พิธีหมั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังเสร็จสิ้นพิธี หลี่เหมยฮัวและซุนเจ๋อคู่สามีภรรยาผู้เป็นเพื่อนสนิทของหลิวซินเยว่ ก็เข้ามาแสดงความยินดี
หลิวซินเยว่ เข้ามาทักทายคนมี้งคู่ทันที "เหมยฮัว ดีใจจังที่มาได้" เธอกอดคุณนางเอกไว้แน่น
"เยว่เยว่ ยินดีด้วยนะ วันนี้เธอสวยมาก" เหมยฮัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"ขอบคุณนะเหมยฮัว" เธอกล่าวขอบคุณ สายตาเหลือบไปเห็นหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นของคุณนางเอก
"เหมยฮัว เธอเป็นอย่างไรบ้าง แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"นิดหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันแทบทานอะไรไม่ได้เลย"คนเป็นแม่หมาดๆ เอ่ยตอบ
"ถ้าเธอไม่สบาย ไม่ต้องบังคับตัวเองมางานหมั้นฉันก็ได้นะ" หลิวซินเยว่กล่าว
"ฉันจะไม่มางานหมั้นเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไร" เหมยฮัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ใบหน้าจะซีดเซียวเล็กน้อยจากอาการแพ้ท้อง
"แล้วตอนนี้เธอรู้หรือยังว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว" หลิวซินเยว่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นพลางลูบท้องของเพื่อนเบาๆ
"ยังไม่รู้เพศเลย" หลี่เหมยฮัวตอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
"ถ้าฉันมีลูกชาย แล้วเยว่เยว่มีลูกสาว พวกเราจับทั้งสองหมั้
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหว บอกให้คนเมืองหลวงรับรู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลสมรสของตระกูลหวัง งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี กำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ แขกเหรื่อมากมายต่างทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ในที่สุดวันนี้ วันที่หวังหย่งเจี๋ยเฝ้ารอคอยก็มาถึง หลังจากที่เขาต้องอดทนรอให้หลิวซินเยว่ คนรักของตนเรียนจบมหาวิทยาลัยตลอดหนึ่งปีเต็ม วันนี้เขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักที่สุดเสียทีหวังหย่งเจี๋ยในชุดสูทสีดำดูที่ดูหล่อเหลา เขานั่งรอเจ้าสาวอย่างใจจดใจจ่อ เสียงประตูห้องแต่งตัวเปิดออก หวังหย่งเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านนอกแทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เขารักดังใกล้เข้ามาทุกขณะ ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าสาวของเขาหลิวซินเยว่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินระยิบระยับเข้ารูปกับเรือนร่างอรชร ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาแต่ขับเน้นให้ดวงตากลมโตดูสดใสเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มทาด้วยลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องราวกับหยกชั้นดี ยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินออกมาพร้อมหลี่เหมยฮัวเพื่อนสนิทของเ
ปี 2024 เมืองเซี่ยงไฮ้สายฝนเดือนมิถุนายนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เสียงกระทบของเม็ดฝนบนหลังคาสังกะสีดังระรัวราวกับเสียงกลองรบ บรรยากาศในตรอกแคบแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ช่างอึมครึมและเหนียวหนะ รถราที่วิ่งผ่านไปมาสาดน้ำขุ่น ๆ ขึ้นมาบนทางเท้า ใต้แสงไฟนีออนสลัว ๆ ของบาร์แห่งหนึ่ง หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเพลิงกำลังยืนกลาง ใบหน้าของเธอสวยคมภายใต้เครื่องสำอางจัดจ้าน ดวงตาคู่คมกริบนั้นฉายแววเฉียบแหลม หลิวซินเยว่คือสายลับสายฝีมือดีของกรมตำรวจ เธอเชี่ยวชาญทั้งการต่อสู้ การปลอมตัว และการสืบสวน ภายใต้ใบหน้าอันงดงามนั้นซ่อนความสามารถในการสังเกตและวิเคราะห์ที่เฉียบแหลม เธอสามารถอ่านความคิดของคนผ่านแววตาและกิริยาท่าทาง ชีวิตของหญิงสาวไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของโลกตั้งแต่ยังเยาว์วัย พ่อแม่ของเธอถูกคนเมายาบ้าฆ่าตาย ทำให้เธอต้องระหกระเหินเข้าไปอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบแม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่หลิวซินเยว่ก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา เธอฝึกฝนตัวเองอย่างหนักทั้งบุ๋นและบู๊ จนกลายเป็นสายลับฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งของกรมตำรวจในยามว่างจากภารกิจเสี่ยงต
หลิวซินเยว่พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏเป็นเพดานห้องหรูหรา ตกแต่งด้วยผ้าไหมสีแดงฉูดฉาด เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายมังกร และโคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ ทุกอย่างดูแพงเว่อร์วังอลังการงานสร้าง"ที่... ที่นี่มันที่ไหนกัน" เธอพึมพำเบาๆ อยู่ในใจ เสียงแหบพร่าราวกับไม่ได้ใช้งานมานานหลิวซินเยว่เบิกตากว้าง หัวใจเต้นระรัว ภาพตรงหน้าทำให้เลือดในกายเย็นเยียบจนแทบแข็ง ร่างกายของเธอ...ไม่ใช่มันไม่ใช่ร่างกายของเธอ ร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ กลับกลายเป็นหญิงสาวบอบบาง ดูนุ่มนิ่มผิวพรรณขาวผ่องราวกับหยวกกล้วย เรือนร่างบอบบางอรชรอ้อนแอ้นแต่...มันไม่ใช่ร่างของเธอหลิวซินเยว่ผู้เป็นถึงมาสายลับสาว เจ้าของฉายา 'กุหลาบเพลิง' ผู้มีใบหน้าสวยเฉี่ยว ดวงตาเฉี่ยวคมดุจเหยี่ยว เรือนร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบ กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงสาวบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!" หลิวซินเยว่สบถลั่น ความรู้สึกสับสน ตกใจ และหวาดกลัว ประดังประเดเข้ามาในหัวพร้อมๆ กันความทรงจำสุดท้ายของเธอก่อนจะหมดสติไป เธอโดนหลี่เจี้ยนชายคนรักยิงตรงกลางหัวใจอย่างโหดเหี้ยม แล้
หวังหย่งเจี๋ยมองหญิงสาวบนเตียงด้วยแววตาซับซ้อน เขาจำได้ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ภาพความเร่าร้อนเมื่อค่ำคืนยังคงติดตา เขา เขาไม่คาดคิดเด็กสาวบ้านๆ ที่ดูภายนอกจะแสนจืดชืดคนนี้จะซ่อนรูปที่สุดแสนจะเย้ายวนเอาไว้ จะทำให้เขาเสียอาการจะควบคุมสติไม่อยู่ได้ถึงเพียงนี้"เธอเป็นอย่างไรบ้าง" นายพลหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบหลิวซินเยว่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเขา"คุณ..." เธอพยายามเปล่งเสียง แต่กลับพูดไม่ออก ลำคอของเธอแห้งผาก ร่างกายปวดร้าวระบมไปหมดหวังหย่งเจี๋ยเห็นแววตาสับสนของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างไร ความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนที่เกิดจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด กลับทำให้เขาต้องมีอะไรกับหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ"ผมขอโทษ..." หวังหย่งเจี๋ยเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนผมโดนศัตรูลอบวางยาปลุกกำหนัดทำให้ผมควบคุมอารมณ์ไม่ได้" เขาพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงใจ หวังว่าคนร่างบางที่อยู่ตรงหน้าจะเข้าใจหลินซินเยว่ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้จะโทษใคร โทษโชคชะตาที่เล่นตลก ที่ทำให้เธอโผล่มาในร่างของตัวประกอบ ความบริสุทธิ์ที
หวังหย่งเจี๋ยขับรถแล่นผ่านสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย รถจี๊ปสีเขียวมะกอกของเขาเลี้ยวเข้าสู่ตรอกเล็กๆ ก่อนจะจอดลงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หยดน้ำฝนเกาะพราวบนกระจกหน้ารถ บดบังทัศนียภาพภายนอกให้เลือนรางเขาก้าวลงจากรถ ปิดประตูเสียงดัง ปล่อยให้ความเย็นยะเยือกของสายฝนซึมผ่านเสื้อโค้ตตัวหนา ความรู้สึกหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจ เขารีบสาวเท้าเข้าไปในบ้านความเย็นยะเยือกแทรกซึมผ่านเสื้อโค้ตตัวหนาของเขา แต่ไม่อาจสู้กับความร้อนรุ่มในใจที่กำลังคุกรุ่น เขาหวังว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่ทำให้เขาหลงใหลในค่ำคืนที่ผ่านมาแต่ภายในบ้านกลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยของเธอ"บ้าเอ๊ย" หวังหย่งเจี๋ยสบถออกมาอย่างหัวเสีย "ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงถึงหนีฉันไปแบบนี้" นายพลหนุ่มพึมพำกับตัวเอง เขาก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องนอน เตียงนอนขนาดใหญ่ยังคงยับยู่ยี่ บ่งบอกถึงเรื่องราวร้อนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่เจ้าของร่างกายอันเย้ายวนใจกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดาษโน้ตสักใบภาพความทรงจำของหญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบอบบาง กลิ่นกายหอมหวาน และสัมผัสอันเร่าร้อนยังคงติดตรึงอยู่ในใจของนายพลหนุ่ม เขาไม่คาดคิดว่าสภาพที่ลุกจากเตียงไม่ขึ
หลิวซินเยว่เดินออกจากห้องนอนเล็กๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน เธอหวังว่าแม่ของเธอจะทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทาง เธอเหลือบไปเห็นรูปถ่ายขาวดำใบหนึ่งวางอยู่บนชั้นวางของตั้งอยู่ในบ้าน เป็นรูปของผู้หญิงหน้าตาสะสวยอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวในรูปมีเค้าโครงใบหน้าคล้ายกับเธอมาก'นี่คงเป็นแม่ของหลิวซินเยว่สินะ' เธอคิดในใจ พร้อมกับความรู้สึกโหยหาบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ก่อนเธอมองไปที่รูปถ่ายของชายวัยกลางคนในชุดทหารที่ตั้งอยู่ใกล้กัน นั่นคือพ่อของหลิวซินเยว่ เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธออายุได้เพียง 10 ขวบ แม่ของเธอต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำงานตัดเย็บผ้าหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเลี้ยงชีพ ส่งเสียหลิวซินเยว่จนเรียนจบมัธยมปลาย และสอบเข้าคณะแพทย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้'เยว่เยว่' เสียงเรียกของคนเป็นแม่ทำเอาความคิดที่กำลังล่องลอยของเธอถูกดึงกลับมาสู่โลกความจริง เธอเห็นแม่ของเธอกำลังเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับอาหารจานโปรด"วันนี้แม่ทำผัดผักกาดขาวกับเต้าหู้หม่าโผที่ลูกชอบ มาทานกันเร็ว""ค่ะแม่" หยวนชิงตอบรับก่อนจะเดินตามคนเป็นแม่เข้าไปนั่
เสียงโวยวายดังลั่นหน้าบ้านปลุกหลิวซินเยว่ให้ตื่นจากภวังค์ เธอลุกขึ้นอย่างงัวเงีย หัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงตะคอกดังมาจากหน้าบ้าน"ซูหลิน เงินที่แกยืมไปเมื่อไหร่จะคืน นี่มันเลยเวลาไปหลายวันแล้วนะ"หลิวซินเยว่รีบวิ่งไปที่หน้าบ้าน ภาพที่เห็นทำให้เลือดในกายเธอเดือดพล่าน ชายฉกรรจ์สองคนหน้าตาดุดันกำลังยืนค้ำหัวแม่ของเธออยู่ ใบหน้าของแม่ของเธอซีดเผือด มือข้างหนึ่งกำชายเสื้อไว้แน่น"ขอเวลาให้ฉันอีกหน่อยเถอะนะคะ พอดีลูกค้ายังไม่มาเอาเสื้อที่ตัดไว้ อีกไม่กี่วันฉันจะรีบเอาเงินไปคืนให้แน่นอนค่ะ" ซูหลินกล่าวเสียงสั่นเครือ"อีกไม่กี่วัน? แกพูดแบบนี้มาหลายรอบแล้ว อย่ามาลีลาหลอกลวงกูอีก" เสียงตวาดดังลั่นมาจากหน้าบ้าน ทำให้นางซูหลินสะดุ้งสุดตัวชายร่างยักษ์สองคนยืนจังก้าขวางประตู ใบหน้าดุร้ายราวกับยักษ์มาร หนึ่งในนั้นคือ เจียงกู่เหวยเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบผู้โหดเหี้ยม เขาเดินเข้ามาใกล้ซูหลิน ยกมือขึ้นหมายจะตบใบหน้าของเธอหลิวซินเยว่ เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เลือดในกายก็พลุ่งพล่าน เธอเคยเป็นตำรวจสาวมาก่อน ความเก่งกาจด้านการต่อสู้ยังคงฝังแน่นอยู่ในสัญชาตญาณ เธอพุ่งตัวออกไป ยืนขวางหน้าคนเป็นแม่ พร้อมกั
"แม่คะ เดี๋ยวเราแต่งตัวไปข้างนอกกันเถอะ หนูว่าจะไปร้านขายผ้าด้วย หนูจะเลือกซื้อผ้ามาตัดเย็บชุดแบบนี้ค่ะ" หลิวซินเยว่พูดพลางหยิบชุดที่เธอเพิ่งตัดเย็บเสร็จมาสวม เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวแขนพอง จับคู่กับกระโปรงทรงเอสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องของเธออย่างลงตัว ยิ่งขับให้เธอดูโดดเด่นสะดุดตา ชุดดูทันสมัยผิดวิสัยสาวชาวบ้านทั่วไป ใครเห็นแล้วต้องเหลียวมอง"แม่ว่ายังไงบ้างคะ" เธอถามแม่ของเธอด้วยรอยยิ้มหวาน"ก็ดีเหมือนกันนะ เยว่เยว่ ลูกแต่งตัวแบบนี้ดูสวยขึ้นเยอะเลย" ซูหลินแม่ของเธอตอบด้วยแววตาเอ็นดู "แต่ว่า...""แต่ว่าอะไรเหรอคะแม่""เอ่อ... คือว่า..." นางซูมีสีหน้าลำบากใจ "แม่ว่าชุดนี้มันดู... โดดเด่นเกินไปหน่อยหรือเปล่าลูก ชาวบ้านแถวนี้เขาไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้กัน"หลิวซินเยว่เข้าใจความกังวลของผู้เป็นแม่ดี ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนยังค่อนข้างอนุรักษนิยม การแต่งตัวที่ฉูดฉาดเกินไปอาจทำให้ถูกนินทาได้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเรากำลังเปิดประเทศ ผู้คนก็ต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ หนูอยากลองนำเทรนด์ดูบ้าง"ซูหลินเห็นลูกสาวมุ่งมั่นเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย "เอาเถอะๆ แม่ตามใจลูกก็แ
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหว บอกให้คนเมืองหลวงรับรู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลสมรสของตระกูลหวัง งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี กำลังจะเริ่มต้นขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ แขกเหรื่อมากมายต่างทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี ในที่สุดวันนี้ วันที่หวังหย่งเจี๋ยเฝ้ารอคอยก็มาถึง หลังจากที่เขาต้องอดทนรอให้หลิวซินเยว่ คนรักของตนเรียนจบมหาวิทยาลัยตลอดหนึ่งปีเต็ม วันนี้เขาจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักที่สุดเสียทีหวังหย่งเจี๋ยในชุดสูทสีดำดูที่ดูหล่อเหลา เขานั่งรอเจ้าสาวอย่างใจจดใจจ่อ เสียงประตูห้องแต่งตัวเปิดออก หวังหย่งเจี๋ยที่ยืนรออยู่ด้านนอกแทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เขารักดังใกล้เข้ามาทุกขณะ ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าสาวของเขาหลิวซินเยว่ในชุดเจ้าสาวสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินระยิบระยับเข้ารูปกับเรือนร่างอรชร ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาแต่ขับเน้นให้ดวงตากลมโตดูสดใสเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มทาด้วยลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องราวกับหยกชั้นดี ยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินออกมาพร้อมหลี่เหมยฮัวเพื่อนสนิทของเ
พิธีหมั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังเสร็จสิ้นพิธี หลี่เหมยฮัวและซุนเจ๋อคู่สามีภรรยาผู้เป็นเพื่อนสนิทของหลิวซินเยว่ ก็เข้ามาแสดงความยินดีหลิวซินเยว่ เข้ามาทักทายคนมี้งคู่ทันที "เหมยฮัว ดีใจจังที่มาได้" เธอกอดคุณนางเอกไว้แน่น"เยว่เยว่ ยินดีด้วยนะ วันนี้เธอสวยมาก" เหมยฮัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"ขอบคุณนะเหมยฮัว" เธอกล่าวขอบคุณ สายตาเหลือบไปเห็นหน้าท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นของคุณนางเอก"เหมยฮัว เธอเป็นอย่างไรบ้าง แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"นิดหน่อยนะ ช่วงนี้ฉันแทบทานอะไรไม่ได้เลย"คนเป็นแม่หมาดๆ เอ่ยตอบ"ถ้าเธอไม่สบาย ไม่ต้องบังคับตัวเองมางานหมั้นฉันก็ได้นะ" หลิวซินเยว่กล่าว"ฉันจะไม่มางานหมั้นเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไร" เหมยฮัวตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ใบหน้าจะซีดเซียวเล็กน้อยจากอาการแพ้ท้อง"แล้วตอนนี้เธอรู้หรือยังว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว" หลิวซินเยว่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นพลางลูบท้องของเพื่อนเบาๆ"ยังไม่รู้เพศเลย" หลี่เหมยฮัวตอบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ"ถ้าฉันมีลูกชาย แล้วเยว่เยว่มีลูกสาว พวกเราจับทั้งสองหมั้
ไม่นานนักพวกเขาทั้งคู่ก็ก้าวลงจากรถยนต์คันหรูด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจ เบื้องหน้าเธอคือร้านอาหารฝรั่งเศสตกแต่งสไตล์ยุโรป ดูหรูหรา ทันสมัย ตัดกับบรรยากาศรอบข้างอย่างสิ้นเชิง"ว้าว สวยจังเลยค่ะพี่หย่งเจี๋ย" เยว่เยว่อุทานอย่างตื่นเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายหวังหย่งเจี๋ยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ "ชอบไหม?พี่ตั้งใจเลือกเลยนะ""ชอบมากค่ะ" หลิวซินเยว่พยักหน้าหงึกหงัก "ไม่คิดว่าปักกิ่งจะมีร้านแบบนี้ด้วย""ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ เขาว่ากันว่าอาหารอร่อยมาก แถมบรรยากาศยังโรแมนติก เหมาะกับคู่รักอย่างเรา" หวังหย่งเจี๋ยขยิบตาให้หลิวซินเยว่ ก่อนจะคว้ามือบางของเธอเดินเข้าไปในร้านภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ทอง ดูหรูหรา โอ่อ่า เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงเบาๆ สร้างบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก พนักงานในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสะอาดตา โค้งคำนับต้อนรับทั้งสองด้วยรอยยิ้ม"โต๊ะริมหน้าต่าง วิวดีที่สุดครับ" หวังหย่งเจี๋ยบอกพนักงาน ก่อนจะพาหลิวซินเยว่ ไปนั่งประจำที่"พี่หย่งเจี๋ยคะ ที่นี่ดูแพงมากเลย" เยว่เยว่กระซิบเสียงเบา รู้สึกประหม่าเล็กน้อย"ไม่ต้องห่วงน่า พี่เลี้ยงเอง" หวังหย่
เวลาผ่านไปอย่ารวดเร็ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากิจการร้านขายเสื้อผ้าบูติกที่ถนนหนานจิงขายดีเป็นอย่างมาก ภายในร้าน หลิวซินเยว่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเรียงเสื้อผ้าตัวใหม่ๆ"คุณหลิว เสื้อผ้าที่ทำออกมาขายแทบจะตัดเย็บไม่ทันแล้วนะ" เสียงจินฮวาดังขึ้นขณะกำลังแขวนชุดเดรสลายดอกไม้สีสดใส "ลูกค้าติดใจแบบเสื้อผ้าของเราใหญ่เลย คนแน่นร้านทุกวัน""จริงอย่างที่พี่จินฮวาว่า" เสี่ยวหลันพูดพลางจัดเรียงกางเกงยีนตัวใหม่ "เมื่อวานตอนบ่าย ฉันเห็นลูกค้าต่อแถวรอซื้อเสื้อผ้าหน้าร้านยาวเหยียดเลย"หลิวซินเยว่ยิ้มกว้าง พลางหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ขึ้นมาพับอย่างบรรจง "ฉันก็ดีใจเหมือนกันที่ร้านของเราขายดีแบบนี้ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยกันเต็มที่ขนาดนี้""แต่ว่านะคุณหลิว" จินฮวาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล "พวกเราจะทำเสื้อผ้าทันขายเหรอ?แค่พวกคุณซูกับป้าหวังคงไม่ไหวแน่ๆ "หลิวซินเยว่พยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราคงต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะ" หลังจากจัดของในร้านเสร็จเธอก็ไปหาแม่และป้าหวังที่บ้านของเธอเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ"ป้าหวัง ...เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้ กว่าโ
เช้าวันรุ่งซินเยว่ลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนยินดี เธอจัดแจงแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนที่เตรียมไว้ ก่อนจะลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้ากับนางซูหลินผู้เป็นแม่"อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่" ซินเยว่กล่าวทักทายพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะอาหาร"อรุณสวัสดิ์จ้ะเยว่เยว่ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม" นางซูหลินถามด้วยรอยยิ้ม"ค่ะแม่ เมื่อคืนหนูนอนหลับสบายมากเลยค่ะ"บนโต๊ะอาหารมีโจ๊กข้าวต้มร้อนๆ กับหมั่นโถววางอยู่ หลิวซินเยว่ตักโจ๊กเข้าปากพลางเล่าเรื่องราวที่ร้านเมื่อวานนี้ให้แม่ฟังด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข"แม่คะ เมื่อวานนี้คนมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านเยอะมากเลยค่ะ ขายดีจนสินค้าในร้านหายไปครึ่งหนึ่งเลย""จริงเหรอจ๊ะ แม่ดีใจด้วยนะลูก" นางซูยิ้มกว้าง "แล้วขายได้เงินเท่าไหร่ล่ะ""เมื่อวานขายได้ตั้ง 1,000 หยวนแน่ะค่ะ แม้ว่าจะลดราคาครึ่งหนึ่งก็ตาม" ซินเยว่บอกด้วยความภูมิใจ"เก่งมากจ้ะลูก"ซูหลินลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู "วันนี้แม่จะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ไปเติมที่ร้านให้เอง ลูกจะได้ไปงานแต่งงานของเหมยฮัวได้อย่างสบายใจ""ขอบคุณมากนะคะแม่" หลิวซินเยว่ยิ้มกว
สองอาทิตย์ต่อไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ร้านบูติกของหลิวซินเยว่ก็ได้เปิดทำการที่ถนนหนานจิง เธอจัดร้านแบบร้านขายเสื้อผ้าในห้างยุคปัจจุบัน ทำให้ร้านของเธอเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก หน้าร้านเป็นกระจกใส มี หุ่นโชว์เสื้อผ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางร้านดูโดดเด่นสะดุดตา เสื้อผ้าสีสันสดใสตัดเย็บอย่างประณีตถูกสวมใส่โดยหุ่นเหล่านั้นราวกับมีชีวิตผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างชะงักฝีเท้า จ้องมองผ่านกระจกใสเข้าไปในร้านด้วยความสนใจ บ้างก็กระซิบกระซาบพูดคุยกันถึงความแปลกใหม่ บ้างก็จูงมือกันเข้ามาในร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น"นี่มันร้านอะไรกันเนี่ย ตกแต่งแปลกตาดีจัง" หญิงสาวคนหนึ่งพูดกับเพื่อนที่เดินข้างกันหลิวซินเยว่ในชุดเดรสสีแดงสด ยืนยิ้มต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ "ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญชมสินค้าตามสบายได้เลยนะคะ วันนี้ร้านเราเปิดร้านวันแรก ลดราคา 50% ทุกชิ้นเลยค่ะ"เสียงพูดของหลิวซินเยว่ ดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของ"ลดตั้งครึ่งราคาเลยเหรอ จริงหรือเนี่ย" พี่สาวเฉิน สาวโรงงานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น"จริงค่ะพี่สาววันนี้วันเดียวเท่านั้นนะค
หลี่ฉินจัดการวางร่างคุณหนูจางผู้แสนเย่อหยิ่งลงบนเตียง ตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์คุณหนูตัวร้ายมีอารมณ์เป็นอย่างมาก เขาจัดการถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายจนตัวของเขาเปลือยเปล่า ก่อนจะเดินเข้ามาหาคุณหนูตัวร้าย“นี่แกจะทำอะไรฉัน ไอ้คนขับรถ ปล่อยฉันนะ กรี๊ดดดดดด ไอ้โรคจิต”หลี่ฉินเมื่อได้ยินคุณหนูตัวร้ายด่า เขาจัดการประกบริมฝีปากของเธอทันที ก่อนจะจูบอย่างหนักหน่วง จางเจียอิน พยายามจะผลักคนขับรถออกจากร่างกายแต่เรี่ยวแรงเธอเริ่มหายไป แต่ยิ่งเธอดิ้น เธอยิ่งมีอารมณ์ร่วมมากขึ้นร่างบางแทบไม่อยากยอมรับ ว่าตอนนี้เธอรู้สึกดีและเสียวซ่านเป็นอย่างมาก จนน้ำในช่องทางรักฉ่ำเยิ้ม“ไอ้คนชั้นต่ำ แกวางยาฉันใช่ไหม แกปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ “เธอดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ยิ่งดิ้นผมยิ่งชอบ คุณหนูรู้รึเปล่าครับ” สิ้นเสียงชายหนุ่มริมฝีปากของเขาก็ประกบลงมาอีกครั้ง เสื้อที่เธอใส่ถูกเขาฉีกจนเกิดเสียงดังแขวกก่อนจะโยนทิ้งไปไหนก็ไม่รู้หลี่ฉินบีบขยำเข้าที่หน้าอกของคุณหนูตัวร้ายอย่างแรง ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากของเขาลงสู่ลำคอของเธอ ไล่เลียซอกคอ ไล่ลงมาจนถึงเนินอกขาว เข
ทางด้านจางเจียอิน ลูกสาวคนเดียวของจอมพลจาง ผู้ทรงอำนาจแห่งกองทัพจีน ใบหน้าสวยหวานของเธอซีดเผือด ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาคู่คมฉายแววผิดหวังและโกรธแค้น"เป็นไปไม่ได้ นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาด" เจียอินพึมพำกับตัวเอง ขณะจ้องมองภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ ข่าวประกาศการแต่งงานของ ซุนเจ๋อ ชายหนุ่มที่เธอหมายปองกับ หลี่เหมยฮัว ที่จะจัดขึ้นในอีก2อาทิตย์ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจจางเจียอินวางแผนทุกอย่างอย่างรัดกุมเพื่อให้ได้ครอบครองซุนเจ๋อ แต่สถานการณ์กลับพลิกพลันให้ทั้งสองได้ลงเอยกัน ทุกอย่างกลับพังทลายลง ซุนเจ๋อ ไม่เพียงแต่หลุดรอดจากตกหลุมพรางของเธอ แต่เขายังไปแต่งงานกับศัตรูของเธอ"นังเหมยฮัว แกมันก็แค่ผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย" จางเจียอินกัดฟันกรอด "แกกล้าดียังไงมาแย่งพี่เจ๋อไปจากฉัน"ความโกรธแค้นในใจของจางเจียอิน พลุ่งพล่านราวกับไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง เธอขยำหนังสือพิมพ์ในมือจนยับยู่ยี่ ก่อนจะปาลงพื้นอย่างแรง"กรี๊ดดด...มันเป็นไปไม่ได้ พี่เจ๋อจะแต่งงานกับนังเหมยฮัวได้อย่างไร" จางเจียอินอาละวาดข้าวปาข้าวของ แจกันใบสวยราคาแพงจะลอยละลิ่วในห้องไปกระ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิวซินเยว่รีบตื่นแต่เช้า วันนี้เป็นวันสำคัญที่หวังหย่งเจี๋ยจะมารับเธอไปร่วมงานประมูลที่ดิน ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่ความฝันในการสร้างธุรกิจของเธอเสียงแตรรถดังขึ้นเบาๆ หน้าบ้าน ทำให้หลิวซินเยว่สะดุ้งเล็กน้อย เธอรีบแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน เรียบง่ายแต่ดูดี หวีผมยาวสลวยให้เรียบร้อย ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือใบเล็กแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่างหวังหย่งเจี๋ยยืนพิงรถจี๊ปสีเขียวเข้ม ใบหน้าคมคายประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นหลิวซินเยว่เดินออกมา เขาก้าวเข้ามา"ขอโทษที่มาช้านะคะ พี่รอนานหรือเปล่า" หลิวซินเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ"ไม่นานเลย พี่เองก็เพิ่งมาถึง" หวังหย่งเจี๋ยตอบ "พร้อมจะไปฟังผลการประมูลกันหรือยัง? "หลิวซินเยว่พยักหน้ารับ ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น "พร้อมแล้วค่ะ"หวังหย่งเจี๋ยปิดประตูให้เธอ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ เขาสตาร์ทรถ แล้วขับออกไปบนถนนสายหลักหลิวซินเยว่มองออกไปนอกหน้าต่าง รถยนต์คันแล้วคันเล่าแล่นผ่านไปมา ผู้คนต่างรีบเร่งไปยังจุดหมายปลายทางของตนเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"ตื่นเต้นไหม? " ช