หวังหย่งเจี๋ยขับรถแล่นผ่านสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย รถจี๊ปสีเขียวมะกอกของเขาเลี้ยวเข้าสู่ตรอกเล็กๆ ก่อนจะจอดลงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หยดน้ำฝนเกาะพราวบนกระจกหน้ารถ บดบังทัศนียภาพภายนอกให้เลือนราง
เขาก้าวลงจากรถ ปิดประตูเสียงดัง ปล่อยให้ความเย็นยะเยือกของสายฝนซึมผ่านเสื้อโค้ตตัวหนา ความรู้สึกหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจ เขารีบสาวเท้าเข้าไปในบ้านความเย็นยะเยือกแทรกซึมผ่านเสื้อโค้ตตัวหนาของเขา แต่ไม่อาจสู้กับความร้อนรุ่มในใจที่กำลังคุกรุ่น เขาหวังว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่ทำให้เขาหลงใหลในค่ำคืนที่ผ่านมา
แต่ภายในบ้านกลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยของเธอ
"บ้าเอ๊ย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย "ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงถึงหนีฉันไปแบบนี้" นายพลหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
เขาก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องนอน เตียงนอนขนาดใหญ่ยังคงยับยู่ยี่ บ่งบอกถึงเรื่องราวร้อนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่เจ้าของร่างกายอันเย้ายวนใจกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดาษโน้ตสักใบ
ภาพความทรงจำของหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบอบบาง กลิ่นกายหอมหวาน และสัมผัสอันเร่าร้อนยังคงติดตรึงอยู่ในใจของนายพลหนุ่ม เขาไม่คาดคิดว่าสภาพที่ลุกจากเตียงไม่ขึ้นแบบนั้น จะหนีหายออกจากบ้านเขาไป
"เธอเป็นใครกันแน่? " หวังหย่งเจี๋ยพยายามนึกถึงใบหน้าของหญิงสาว แต่ภาพกลับเลือนราง เขามัวแต่หลงใหลในรสสวาท จนลืมถามชื่อแซ่ ที่อยู่ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอเป็นใครมาจากไหน
"ฉันจะต้องตามหาเธอให้พบ" เขาประกาศกร้าว "ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ฉันจะต้องตามตัวเธอกลับมาให้ได้"
หวังหย่งเจี๋ยกระชากเสื้อโค้ตออก เผยให้เห็นร่างกายกำยำสมชายชาตรี เขาคว้าโทรศัพท์หมุนวงล้อสีดำ สั่งการลูกน้องเสียงเข้ม
"ตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่าง..." เขาชะงักไป จะให้อธิบายรูปร่างเธออย่างไรดี ในเมื่อความทรงจำของเขาเลือนรางเต็มที เขาจำได้แค่ว่าเธอใส่ชุดสีแดงตอนที่เจอกันที่ร้านอาหาร "เอาล่ะ ตามหาผู้หญิงชุดแดงที่ออกบ้านของฉันเมื่อเช้านี้ ฉันต้องการคำตอบโดยเร็วที่สุด" ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะวางโทรศัพท์ไป
นายพลหนุ่มกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าคมคายบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าหักหน้าเขาแบบนี้มาก่อน พวกหล่อนต่างก็วิ่งเข้าหา ออดอ้อน เอาอกเอาใจ หวังจะได้เป็นนายหญิงของตระกูลหวัง
แต่ยัยเด็กนั่น... กลับหนีเขา
"หน็อย... กล้ามากนะ ยัยเด็กบ้า " หวังหย่งเจี๋ยสบถ "คิดว่าจะหนีฉันพ้นเรอะ เจอเมื่อไหร่ ฉันจะสั่งสอนให้หลาบจำ "
ยิ่งคิด ไฟโทสะก็ยิ่งโหมกระพือในอก เขาต้องสั่งสอนเธอ ให้รู้ว่าการเล่นกับไฟ มันอันตรายแค่ไหน
แต่... ในใจลึกๆ เขากลับรู้สึกทึ่งในตัวเด็กสาวคนนี้ไม่น้อย เธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ และนั่นทำให้เขา... สนใจในหัวเธอ
หวังหย่งเจี๋ยแสยะยิ้มมุมปาก "น่าสนใจดีนี่ ฉันอยากรู้จักเธอมากขึ้นซะแล้วสิ"
...
เมื่อหลิวซินเยว่กลับมาถึงบ้านตามความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างนี้ ซึ่งเป็นร้านตัดเย็บเล็กๆ ริมถนน เสียงจักรเย็บผ้าที่ส่งเสียงดังเป็นจังหวะ หลิวซินเยว่ เดินยิ้มกว้างเข้ามาในร้าน
"แม่คะ หนูกลับมาแล้ว" หลิวซินเยว่ วางกระเป๋าผ้าใบเก่าลงบนโต๊ะไม้ตัวเล็กริมห้อง ก่อนจะตรงเข้าไปสวมกอดหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการเย็บชายกระโปรงด้วยจักรเย็บผ้าคู่ใจ
"อ้าว เยว่เยว่ กลับมาแล้วเหรอลูก" ซูหลิน แม่ของหลิวซินเยว่ผละออกจากงานในมือ หันมายิ้มให้ลูกสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง "เป็นไงบ้าง ไปงานเลี้ยงกับเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย หนูหายไปทั้งคืนเลย แม่เป็นห่วงหนูมากเลยนะ"
หลิวซินเยว่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากอ้อมกอดของซูหลิน ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกใหม่สำหรับเธอ ก่อนหน้านี้เธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ต่อสู้ดิ้นรนเพียงลำพัง ต้องทำงานหนักเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนจนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จนกระทั่งได้เข้ารับราชการเป็นตำรวจหญิง เธอไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากใคร หัวใจของเธอแข็งกระด้าง มีเพียงความทะเยอทะยานที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานเท่านั้น
"เยว่เยว่ ลูกเป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว" ซูหลินรู้สึกเป็นห่วงลูกสาว "เมื่อคืนลูกไปค้างที่ไหนมา ทำไมไม่โทรบอกแม่ แม่เป็นห่วงแทบแย่"
หลิวซินเยว่ได้แต่ยืนนิ่ง ความทรงจำในอดีตชาติไหลบ่าเข้ามาในหัวสมองราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก เธอจำได้ว่าเธอถูกหลี่เจี้ยน คนรักที่เธอไว้ใจ ฆ่าตายอย่างเลือดเย็น หลี่เจี้ยนเขาชายหนุ่มหน้าตาดี สุภาพอ่อนโยน ที่เข้ามาสารภาพรักกับเธอ เอาใจใส่ดูแลเธอราวกับไข่ในหิน ที่แท้แล้วเขาเป็นเพียงสายลับของแก๊งค้ายาเสพติด ที่เข้ามาตีสนิทกับเธอเพื่อล้วงข้อมูลลับของกรมตำรวจ มิน่าล่ะ ที่ผ่านมากรมตำรวจไม่เคยจับกุมพ่อค้ายาเสพติดได้เลยสักครั้ง คนร้ายมักจะไหวตัวทันและหลบหนีไปได้ทุกครั้ง เธอช่างโง่เขลา ที่หลงเชื่อคำหวาน หลงคิดว่าตัวเองได้พบกับรักแท้ สุดท้ายก็ต้องมาตายอย่างอนาถ
"เยว่เยว่ ลูกได้ยินแม่พูดไหม" ซูหลินโบกมือไปมาตรงหน้าลูกสาว "ลูกเป็นอะไรไปหรือเปล่า หรือว่าเมื่อคืนไปดื่มเหล้ากับเพื่อนมาแล้วแฮงค์"
"เอ่อ...คือว่า..." ซินเยว่ลังเล เธอไม่อยากโกหกคนเป็นแม่ แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างไรเธอไม่อยากให้คนเป็นแม่ล่วงรู้ว่าบุตรสาวคนนี้ได้สูญเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว "เมื่อคืนหนูดื่มเหล้าไปแก้วหนึ่ง แล้วหนูเมามาก จนอ้วกใส่ชุด พวกเพื่อนๆ หนูเลยต้องลากหนูกลับห้องพักค่ะ ตอนขากลับหนูเลยยืมเสื้อเพื่อนใส่กลับมาแทนชุดเดิมค่ะ" เธอตัดสินใจเลือกพูดความจริงเพียงบางส่วน
ซูหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย "แล้วทำไมไม่โทรมาบอกแม่ล่ะลูก แม่จะได้ไปรับ บ้านลุงเหว่ยก็อยู่ใกล้บ้านเรา คราวหลังก็โทรมาบอกแม่ด้วยนะ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง"
"หนูขอโทษค่ะแม่คือ...หนู...หนู" หลิวซินเยว่ อึกอัก "หนูลืมค่ะ ตอนนั้นหนูมึนหัวมาก" เธอแสร้งทำท่าทางเหมือนคนเมาค้าง "ตอนนี้หนูยังมึนๆ อยู่เลยค่ะ"
ซูหลินถอนหายใจ "คราวหลังอย่าดื่มเยอะนะลูก ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้ ดื่มเหล้ามากๆ อันตราย"
"ค่ะแม่" หลิวซินเยว่รับคำเสียงอ่อย
"ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนพักเถอะลูก" ซูหลินลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู "เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้กิน"
หลิวซินเยว่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ที่ติดกับห้องของมารดาของเธอ ห้องนี้มีเพียงเตียงไม้ขนาด 3 ฟุต ตู้เสื้อผ้าไม้เก่าๆ และโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็กๆ
เธอมองไปรอบๆ ห้องด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนี้ช่างแตกต่างจากยุคที่เธอจากมา ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเหมือนในยุคปัจจุบัน แม้แต่ห้องน้ำก็ยังต้องใช้ร่วมกับบ้านอื่นๆ
แต่ตอนนี้ เธอมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในร่างของหลิวซินเยว่ เธอจะใช้ชีวิตนี้ให้ดีที่สุด จะอยู่ให้ห่างๆ จากพวกตัวเอกทั้งหลายและใช้ชีวิตเรียบง่าย
หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิวซินเยว่ จ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานเก่าที่ตั้งอยู่มุมห้อง สะท้อนภาพใบหน้าของหญิงสาว เธอเห็นรอยแดงจางๆ ที่ปรากฏตามลำคอระหง
"เฮ้อ...สงสัยต้องไปซื้อเครื่องสำอางโป๊ะปิดผิวเสียแล้ว ร่างบางถอนหายใจยาว นิ้วเรียวไล้ไปตามรอยช้ำนั้นเบาๆ ราวกับจะลบเลือนมันให้หายไป ความทรงจำสุดท้ายก่อนหน้านี้ยังคงติดตรึงอยู่ในใจ ภาพใบหน้าของนายพลหวังขณะร่วมรักกันยังไม่เลือนหายไปจากใจเธอ
โชคดีที่เจ้าของร่างเดิมเป็นคนแต่งตัวมิดชิด เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวสีหม่นๆ ช่วยปกปิดร่องรอยการร่วมรักไว้ได้มิดชิด หลิวซินเยว่สำรวจใบหน้าตัวเองในกระจกอย่างพิจารณา
'ก็สวยนี่นา' เธอคิดในใจ ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ แต่ด้วยความที่ไม่แต่งหน้า ผิวหน้าซีดเซียวไร้สีสัน บวกกับทรงผมเรียบๆ เหมือนนักเรียนมัธยมปลาย ทำให้เธอดูจืดชืดไปหน่อย
แต่ถึงหน้าตาจะธรรมดา แต่หุ่นของหลิวซินเยว่กลับไม่ธรรมดาเลย เธอมีทรวดทรงองค์เอวที่น่าอิจฉา เอวคอดกิ่ว ร่างกายบอบบางอรชร แต่หน้าอกหน้าใจกลับอวบอิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนสูง 169 เซนติเมตร ถือว่าไม่เตี้ยสำหรับผู้หญิงโดยทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับร่างสูงใหญ่กำยำของนายพลหวังแล้ว เธอก็ดูตัวเล็กไปถนัดตา
"หลิวซินเยว่ถอนหายใจอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เธอถึงมาอยู่ในร่างของคนอื่นแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เธอตัดสินใจหยุดคิดเรื่องนี้ไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือหาข้อมูลเกี่ยวกับ 'หลิวซินเยว่' และยุคสมัยที่เธออาศัยอยู่ เธอต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่โดยเร็วที่สุด
หลิวซินเยว่เดินออกจากห้องนอนเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน เธอหวังว่าแม่ของเธอจะทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทาง เธอเหลือบไปเห็นรูปถ่ายขาวดำใบหนึ่งวางอยู่บนชั้นวางของตั้งอยู่ในบ้าน เป็นรูปของผู้หญิงหน้าตาสะสวยอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวในรูปมีเค้าโครงใบหน้าคล้ายกับเธอมาก'นี่คงเป็นแม่ของหลิวซินเยว่สินะ' เธอคิดในใจ พร้อมกับความรู้สึกโหยหาบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ก่อนเธอมองไปที่รูปถ่ายของชายวัยกลางคนในชุดทหารที่ตั้งอยู่ใกล้กัน นั่นคือพ่อของหลิวซินเยว่ เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธออายุได้เพียง 10 ขวบ แม่ของเธอต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานตัดเย็บผ้าหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเลี้ยงชีพ ส่งเสียหลิวซินเยว่จนเรียนจบมัธยมปลาย และสอบเข้าคณะแพทย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้'เยว่เยว่' เสียงเรียกของคนเป็นแม่ทำเอาความคิดที่กำลังล่องลอยของเธอถูกดึงกลับมาสู่โลกความจริง เธอเห็นแม่ของเธอกำลังเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับอาหารจานโปรด"วันนี้แม่ทำผัดผักกาดขาวกับเต้าหู้หม่าโผที่ลูกชอบ มาทานกันเร็ว""ค่ะแม่" หยวนชิงตอบรับก่อนจะเดินตามคนเป็นแม่เข้าไปนั่
เสียงโวยวายดังลั่นหน้าบ้านปลุกหลิวซินเยว่ให้ตื่นจากภวังค์ เธอลุกขึ้นอย่างงัวเงีย หัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงตะคอกดังมาจากหน้าบ้าน"ซูหลิน เงินที่แกยืมไปเมื่อไหร่จะคืน นี่มันเลยเวลาไปหลายวันแล้วนะ"หลิวซินเยว่รีบวิ่งไปที่หน้าบ้าน ภาพที่เห็นทำให้เลือดในกายเธอเดือดพล่าน ชายฉกรรจ์สองคนหน้าตาดุดันกำลังยืนค้ำหัวแม่ของเธออยู่ ใบหน้าของแม่ของเธอซีดเผือด มือข้างหนึ่งกำชายเสื้อไว้แน่น"ขอเวลาให้ฉันอีกหน่อยเถอะนะคะ พอดีลูกค้ายังไม่มาเอาเสื้อที่ตัดไว้ อีกไม่กี่วันฉันจะรีบเอาเงินไปคืนให้แน่นอนค่ะ" ซูหลินกล่าวเสียงสั่นเครือ"อีกไม่กี่วัน? แกพูดแบบนี้มาหลายรอบแล้ว อย่ามาลีลาหลอกลวงกูอีก" เสียงตวาดดังลั่นมาจากหน้าบ้าน ทำให้นางซูหลินสะดุ้งสุดตัวชายร่างยักษ์สองคนยืนจังก้าขวางประตู ใบหน้าดุร้ายราวกับยักษ์มาร หนึ่งในนั้นคือ เจียงกู่เหวยเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบผู้โหดเหี้ยม เขาเดินเข้ามาใกล้ซูหลิน ยกมือขึ้นหมายจะตบใบหน้าของเธอหลิวซินเยว่ เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เลือดในกายก็พลุ่งพล่าน เธอเคยเป็นตำรวจสาวมาก่อน ความเก่งกาจด้านการต่อสู้ยังคงฝังแน่นอยู่ในสัญชาตญาณ เธอพุ่งตัวออกไป ยืนขวางหน้าคนเป็นแม่ พร้อมกั
"แม่คะ เดี๋ยวเราแต่งตัวไปข้างนอกกันเถอะ หนูว่าจะไปร้านขายผ้าด้วย หนูจะเลือกซื้อผ้ามาตัดเย็บชุดแบบนี้ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดพลางหยิบชุดที่เธอเพิ่งตัดเย็บเสร็จมาสวม เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวแขนพอง จับคู่กับกระโปรงทรงเอสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องของเธออย่างลงตัว ยิ่งขับให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตา ชุดดูทันสมัยผิดวิสัยสาวชาวบ้านทั่วไป ใครเห็นแล้วต้องเหลียวมอง"แม่ว่ายังไงบ้างคะ" เธอถามแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มหวาน"ก็ดีเหมือนกันนะ เยว่เยว่ ลูกแต่งตัวแบบนี้ดูสวยขึ้นเยอะเลย" ซูหลินแม่ของเธอตอบด้วยแววตาเอ็นดู "แต่ว่า...""แต่ว่าอะไรเหรอคะแม่""เอ่อ... คือว่า..." นางซูมีสีหน้าลำบากใจ "แม่ว่าชุดนี้มันดู... โดดเด่นเกินไปหน่อยหรือเปล่าลูก ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้กัน"หลิวซินเยว่เข้าใจความกังวลของผู้เป็นแม่ดี ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนยังค่อนข้างอนุรักษนิยม การแต่งตัวที่ฉูดฉาดเกินไปอาจทำให้ถูกนินทาได้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเรากำลังเปิดประเทศ ผู้คนก็ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หนูอยากลองนำเทรนด์ดูบ้าง"ซูหลินเห็นลูกสาวมุ่งมั่นเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย "เอาเถอะๆ แม่ตามใจลูกก็แ
หลังจากซื้อผ้าเสร็จ หลิวซินเยว่ก็เอ่ยขึ้น "แม่คะ เดี๋ยวแม่จ้างรถลากให้ไปส่งของที่บ้านของเรานะคะ หนูจะไปห้างสรรพสินค้าหน่อยค่ะ หนูกะไปซื้อเครื่องสำอาง กับให้ช่างตัดผมซอยผมให้ด้วยค่ะ"นางซูพยักหน้า "ไปเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขนผ้าพวกนี้ไปเอง"เมื่อเห็นแม่ขึ้นรถลากไปแล้ว หลิวซินเยว่ก็เรียกรถลากอีกคันให้ไปส่งเธอที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้เธอกะจะไปเปลี่ยนทรงผมให้ทันสมัยขึ้น ก่อนจะไปซื้อเครื่องสำอาง ‘วันนี้ละฉันจะปฏิวัติจากแม่สาวสุดเฉิ่มมาเป็นสาวสวยให้ดู’ หลิวซินเยว่คิดในใจเมื่อมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใจกลางเมืองหญิงสาวจ่ายเงินก่อนจะลงจากรถลาก เธอสูดหายใจเข้าลึก สัมผัสบรรยากาศแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่แตกต่างจากยุคปัจจุบันที่เธอจากมาโดยสิ้นเชิงร้านตัดผมในห้างสรรพสินค้าตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ส่องประกายสะท้อนแสงไฟนีออนสีสันสดใส ช่างผมชายหนุ่มท่าทางทันสมัยกำลังวุ่นอยู่กับการเซ็ตผมให้ลูกค้าสาวสวย หลิวซินเยว่ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านทันที"สวัสดีครับ คุณลูกค้าสนใจใช้บริการอะไรครับ" ช่างผมหนุ่มเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม"ฉันอยากตัดผมค่ะ" หลิวซินเยว่ตอบ "อยากได้ทรงผมที่ทันสมัยหน่อยค่ะ""คุณอยากได้ทรงผมแบบไ
ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ""ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร""โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวังหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราว
หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้าหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?""ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ย
ร้านอาหารจีนในห้างสรรพสินค้าคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาลิ้มรสอาหารเลิศรส ในมุมหนึ่งของร้าน หลิวซินเยว่ถูกหลี่เหมยฮัวลากมานั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเธอและครอบครัวนายพลตัวร้ายโดยที่เธอปฏิเสธไม่ได้ หวังต้าเหล่ย ผู้เป็นพ่อของหวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถามลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"หนูเหมยฮัว ไปเจอเจ้าหย่งเจี๋ยที่ไหนเหรอ"หลี่เหมยฮัวยิ้มกว้างก่อนตอบ "หนูไปเจอพี่หย่งเจี๋ยข้างนอกค่ะ"เฉินเฟยหง ผู้เป็นแม่ของหลี่เหมยฮัวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ลูกสาวด้วยสายตาใคร่รู้ "แล้วนี่แม่หนูคนนี้คือใครเหรอ""คุณพ่อคุณแม่คะ นี่หลิวซินเยว่ เพื่อนของหนูเองค่ะ" หลี่เหมยฮัวแนะนำเพื่อนใหม่ให้พ่อแม่รู้จักด้วยความภาคภูมิใจ"เธอเก่งมากเลยนะคะ เธอเคยฝึกการต่อสู้มาก่อนด้วย เธอช่วยหนูจับโจรที่มาขโมยกระเป๋าของหนูค่ะ" ดวงตาของหลี่เหมยฮัวเป็นประกายขณะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวิน หันไปมองหลิวซินเยว่ด้วยความประหลาดใจปนชื่นชม หวังต้าเหล่ยเองก็มองหลิวซินเยว่ด้วยความสนใจ"คุณลุงคุณป้าค่ะพี่หย่งเจี๋ยทำนิสัยไม่ดี ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนหนูด้วยค่ะ" หลี่เหมยฮัวได้ทีก็ฟ้องทันที เธอซบหน้าลงกับไหล่ขอ
หลังจากมื้ออาหารอันสุดแสนจะทรมานจบลง หลิวซินเยว่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"หลี่เหมยฮัวมองตามด้วยแววตาเป็นห่วง "เยว่เยว่ จะให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม""ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้" หลิวซินเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลิวซินเยว่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังต้าเหล่ยและจ้าวหรูอี้ผู้เป็นพ่อแม่ของคุณตัวร้าย "คุณลุงคุณป้าหนูขอลาก่อนค่ะ" เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ไม่ไกล "ลาก่อนค่ะ คุณลุง คุณป้า" เธอเอ่ยลาอย่างมีมารยาทจ้าวหรูอี้มองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาเอ็นดู "เยว่เยว่ ไปเที่ยวที่บ้านป้าต่อไหมจ๊ะ บ้านของป้าติดกับบ้านของหนูเหมยฮัว" เธอเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลิวซินเยว่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับคุณนายหวัง "ขอบคุณคุณป้าที่เอ็นดูหนูนะคะ แต่พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ" เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล"แล้วหนูจะไปธุระที่ไหนต่อหรือ" จ้าวหรูอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะเพิ่งพบหลิวซินเยว่เป็นครั้งแรก แต่เธ
หลังเลิกเรียนในตอนเย็น หลิวซินเยว่เก็บหนังสือใส่กระเป๋า วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตในยุคนี้ ดีที่เธอยังมีความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงใช้ชีวิตในยุคนี้ได้อย่างยากลำบากเพราะแต่ละวิชาในคณะแพทย์นั้นยากมาก ความรู้ที่ติดตัวมาทำให้เธอเรียนได้อย่างสบายๆ อีกเพียงปีเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว และเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลตอนนี้เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่โรงพยาบาลที่ไหนดีในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของทันใดนั้น เสียงใสๆ ของจางเสี่ยวหลานเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น"เยว่เยว่ เธอไปทำอะไรมานี่ ทำไมดูสวยขึ้น?" จางเสี่ยวหลานเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจ้องมองหลิวซินเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะสแกนหาความเปลี่ยนแปลงหลิวซินเยว่ยิ้มให้เพื่อนสนิท "ฉันก็แค่ไปเปลี่ยนทรงผมกับลองแต่งหน้าดูเท่านั้นแหละ""จริงเหรอ แค่นั้นเองเหรอ" จางเสี่ยวหลานหรี่ตามอง "หรือว่าเธอมีความรักหรือเปล่าถึงได้หันมาดูแลตัวเองแบบนี้" น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้"บ้า ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากสวยเฉยๆ" หลิวซินเยว่รีบปฏิเสธ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อจางเสี่ยวหลานยิ้มกริ่ม "เย
เช้าวันต่อมารถจี๊ปทหารคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าร้านตัดเย็บซูหลินเล็กๆ ในตลาดหรงเหมย หวังหย่งเจี๋ยในชุดเครื่องแบบนายพลก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมคายดูสง่าผ่าเผย เขามองเข้าไปในร้าน เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ แต่ไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวร่างบางที่เขาเจอเมื่อวานภายในร้านดูเรียบร้อยสะอาดตา ผิดกับภายนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน หวังหย่งเจี๋ย มองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทักขึ้น"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ใช่ไหมครับซูหลินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า "ใช่แล้วค่ะ ฉันชื่อซูหลินเป็นเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ค่ะ ท่านนายพลต้องการอะไรคะ" แววตาของหล่อนฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเครื่องแบบทหารบนตัวเขา"ผมต้องการสั่งตัดชุดทหารครับ" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "ไม่ทราบว่าที่ร้านมีพนักงานคนอื่นอีกไหมครับ พอดีผมต้องการสั่งตัดหลายชุด" สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้าน"ที่ร้านแห่งนี้มีฉันเพียงแค่คนเพียงคนเดียวค่ะ" นางซูหลินตอบ "ปกติจะมีลูกสาวมาช่วยด้วย แต่วันนี้เธอมีเรียนค่ะ น่าจะกลับช่วงเย็นๆ โน่นแหละค่ะ""อ้อ" หวังหย่งเจี๋ย รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "งั้นผมจะสั่งตัดชุดทหาร สัก 7 ชุด นะครับ ถ
หลังจากที่เธอเพิ่งได้จักรเย็บผ้าจากป้าเจียงมา งานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผ้าหลากสีสันถูกตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง ตอนนี้เธอกับแม่ตัดเย็บชุดเสร็จไปได้เกือบ 10 ชุดแล้ว แต่ละชุดล้วนมีดีไซน์ที่ทันสมัย ต่างจากเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ที่มีขายทั่วไปในตลาดขณะที่หลินซินเยว่กำลังเย็บชายกระโปรงชุดสีแดงสดอยู่นั้น เสียงใสๆ ก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน "ขอโทษนะคะ ร้านตัดเย็บซูหลินอยู่นี่หรือเปล่าคะ"ซินเยว่วางมือจากงานตรงหน้า รีบเดินออกไปต้อนรับ ทันทีที่เปิดประตู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า "เหมยฮัว"หลี่เหมยฮัว อยู่ในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้า ยืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน"เยว่เยว่ บ้านของเธอหลังนี้นี่เอง""ใช่แล้ว เข้ามาสิ" หลิวซินเยว่ผายมือเชื้อเชิญ "บ้านฉันแคบหน่อยนะ" เธอกล่าวพลางเดินนำหลี่เหมยฮัวเข้าไปในบ้านภายในบ้าน นางซูหลิน ผู้เป็นแม่ กำลังนั่งเย็บกระดุมเสื้ออยู่ หลิวซินเยว่รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วยื่นให้หลี่เหมยฮัว "เหมยฮัว นี่แม่ฉัน เธอชื่อซูหลิน" หญิงสาวเอ่ยแนะนำ "ชุดพวกนี้ ฉันกับแม่ช่วยกันตัดเย็บเอง" หลิวซินเยว่ชี้นิ้วไปยังเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากสีที่แขวนเรียงรายอยู่บนราวหลี่เหมยฮัวมองชุดเหล่านั้นด้
หลังจากมื้ออาหารอันสุดแสนจะทรมานจบลง หลิวซินเยว่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"หลี่เหมยฮัวมองตามด้วยแววตาเป็นห่วง "เยว่เยว่ จะให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม""ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้" หลิวซินเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลิวซินเยว่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังต้าเหล่ยและจ้าวหรูอี้ผู้เป็นพ่อแม่ของคุณตัวร้าย "คุณลุงคุณป้าหนูขอลาก่อนค่ะ" เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ไม่ไกล "ลาก่อนค่ะ คุณลุง คุณป้า" เธอเอ่ยลาอย่างมีมารยาทจ้าวหรูอี้มองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาเอ็นดู "เยว่เยว่ ไปเที่ยวที่บ้านป้าต่อไหมจ๊ะ บ้านของป้าติดกับบ้านของหนูเหมยฮัว" เธอเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลิวซินเยว่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับคุณนายหวัง "ขอบคุณคุณป้าที่เอ็นดูหนูนะคะ แต่พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ" เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล"แล้วหนูจะไปธุระที่ไหนต่อหรือ" จ้าวหรูอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะเพิ่งพบหลิวซินเยว่เป็นครั้งแรก แต่เธ
ร้านอาหารจีนในห้างสรรพสินค้าคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาลิ้มรสอาหารเลิศรส ในมุมหนึ่งของร้าน หลิวซินเยว่ถูกหลี่เหมยฮัวลากมานั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเธอและครอบครัวนายพลตัวร้ายโดยที่เธอปฏิเสธไม่ได้ หวังต้าเหล่ย ผู้เป็นพ่อของหวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถามลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"หนูเหมยฮัว ไปเจอเจ้าหย่งเจี๋ยที่ไหนเหรอ"หลี่เหมยฮัวยิ้มกว้างก่อนตอบ "หนูไปเจอพี่หย่งเจี๋ยข้างนอกค่ะ"เฉินเฟยหง ผู้เป็นแม่ของหลี่เหมยฮัวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ลูกสาวด้วยสายตาใคร่รู้ "แล้วนี่แม่หนูคนนี้คือใครเหรอ""คุณพ่อคุณแม่คะ นี่หลิวซินเยว่ เพื่อนของหนูเองค่ะ" หลี่เหมยฮัวแนะนำเพื่อนใหม่ให้พ่อแม่รู้จักด้วยความภาคภูมิใจ"เธอเก่งมากเลยนะคะ เธอเคยฝึกการต่อสู้มาก่อนด้วย เธอช่วยหนูจับโจรที่มาขโมยกระเป๋าของหนูค่ะ" ดวงตาของหลี่เหมยฮัวเป็นประกายขณะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวิน หันไปมองหลิวซินเยว่ด้วยความประหลาดใจปนชื่นชม หวังต้าเหล่ยเองก็มองหลิวซินเยว่ด้วยความสนใจ"คุณลุงคุณป้าค่ะพี่หย่งเจี๋ยทำนิสัยไม่ดี ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนหนูด้วยค่ะ" หลี่เหมยฮัวได้ทีก็ฟ้องทันที เธอซบหน้าลงกับไหล่ขอ
หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้าหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?""ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ย
ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ""ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร""โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวังหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราว
หลังจากซื้อผ้าเสร็จ หลิวซินเยว่ก็เอ่ยขึ้น "แม่คะ เดี๋ยวแม่จ้างรถลากให้ไปส่งของที่บ้านของเรานะคะ หนูจะไปห้างสรรพสินค้าหน่อยค่ะ หนูกะไปซื้อเครื่องสำอาง กับให้ช่างตัดผมซอยผมให้ด้วยค่ะ"นางซูพยักหน้า "ไปเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขนผ้าพวกนี้ไปเอง"เมื่อเห็นแม่ขึ้นรถลากไปแล้ว หลิวซินเยว่ก็เรียกรถลากอีกคันให้ไปส่งเธอที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้เธอกะจะไปเปลี่ยนทรงผมให้ทันสมัยขึ้น ก่อนจะไปซื้อเครื่องสำอาง ‘วันนี้ละฉันจะปฏิวัติจากแม่สาวสุดเฉิ่มมาเป็นสาวสวยให้ดู’ หลิวซินเยว่คิดในใจเมื่อมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใจกลางเมืองหญิงสาวจ่ายเงินก่อนจะลงจากรถลาก เธอสูดหายใจเข้าลึก สัมผัสบรรยากาศแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่แตกต่างจากยุคปัจจุบันที่เธอจากมาโดยสิ้นเชิงร้านตัดผมในห้างสรรพสินค้าตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ส่องประกายสะท้อนแสงไฟนีออนสีสันสดใส ช่างผมชายหนุ่มท่าทางทันสมัยกำลังวุ่นอยู่กับการเซ็ตผมให้ลูกค้าสาวสวย หลิวซินเยว่ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านทันที"สวัสดีครับ คุณลูกค้าสนใจใช้บริการอะไรครับ" ช่างผมหนุ่มเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม"ฉันอยากตัดผมค่ะ" หลิวซินเยว่ตอบ "อยากได้ทรงผมที่ทันสมัยหน่อยค่ะ""คุณอยากได้ทรงผมแบบไ
"แม่คะ เดี๋ยวเราแต่งตัวไปข้างนอกกันเถอะ หนูว่าจะไปร้านขายผ้าด้วย หนูจะเลือกซื้อผ้ามาตัดเย็บชุดแบบนี้ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดพลางหยิบชุดที่เธอเพิ่งตัดเย็บเสร็จมาสวม เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวแขนพอง จับคู่กับกระโปรงทรงเอสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องของเธออย่างลงตัว ยิ่งขับให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตา ชุดดูทันสมัยผิดวิสัยสาวชาวบ้านทั่วไป ใครเห็นแล้วต้องเหลียวมอง"แม่ว่ายังไงบ้างคะ" เธอถามแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มหวาน"ก็ดีเหมือนกันนะ เยว่เยว่ ลูกแต่งตัวแบบนี้ดูสวยขึ้นเยอะเลย" ซูหลินแม่ของเธอตอบด้วยแววตาเอ็นดู "แต่ว่า...""แต่ว่าอะไรเหรอคะแม่""เอ่อ... คือว่า..." นางซูมีสีหน้าลำบากใจ "แม่ว่าชุดนี้มันดู... โดดเด่นเกินไปหน่อยหรือเปล่าลูก ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้กัน"หลิวซินเยว่เข้าใจความกังวลของผู้เป็นแม่ดี ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนยังค่อนข้างอนุรักษนิยม การแต่งตัวที่ฉูดฉาดเกินไปอาจทำให้ถูกนินทาได้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเรากำลังเปิดประเทศ ผู้คนก็ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หนูอยากลองนำเทรนด์ดูบ้าง"ซูหลินเห็นลูกสาวมุ่งมั่นเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย "เอาเถอะๆ แม่ตามใจลูกก็แ