ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า
"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า
"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ"
"ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร"
"โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน
"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวัง
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราวกับภาพเบลอๆ ใบหน้าของหญิงสาวเลือนรางเต็มไปด้วยหมอกควัน ยิ่งพยายามนึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเลือนหายไปหมด
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จำหน้าไม่ได้" หวังหย่งเจี๋ยเอ่ยเสียงหงุดหงิด "เมื่อวานฉันโดนคนของไอ้เซียวจ้านวางยา ถ้าฉันไม่หนีออกมาได้ ฉันคงจะพวกมันจับแบล็คเมล์โดนร้องเรียนจนให้ออกจากราชการแล้วละ"
"ฉันจำได้แค่เพียงว่า... เธอมีผิวขาวผ่อง ดวงตากลมโต ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อ " หวังหย่งเจี๋ยพยายามบรรยาย "เธอสวมชุดสีแดง ดูงดงามราวกับดอกโบตั๋นที่กำลังผลิบาน"
"แค่นั้นหรือครับท่านนายพล" ลูกน้องถามด้วยความกังวล ลักษณะที่ท่านนายพลบอก มันคล้ายกับผู้หญิงในเมืองหลวงตั้งหลายคน
"เธอมีกลิ่นกายหอม ราวกับดอกกุ้ยฮวา"
"กลิ่นดอกกุ้ยฮวา? " ลูกน้องทวนคำพูด พลางขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินว่ามีใครมีกลิ่นหอมราวกับดอกไม้
"ใช่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้หลงใหล" หวังหย่งเจี๋ยหลับตาลง ราวกับกำลังดื่มด่ำกับกลิ่นหอมนั้น "ฉันไม่มีวันลืมกลิ่นกายของเธอได้"
"ครับท่านนายพล ผมจะให้คนออกตามหาหญิงสาวตามที่ท่านบอก" ลูกน้องรับคำ แม้จะรู้สึกว่าภารกิจนี้ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง
"รีบไป ฉันอยากเจอเธอโดยเร็วที่สุด" หวังหย่งเจี๋ยตวาดลั่น "ถ้าพวกแกหาตัวหล่อนเจอ ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม"
เมื่อพวกลูกน้องจากไป ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังกรีดแทรกความเงียบสงัดในห้องทำงานของหวังหย่งเจี๋ย เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู น้ำเสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามอย่างเฉียบขาด "ใคร? "
"หย่งเจี๋ย นี่พ่อเองนะ" เสียงของหวังต้าเหล่ย บิดาของเขาดังมาตามสาย
"ครับพ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ? "
"คือ...เย็นนี้ครอบครัวเรามีนัดทานข้าวเย็นกับตระกูลหลี่น่ะ ที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ลูกว่างไหม?พ่ออยากชวนลูกมาด้วย คนกันเองทั้งนั้น"
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังว้าวุ่นใจกับเรื่องหญิงสาวเจ้าของกลิ่นดอกกุ้ยฮวาคนนั้น ใบหน้าหวานซึ้งกับแววตาเศร้าสร้อยยังคงติดตา แม้จะอยากตามหาหญิงสาวคนนั้นใจจะขาด แต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธคำชวนของบิดา
"อืม...ผม..." หวังหย่งเจี๋ยลังเล
"มาเถอะลูก พ่อกับแม่ แล้วก็อาซื่อ อาอี๊ของลูก อยากเจอหน้าลูกชายคนเก่งของบ้านเราจะแย่แล้ว" หวังต้าเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ครับพ่อ งั้นเดี๋ยวผมเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วจะตามไปสมทบนะครับ"
"ดีมากลูก พ่อรออยู่นะ"
หวังหย่งเจี๋ยวางสายโทรศัพท์ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง ภาพหญิงสาวเจ้าของกลิ่นดอกกุ้ยฮวาผุดขึ้นมาในมโนสำนึกอีกครั้ง เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกขึ้น จัดการเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกจากห้องไป
...
ทางด้านหลิวซินเยว่หลังจากแยกกับคุณนางเอก เธอก็มาเดินเฉิดฉายเข้ามาในห้างสรรพสินค้าราวกับนางแบบมืออาชีพ เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพองที่เธอสวมใส่ขับเน้นผิวขาวผ่องราวกับหยวกกล้วย ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง พร้อมลิปสีแดงสด เสริมให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น
สายตาของผู้คนในห้างต่างจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศทาง
"นี่เธอคนนั้นใช่ดาราหรือเปล่า สวยจัง"
"ชุดที่เธอใส่สวยมากเลย ซื้อที่ไหนกันนะ"
"ผู้หญิงคนนั้นเหมือนดาราฮ่องกงที่หลุดออกมาจากในหนังสือเลย"
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งใจกล้าเอ่ยถามเธอดวงตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าชุดนี้ซื้อที่ไหนเหรอคะ คุณใส่แล้วดูสวยมากเลยค่ะ"
หลิวซินเยว่ยิ้มหวาน "ขอบคุณนะคะ ชุดนี้ฉันเป็นคนออกแบบเองค่ะ วันศุกร์นี้ฉันจะนำเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาขายที่ตลาดนัดแถวสถานีรถไฟนะคะ"
"จริงเหรอคะ งั้นฉันจะไปอุดหนุนแน่นอนค่ะ" หญิงสาวคนนั้นดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนๆ ที่พากันพยักหน้าเห็นด้วย
หลิวซินเยว่เดินโปรโมทร้านไปเรื่อยๆ จนรู้สึกพอใจกับผลตอบรับ ดูเหมือนแผนโปรโมทของเธอจะได้ผลดีเกินคาด เมื่อเดินจนทั่วห้าง หญิงสาวก็ตัดสินใจกลับบ้าน แต่ขณะที่กำลังจะเลี้ยวตรงมุม เธอก็ดันชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง
"โอ๊ย" หลิวซินเยว่ร้องออกมา เธอล้มลง
"นี่คุณทำไมเดินไม่ระมัดระวัง" เสียงเข้มเอ่ยดังขึ้น
หลิวซินเยว่เงยหน้าขึ้นมอง หัวใจแทบหยุดเต้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอรีบดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง เธอเห็นคนร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับเหยี่ยว เขาคือ 'หวังหย่งเจี๋ย ' นายพลหนุ่มแห่งตระกูลหวัง ผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและไร้หัวใจ ตัวร้ายในนิยายที่เธออ่านก่อนหน้านี้
'ตายแล้ว วันนี้ฉันก้าวขาออกจากบ้านผิดข้างแน่ๆ ถึงได้มาพาลพบศัตรูบนทางแคบเช่นนี้' หลิวซินเยว่คิดในใจ 'ขออย่าให้เขาจำฉันได้เลย ว่าฉันคือผู้หญิงที่เขาลากมาจากร้านอาหาร'
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันมอง ฉันรีบไปหน่อย" หลิวซินเยว่กล่าวขอโทษ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้คุณตัวร้ายจำเธอได้"
"รีบจนไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไง" ท่านนายพลหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ "ถ้าฉันไม่คว้าตัวเธอไว้ เธอคงได้กลิ้งไปกองกับพื้นแล้ว"
หลิวซินเยว่รู้สึกว่าแก้มเริ่มร้อนผ่าว ทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกต่อว่า แต่ก็รู้ว่าตัวเองผิดจริง จึงได้แต่ก้มหน้า
"ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดเสียงอ่อย "คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้"
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้า อย่างพิจารณา ใบหน้าของเธอสวยเฉี่ยวดูทันสมัย การแต่งหน้าลุคนี้ทำให้เธอดูเหมือนดาราฮ่องกงเป็นอย่างมาก แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคย ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาแตะจมูก เหมือนกับกลิ่นกายของหญิงสาวที่เขาพบเมื่อคืน แต่ว่าเธอช่างแตกต่างหญิงสาวที่เขาพาขึ้นห้องโดยสิ้นเชิง แต่แววตาแข็งกร้าวคู่นั้น...มันทำให้ไม่รู้สึกคุ้นเคย
จะใช่เธอหรือเปล่าคนที่เราลากเข้าห้อง? หวังหย่งเจี๋ยคิดในใจ
แม้ใบหน้าและการแต่งกายจะแตกต่างกันราวกับคนละคน แต่กลิ่นกายหอมหวานนั้น มันเหมือนกับหญิงสาวที่เขาพาขึ้นห้องเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน นายพลหนุ่มพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป มันเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวเมื่อคืนแต่งตัวเชยๆ ท่าทางก็เฉิ่มๆ ไม่มีทางที่จะเป็นคนเดียวกับสาวสวยทันสมัยตรงหน้าคนนี้ได้
"เธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามขึ้นเสียงเข้ม
หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยอมตอบคำถาม เขาขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจที่เธอไม่ยอมบอกชื่อ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ หญิงสาวก็ถอยหลังกรูดจนติดกำแพง หวังหย่งเจี๋ยยื่นมือไปเท้ากำแพงขังเธอไว้ ไม่ให้หนีไปไหน
"เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร
555 อีพี่เป็นหมาหรือไง ถึงจำกลิ่นยัยน้องได้ มาลุ้นกันว่าอีพี่จะจำยัยน้องได้หรือเปล่า
วันนี้ไรต์ไปต่างจังหวัดนะ 2-3 วันจะกลับ ช่วงนี้ไรต์จะอัพวันละตอนนะคะ
หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้าหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?""ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ย
ร้านอาหารจีนในห้างสรรพสินค้าคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาลิ้มรสอาหารเลิศรส ในมุมหนึ่งของร้าน หลิวซินเยว่ถูกหลี่เหมยฮัวลากมานั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเธอและครอบครัวนายพลตัวร้ายโดยที่เธอปฏิเสธไม่ได้ หวังต้าเหล่ย ผู้เป็นพ่อของหวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถามลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"หนูเหมยฮัว ไปเจอเจ้าหย่งเจี๋ยที่ไหนเหรอ"หลี่เหมยฮัวยิ้มกว้างก่อนตอบ "หนูไปเจอพี่หย่งเจี๋ยข้างนอกค่ะ"เฉินเฟยหง ผู้เป็นแม่ของหลี่เหมยฮัวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ลูกสาวด้วยสายตาใคร่รู้ "แล้วนี่แม่หนูคนนี้คือใครเหรอ""คุณพ่อคุณแม่คะ นี่หลิวซินเยว่ เพื่อนของหนูเองค่ะ" หลี่เหมยฮัวแนะนำเพื่อนใหม่ให้พ่อแม่รู้จักด้วยความภาคภูมิใจ"เธอเก่งมากเลยนะคะ เธอเคยฝึกการต่อสู้มาก่อนด้วย เธอช่วยหนูจับโจรที่มาขโมยกระเป๋าของหนูค่ะ" ดวงตาของหลี่เหมยฮัวเป็นประกายขณะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวิน หันไปมองหลิวซินเยว่ด้วยความประหลาดใจปนชื่นชม หวังต้าเหล่ยเองก็มองหลิวซินเยว่ด้วยความสนใจ"คุณลุงคุณป้าค่ะพี่หย่งเจี๋ยทำนิสัยไม่ดี ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนหนูด้วยค่ะ" หลี่เหมยฮัวได้ทีก็ฟ้องทันที เธอซบหน้าลงกับไหล่ขอ
หลังจากมื้ออาหารอันสุดแสนจะทรมานจบลง หลิวซินเยว่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"หลี่เหมยฮัวมองตามด้วยแววตาเป็นห่วง "เยว่เยว่ จะให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม""ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้" หลิวซินเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลิวซินเยว่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังต้าเหล่ยและจ้าวหรูอี้ผู้เป็นพ่อแม่ของคุณตัวร้าย "คุณลุงคุณป้าหนูขอลาก่อนค่ะ" เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ไม่ไกล "ลาก่อนค่ะ คุณลุง คุณป้า" เธอเอ่ยลาอย่างมีมารยาทจ้าวหรูอี้มองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาเอ็นดู "เยว่เยว่ ไปเที่ยวที่บ้านป้าต่อไหมจ๊ะ บ้านของป้าติดกับบ้านของหนูเหมยฮัว" เธอเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลิวซินเยว่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับคุณนายหวัง "ขอบคุณคุณป้าที่เอ็นดูหนูนะคะ แต่พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ" เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล"แล้วหนูจะไปธุระที่ไหนต่อหรือ" จ้าวหรูอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะเพิ่งพบหลิวซินเยว่เป็นครั้งแรก แต่เธ
หลังจากที่เธอเพิ่งได้จักรเย็บผ้าจากป้าเจียงมา งานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผ้าหลากสีสันถูกตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง ตอนนี้เธอกับแม่ตัดเย็บชุดเสร็จไปได้เกือบ 10 ชุดแล้ว แต่ละชุดล้วนมีดีไซน์ที่ทันสมัย ต่างจากเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ที่มีขายทั่วไปในตลาดขณะที่หลินซินเยว่กำลังเย็บชายกระโปรงชุดสีแดงสดอยู่นั้น เสียงใสๆ ก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน "ขอโทษนะคะ ร้านตัดเย็บซูหลินอยู่นี่หรือเปล่าคะ"ซินเยว่วางมือจากงานตรงหน้า รีบเดินออกไปต้อนรับ ทันทีที่เปิดประตู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า "เหมยฮัว"หลี่เหมยฮัว อยู่ในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้า ยืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน"เยว่เยว่ บ้านของเธอหลังนี้นี่เอง""ใช่แล้ว เข้ามาสิ" หลิวซินเยว่ผายมือเชื้อเชิญ "บ้านฉันแคบหน่อยนะ" เธอกล่าวพลางเดินนำหลี่เหมยฮัวเข้าไปในบ้านภายในบ้าน นางซูหลิน ผู้เป็นแม่ กำลังนั่งเย็บกระดุมเสื้ออยู่ หลิวซินเยว่รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วยื่นให้หลี่เหมยฮัว "เหมยฮัว นี่แม่ฉัน เธอชื่อซูหลิน" หญิงสาวเอ่ยแนะนำ "ชุดพวกนี้ ฉันกับแม่ช่วยกันตัดเย็บเอง" หลิวซินเยว่ชี้นิ้วไปยังเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากสีที่แขวนเรียงรายอยู่บนราวหลี่เหมยฮัวมองชุดเหล่านั้นด้
เช้าวันต่อมารถจี๊ปทหารคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าร้านตัดเย็บซูหลินเล็กๆ ในตลาดหรงเหมย หวังหย่งเจี๋ยในชุดเครื่องแบบนายพลก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมคายดูสง่าผ่าเผย เขามองเข้าไปในร้าน เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ แต่ไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวร่างบางที่เขาเจอเมื่อวานภายในร้านดูเรียบร้อยสะอาดตา ผิดกับภายนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน หวังหย่งเจี๋ย มองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทักขึ้น"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ใช่ไหมครับซูหลินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า "ใช่แล้วค่ะ ฉันชื่อซูหลินเป็นเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ค่ะ ท่านนายพลต้องการอะไรคะ" แววตาของหล่อนฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเครื่องแบบทหารบนตัวเขา"ผมต้องการสั่งตัดชุดทหารครับ" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "ไม่ทราบว่าที่ร้านมีพนักงานคนอื่นอีกไหมครับ พอดีผมต้องการสั่งตัดหลายชุด" สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้าน"ที่ร้านแห่งนี้มีฉันเพียงแค่คนเพียงคนเดียวค่ะ" นางซูหลินตอบ "ปกติจะมีลูกสาวมาช่วยด้วย แต่วันนี้เธอมีเรียนค่ะ น่าจะกลับช่วงเย็นๆ โน่นแหละค่ะ""อ้อ" หวังหย่งเจี๋ย รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "งั้นผมจะสั่งตัดชุดทหาร สัก 7 ชุด นะครับ ถ
หลังเลิกเรียนในตอนเย็น หลิวซินเยว่เก็บหนังสือใส่กระเป๋า วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตในยุคนี้ ดีที่เธอยังมีความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงใช้ชีวิตในยุคนี้ได้อย่างยากลำบากเพราะแต่ละวิชาในคณะแพทย์นั้นยากมาก ความรู้ที่ติดตัวมาทำให้เธอเรียนได้อย่างสบายๆ อีกเพียงปีเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว และเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลตอนนี้เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่โรงพยาบาลที่ไหนดีในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของทันใดนั้น เสียงใสๆ ของจางเสี่ยวหลานเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น"เยว่เยว่ เธอไปทำอะไรมานี่ ทำไมดูสวยขึ้น?" จางเสี่ยวหลานเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจ้องมองหลิวซินเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะสแกนหาความเปลี่ยนแปลงหลิวซินเยว่ยิ้มให้เพื่อนสนิท "ฉันก็แค่ไปเปลี่ยนทรงผมกับลองแต่งหน้าดูเท่านั้นแหละ""จริงเหรอ แค่นั้นเองเหรอ" จางเสี่ยวหลานหรี่ตามอง "หรือว่าเธอมีความรักหรือเปล่าถึงได้หันมาดูแลตัวเองแบบนี้" น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้"บ้า ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากสวยเฉยๆ" หลิวซินเยว่รีบปฏิเสธ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อจางเสี่ยวหลานยิ้มกริ่ม "เย
เมื่อรถจี๊ปทหารคันใหญ่แล่นมาจอดเทียบหน้าธนาคารประชาชน หลิวซินเยว่ หันมายิ้มหวานให้หวังหย่งเจี๋ย"ขอบคุณนะคะ ท่านนายพล ที่อุตส่าห์มาส่งฉัน"หวังหย่งเจี๋ยพยักหน้ารับ "ไม่เป็นไร ถือว่าฉันผ่านมาทางนี้พอดี" เขาตอบเสียงเรียบหลิวซินเยว่เปิดประตูรถ ก้าวลงมายืนบนฟุตบาท แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นนายพลตัวร้าย ก้าวลงจากรถตามเธอมาติดๆ หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย"ท่านนายพลหวัง...คุณจะตามฉันมาทำไมคะ" เธอถามอย่างแปลกใจ "คนใหญ่คนโตเช่นคุณน่าจะมีธุระมากมาย ไม่ควรเสียเวลากับคนเล็กแบบฉันเช่นนี้" หลิวซินเยว่เอ่ยไล่คุณตัวร้ายกลายๆ"วันนี้ฉันว่าง" หวังหย่งเจี๋ยตอบเสียงเรียบ สายตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตาหลิวซินเยว่ยิ้มบางๆ อย่างรู้ทัน "ว่าง...ท่านนายพลหวังล้อเล่นใช่ไหมคะ" เธอยังคงพยายามรักษาน้ำเสียงให้สุภาพ แม้ในใจจะเริ่มหงุดหงิดกับความหน้าด้านหน้าทนของชายหนุ่มผู้นี้เต็มที
"ในเมื่อเธอได้เงินมาแล้วเธอจะทำอะไรต่อ" หวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถาม ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่หญิงสาว ราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันว่าจะไปซื้อที่ดินมาจัดตั้งโรงงาน คงต้องไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ" หลิวซินเยว่ตอบ พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ แม้ในใจจะยังคงหวั่นไหวกับสายตาของนายพลตัวร้าย"งั้นเดี๋ยวพี่พาเราไปเอง" ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายหลิวซินเยว่รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นท่านนายพลตัวร้ายคอยช่วยเหลือเธอ เขาคิดอะไรกับเธอหรือเปล่า หรือเพียงเพราะต้องการเอาใจ เพื่อหวังผลประโยชน์จากเธอในอนาคต ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจ แต่เธอก็ได้แต่เก็บงำมันเอาไว้ เธอไม่อาจเอ่ยถามมันออกไปได้รถจี๊ปทหารสีเขียวเข้มแล่นเข้าสู่เขตที่ว่าการ บรรยากาศคึกคักจอแจไปด้วยผู้คนที่มาติดต่อราชการ หลิวซินเยว่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเหยียบสถานที่ราชการแบบนี้ชายหนุ่มจอดรถเสร็จสรรพก็หันมาถามหญิงสาว "เยว่เยว่เธออยากดื่มชาก่อนไหม?พี่เห็นร้านน้ำชาอยู่ตรงหัวมุมนั่น"หลิวซินเยว่ส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่เป็นไรค่ะท่านนายพล ฉันอยากรีบจัดการเรื่องที่ดินให้เสร็จ" จ
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหว บอกให้คนเมืองหลวงรับรู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลสมรสของตระกูลหวัง งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี กำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ แขกเหรื่อมากมายต่างทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ในที่สุดวันนี้ วันที่หวังหย่งเจี๋ยเฝ้ารอคอยก็มาถึง หลังจากที่เขาต้องอดทนรอให้หลิวซินเยว่ คนรักของตนเรียนจบมหาวิทยาลัยตลอดหนึ่งปีเต็ม วันนี้เขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักที่สุดเสียทีหวังหย่งเจี๋ยในชุดสูทสีดำดูที่ดูหล่อเหลา เขานั่งรอเจ้าสาวอย่างใจจดใจจ่อ เสียงประตูห้องแต่งตัวเปิดออก หวังหย่งเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านนอกแทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เขารักดังใกล้เข้ามาทุกขณะ ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าสาวของเขาหลิวซินเยว่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินระยิบระยับเข้ารูปกับเรือนร่างอรชร ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาแต่ขับเน้นให้ดวงตากลมโตดูสดใสเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มทาด้วยลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องราวกับหยกชั้นดี ยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินออกมาพร้อมหลี่เหมยฮัวเพื่อนสนิทของเ
พิธีหมั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังเสร็จสิ้นพิธี หลี่เหมยฮัวและซุนเจ๋อคู่สามีภรรยาผู้เป็นเพื่อนสนิทของหลิวซินเยว่ ก็เข้ามาแสดงความยินดีหลิวซินเยว่ เข้ามาทักทายคนมี้งคู่ทันที "เหมยฮัว ดีใจจังที่มาได้" เธอกอดคุณนางเอกไว้แน่น"เยว่เยว่ ยินดีด้วยนะ วันนี้เธอสวยมาก" เหมยฮัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"ขอบคุณนะเหมยฮัว" เธอกล่าวขอบคุณ สายตาเหลือบไปเห็นหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นของคุณนางเอก"เหมยฮัว เธอเป็นอย่างไรบ้าง แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"นิดหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันแทบทานอะไรไม่ได้เลย"คนเป็นแม่หมาดๆ เอ่ยตอบ"ถ้าเธอไม่สบาย ไม่ต้องบังคับตัวเองมางานหมั้นฉันก็ได้นะ" หลิวซินเยว่กล่าว"ฉันจะไม่มางานหมั้นเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไร" เหมยฮัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ใบหน้าจะซีดเซียวเล็กน้อยจากอาการแพ้ท้อง"แล้วตอนนี้เธอรู้หรือยังว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว" หลิวซินเยว่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นพลางลูบท้องของเพื่อนเบาๆ"ยังไม่รู้เพศเลย" หลี่เหมยฮัวตอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ"ถ้าฉันมีลูกชาย แล้วเยว่เยว่มีลูกสาว พวกเราจับทั้งสองหมั้
ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็ก้าวลงจากรถยนต์คันหรูด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจ เบื้องหน้าเธอคือร้านอาหารฝรั่งเศสตกแต่งสไตล์ยุโรป ดูหรูหรา ทันสมัย ตัดกับบรรยากาศรอบข้างอย่างสิ้นเชิง"ว้าว สวยจังเลยค่ะพี่หย่งเจี๋ย" เยว่เยว่อุทานอย่างตื่นเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายหวังหย่งเจี๋ยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ "ชอบไหม?พี่ตั้งใจเลือกเลยนะ""ชอบมากค่ะ" หลิวซินเยว่พยักหน้าหงึกหงัก "ไม่คิดว่าปักกิ่งจะมีร้านแบบนี้ด้วย""ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ เขาว่ากันว่าอาหารอร่อยมาก แถมบรรยากาศยังโรแมนติก เหมาะกับคู่รักอย่างเรา" หวังหย่งเจี๋ยขยิบตาให้หลิวซินเยว่ ก่อนจะคว้ามือบางของเธอเดินเข้าไปในร้านภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ทอง ดูหรูหรา โอ่อ่า เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงเบาๆ สร้างบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดตา โค้งคำนับต้อนรับทั้งสองด้วยรอยยิ้ม"โต๊ะริมหน้าต่าง วิวดีที่สุดครับ" หวังหย่งเจี๋ยบอกพนักงาน ก่อนจะพาหลิวซินเยว่ ไปนั่งประจำที่"พี่หย่งเจี๋ยคะ ที่นี่ดูแพงมากเลย" เยว่เยว่กระซิบเสียงเบา รู้สึกประหม่าเล็กน้อย"ไม่ต้องห่วงน่า พี่เลี้ยงเอง" หวังหย่
เวลาผ่านไปอย่ารวดเร็ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากิจการร้านขายเสื้อผ้าบูติกที่ถนนหนานจิงขายดีเป็นอย่างมาก ภายในร้าน หลิวซินเยว่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเรียงเสื้อผ้าตัวใหม่ๆ"คุณหลิว เสื้อผ้าที่ทำออกมาขายแทบจะตัดเย็บไม่ทันแล้วนะ" เสียงจินฮวาดังขึ้นขณะกำลังแขวนชุดเดรสลายดอกไม้สีสดใส "ลูกค้าติดใจแบบเสื้อผ้าของเราใหญ่เลย คนแน่นร้านทุกวัน""จริงอย่างที่พี่จินฮวาว่า" เสี่ยวหลันพูดพลางจัดเรียงกางเกงยีนตัวใหม่ "เมื่อวานตอนบ่าย ฉันเห็นลูกค้าต่อแถวรอซื้อเสื้อผ้าหน้าร้านยาวเหยียดเลย"หลิวซินเยว่ยิ้มกว้าง พลางหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ขึ้นมาพับอย่างบรรจง "ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่ร้านของเราขายดีแบบนี้ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยกันเต็มที่ขนาดนี้""แต่ว่านะคุณหลิว" จินฮวาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล "พวกเราจะทำเสื้อผ้าทันขายเหรอ?แค่พวกคุณซูกับป้าหวังคงไม่ไหวแน่ๆ "หลิวซินเยว่พยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราคงต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ" หลังจากจัดของในร้านเสร็จเธอก็ไปหาแม่และป้าหวังที่บ้านของเธอเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ"ป้าหวัง ...เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้ กว่าโ
เช้าวันรุ่งซินเยว่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนยินดี เธอจัดแจงแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนที่เตรียมไว้ ก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้ากับนางซูหลินผู้เป็นแม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่" ซินเยว่กล่าวทักทายพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะอาหาร"อรุณสวัสดิ์จ้ะเยว่เยว่ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม" นางซูหลินถามด้วยรอยยิ้ม"ค่ะแม่ เมื่อคืนหนูนอนหลับสบายมากเลยค่ะ"บนโต๊ะอาหารมีโจ๊กข้าวต้มร้อนๆ กับหมั่นโถววางอยู่ หลิวซินเยว่ตักโจ๊กเข้าปากพลางเล่าเรื่องราวที่ร้านเมื่อวานนี้ให้แม่ฟังด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข"แม่คะ เมื่อวานนี้คนมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านเยอะมากเลยค่ะ ขายดีจนสินค้าในร้านหายไปครึ่งหนึ่งเลย""จริงเหรอจ๊ะ แม่ดีใจด้วยนะลูก" นางซูยิ้มกว้าง "แล้วขายได้เงินเท่าไหร่ล่ะ""เมื่อวานขายได้ตั้ง 1,000 หยวนแน่ะค่ะ แม้ว่าจะลดราคาครึ่งหนึ่งก็ตาม" ซินเยว่บอกด้วยความภูมิใจ"เก่งมากจ้ะลูก"ซูหลินลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู "วันนี้แม่จะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ไปเติมที่ร้านให้เอง ลูกจะได้ไปงานแต่งงานของเหมยฮัวได้อย่างสบายใจ""ขอบคุณมากนะคะแม่" หลิวซินเยว่ยิ้มกว
สองอาทิตย์ต่อไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร้านบูติกของหลิวซินเยว่ก็ได้เปิดทำการที่ถนนหนานจิง เธอจัดร้านแบบร้านขายเสื้อผ้าในห้างยุคปัจจุบัน ทำให้ร้านของเธอเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก หน้าร้านเป็นกระจกใส มี หุ่นโชว์เสื้อผ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางร้านดูโดดเด่นสะดุดตา เสื้อผ้าสีสันสดใสตัดเย็บอย่างประณีตถูกสวมใส่โดยหุ่นเหล่านั้นราวกับมีชีวิตผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างชะงักฝีเท้า จ้องมองผ่านกระจกใสเข้าไปในร้านด้วยความสนใจ บ้างก็กระซิบกระซาบพูดคุยกันถึงความแปลกใหม่ บ้างก็จูงมือกันเข้ามาในร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น"นี่มันร้านอะไรกันเนี่ย ตกแต่งแปลกตาดีจัง" หญิงสาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อนที่เดินข้างกันหลิวซินเยว่ในชุดเดรสสีแดงสด ยืนยิ้มต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ "ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญชมสินค้าตามสบายได้เลยนะคะ วันนี้ร้านเราเปิดร้านวันแรก ลดราคา 50% ทุกชิ้นเลยค่ะ"เสียงพูดของหลิวซินเยว่ ดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของ"ลดตั้งครึ่งราคาเลยเหรอ จริงหรือเนี่ย" พี่สาวเฉิน สาวโรงงานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น"จริงค่ะพี่สาววันนี้วันเดียวเท่านั้นนะค
หลี่ฉินจัดการวางร่างคุณหนูจางผู้แสนเย่อหยิ่งลงบนเตียง ตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์คุณหนูตัวร้ายมีอารมณ์เป็นอย่างมาก เขาจัดการถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายจนตัวของเขาเปลือยเปล่า ก่อนจะเดินเข้ามาหาคุณหนูตัวร้าย“นี่แกจะทำอะไรฉัน ไอ้คนขับรถ ปล่อยฉันนะ กรี๊ดดดดดด ไอ้โรคจิต”หลี่ฉินเมื่อได้ยินคุณหนูตัวร้ายด่า เขาจัดการประกบริมฝีปากของเธอทันที ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วง จางเจียอิน พยายามจะผลักคนขับรถออกจากร่างกายแต่เรี่ยวแรงเธอเริ่มหายไป แต่ยิ่งเธอดิ้น เธอยิ่งมีอารมณ์ร่วมมากขึ้นร่างบางแทบไม่อยากยอมรับ ว่าตอนนี้เธอรู้สึกดีและเสียวซ่านเป็นอย่างมาก จนน้ำในช่องทางรักฉ่ำเยิ้ม“ไอ้คนชั้นต่ำ แกวางยาฉันใช่ไหม แกปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ “เธอดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ยิ่งดิ้นผมยิ่งชอบ คุณหนูรู้รึเปล่าครับ” สิ้นเสียงชายหนุ่มริมฝีปากของเขาก็ประกบลงมาอีกครั้ง เสื้อที่เธอใส่ถูกเขาฉีกจนเกิดเสียงดังแขวกก่อนจะโยนทิ้งไปไหนก็ไม่รู้หลี่ฉินบีบขยำเข้าที่หน้าอกของคุณหนูตัวร้ายอย่างแรง ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากของเขาลงสู่ลำคอของเธอ ไล่เลียซอกคอ ไล่ลงมาจนถึงเนินอกขาว เข
ทางด้านจางเจียอิน ลูกสาวคนเดียวของจอมพลจาง ผู้ทรงอำนาจแห่งกองทัพจีน ใบหน้าสวยหวานของเธอซีดเผือด ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาคู่คมฉายแววผิดหวังและโกรธแค้น"เป็นไปไม่ได้ นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาด" เจียอินพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ ข่าวประกาศการแต่งงานของ ซุนเจ๋อ ชายหนุ่มที่เธอหมายปองกับ หลี่เหมยฮัว ที่จะจัดขึ้นในอีก2อาทิตย์ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจจางเจียอินวางแผนทุกอย่างอย่างรัดกุมเพื่อให้ได้ครอบครองซุนเจ๋อ แต่สถานการณ์กลับพลิกพลันให้ทั้งสองได้ลงเอยกัน ทุกอย่างกลับพังทลายลง ซุนเจ๋อ ไม่เพียงแต่หลุดรอดจากตกหลุมพรางของเธอ แต่เขายังไปแต่งงานกับศัตรูของเธอ"นังเหมยฮัว แกมันก็แค่ผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย" จางเจียอินกัดฟันกรอด "แกกล้าดียังไงมาแย่งพี่เจ๋อไปจากฉัน"ความโกรธแค้นในใจของจางเจียอิน พลุ่งพล่านราวกับไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง เธอขยำหนังสือพิมพ์ในมือจนยับยู่ยี่ ก่อนจะปาลงพื้นอย่างแรง"กรี๊ดดด...มันเป็นไปไม่ได้ พี่เจ๋อจะแต่งงานกับนังเหมยฮัวได้อย่างไร" จางเจียอินอาละวาดข้าวปาข้าวของ แจกันใบสวยราคาแพงจะลอยละลิ่วในห้องไปกระ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิวซินเยว่รีบตื่นแต่เช้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่หวังหย่งเจี๋ยจะมารับเธอไปร่วมงานประมูลที่ดิน ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่ความฝันในการสร้างธุรกิจของเธอเสียงแตรรถดังขึ้นเบาๆ หน้าบ้าน ทำให้หลิวซินเยว่สะดุ้งเล็กน้อย เธอรีบแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน เรียบง่ายแต่ดูดี หวีผมยาวสลวยให้เรียบร้อย ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือใบเล็กแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่างหวังหย่งเจี๋ยยืนพิงรถจี๊ปสีเขียวเข้ม ใบหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นหลิวซินเยว่เดินออกมา เขาก้าวเข้ามา"ขอโทษที่มาช้านะคะ พี่รอนานหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ"ไม่นานเลย พี่เองก็เพิ่งมาถึง" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "พร้อมจะไปฟังผลการประมูลกันหรือยัง? "หลิวซินเยว่พยักหน้ารับ ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น "พร้อมแล้วค่ะ"หวังหย่งเจี๋ยปิดประตูให้เธอ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ เขาสตาร์ทรถ แล้วขับออกไปบนถนนสายหลักหลิวซินเยว่มองออกไปนอกหน้าต่าง รถยนต์คันแล้วคันเล่าแล่นผ่านไปมา ผู้คนต่างรีบเร่งไปยังจุดหมายปลายทางของตนเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"ตื่นเต้นไหม? " ช