หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ
"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ
"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้า
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้
"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส
"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?"
"ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ยิ่งหน้าตาดีๆ แบบคุณยิ่งน่ากลัว"
"หน้าตาดี?" หวังหย่งเจี๋ยเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ เขาไม่เคยถูกใครวิจารณ์เรื่องหน้าตามาก่อน ส่วนมากจะได้ยินแต่คำชื่นชม
"ใช่ หน้าตาดีแบบนี้แหละ ตัวอันตราย" หลิวซินเยว่พยักหน้าหงึกๆ ยืนยันคำพูดของตนเอง "เพราะงั้น... ถอยไป" เธอชี้นิ้วสั่ง
หวังหย่งเจี๋ยรู้สึกสนใจหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาอย่างทันที เดิมทีเขาแค่อยากแกล้งเธอเล่นๆ สักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่น่าสนใจเช่นนี้ แต่ยิ่งเธอแสดงออกถึงความแข็งกร้าวมากเท่าไหร่ เขากลับยิ่งรู้สึกสนใจเธอมากขึ้นเท่านั้น
ใบหน้าหวานๆ นั่นแดงก่ำ ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องเขาเขม็ง ราวกับลูกแมวตัวน้อยที่พยายามขู่ฟ่อ แต่กลับดูน่าเอ็นดูเสียมากกว่าน่ากลัว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น แสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้น
"หึ" หวังหย่งเจี๋ยหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดใจไม่ได้ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่กล้าต่อกรกับเขาเช่นนี้มาก่อน ส่วนใหญ่จะหวาดกลัว ประจบประแจง หรือไม่ก็พยายามออดอ้อนเขา แต่กับคนร่างบางกลับแตกต่าง เธอเหมือนดอกเหมยที่แข็งแกร่ง บานสะพรั่งท่ามกลางหิมะ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกอยากครอบครอง
"เธอคิดว่าคนอย่างฉันกลัวคำขู่ของเธอหรือไง" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงทุ้มต่ำ แววตาเป็นประกายวาวโรจน์ แต่แฝงไปด้วยความเอ็นดู เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ จ้องมองใบหน้าหวานที่อยู่ห่างเพียงคืบก่อนแสยะยิ้มมุมปาก "ในเมื่อเธอเดินชนฉัน ก็ต้องรับผิดชอบ"
"ฉันก็ขอโทษแล้วไง" หลิวซินเยว่เริ่มโกรธ "จะเอาอะไรอีก"
"ฉันอยากรู้จักชื่อของคนที่กล้าเดินชนฉัน" หวังหย่งเจี๋ยพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับวาวโรจน์
หลิวซินเยว่เม้มริมฝีปากแน่น เธอรู้ดีว่าไม่ควรบอกชื่อจริงให้เขารู้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอจะทำอย่างไรได้
"ฉัน... " หลิวซินเยว่ลังเล สมองประมวลผลอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออก
หวังหย่งเจี๋ยยังคงจ้องมองเธอ รอคอยคำตอบ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลิวซินเยว่รู้สึกเหมือนตกเป็นเหยื่อ ถูกไล่ต้อนจนจนมุม
ทันใดนั้น เสียงตะโกนของใครบางคนก็ดังขึ้น "พี่หย่งเจี๋ย พี่จะทำอะไรเพื่อนของฉัน"
หวังหย่งเจี๋ยหันขวับไปมองเขาเห็นหญิงสาวที่เขาแอบรักเดินเข้ามาหา แต่แปลกตอนนี้เขารู้สึกเฉยๆ กับเธอ
หลิวซินเยว่ฉวยโอกาสนี้ออกจากพันธนาการเธอผลักเขาออกสุดแรง แล้ววิ่งหนีไปหาหลี่เหมยฮัว เธอแอบฟ้องคุณนางเอกทันที
"เหมยฮัวช่วยฉันด้วย มีไอ้บ้าโรคจิตที่ไหนไม่รู้มากักขังฉันไว้ ฉันกลัวมาก" หลิวซินเยว่โผเข้ากอดหลี่เหมยฮัวแน่นเธอแสร้งหวาดกลัว เธอรู้ดีว่าท่านนายพลหวังแอบชอบคุณนางเอก เขาไม่เคยขัดใจคุณนางเอกได้เลย เธอต้องใช้ หลี่เหมยฮัวเป็นไม้กันหมา โดยเฉพาะหมาบ้าที่กัดไม่ปล่อยแบบเขา
หลี่เหมยฮัวโอบกอดหลิวซินเยว่ตอบ พลางลูบหลังปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย "เยว่เยว่...เป็นอย่างไรบ้าง"
หลิวซินเยว่ส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยกับคุณนางเอก "ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ตกใจนิดหน่อย อยู่ๆก็มีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จะมาลวนลาม "
หลี่เหมยฮัวหันหน้าไปหาพี่ชายข้างบ้านคนสนิท พี่หย่งเจี๋ย " พี่จะไปเจ้าชู้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงฉันไหนฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ว่า เยว่เยว่เป็นเพื่อนของฉัน พี่ห้ามทำกับเธอเหมือนกับผู้หญิงที่พี่ควงด้วยเป็นอันขาดขาด " เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตากลมโตจ้องมองหวังหย่งเจี๋ยอย่างไม่วางตา
หวังหย่งเจี๋ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนที่เขาแอบหลงรักตั้งแต่เด็กปกป้องหญิงสาวตรงหน้า "เพื่อนของเหมยฮัว ชื่อเยว่เยว่เหรอ" เขาถาม แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม
"ใช่แล้วค่ะ เธอชื่อหลิวซินเยว่" เหมยฮัวพยักหน้ารับ "พี่หย่งเจี๋ยสัญญากับเหมยฮัวนะ ว่าจะไม่จีบเพื่อนของฉันเล่นๆ"
หวังหย่งเจี๋ยหัวเราะในลำคออย่างนึกขบขันกับท่าทีหวงเพื่อนของน้องสาวข้างบ้าน "พี่แค่ต้องการถามชื่อคนที่ชนพี่เท่านั้น" เขาตอบเสียงเรียบ แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่หลิวซินเยว่ไม่วางตา หญิงสาวผู้นี้ช่างงดงามราวกับหยกสลัก ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตายาวงอน จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อ ยิ่งเธอพยายามหลบสายตาเขา ก็ยิ่งปลุกเร้าความสนใจในตัวหวังหย่งเจี๋ยให้มากขึ้นเป็นเท่าทวี
"พี่หย่งเจี๋ยอย่ามาโกหกเหมยฮัวนะ เหมยฮัวรู้ว่าพี่คิดไม่ซื่อกับเยว่เยว่" เหมยฮัวทำแก้มป่อง แม้จะรู้ดีว่าหวังหย่งเจี๋ยเป็นคนเจ้าชู้ แต่เธอก็อดเป็นห่วงผู้มีพระคุณของเธอไม่ได้ หลิวซินเยว่ไม่น่าจะทันคนเจ้าเล่ห์อย่างพี่ชายข้างบ้านของเธอเป็นแน่
หลิวซินเยว่ได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ ในใจ 'นี่ฉันเป็นตัวประกอบในละครน้ำเน่าของคนพวกนี้จริงๆ เหรอเนี่ย' ยิ่งได้ยินเหมยฮัวประกาศชื่อของเธอให้คุณตัวร้ายได้ยิน หลิวซินเยว่ก็ยิ่งอยากจะเอามือกุมขมับ แล้วที่เธออุตส่าห์ไม่ยอมบอกชื่อให้พ่อตัวร้ายได้รับรู้ ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย แล้วที่สำคัญที่สุด หวังหย่งเจี๋ยนายพลผู้โหดเหี้ยมคนนี้ กำลังจ้องเธอเหมือนจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว 'เวรแล้วไง'
"น้องเหมยฮัวพูดอะไรเช่นนั้น พี่กับเธอเพิ่งพบกันครั้งแรก" หวังหย่งเจี๋ยแสร้งทำเป็นโอดครวญ แต่ในแววตามีประกายเจ้าเล่ห์ "แต่จะว่าไป... บังเอิญพี่รู้สึกถูกชะตากับเยว่เยว่มากเหมือนว่าพวกเราจะเคยเจอกันมาก่อน" เขาหลี่ตามองเธออย่างพิจารณา
หลิวซินเยว่สะดุ้งอยู่ในใจ ภายนอกดูสงบนิ่งราวกับน้ำในบึงลึก แต่ภายในใจกลับปั่นป่วนราวกับพายุ เธอจะให้เขารู้ไม่ได้ว่าเธอคือคนที่เขาเคยนอนด้วย
"คุณคงจำคนผิดแล้ว ฉันพึ่งเคยเจอคุณเป็นครั้งแรก"
"พี่จะจำผิดจริงๆนะหรือ " หวังหย่งเจี๋ยนแสร้งทำท่าครุ่นคิด "แต่หน้าตางดงามเช่นนี้ หากเคยพบเจอพี่คงไม่มีวันลืมเลือนเป็นแน่" เขาจ้องมองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาคมกริบราวกับเหยี่ยว
หลิวซินเยว่รู้สึกขนลุกซู่ภายใต้สายตาของเขา เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงความหวั่นไหวออกมา
"บังเอิญจริงๆ ที่ได้เจอเพื่อนของน้องเหมยฮัว งั้น... " หวังหย่งเจี๋ยนเว้นช่วง "ไหนๆ เหมยฮัวก็เจอเพื่อนแล้ว พี่ว่าน้องควรจะชวนเพื่อนไปกินข้าวกับครอบครัวของพวกเราด้วย" เขายิ้มอย่างมีเลศนัย
หลิวซินเยว่แทบจะหยุดหายใจ เธอจะไปเผชิญหน้ากับครอบครัวของเขาได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้! "ไม่เอา... ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันยังมีธุระ..." เธอรีบปฏิเสธ "ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ" เธอพยายามหาข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยิ้มบางๆ "ธุระอะไรหรือ?บอกฉันมาสิ เผื่อว่าฉันพอจะช่วยได้" น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั้นช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์นายพลผู้เหี้ยมโหดที่ใครๆ ต่างพากันหวาดกลัวราวฟ้ากับเหว
หลิวซินเยว่ยิ่งร้อนรนใจ เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่าธุระที่ว่านั่นคือการหนีให้ห่างจากเขาคนนี้ "เอ่อ... คือ..."
ในขณะที่เธอกำลังหาข้ออ้างในการปฏิเสธ ทันใดนั้นหลี่เหมยฮัวก็เข้ามาคล้องแขนเธอ หลวมๆ "เยว่เยว่ ไปทานข้าวกับครอบครัวฉันเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปพบพ่อกับแม่ของฉัน"
หลิวซินเยว่ได้แต่ยืนนิ่งแข็งทื่อ ในใจได้แต่ร้องโวยวาย 'โอ๊ยคุณนางเอก ฉันอุตส่าห์หนีจากคุณตัวร้ายแทบตาย แต่เธอกลับผลักไสฉันเข้าไปในอ้อมอกของศัตรูโดยไม่รู้ตัวนะ'
โอ๊ยสงสารยัยน้องหนีอีพี่ไม่รอด แถมยังโดนคุณนางเอกเปิดทางให้ไปหาตัวร้ายอีก
ร้านอาหารจีนในห้างสรรพสินค้าคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาลิ้มรสอาหารเลิศรส ในมุมหนึ่งของร้าน หลิวซินเยว่ถูกหลี่เหมยฮัวลากมานั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเธอและครอบครัวนายพลตัวร้ายโดยที่เธอปฏิเสธไม่ได้ หวังต้าเหล่ย ผู้เป็นพ่อของหวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถามลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"หนูเหมยฮัว ไปเจอเจ้าหย่งเจี๋ยที่ไหนเหรอ"หลี่เหมยฮัวยิ้มกว้างก่อนตอบ "หนูไปเจอพี่หย่งเจี๋ยข้างนอกค่ะ"เฉินเฟยหง ผู้เป็นแม่ของหลี่เหมยฮัวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ลูกสาวด้วยสายตาใคร่รู้ "แล้วนี่แม่หนูคนนี้คือใครเหรอ""คุณพ่อคุณแม่คะ นี่หลิวซินเยว่ เพื่อนของหนูเองค่ะ" หลี่เหมยฮัวแนะนำเพื่อนใหม่ให้พ่อแม่รู้จักด้วยความภาคภูมิใจ"เธอเก่งมากเลยนะคะ เธอเคยฝึกการต่อสู้มาก่อนด้วย เธอช่วยหนูจับโจรที่มาขโมยกระเป๋าของหนูค่ะ" ดวงตาของหลี่เหมยฮัวเป็นประกายขณะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวิน หันไปมองหลิวซินเยว่ด้วยความประหลาดใจปนชื่นชม หวังต้าเหล่ยเองก็มองหลิวซินเยว่ด้วยความสนใจ"คุณลุงคุณป้าค่ะพี่หย่งเจี๋ยทำนิสัยไม่ดี ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนหนูด้วยค่ะ" หลี่เหมยฮัวได้ทีก็ฟ้องทันที เธอซบหน้าลงกับไหล่ขอ
หลังจากมื้ออาหารอันสุดแสนจะทรมานจบลง หลิวซินเยว่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"หลี่เหมยฮัวมองตามด้วยแววตาเป็นห่วง "เยว่เยว่ จะให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม""ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้" หลิวซินเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลิวซินเยว่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังต้าเหล่ยและจ้าวหรูอี้ผู้เป็นพ่อแม่ของคุณตัวร้าย "คุณลุงคุณป้าหนูขอลาก่อนค่ะ" เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ไม่ไกล "ลาก่อนค่ะ คุณลุง คุณป้า" เธอเอ่ยลาอย่างมีมารยาทจ้าวหรูอี้มองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาเอ็นดู "เยว่เยว่ ไปเที่ยวที่บ้านป้าต่อไหมจ๊ะ บ้านของป้าติดกับบ้านของหนูเหมยฮัว" เธอเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลิวซินเยว่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับคุณนายหวัง "ขอบคุณคุณป้าที่เอ็นดูหนูนะคะ แต่พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ" เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล"แล้วหนูจะไปธุระที่ไหนต่อหรือ" จ้าวหรูอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะเพิ่งพบหลิวซินเยว่เป็นครั้งแรก แต่เธ
หลังจากที่เธอเพิ่งได้จักรเย็บผ้าจากป้าเจียงมา งานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผ้าหลากสีสันถูกตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง ตอนนี้เธอกับแม่ตัดเย็บชุดเสร็จไปได้เกือบ 10 ชุดแล้ว แต่ละชุดล้วนมีดีไซน์ที่ทันสมัย ต่างจากเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ที่มีขายทั่วไปในตลาดขณะที่หลินซินเยว่กำลังเย็บชายกระโปรงชุดสีแดงสดอยู่นั้น เสียงใสๆ ก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน "ขอโทษนะคะ ร้านตัดเย็บซูหลินอยู่นี่หรือเปล่าคะ"ซินเยว่วางมือจากงานตรงหน้า รีบเดินออกไปต้อนรับ ทันทีที่เปิดประตู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า "เหมยฮัว"หลี่เหมยฮัว อยู่ในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้า ยืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน"เยว่เยว่ บ้านของเธอหลังนี้นี่เอง""ใช่แล้ว เข้ามาสิ" หลิวซินเยว่ผายมือเชื้อเชิญ "บ้านฉันแคบหน่อยนะ" เธอกล่าวพลางเดินนำหลี่เหมยฮัวเข้าไปในบ้านภายในบ้าน นางซูหลิน ผู้เป็นแม่ กำลังนั่งเย็บกระดุมเสื้ออยู่ หลิวซินเยว่รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วยื่นให้หลี่เหมยฮัว "เหมยฮัว นี่แม่ฉัน เธอชื่อซูหลิน" หญิงสาวเอ่ยแนะนำ "ชุดพวกนี้ ฉันกับแม่ช่วยกันตัดเย็บเอง" หลิวซินเยว่ชี้นิ้วไปยังเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากสีที่แขวนเรียงรายอยู่บนราวหลี่เหมยฮัวมองชุดเหล่านั้นด้
เช้าวันต่อมารถจี๊ปทหารคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าร้านตัดเย็บซูหลินเล็กๆ ในตลาดหรงเหมย หวังหย่งเจี๋ยในชุดเครื่องแบบนายพลก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมคายดูสง่าผ่าเผย เขามองเข้าไปในร้าน เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ แต่ไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวร่างบางที่เขาเจอเมื่อวานภายในร้านดูเรียบร้อยสะอาดตา ผิดกับภายนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน หวังหย่งเจี๋ย มองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทักขึ้น"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ใช่ไหมครับซูหลินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า "ใช่แล้วค่ะ ฉันชื่อซูหลินเป็นเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ค่ะ ท่านนายพลต้องการอะไรคะ" แววตาของหล่อนฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเครื่องแบบทหารบนตัวเขา"ผมต้องการสั่งตัดชุดทหารครับ" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "ไม่ทราบว่าที่ร้านมีพนักงานคนอื่นอีกไหมครับ พอดีผมต้องการสั่งตัดหลายชุด" สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้าน"ที่ร้านแห่งนี้มีฉันเพียงแค่คนเพียงคนเดียวค่ะ" นางซูหลินตอบ "ปกติจะมีลูกสาวมาช่วยด้วย แต่วันนี้เธอมีเรียนค่ะ น่าจะกลับช่วงเย็นๆ โน่นแหละค่ะ""อ้อ" หวังหย่งเจี๋ย รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "งั้นผมจะสั่งตัดชุดทหาร สัก 7 ชุด นะครับ ถ
หลังเลิกเรียนในตอนเย็น หลิวซินเยว่เก็บหนังสือใส่กระเป๋า วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตในยุคนี้ ดีที่เธอยังมีความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงใช้ชีวิตในยุคนี้ได้อย่างยากลำบากเพราะแต่ละวิชาในคณะแพทย์นั้นยากมาก ความรู้ที่ติดตัวมาทำให้เธอเรียนได้อย่างสบายๆ อีกเพียงปีเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว และเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลตอนนี้เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่โรงพยาบาลที่ไหนดีในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของทันใดนั้น เสียงใสๆ ของจางเสี่ยวหลานเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น"เยว่เยว่ เธอไปทำอะไรมานี่ ทำไมดูสวยขึ้น?" จางเสี่ยวหลานเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจ้องมองหลิวซินเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะสแกนหาความเปลี่ยนแปลงหลิวซินเยว่ยิ้มให้เพื่อนสนิท "ฉันก็แค่ไปเปลี่ยนทรงผมกับลองแต่งหน้าดูเท่านั้นแหละ""จริงเหรอ แค่นั้นเองเหรอ" จางเสี่ยวหลานหรี่ตามอง "หรือว่าเธอมีความรักหรือเปล่าถึงได้หันมาดูแลตัวเองแบบนี้" น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้"บ้า ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากสวยเฉยๆ" หลิวซินเยว่รีบปฏิเสธ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อจางเสี่ยวหลานยิ้มกริ่ม "เย
เมื่อรถจี๊ปทหารคันใหญ่แล่นมาจอดเทียบหน้าธนาคารประชาชน หลิวซินเยว่ หันมายิ้มหวานให้หวังหย่งเจี๋ย"ขอบคุณนะคะ ท่านนายพล ที่อุตส่าห์มาส่งฉัน"หวังหย่งเจี๋ยพยักหน้ารับ "ไม่เป็นไร ถือว่าฉันผ่านมาทางนี้พอดี" เขาตอบเสียงเรียบหลิวซินเยว่เปิดประตูรถ ก้าวลงมายืนบนฟุตบาท แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นนายพลตัวร้าย ก้าวลงจากรถตามเธอมาติดๆ หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย"ท่านนายพลหวัง...คุณจะตามฉันมาทำไมคะ" เธอถามอย่างแปลกใจ "คนใหญ่คนโตเช่นคุณน่าจะมีธุระมากมาย ไม่ควรเสียเวลากับคนเล็กแบบฉันเช่นนี้" หลิวซินเยว่เอ่ยไล่คุณตัวร้ายกลายๆ"วันนี้ฉันว่าง" หวังหย่งเจี๋ยตอบเสียงเรียบ สายตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตาหลิวซินเยว่ยิ้มบางๆ อย่างรู้ทัน "ว่าง...ท่านนายพลหวังล้อเล่นใช่ไหมคะ" เธอยังคงพยายามรักษาน้ำเสียงให้สุภาพ แม้ในใจจะเริ่มหงุดหงิดกับความหน้าด้านหน้าทนของชายหนุ่มผู้นี้เต็มที
"ในเมื่อเธอได้เงินมาแล้วเธอจะทำอะไรต่อ" หวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถาม ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่หญิงสาว ราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันว่าจะไปซื้อที่ดินมาจัดตั้งโรงงาน คงต้องไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ" หลิวซินเยว่ตอบ พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวกับสายตาของนายพลตัวร้าย"งั้นเดี๋ยวพี่พาเราไปเอง" ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายหลิวซินเยว่รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นท่านนายพลตัวร้ายคอยช่วยเหลือเธอ เขาคิดอะไรกับเธอหรือเปล่า หรือเพียงเพราะต้องการเอาใจ เพื่อหวังผลประโยชน์จากเธอในอนาคต ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจ แต่เธอก็ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้ เธอไม่อาจเอ่ยถามมันออกไปได้รถจี๊ปทหารสีเขียวเข้มแล่นเข้าสู่เขตที่ว่าการ บรรยากาศคึกคักจอแจไปด้วยผู้คนที่มาติดต่อราชการ หลิวซินเยว่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเหยียบสถานที่ราชการแบบนี้ชายหนุ่มจอดรถเสร็จสรรพก็หันมาถามหญิงสาว "เยว่เยว่เธออยากดื่มชาก่อนไหม?พี่เห็นร้านน้ำชาอยู่ตรงหัวมุมนั่น"หลิวซินเยว่ส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่เป็นไรค่ะท่านนายพล ฉันอยากรีบจัดการเรื่องที่ดินให้เสร็จ" จ
รถจี๊ปสีเขียวเข้มแล่นมาจอดหน้าบ้านตระกูลหลิว หวังหย่งเจี๋ยหันมายิ้มให้หลิวซินเยว่ แก้มสากที่เคยตึงเครียดจากการฝึกทหารบัดนี้คลายตัวลงจนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม"ถึงบ้านแล้วครับคนดี" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน ต่างจากน้ำเสียงแข็งกร้าวที่เคยใช้ในค่ายทหารราวกับเป็นคนละคนหลิวซินเยว่ยังคงนิ่งอึ้ง ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ภาพเหตุการณ์ในรถยังคงติดตา หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาคมกริบของคนร่างสูง ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา "ขอบคุณค่ะพี่หย่งเจี๋ย "หวังหย่งเจี๋ยหัวเราะในลำคอเบาๆ กับท่าทีเขินอายของหญิงสาวตรงหน้า เขายื่นมือไปลูบผมหลิวซินเยว่เบาๆ อย่างเอ็นดูร่างบางเขินจนหน้าแดงก่ำ รู้สึกเหมือนเลือดทั้งหมดพุ่งขึ้นมาบนใบหน้า เธอไม่คิดว่าเขาจะจำเรื่องคืนนั้นได้เพียงแค่ได้จูบกับเธอ"เป็นหมาหรือยังไงกัน แค่ได้กลิ่นเธอก็จำได้" หลิวซินเยว่บ่นพึมพำในใจ พลางก้มหน้าลง มือเล็กๆ บิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่าชายหนุ่มห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของเธอแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ "ทำไมเราถึงคิดว่าพี่จะจำไม่ได้ละ พวกเรามีเซ็กส์กันตั้งหลายรอบและร่างกายของพวกเราก็เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม" เขาพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาเป็นปร
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหว บอกให้คนเมืองหลวงรับรู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลสมรสของตระกูลหวัง งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี กำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ แขกเหรื่อมากมายต่างทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ในที่สุดวันนี้ วันที่หวังหย่งเจี๋ยเฝ้ารอคอยก็มาถึง หลังจากที่เขาต้องอดทนรอให้หลิวซินเยว่ คนรักของตนเรียนจบมหาวิทยาลัยตลอดหนึ่งปีเต็ม วันนี้เขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักที่สุดเสียทีหวังหย่งเจี๋ยในชุดสูทสีดำดูที่ดูหล่อเหลา เขานั่งรอเจ้าสาวอย่างใจจดใจจ่อ เสียงประตูห้องแต่งตัวเปิดออก หวังหย่งเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านนอกแทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เขารักดังใกล้เข้ามาทุกขณะ ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าสาวของเขาหลิวซินเยว่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินระยิบระยับเข้ารูปกับเรือนร่างอรชร ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาแต่ขับเน้นให้ดวงตากลมโตดูสดใสเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มทาด้วยลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องราวกับหยกชั้นดี ยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินออกมาพร้อมหลี่เหมยฮัวเพื่อนสนิทของเ
พิธีหมั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังเสร็จสิ้นพิธี หลี่เหมยฮัวและซุนเจ๋อคู่สามีภรรยาผู้เป็นเพื่อนสนิทของหลิวซินเยว่ ก็เข้ามาแสดงความยินดีหลิวซินเยว่ เข้ามาทักทายคนมี้งคู่ทันที "เหมยฮัว ดีใจจังที่มาได้" เธอกอดคุณนางเอกไว้แน่น"เยว่เยว่ ยินดีด้วยนะ วันนี้เธอสวยมาก" เหมยฮัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"ขอบคุณนะเหมยฮัว" เธอกล่าวขอบคุณ สายตาเหลือบไปเห็นหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นของคุณนางเอก"เหมยฮัว เธอเป็นอย่างไรบ้าง แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"นิดหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันแทบทานอะไรไม่ได้เลย"คนเป็นแม่หมาดๆ เอ่ยตอบ"ถ้าเธอไม่สบาย ไม่ต้องบังคับตัวเองมางานหมั้นฉันก็ได้นะ" หลิวซินเยว่กล่าว"ฉันจะไม่มางานหมั้นเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไร" เหมยฮัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ใบหน้าจะซีดเซียวเล็กน้อยจากอาการแพ้ท้อง"แล้วตอนนี้เธอรู้หรือยังว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว" หลิวซินเยว่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นพลางลูบท้องของเพื่อนเบาๆ"ยังไม่รู้เพศเลย" หลี่เหมยฮัวตอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ"ถ้าฉันมีลูกชาย แล้วเยว่เยว่มีลูกสาว พวกเราจับทั้งสองหมั้
ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็ก้าวลงจากรถยนต์คันหรูด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจ เบื้องหน้าเธอคือร้านอาหารฝรั่งเศสตกแต่งสไตล์ยุโรป ดูหรูหรา ทันสมัย ตัดกับบรรยากาศรอบข้างอย่างสิ้นเชิง"ว้าว สวยจังเลยค่ะพี่หย่งเจี๋ย" เยว่เยว่อุทานอย่างตื่นเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายหวังหย่งเจี๋ยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ "ชอบไหม?พี่ตั้งใจเลือกเลยนะ""ชอบมากค่ะ" หลิวซินเยว่พยักหน้าหงึกหงัก "ไม่คิดว่าปักกิ่งจะมีร้านแบบนี้ด้วย""ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ เขาว่ากันว่าอาหารอร่อยมาก แถมบรรยากาศยังโรแมนติก เหมาะกับคู่รักอย่างเรา" หวังหย่งเจี๋ยขยิบตาให้หลิวซินเยว่ ก่อนจะคว้ามือบางของเธอเดินเข้าไปในร้านภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ทอง ดูหรูหรา โอ่อ่า เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงเบาๆ สร้างบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดตา โค้งคำนับต้อนรับทั้งสองด้วยรอยยิ้ม"โต๊ะริมหน้าต่าง วิวดีที่สุดครับ" หวังหย่งเจี๋ยบอกพนักงาน ก่อนจะพาหลิวซินเยว่ ไปนั่งประจำที่"พี่หย่งเจี๋ยคะ ที่นี่ดูแพงมากเลย" เยว่เยว่กระซิบเสียงเบา รู้สึกประหม่าเล็กน้อย"ไม่ต้องห่วงน่า พี่เลี้ยงเอง" หวังหย่
เวลาผ่านไปอย่ารวดเร็ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากิจการร้านขายเสื้อผ้าบูติกที่ถนนหนานจิงขายดีเป็นอย่างมาก ภายในร้าน หลิวซินเยว่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเรียงเสื้อผ้าตัวใหม่ๆ"คุณหลิว เสื้อผ้าที่ทำออกมาขายแทบจะตัดเย็บไม่ทันแล้วนะ" เสียงจินฮวาดังขึ้นขณะกำลังแขวนชุดเดรสลายดอกไม้สีสดใส "ลูกค้าติดใจแบบเสื้อผ้าของเราใหญ่เลย คนแน่นร้านทุกวัน""จริงอย่างที่พี่จินฮวาว่า" เสี่ยวหลันพูดพลางจัดเรียงกางเกงยีนตัวใหม่ "เมื่อวานตอนบ่าย ฉันเห็นลูกค้าต่อแถวรอซื้อเสื้อผ้าหน้าร้านยาวเหยียดเลย"หลิวซินเยว่ยิ้มกว้าง พลางหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ขึ้นมาพับอย่างบรรจง "ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่ร้านของเราขายดีแบบนี้ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยกันเต็มที่ขนาดนี้""แต่ว่านะคุณหลิว" จินฮวาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล "พวกเราจะทำเสื้อผ้าทันขายเหรอ?แค่พวกคุณซูกับป้าหวังคงไม่ไหวแน่ๆ "หลิวซินเยว่พยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราคงต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ" หลังจากจัดของในร้านเสร็จเธอก็ไปหาแม่และป้าหวังที่บ้านของเธอเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ"ป้าหวัง ...เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้ กว่าโ
เช้าวันรุ่งซินเยว่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนยินดี เธอจัดแจงแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนที่เตรียมไว้ ก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้ากับนางซูหลินผู้เป็นแม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่" ซินเยว่กล่าวทักทายพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะอาหาร"อรุณสวัสดิ์จ้ะเยว่เยว่ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม" นางซูหลินถามด้วยรอยยิ้ม"ค่ะแม่ เมื่อคืนหนูนอนหลับสบายมากเลยค่ะ"บนโต๊ะอาหารมีโจ๊กข้าวต้มร้อนๆ กับหมั่นโถววางอยู่ หลิวซินเยว่ตักโจ๊กเข้าปากพลางเล่าเรื่องราวที่ร้านเมื่อวานนี้ให้แม่ฟังด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข"แม่คะ เมื่อวานนี้คนมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านเยอะมากเลยค่ะ ขายดีจนสินค้าในร้านหายไปครึ่งหนึ่งเลย""จริงเหรอจ๊ะ แม่ดีใจด้วยนะลูก" นางซูยิ้มกว้าง "แล้วขายได้เงินเท่าไหร่ล่ะ""เมื่อวานขายได้ตั้ง 1,000 หยวนแน่ะค่ะ แม้ว่าจะลดราคาครึ่งหนึ่งก็ตาม" ซินเยว่บอกด้วยความภูมิใจ"เก่งมากจ้ะลูก"ซูหลินลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู "วันนี้แม่จะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ไปเติมที่ร้านให้เอง ลูกจะได้ไปงานแต่งงานของเหมยฮัวได้อย่างสบายใจ""ขอบคุณมากนะคะแม่" หลิวซินเยว่ยิ้มกว
สองอาทิตย์ต่อไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร้านบูติกของหลิวซินเยว่ก็ได้เปิดทำการที่ถนนหนานจิง เธอจัดร้านแบบร้านขายเสื้อผ้าในห้างยุคปัจจุบัน ทำให้ร้านของเธอเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก หน้าร้านเป็นกระจกใส มี หุ่นโชว์เสื้อผ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางร้านดูโดดเด่นสะดุดตา เสื้อผ้าสีสันสดใสตัดเย็บอย่างประณีตถูกสวมใส่โดยหุ่นเหล่านั้นราวกับมีชีวิตผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างชะงักฝีเท้า จ้องมองผ่านกระจกใสเข้าไปในร้านด้วยความสนใจ บ้างก็กระซิบกระซาบพูดคุยกันถึงความแปลกใหม่ บ้างก็จูงมือกันเข้ามาในร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น"นี่มันร้านอะไรกันเนี่ย ตกแต่งแปลกตาดีจัง" หญิงสาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อนที่เดินข้างกันหลิวซินเยว่ในชุดเดรสสีแดงสด ยืนยิ้มต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ "ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญชมสินค้าตามสบายได้เลยนะคะ วันนี้ร้านเราเปิดร้านวันแรก ลดราคา 50% ทุกชิ้นเลยค่ะ"เสียงพูดของหลิวซินเยว่ ดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของ"ลดตั้งครึ่งราคาเลยเหรอ จริงหรือเนี่ย" พี่สาวเฉิน สาวโรงงานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น"จริงค่ะพี่สาววันนี้วันเดียวเท่านั้นนะค
หลี่ฉินจัดการวางร่างคุณหนูจางผู้แสนเย่อหยิ่งลงบนเตียง ตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์คุณหนูตัวร้ายมีอารมณ์เป็นอย่างมาก เขาจัดการถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายจนตัวของเขาเปลือยเปล่า ก่อนจะเดินเข้ามาหาคุณหนูตัวร้าย“นี่แกจะทำอะไรฉัน ไอ้คนขับรถ ปล่อยฉันนะ กรี๊ดดดดดด ไอ้โรคจิต”หลี่ฉินเมื่อได้ยินคุณหนูตัวร้ายด่า เขาจัดการประกบริมฝีปากของเธอทันที ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วง จางเจียอิน พยายามจะผลักคนขับรถออกจากร่างกายแต่เรี่ยวแรงเธอเริ่มหายไป แต่ยิ่งเธอดิ้น เธอยิ่งมีอารมณ์ร่วมมากขึ้นร่างบางแทบไม่อยากยอมรับ ว่าตอนนี้เธอรู้สึกดีและเสียวซ่านเป็นอย่างมาก จนน้ำในช่องทางรักฉ่ำเยิ้ม“ไอ้คนชั้นต่ำ แกวางยาฉันใช่ไหม แกปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ “เธอดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ยิ่งดิ้นผมยิ่งชอบ คุณหนูรู้รึเปล่าครับ” สิ้นเสียงชายหนุ่มริมฝีปากของเขาก็ประกบลงมาอีกครั้ง เสื้อที่เธอใส่ถูกเขาฉีกจนเกิดเสียงดังแขวกก่อนจะโยนทิ้งไปไหนก็ไม่รู้หลี่ฉินบีบขยำเข้าที่หน้าอกของคุณหนูตัวร้ายอย่างแรง ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากของเขาลงสู่ลำคอของเธอ ไล่เลียซอกคอ ไล่ลงมาจนถึงเนินอกขาว เข
ทางด้านจางเจียอิน ลูกสาวคนเดียวของจอมพลจาง ผู้ทรงอำนาจแห่งกองทัพจีน ใบหน้าสวยหวานของเธอซีดเผือด ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาคู่คมฉายแววผิดหวังและโกรธแค้น"เป็นไปไม่ได้ นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาด" เจียอินพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ ข่าวประกาศการแต่งงานของ ซุนเจ๋อ ชายหนุ่มที่เธอหมายปองกับ หลี่เหมยฮัว ที่จะจัดขึ้นในอีก2อาทิตย์ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจจางเจียอินวางแผนทุกอย่างอย่างรัดกุมเพื่อให้ได้ครอบครองซุนเจ๋อ แต่สถานการณ์กลับพลิกพลันให้ทั้งสองได้ลงเอยกัน ทุกอย่างกลับพังทลายลง ซุนเจ๋อ ไม่เพียงแต่หลุดรอดจากตกหลุมพรางของเธอ แต่เขายังไปแต่งงานกับศัตรูของเธอ"นังเหมยฮัว แกมันก็แค่ผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย" จางเจียอินกัดฟันกรอด "แกกล้าดียังไงมาแย่งพี่เจ๋อไปจากฉัน"ความโกรธแค้นในใจของจางเจียอิน พลุ่งพล่านราวกับไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง เธอขยำหนังสือพิมพ์ในมือจนยับยู่ยี่ ก่อนจะปาลงพื้นอย่างแรง"กรี๊ดดด...มันเป็นไปไม่ได้ พี่เจ๋อจะแต่งงานกับนังเหมยฮัวได้อย่างไร" จางเจียอินอาละวาดข้าวปาข้าวของ แจกันใบสวยราคาแพงจะลอยละลิ่วในห้องไปกระ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิวซินเยว่รีบตื่นแต่เช้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่หวังหย่งเจี๋ยจะมารับเธอไปร่วมงานประมูลที่ดิน ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่ความฝันในการสร้างธุรกิจของเธอเสียงแตรรถดังขึ้นเบาๆ หน้าบ้าน ทำให้หลิวซินเยว่สะดุ้งเล็กน้อย เธอรีบแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน เรียบง่ายแต่ดูดี หวีผมยาวสลวยให้เรียบร้อย ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือใบเล็กแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่างหวังหย่งเจี๋ยยืนพิงรถจี๊ปสีเขียวเข้ม ใบหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นหลิวซินเยว่เดินออกมา เขาก้าวเข้ามา"ขอโทษที่มาช้านะคะ พี่รอนานหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ"ไม่นานเลย พี่เองก็เพิ่งมาถึง" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "พร้อมจะไปฟังผลการประมูลกันหรือยัง? "หลิวซินเยว่พยักหน้ารับ ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น "พร้อมแล้วค่ะ"หวังหย่งเจี๋ยปิดประตูให้เธอ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ เขาสตาร์ทรถ แล้วขับออกไปบนถนนสายหลักหลิวซินเยว่มองออกไปนอกหน้าต่าง รถยนต์คันแล้วคันเล่าแล่นผ่านไปมา ผู้คนต่างรีบเร่งไปยังจุดหมายปลายทางของตนเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"ตื่นเต้นไหม? " ช