหน้า รีบเดินออกไปต้อนรับ ทันทีที่เปิดประตู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า "เหมยฮัว"หลี่เหมยฮัว อยู่ในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้า ยืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน"เยว่เยว่ บ้านของเธอหลังนี้นี่เอง""ใช่แล้ว เข้ามาสิ" หลิวซินเยว่ผายมือเชื้อเชิญ "บ้านฉันแคบหน่อยนะ" เธอกล่าวพลางเดินนำหลี่เหมยฮัวเข้าไปในบ้านภายในบ้าน นางซูหลิน ผู้เป็นแม่ กำลังนั่งเย็บกระดุมเสื้ออยู่ หลิวซินเยว่รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วยื่นให้หลี่เหมยฮัว "เหมยฮัว นี่แม่ฉัน เธอชื่อซูหลิน" หญิงสาวเอ่ยแนะนำ "ชุดพวกนี้ ฉันกับแม่ช่วยกันตัดเย็บเอง" หลิวซินเยว่ชี้นิ้วไปยังเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากสีที่แขวนเรียงรายอยู่บนราวหลี่เหมยฮัวมองชุดเหล่านั้นด้
หลังจากมื้ออาหารอันสุดแสนจะทรมานจบลง หลิวซินเยว่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"หลี่เหมยฮัวมองตามด้วยแววตาเป็นห่วง "เยว่เยว่ จะให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม""ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้" หลิวซินเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลิวซินเยว่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังต้าเหล่ยและจ้าวหรูอี้ผู้เป็นพ่อแม่ของคุณตัวร้าย "คุณลุงคุณป้าหนูขอลาก่อนค่ะ" เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ไม่ไกล "ลาก่อนค่ะ คุณลุง คุณป้า" เธอเอ่ยลาอย่างมีมารยาทจ้าวหรูอี้มองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาเอ็นดู "เยว่เยว่ ไปเที่ยวที่บ้านป้าต่อไหมจ๊ะ บ้านของป้าติดกับบ้านของหนูเหมยฮัว" เธอเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลิวซินเยว่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับคุณนายหวัง "ขอบคุณคุณป้าที่เอ็นดูหนูนะคะ แต่พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ" เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล"แล้วหนูจะไปธุระที่ไหนต่อหรือ" จ้าวหรูอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะเพิ่งพบหลิวซินเยว่เป็นครั้งแรก แต่เธ
ร้านอาหารจีนในห้างสรรพสินค้าคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาลิ้มรสอาหารเลิศรส ในมุมหนึ่งของร้าน หลิวซินเยว่ถูกหลี่เหมยฮัวลากมานั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเธอและครอบครัวนายพลตัวร้ายโดยที่เธอปฏิเสธไม่ได้ หวังต้าเหล่ย ผู้เป็นพ่อของหวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถามลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"หนูเหมยฮัว ไปเจอเจ้าหย่งเจี๋ยที่ไหนเหรอ"หลี่เหมยฮัวยิ้มกว้างก่อนตอบ "หนูไปเจอพี่หย่งเจี๋ยข้างนอกค่ะ"เฉินเฟยหง ผู้เป็นแม่ของหลี่เหมยฮัวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ลูกสาวด้วยสายตาใคร่รู้ "แล้วนี่แม่หนูคนนี้คือใครเหรอ""คุณพ่อคุณแม่คะ นี่หลิวซินเยว่ เพื่อนของหนูเองค่ะ" หลี่เหมยฮัวแนะนำเพื่อนใหม่ให้พ่อแม่รู้จักด้วยความภาคภูมิใจ"เธอเก่งมากเลยนะคะ เธอเคยฝึกการต่อสู้มาก่อนด้วย เธอช่วยหนูจับโจรที่มาขโมยกระเป๋าของหนูค่ะ" ดวงตาของหลี่เหมยฮัวเป็นประกายขณะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวิน หันไปมองหลิวซินเยว่ด้วยความประหลาดใจปนชื่นชม หวังต้าเหล่ยเองก็มองหลิวซินเยว่ด้วยความสนใจ"คุณลุงคุณป้าค่ะพี่หย่งเจี๋ยทำนิสัยไม่ดี ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนหนูด้วยค่ะ" หลี่เหมยฮัวได้ทีก็ฟ้องทันที เธอซบหน้าลงกับไหล่ขอ
หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้าหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?""ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ย
ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ""ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร""โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวังหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราว
หลังจากซื้อผ้าเสร็จ หลิวซินเยว่ก็เอ่ยขึ้น "แม่คะ เดี๋ยวแม่จ้างรถลากให้ไปส่งของที่บ้านของเรานะคะ หนูจะไปห้างสรรพสินค้าหน่อยค่ะ หนูกะไปซื้อเครื่องสำอาง กับให้ช่างตัดผมซอยผมให้ด้วยค่ะ"นางซูพยักหน้า "ไปเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขนผ้าพวกนี้ไปเอง"เมื่อเห็นแม่ขึ้นรถลากไปแล้ว หลิวซินเยว่ก็เรียกรถลากอีกคันให้ไปส่งเธอที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้เธอกะจะไปเปลี่ยนทรงผมให้ทันสมัยขึ้น ก่อนจะไปซื้อเครื่องสำอาง ‘วันนี้ละฉันจะปฏิวัติจากแม่สาวสุดเฉิ่มมาเป็นสาวสวยให้ดู’ หลิวซินเยว่คิดในใจเมื่อมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใจกลางเมืองหญิงสาวจ่ายเงินก่อนจะลงจากรถลาก เธอสูดหายใจเข้าลึก สัมผัสบรรยากาศแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่แตกต่างจากยุคปัจจุบันที่เธอจากมาโดยสิ้นเชิงร้านตัดผมในห้างสรรพสินค้าตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ส่องประกายสะท้อนแสงไฟนีออนสีสันสดใส ช่างผมชายหนุ่มท่าทางทันสมัยกำลังวุ่นอยู่กับการเซ็ตผมให้ลูกค้าสาวสวย หลิวซินเยว่ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านทันที"สวัสดีครับ คุณลูกค้าสนใจใช้บริการอะไรครับ" ช่างผมหนุ่มเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม"ฉันอยากตัดผมค่ะ" หลิวซินเยว่ตอบ "อยากได้ทรงผมที่ทันสมัยหน่อยค่ะ""คุณอยากได้ทรงผมแบบไ
"แม่คะ เดี๋ยวเราแต่งตัวไปข้างนอกกันเถอะ หนูว่าจะไปร้านขายผ้าด้วย หนูจะเลือกซื้อผ้ามาตัดเย็บชุดแบบนี้ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดพลางหยิบชุดที่เธอเพิ่งตัดเย็บเสร็จมาสวม เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวแขนพอง จับคู่กับกระโปรงทรงเอสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องของเธออย่างลงตัว ยิ่งขับให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตา ชุดดูทันสมัยผิดวิสัยสาวชาวบ้านทั่วไป ใครเห็นแล้วต้องเหลียวมอง"แม่ว่ายังไงบ้างคะ" เธอถามแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มหวาน"ก็ดีเหมือนกันนะ เยว่เยว่ ลูกแต่งตัวแบบนี้ดูสวยขึ้นเยอะเลย" ซูหลินแม่ของเธอตอบด้วยแววตาเอ็นดู "แต่ว่า...""แต่ว่าอะไรเหรอคะแม่""เอ่อ... คือว่า..." นางซูมีสีหน้าลำบากใจ "แม่ว่าชุดนี้มันดู... โดดเด่นเกินไปหน่อยหรือเปล่าลูก ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้กัน"หลิวซินเยว่เข้าใจความกังวลของผู้เป็นแม่ดี ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนยังค่อนข้างอนุรักษนิยม การแต่งตัวที่ฉูดฉาดเกินไปอาจทำให้ถูกนินทาได้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเรากำลังเปิดประเทศ ผู้คนก็ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หนูอยากลองนำเทรนด์ดูบ้าง"ซูหลินเห็นลูกสาวมุ่งมั่นเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย "เอาเถอะๆ แม่ตามใจลูกก็แ