ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า
"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า
"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ"
"ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร"
"โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน
"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวัง
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราวกับภาพเบลอๆ ใบหน้าของหญิงสาวเลือนรางเต็มไปด้วยหมอกควัน ยิ่งพยายามนึกเท่าไหร่ก็ยิ่งเลือนหายไปหมด
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จำหน้าไม่ได้" หวังหย่งเจี๋ยเอ่ยเสียงหงุดหงิด "เมื่อวานฉันโดนคนของไอ้เซียวจ้านวางยา ถ้าฉันไม่หนีออกมาได้ ฉันคงจะพวกมันจับแบล็คเมล์โดนร้องเรียนจนให้ออกจากราชการแล้วละ"
"ฉันจำได้แค่เพียงว่า... เธอมีผิวขาวผ่อง ดวงตากลมโต ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อ " หวังหย่งเจี๋ยพยายามบรรยาย "เธอสวมชุดสีแดง ดูงดงามราวกับดอกโบตั๋นที่กำลังผลิบาน"
"แค่นั้นหรือครับท่านนายพล" ลูกน้องถามด้วยความกังวล ลักษณะที่ท่านนายพลบอก มันคล้ายกับผู้หญิงในเมืองหลวงตั้งหลายคน
"เธอมีกลิ่นกายหอม ราวกับดอกกุ้ยฮวา"
"กลิ่นดอกกุ้ยฮวา? " ลูกน้องทวนคำพูด พลางขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินว่ามีใครมีกลิ่นหอมราวกับดอกไม้
"ใช่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้หลงใหล" หวังหย่งเจี๋ยหลับตาลง ราวกับกำลังดื่มด่ำกับกลิ่นหอมนั้น "ฉันไม่มีวันลืมกลิ่นกายของเธอได้"
"ครับท่านนายพล ผมจะให้คนออกตามหาหญิงสาวตามที่ท่านบอก" ลูกน้องรับคำ แม้จะรู้สึกว่าภารกิจนี้ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง
"รีบไป ฉันอยากเจอเธอโดยเร็วที่สุด" หวังหย่งเจี๋ยตวาดลั่น "ถ้าพวกแกหาตัวหล่อนเจอ ฉันจะให้รางวัลอย่างงาม"
เมื่อพวกลูกน้องจากไป ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังกรีดแทรกความเงียบสงัดในห้องทำงานของหวังหย่งเจี๋ย เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู น้ำเสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามอย่างเฉียบขาด "ใคร? "
"หย่งเจี๋ย นี่พ่อเองนะ" เสียงของหวังต้าเหล่ย บิดาของเขาดังมาตามสาย
"ครับพ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ? "
"คือ...เย็นนี้ครอบครัวเรามีนัดทานข้าวเย็นกับตระกูลหลี่น่ะ ที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ลูกว่างไหม?พ่ออยากชวนลูกมาด้วย คนกันเองทั้งนั้น"
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังว้าวุ่นใจกับเรื่องหญิงสาวเจ้าของกลิ่นดอกกุ้ยฮวาคนนั้น ใบหน้าหวานซึ้งกับแววตาเศร้าสร้อยยังคงติดตา แม้จะอยากตามหาหญิงสาวคนนั้นใจจะขาด แต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธคำชวนของบิดา
"อืม...ผม..." หวังหย่งเจี๋ยลังเล
"มาเถอะลูก พ่อกับแม่ แล้วก็อาซื่อ อาอี๊ของลูก อยากเจอหน้าลูกชายคนเก่งของบ้านเราจะแย่แล้ว" หวังต้าเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ครับพ่อ งั้นเดี๋ยวผมเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วจะตามไปสมทบนะครับ"
"ดีมากลูก พ่อรออยู่นะ"
หวังหย่งเจี๋ยวางสายโทรศัพท์ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง ภาพหญิงสาวเจ้าของกลิ่นดอกกุ้ยฮวาผุดขึ้นมาในมโนสำนึกอีกครั้ง เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกขึ้น จัดการเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกจากห้องไป
...
ทางด้านหลิวซินเยว่หลังจากแยกกับคุณนางเอก เธอก็มาเดินเฉิดฉายเข้ามาในห้างสรรพสินค้าราวกับนางแบบมืออาชีพ เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพองที่เธอสวมใส่ขับเน้นผิวขาวผ่องราวกับหยวกกล้วย ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง พร้อมลิปสีแดงสด เสริมให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น
สายตาของผู้คนในห้างต่างจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศทาง
"นี่เธอคนนั้นใช่ดาราหรือเปล่า สวยจัง"
"ชุดที่เธอใส่สวยมากเลย ซื้อที่ไหนกันนะ"
"ผู้หญิงคนนั้นเหมือนดาราฮ่องกงที่หลุดออกมาจากในหนังสือเลย"
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งใจกล้าเอ่ยถามเธอดวงตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าชุดนี้ซื้อที่ไหนเหรอคะ คุณใส่แล้วดูสวยมากเลยค่ะ"
หลิวซินเยว่ยิ้มหวาน "ขอบคุณนะคะ ชุดนี้ฉันเป็นคนออกแบบเองค่ะ วันศุกร์นี้ฉันจะนำเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาขายที่ตลาดนัดแถวสถานีรถไฟนะคะ"
"จริงเหรอคะ งั้นฉันจะไปอุดหนุนแน่นอนค่ะ" หญิงสาวคนนั้นดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนๆ ที่พากันพยักหน้าเห็นด้วย
หลิวซินเยว่เดินโปรโมทร้านไปเรื่อยๆ จนรู้สึกพอใจกับผลตอบรับ ดูเหมือนแผนโปรโมทของเธอจะได้ผลดีเกินคาด เมื่อเดินจนทั่วห้าง หญิงสาวก็ตัดสินใจกลับบ้าน แต่ขณะที่กำลังจะเลี้ยวตรงมุม เธอก็ดันชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง
"โอ๊ย" หลิวซินเยว่ร้องออกมา เธอล้มลง
"นี่คุณทำไมเดินไม่ระมัดระวัง" เสียงเข้มเอ่ยดังขึ้น
หลิวซินเยว่เงยหน้าขึ้นมอง หัวใจแทบหยุดเต้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอรีบดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง เธอเห็นคนร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับเหยี่ยว เขาคือ 'หวังหย่งเจี๋ย ' นายพลหนุ่มแห่งตระกูลหวัง ผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและไร้หัวใจ ตัวร้ายในนิยายที่เธออ่านก่อนหน้านี้
'ตายแล้ว วันนี้ฉันก้าวขาออกจากบ้านผิดข้างแน่ๆ ถึงได้มาพาลพบศัตรูบนทางแคบเช่นนี้' หลิวซินเยว่คิดในใจ 'ขออย่าให้เขาจำฉันได้เลย ว่าฉันคือผู้หญิงที่เขาลากมาจากร้านอาหาร'
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันมอง ฉันรีบไปหน่อย" หลิวซินเยว่กล่าวขอโทษ ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้คุณตัวร้ายจำเธอได้"
"รีบจนไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไง" ท่านนายพลหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ "ถ้าฉันไม่คว้าตัวเธอไว้ เธอคงได้กลิ้งไปกองกับพื้นแล้ว"
หลิวซินเยว่รู้สึกว่าแก้มเริ่มร้อนผ่าว ทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกต่อว่า แต่ก็รู้ว่าตัวเองผิดจริง จึงได้แต่ก้มหน้า
"ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดเสียงอ่อย "คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้"
หวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้า อย่างพิจารณา ใบหน้าของเธอสวยเฉี่ยวดูทันสมัย การแต่งหน้าลุคนี้ทำให้เธอดูเหมือนดาราฮ่องกงเป็นอย่างมาก แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคย ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาแตะจมูก เหมือนกับกลิ่นกายของหญิงสาวที่เขาพบเมื่อคืน แต่ว่าเธอช่างแตกต่างหญิงสาวที่เขาพาขึ้นห้องโดยสิ้นเชิง แต่แววตาแข็งกร้าวคู่นั้น...มันทำให้ไม่รู้สึกคุ้นเคย
จะใช่เธอหรือเปล่าคนที่เราลากเข้าห้อง? หวังหย่งเจี๋ยคิดในใจ
แม้ใบหน้าและการแต่งกายจะแตกต่างกันราวกับคนละคน แต่กลิ่นกายหอมหวานนั้น มันเหมือนกับหญิงสาวที่เขาพาขึ้นห้องเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน นายพลหนุ่มพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป มันเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวเมื่อคืนแต่งตัวเชยๆ ท่าทางก็เฉิ่มๆ ไม่มีทางที่จะเป็นคนเดียวกับสาวสวยทันสมัยตรงหน้าคนนี้ได้
"เธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามขึ้นเสียงเข้ม
หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยอมตอบคำถาม เขาขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจที่เธอไม่ยอมบอกชื่อ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ หญิงสาวก็ถอยหลังกรูดจนติดกำแพง หวังหย่งเจี๋ยยื่นมือไปเท้ากำแพงขังเธอไว้ ไม่ให้หนีไปไหน
"เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร
555 อีพี่เป็นหมาหรือไง ถึงจำกลิ่นยัยน้องได้ มาลุ้นกันว่าอีพี่จะจำยัยน้องได้หรือเปล่า
วันนี้ไรต์ไปต่างจังหวัดนะ 2-3 วันจะกลับ ช่วงนี้ไรต์จะอัพวันละตอนนะคะ
หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้าหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?""ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ย
ร้านอาหารจีนในห้างสรรพสินค้าคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาลิ้มรสอาหารเลิศรส ในมุมหนึ่งของร้าน หลิวซินเยว่ถูกหลี่เหมยฮัวลากมานั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเธอและครอบครัวนายพลตัวร้ายโดยที่เธอปฏิเสธไม่ได้ หวังต้าเหล่ย ผู้เป็นพ่อของหวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถามลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"หนูเหมยฮัว ไปเจอเจ้าหย่งเจี๋ยที่ไหนเหรอ"หลี่เหมยฮัวยิ้มกว้างก่อนตอบ "หนูไปเจอพี่หย่งเจี๋ยข้างนอกค่ะ"เฉินเฟยหง ผู้เป็นแม่ของหลี่เหมยฮัวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ลูกสาวด้วยสายตาใคร่รู้ "แล้วนี่แม่หนูคนนี้คือใครเหรอ""คุณพ่อคุณแม่คะ นี่หลิวซินเยว่ เพื่อนของหนูเองค่ะ" หลี่เหมยฮัวแนะนำเพื่อนใหม่ให้พ่อแม่รู้จักด้วยความภาคภูมิใจ"เธอเก่งมากเลยนะคะ เธอเคยฝึกการต่อสู้มาก่อนด้วย เธอช่วยหนูจับโจรที่มาขโมยกระเป๋าของหนูค่ะ" ดวงตาของหลี่เหมยฮัวเป็นประกายขณะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวิน หันไปมองหลิวซินเยว่ด้วยความประหลาดใจปนชื่นชม หวังต้าเหล่ยเองก็มองหลิวซินเยว่ด้วยความสนใจ"คุณลุงคุณป้าค่ะพี่หย่งเจี๋ยทำนิสัยไม่ดี ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนหนูด้วยค่ะ" หลี่เหมยฮัวได้ทีก็ฟ้องทันที เธอซบหน้าลงกับไหล่ขอ
หลังจากมื้ออาหารอันสุดแสนจะทรมานจบลง หลิวซินเยว่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"หลี่เหมยฮัวมองตามด้วยแววตาเป็นห่วง "เยว่เยว่ จะให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม""ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้" หลิวซินเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลิวซินเยว่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังต้าเหล่ยและจ้าวหรูอี้ผู้เป็นพ่อแม่ของคุณตัวร้าย "คุณลุงคุณป้าหนูขอลาก่อนค่ะ" เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ไม่ไกล "ลาก่อนค่ะ คุณลุง คุณป้า" เธอเอ่ยลาอย่างมีมารยาทจ้าวหรูอี้มองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาเอ็นดู "เยว่เยว่ ไปเที่ยวที่บ้านป้าต่อไหมจ๊ะ บ้านของป้าติดกับบ้านของหนูเหมยฮัว" เธอเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลิวซินเยว่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับคุณนายหวัง "ขอบคุณคุณป้าที่เอ็นดูหนูนะคะ แต่พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ" เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล"แล้วหนูจะไปธุระที่ไหนต่อหรือ" จ้าวหรูอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะเพิ่งพบหลิวซินเยว่เป็นครั้งแรก แต่เธ
หลังจากที่เธอเพิ่งได้จักรเย็บผ้าจากป้าเจียงมา งานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผ้าหลากสีสันถูกตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง ตอนนี้เธอกับแม่ตัดเย็บชุดเสร็จไปได้เกือบ 10 ชุดแล้ว แต่ละชุดล้วนมีดีไซน์ที่ทันสมัย ต่างจากเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ที่มีขายทั่วไปในตลาดขณะที่หลินซินเยว่กำลังเย็บชายกระโปรงชุดสีแดงสดอยู่นั้น เสียงใสๆ ก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน "ขอโทษนะคะ ร้านตัดเย็บซูหลินอยู่นี่หรือเปล่าคะ"ซินเยว่วางมือจากงานตรงหน้า รีบเดินออกไปต้อนรับ ทันทีที่เปิดประตู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า "เหมยฮัว"หลี่เหมยฮัว อยู่ในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้า ยืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน"เยว่เยว่ บ้านของเธอหลังนี้นี่เอง""ใช่แล้ว เข้ามาสิ" หลิวซินเยว่ผายมือเชื้อเชิญ "บ้านฉันแคบหน่อยนะ" เธอกล่าวพลางเดินนำหลี่เหมยฮัวเข้าไปในบ้านภายในบ้าน นางซูหลิน ผู้เป็นแม่ กำลังนั่งเย็บกระดุมเสื้ออยู่ หลิวซินเยว่รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วยื่นให้หลี่เหมยฮัว "เหมยฮัว นี่แม่ฉัน เธอชื่อซูหลิน" หญิงสาวเอ่ยแนะนำ "ชุดพวกนี้ ฉันกับแม่ช่วยกันตัดเย็บเอง" หลิวซินเยว่ชี้นิ้วไปยังเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากสีที่แขวนเรียงรายอยู่บนราวหลี่เหมยฮัวมองชุดเหล่านั้นด้
เช้าวันต่อมารถจี๊ปทหารคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าร้านตัดเย็บซูหลินเล็กๆ ในตลาดหรงเหมย หวังหย่งเจี๋ยในชุดเครื่องแบบนายพลก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมคายดูสง่าผ่าเผย เขามองเข้าไปในร้าน เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ แต่ไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวร่างบางที่เขาเจอเมื่อวานภายในร้านดูเรียบร้อยสะอาดตา ผิดกับภายนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน หวังหย่งเจี๋ย มองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทักขึ้น"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ใช่ไหมครับซูหลินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า "ใช่แล้วค่ะ ฉันชื่อซูหลินเป็นเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ค่ะ ท่านนายพลต้องการอะไรคะ" แววตาของหล่อนฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเครื่องแบบทหารบนตัวเขา"ผมต้องการสั่งตัดชุดทหารครับ" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "ไม่ทราบว่าที่ร้านมีพนักงานคนอื่นอีกไหมครับ พอดีผมต้องการสั่งตัดหลายชุด" สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้าน"ที่ร้านแห่งนี้มีฉันเพียงแค่คนเพียงคนเดียวค่ะ" นางซูหลินตอบ "ปกติจะมีลูกสาวมาช่วยด้วย แต่วันนี้เธอมีเรียนค่ะ น่าจะกลับช่วงเย็นๆ โน่นแหละค่ะ""อ้อ" หวังหย่งเจี๋ย รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "งั้นผมจะสั่งตัดชุดทหาร สัก 7 ชุด นะครับ ถ
หลังเลิกเรียนในตอนเย็น หลิวซินเยว่เก็บหนังสือใส่กระเป๋า วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตในยุคนี้ ดีที่เธอยังมีความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงใช้ชีวิตในยุคนี้ได้อย่างยากลำบากเพราะแต่ละวิชาในคณะแพทย์นั้นยากมาก ความรู้ที่ติดตัวมาทำให้เธอเรียนได้อย่างสบายๆ อีกเพียงปีเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว และเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลตอนนี้เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่โรงพยาบาลที่ไหนดีในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของทันใดนั้น เสียงใสๆ ของจางเสี่ยวหลานเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น"เยว่เยว่ เธอไปทำอะไรมานี่ ทำไมดูสวยขึ้น?" จางเสี่ยวหลานเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจ้องมองหลิวซินเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะสแกนหาความเปลี่ยนแปลงหลิวซินเยว่ยิ้มให้เพื่อนสนิท "ฉันก็แค่ไปเปลี่ยนทรงผมกับลองแต่งหน้าดูเท่านั้นแหละ""จริงเหรอ แค่นั้นเองเหรอ" จางเสี่ยวหลานหรี่ตามอง "หรือว่าเธอมีความรักหรือเปล่าถึงได้หันมาดูแลตัวเองแบบนี้" น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้"บ้า ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากสวยเฉยๆ" หลิวซินเยว่รีบปฏิเสธ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อจางเสี่ยวหลานยิ้มกริ่ม "เย
ปี 2024 เมืองเซี่ยงไฮ้สายฝนเดือนมิถุนายนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เสียงกระทบของเม็ดฝนบนหลังคาสังกะสีดังระรัวราวกับเสียงกลองรบ บรรยากาศในตรอกแคบแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ช่างอึมครึมและเหนียวหนะ รถราที่วิ่งผ่านไปมาสาดน้ำขุ่น ๆ ขึ้นมาบนทางเท้า ใต้แสงไฟนีออนสลัว ๆ ของบาร์แห่งหนึ่ง หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเพลิงกำลังยืนกลาง ใบหน้าของเธอสวยคมภายใต้เครื่องสำอางจัดจ้าน ดวงตาคู่คมกริบนั้นฉายแววเฉียบแหลม หลิวซินเยว่คือสายลับสายฝีมือดีของกรมตำรวจ เธอเชี่ยวชาญทั้งการต่อสู้ การปลอมตัว และการสืบสวน ภายใต้ใบหน้าอันงดงามนั้นซ่อนความสามารถในการสังเกตและวิเคราะห์ที่เฉียบแหลม เธอสามารถอ่านความคิดของคนผ่านแววตาและกิริยาท่าทาง ชีวิตของหญิงสาวไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของโลกตั้งแต่ยังเยาว์วัย พ่อแม่ของเธอถูกคนเมายาบ้าฆ่าตาย ทำให้เธอต้องระหกระเหินเข้าไปอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบแม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่หลิวซินเยว่ก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา เธอฝึกฝนตัวเองอย่างหนักทั้งบุ๋นและบู๊ จนกลายเป็นสายลับฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งของกรมตำรวจในยามว่างจากภารกิจเสี่ยงต
หลิวซินเยว่พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏเป็นเพดานห้องหรูหรา ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีแดงฉูดฉาด เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายมังกร และโคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ ทุกอย่างดูแพงเว่อร์วังอลังการงานสร้าง"ที่... ที่นี่มันที่ไหนกัน" เธอพึมพำเบาๆ อยู่ในใจ เสียงแหบพร่าราวกับไม่ได้ใช้งานมานานหลิวซินเยว่เบิกตากว้าง หัวใจเต้นระรัว ภาพตรงหน้าทำให้เลือดในกายเย็นเยียบจนแทบแข็ง ร่างกายของเธอ...ไม่ใช่มันไม่ใช่ร่างกายของเธอ ร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ กลับกลายเป็นหญิงสาวบอบบาง ดูนุ่มนิ่มผิวพรรณขาวผ่องราวกับหยวกกล้วย เรือนร่างบอบบางอรชรอ้อนแอ้นแต่...มันไม่ใช่ร่างของเธอหลิวซินเยว่ผู้เป็นถึงมาสายลับสาว เจ้าของฉายา 'กุหลาบเพลิง' ผู้มีใบหน้าสวยเฉี่ยว ดวงตาเฉี่ยวคมดุจเหยี่ยว เรือนร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบ กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงสาวบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!" หลิวซินเยว่สบถลั่น ความรู้สึกสับสน ตกใจ และหวาดกลัว ประดังประเดเข้ามาในหัวพร้อมๆ กันความทรงจำสุดท้ายของเธอก่อนจะหมดสติไป เธอโดนหลี่เจี้ยนชายคนรักยิงตรงกลางหัวใจอย่างโหดเหี้ยม แล้
หลังเลิกเรียนในตอนเย็น หลิวซินเยว่เก็บหนังสือใส่กระเป๋า วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตในยุคนี้ ดีที่เธอยังมีความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงใช้ชีวิตในยุคนี้ได้อย่างยากลำบากเพราะแต่ละวิชาในคณะแพทย์นั้นยากมาก ความรู้ที่ติดตัวมาทำให้เธอเรียนได้อย่างสบายๆ อีกเพียงปีเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว และเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลตอนนี้เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่โรงพยาบาลที่ไหนดีในขณะที่เธอกำลังเก็บข้าวของทันใดนั้น เสียงใสๆ ของจางเสี่ยวหลานเพื่อนสนิทของเธอก็ดังขึ้น"เยว่เยว่ เธอไปทำอะไรมานี่ ทำไมดูสวยขึ้น?" จางเสี่ยวหลานเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจ้องมองหลิวซินเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะสแกนหาความเปลี่ยนแปลงหลิวซินเยว่ยิ้มให้เพื่อนสนิท "ฉันก็แค่ไปเปลี่ยนทรงผมกับลองแต่งหน้าดูเท่านั้นแหละ""จริงเหรอ แค่นั้นเองเหรอ" จางเสี่ยวหลานหรี่ตามอง "หรือว่าเธอมีความรักหรือเปล่าถึงได้หันมาดูแลตัวเองแบบนี้" น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้"บ้า ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากสวยเฉยๆ" หลิวซินเยว่รีบปฏิเสธ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อจางเสี่ยวหลานยิ้มกริ่ม "เย
เช้าวันต่อมารถจี๊ปทหารคันใหญ่ก็แล่นมาจอดหน้าร้านตัดเย็บซูหลินเล็กๆ ในตลาดหรงเหมย หวังหย่งเจี๋ยในชุดเครื่องแบบนายพลก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมคายดูสง่าผ่าเผย เขามองเข้าไปในร้าน เห็นเพียงหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ แต่ไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวร่างบางที่เขาเจอเมื่อวานภายในร้านดูเรียบร้อยสะอาดตา ผิดกับภายนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน หวังหย่งเจี๋ย มองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทักขึ้น"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ใช่ไหมครับซูหลินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า "ใช่แล้วค่ะ ฉันชื่อซูหลินเป็นเจ้าของร้านตัดเย็บแห่งนี้ค่ะ ท่านนายพลต้องการอะไรคะ" แววตาของหล่อนฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเครื่องแบบทหารบนตัวเขา"ผมต้องการสั่งตัดชุดทหารครับ" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "ไม่ทราบว่าที่ร้านมีพนักงานคนอื่นอีกไหมครับ พอดีผมต้องการสั่งตัดหลายชุด" สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ร้าน"ที่ร้านแห่งนี้มีฉันเพียงแค่คนเพียงคนเดียวค่ะ" นางซูหลินตอบ "ปกติจะมีลูกสาวมาช่วยด้วย แต่วันนี้เธอมีเรียนค่ะ น่าจะกลับช่วงเย็นๆ โน่นแหละค่ะ""อ้อ" หวังหย่งเจี๋ย รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย "งั้นผมจะสั่งตัดชุดทหาร สัก 7 ชุด นะครับ ถ
หลังจากที่เธอเพิ่งได้จักรเย็บผ้าจากป้าเจียงมา งานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ผ้าหลากสีสันถูกตัดเย็บอย่างประณีตบรรจง ตอนนี้เธอกับแม่ตัดเย็บชุดเสร็จไปได้เกือบ 10 ชุดแล้ว แต่ละชุดล้วนมีดีไซน์ที่ทันสมัย ต่างจากเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ที่มีขายทั่วไปในตลาดขณะที่หลินซินเยว่กำลังเย็บชายกระโปรงชุดสีแดงสดอยู่นั้น เสียงใสๆ ก็ดังขึ้นจากหน้าบ้าน "ขอโทษนะคะ ร้านตัดเย็บซูหลินอยู่นี่หรือเปล่าคะ"ซินเยว่วางมือจากงานตรงหน้า รีบเดินออกไปต้อนรับ ทันทีที่เปิดประตู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า "เหมยฮัว"หลี่เหมยฮัว อยู่ในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้า ยืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน"เยว่เยว่ บ้านของเธอหลังนี้นี่เอง""ใช่แล้ว เข้ามาสิ" หลิวซินเยว่ผายมือเชื้อเชิญ "บ้านฉันแคบหน่อยนะ" เธอกล่าวพลางเดินนำหลี่เหมยฮัวเข้าไปในบ้านภายในบ้าน นางซูหลิน ผู้เป็นแม่ กำลังนั่งเย็บกระดุมเสื้ออยู่ หลิวซินเยว่รินน้ำชาใส่แก้ว แล้วยื่นให้หลี่เหมยฮัว "เหมยฮัว นี่แม่ฉัน เธอชื่อซูหลิน" หญิงสาวเอ่ยแนะนำ "ชุดพวกนี้ ฉันกับแม่ช่วยกันตัดเย็บเอง" หลิวซินเยว่ชี้นิ้วไปยังเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากสีที่แขวนเรียงรายอยู่บนราวหลี่เหมยฮัวมองชุดเหล่านั้นด้
หลังจากมื้ออาหารอันสุดแสนจะทรมานจบลง หลิวซินเยว่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะคะ อาหารอร่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ"หลี่เหมยฮัวมองตามด้วยแววตาเป็นห่วง "เยว่เยว่ จะให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม""ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกลับเองได้" หลิวซินเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ"งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลิวซินเยว่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหวังต้าเหล่ยและจ้าวหรูอี้ผู้เป็นพ่อแม่ของคุณตัวร้าย "คุณลุงคุณป้าหนูขอลาก่อนค่ะ" เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับทั้งสอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวินที่นั่งอยู่ไม่ไกล "ลาก่อนค่ะ คุณลุง คุณป้า" เธอเอ่ยลาอย่างมีมารยาทจ้าวหรูอี้มองหลิวซินเยว่ด้วยสายตาเอ็นดู "เยว่เยว่ ไปเที่ยวที่บ้านป้าต่อไหมจ๊ะ บ้านของป้าติดกับบ้านของหนูเหมยฮัว" เธอเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นหลิวซินเยว่ส่งยิ้มบางๆ ให้กับคุณนายหวัง "ขอบคุณคุณป้าที่เอ็นดูหนูนะคะ แต่พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ" เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล"แล้วหนูจะไปธุระที่ไหนต่อหรือ" จ้าวหรูอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะเพิ่งพบหลิวซินเยว่เป็นครั้งแรก แต่เธ
ร้านอาหารจีนในห้างสรรพสินค้าคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันมาลิ้มรสอาหารเลิศรส ในมุมหนึ่งของร้าน หลิวซินเยว่ถูกหลี่เหมยฮัวลากมานั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวของเธอและครอบครัวนายพลตัวร้ายโดยที่เธอปฏิเสธไม่ได้ หวังต้าเหล่ย ผู้เป็นพ่อของหวังหย่งเจี๋ยเอ่ยถามลูกสาวของเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย"หนูเหมยฮัว ไปเจอเจ้าหย่งเจี๋ยที่ไหนเหรอ"หลี่เหมยฮัวยิ้มกว้างก่อนตอบ "หนูไปเจอพี่หย่งเจี๋ยข้างนอกค่ะ"เฉินเฟยหง ผู้เป็นแม่ของหลี่เหมยฮัวมองไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ลูกสาวด้วยสายตาใคร่รู้ "แล้วนี่แม่หนูคนนี้คือใครเหรอ""คุณพ่อคุณแม่คะ นี่หลิวซินเยว่ เพื่อนของหนูเองค่ะ" หลี่เหมยฮัวแนะนำเพื่อนใหม่ให้พ่อแม่รู้จักด้วยความภาคภูมิใจ"เธอเก่งมากเลยนะคะ เธอเคยฝึกการต่อสู้มาก่อนด้วย เธอช่วยหนูจับโจรที่มาขโมยกระเป๋าของหนูค่ะ" ดวงตาของหลี่เหมยฮัวเป็นประกายขณะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเฉินเฟยหงและหลี่เจี้ยนจวิน หันไปมองหลิวซินเยว่ด้วยความประหลาดใจปนชื่นชม หวังต้าเหล่ยเองก็มองหลิวซินเยว่ด้วยความสนใจ"คุณลุงคุณป้าค่ะพี่หย่งเจี๋ยทำนิสัยไม่ดี ทำเจ้าชู้ใส่เพื่อนหนูด้วยค่ะ" หลี่เหมยฮัวได้ทีก็ฟ้องทันที เธอซบหน้าลงกับไหล่ขอ
หลิวซินเยว่สะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังบางแนบชิดกับกำแพงเย็นเฉียบ หวังหย่งเจี๋ยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเข้าไปในใจ"ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร" หวังหย่งเจี๋ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยอำนาจ หลิวซินเยว่รู้สึกใจสั่นระรัว เธอพยายามรวบรวมสติ ไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ"ทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักด้วย" เธอเน้นคำว่าไม่รู้จักเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เกรงกลัว มองตรงไปยังชายหนุ่มตรงหน้าหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่คุ้นชินกับการถูกต่อต้านแบบนี้ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเช่นนี้"นี่คุณถอยออกไปนะ ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะตะโกนบอกคนอื่นว่าถูกคุณลวนลาม" หลิวซินเยว่ตอบกลับเสียงแข็ง แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่เธอก็พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง เธอพร้อมที่หนีจากคนร่างสูงเมื่อสบโอกาส"ลวนลาม?" หวังหย่งเจี๋ยทวนคำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา "เธอคิดว่าฉันเป็นคนเช่นนั้น?""ก็ใครจะไปรู้ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้" หลิวซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ย
ที่ห้องทำงานของนายพลหวังหย่งเจี๋ย บรรยากาศภายในห้องกลับเย็นเยียบราวกับพายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านนายพลหนุ่ม บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังลูกน้องสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า"พวกแกหาหญิงสาวที่ออกจากบ้านฉันไปเมื่อวานนี้เจอแล้วหรือยัง" หวังหย่งเจี๋ยคำรามเสียงดังลั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับฟ้าผ่า"ยังเลยครับ ท่านนายพล" ลูกน้องคนหนึ่งตอบเสียงสั่น "จากการสอบสวนยามหน้าหมู่บ้าน ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดแดงเดินออกมาจากในหมู่บ้านเลยครับ""ส่วนผมก็ไปหาข้อมูลที่ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมา ท่านน่าจะออกตรงหลังร้าน ทำให้พวกยามที่หน้าร้านอาหารไม่เห็นครับว่าผู้หญิงที่ท่านลากกลับมาบ้านไปคือใคร""โถ่โว๊ย พวกแกไม่ได้เรื่องเลย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขากำลังร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจรสสัมผัสหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มอิ่มเอมใจมาก่อน"แล้วท่านพอจะจำหน้าเธอได้ไหมครับ?เธอมีลักษณะเช่นไร?ผมจะได้ให้คนช่วยตามหาให้ครับ" ลูกน้องอีกคนถามอย่างระมัดระวังหวังหย่งเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำเมื่อคืนวูบไหวอยู่ในหัวสมองราว
หลังจากซื้อผ้าเสร็จ หลิวซินเยว่ก็เอ่ยขึ้น "แม่คะ เดี๋ยวแม่จ้างรถลากให้ไปส่งของที่บ้านของเรานะคะ หนูจะไปห้างสรรพสินค้าหน่อยค่ะ หนูกะไปซื้อเครื่องสำอาง กับให้ช่างตัดผมซอยผมให้ด้วยค่ะ"นางซูพยักหน้า "ไปเถอะลูก เดี๋ยวแม่ขนผ้าพวกนี้ไปเอง"เมื่อเห็นแม่ขึ้นรถลากไปแล้ว หลิวซินเยว่ก็เรียกรถลากอีกคันให้ไปส่งเธอที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้เธอกะจะไปเปลี่ยนทรงผมให้ทันสมัยขึ้น ก่อนจะไปซื้อเครื่องสำอาง ‘วันนี้ละฉันจะปฏิวัติจากแม่สาวสุดเฉิ่มมาเป็นสาวสวยให้ดู’ หลิวซินเยว่คิดในใจเมื่อมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใจกลางเมืองหญิงสาวจ่ายเงินก่อนจะลงจากรถลาก เธอสูดหายใจเข้าลึก สัมผัสบรรยากาศแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่แตกต่างจากยุคปัจจุบันที่เธอจากมาโดยสิ้นเชิงร้านตัดผมในห้างสรรพสินค้าตกแต่งด้วยกระจกบานใหญ่ส่องประกายสะท้อนแสงไฟนีออนสีสันสดใส ช่างผมชายหนุ่มท่าทางทันสมัยกำลังวุ่นอยู่กับการเซ็ตผมให้ลูกค้าสาวสวย หลิวซินเยว่ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านทันที"สวัสดีครับ คุณลูกค้าสนใจใช้บริการอะไรครับ" ช่างผมหนุ่มเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม"ฉันอยากตัดผมค่ะ" หลิวซินเยว่ตอบ "อยากได้ทรงผมที่ทันสมัยหน่อยค่ะ""คุณอยากได้ทรงผมแบบไ
"แม่คะ เดี๋ยวเราแต่งตัวไปข้างนอกกันเถอะ หนูว่าจะไปร้านขายผ้าด้วย หนูจะเลือกซื้อผ้ามาตัดเย็บชุดแบบนี้ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดพลางหยิบชุดที่เธอเพิ่งตัดเย็บเสร็จมาสวม เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวแขนพอง จับคู่กับกระโปรงทรงเอสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องของเธออย่างลงตัว ยิ่งขับให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตา ชุดดูทันสมัยผิดวิสัยสาวชาวบ้านทั่วไป ใครเห็นแล้วต้องเหลียวมอง"แม่ว่ายังไงบ้างคะ" เธอถามแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มหวาน"ก็ดีเหมือนกันนะ เยว่เยว่ ลูกแต่งตัวแบบนี้ดูสวยขึ้นเยอะเลย" ซูหลินแม่ของเธอตอบด้วยแววตาเอ็นดู "แต่ว่า...""แต่ว่าอะไรเหรอคะแม่""เอ่อ... คือว่า..." นางซูมีสีหน้าลำบากใจ "แม่ว่าชุดนี้มันดู... โดดเด่นเกินไปหน่อยหรือเปล่าลูก ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้กัน"หลิวซินเยว่เข้าใจความกังวลของผู้เป็นแม่ดี ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนยังค่อนข้างอนุรักษนิยม การแต่งตัวที่ฉูดฉาดเกินไปอาจทำให้ถูกนินทาได้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเรากำลังเปิดประเทศ ผู้คนก็ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หนูอยากลองนำเทรนด์ดูบ้าง"ซูหลินเห็นลูกสาวมุ่งมั่นเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย "เอาเถอะๆ แม่ตามใจลูกก็แ