“ที่ก่อเรื่องหลังแต่งงาน ก็เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีแย่งความโปรดปรานเท่านั้น อยากให้พระองค์ทรงมองนางมากขึ้นอีกสักครั้ง แม้ผลลัพธ์จะมิได้ดีนัก แต่ท่านอ๋องก็ทรงสนพระทัยพระชายาอย่างมากแล้วจริงๆ ภายในสองวันสั้นๆ จำนวนครั้งที่พบพระชายา นึกถึงพระชายา เทียบกับเมื่อก่อนแล้วเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนแปลกไปเล็กน้อย “ข้าถึงกับให้ความสนใจนางเพียงนี้?”เห็นจวินอู่พยักหน้า ริมฝีปากบางของเซียวเฉินเหยี่ยนเม้มเล็กน้อย ในใจกลับรู้สึกอธิบายไม่ถูกว่า การที่เสิ่นหรูโจวใช้ลูกไม้แย่งชิงความโปรดปราน เทียบกับการที่นางคิดจะไต่เต้าขึ้นที่สูงแล้ว ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก และสบายใจกว่ามากก็ใช่ หากในใจนางไม่มีเขา แล้วจะฝืนแต่งกับให้ได้เขาด้วยเหตุใดจวินอู่เห็นว่าเซียวเฉินเหยี่ยนไม่กล่าวสิ่งใด ก็อดถามไม่ได้ว่า “ท่านอ๋อง พรุ่งนี้พระชายากลับบ้านเดิม จะทรงเสด็จไปด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นหากไม่มีสวามีกลับไปด้วย นางจะถูกคนหัวเราะเยาะเอาได้?”เซียวเฉินเหยี่ยนหลุบขนตายาวลง ราวกับกำลังครุ่นคิดสิ่งใด ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็มิได้กล่าวแม้เพียงคำเดียว ……อาการป่วยของลู่หวายหนิงคงที่แล้ว
“อะไรนะ?” บนใบหน้าของเสิ่นหรูโจวมีความประหลาดใจวาบผ่าน “ไม่ใช่เสียหน่อย เหตุใดเจ้าจึงได้คิดเช่นนี้?”เมี่ยวตงคิดว่าที่นางพยายามช่วยลู่หวายหนิงอย่างยากลำบาก เป็นเพราะคิดอยากจะได้รับความโปรดปรานจากเซียวเฉินเหยี่ยน? นี่มันมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร?เมี่ยวตงเบิกตากลมโต กล่าวตอบอย่างจริงจังว่า “แม้อุปนิสัยของพระองค์จะเปลี่ยนไปมาก แต่ข้าน้อยรู้ว่า ทรงรักท่านอ๋องอย่างลึกซึ้ง หัวใจรักที่มีต่อท่านอ๋องไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพคะ”“ก่อนหน้านี้ พระชายาทรงอ่อนโยน มีเมตตาและคุณธรรม แต่ท่านอ๋องไม่ทรงโปรด ยามนี้พระชายาทรงกระทำสิ่งต่างๆอย่างห้าวหาญ ไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ คนทั้งคนเข้มแข็งขึ้นมา กลับกลายเป็นดึงดูดความสนใจของท่านอ๋อง จนแม้แต่พระชายารองก็ทรงสนพระทัยน้อยลง นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ว่า นี่ทำให้ทรงได้รับความน้อยใจมากเกินไปหรือเปล่าเพคะ”คุณหนูเพื่อช่วยลู่หวายหนิงแล้ว สถานการณ์พลิกผันไปมา ได้รับความยากลำบากมากมายเริ่มจากถูกคนเข้าใจผิด ท่านอ๋องไม่สอบถามเรื่องราวให้กระจ่างก็ลงมือทำร้ายคน ตีจนคุณหนูกระอักเลือดแล้ว! จากนั้นก็นำคุณหนูไปขังไว้ในคุกใต้ดินที่ทั้งหนาวทั้งชื้นนั่นอีก ในยามที่คุณหนูออกม
“เมี่ยวตง ยามนี้ข้าไม่ได้ชอบเซียวเฉินเหยี่ยนแม้แต่น้อย…”ขณะกำลังพูดอยู่ หางตาของเสิ่นหรูโจวพลันเหลือบไปเห็นเงาร่างสูงโปร่งเหยียดตรงกำลังมุ่งหน้ามาที่ห้องนางรู้ว่าเป็นผู้ใดทันทีโดยไม่ต้องมองให้ละเอียด พลันเพิ่มน้ำเสียงให้ดังขึ้นอีกหลายส่วน“ข้าช่วยนายน้อยลู่เพราะข้ามีเมตตา มิใช่เพื่อช่วยเซียวเฉินเหยี่ยน ยิ่งมิใช่เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา ใครต้องการเขากัน ข้าไม่มีทางเสียแรงใจกับบุรุษที่โง่เขลาพักนั้น เขาไม่คู่ควร”สองคำสุดท้ายนางจงใจพูดเสียงดังมาก น้ำเสียงแข็งกร้าวยิ่ง ราวต้องการทุบพื้นให้ทะลุส่วนเซียวเฉินเหยี่ยนที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้กับหูกลับสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง สาวเท้ายาวเข้ามาด้วยสีหน้าสงบนิ่งเขาเหลือบมองเสิ่นหรูโจวอย่างราบเรียบ หว่างคิ้วที่งดงามมีความเย่อหยิ่งโดยธรรมชาติเขารู้ว่าเสิ่นหรูโจวเป็นเพราะมองเห็นเขา จึงได้ตั้งใจพูดเช่นนี้ แม้ปากจะกล่าวว่าไม่สนใจแม้แต่น้อย ทว่าแท้จริงแล้วในใจกลับไม่ยอมแพ้อยู่อย่างลับๆช่างเถอะ หากเป็นเพราะต้องการแย่งชิงความโปรดปราน เขาสามารถเห็นแก่หน้าเสิ่นหรูโจวขึ้นอีกเล็กน้อย ทำให้นางสมหวังก็ได้แล้ว ดีกว่าปล่อยให้นางบังเกิดความคิดที่ไม่ควร ไปสร
มันจะทำให้เสียรสชาติมากเซียวเฉินเหยี่ยนหันศีรษะมาอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นความรังเกียจในก้นบึ้งดวงตาของเสิ่นหรูโจว ไฟโทสะกลุ่มหนึ่งก็ลุกโชนขึ้นมานี่มิใช่สิ่งที่นางต้องการหรือ นางลงแรงมากถึงเพียงนั้นเพื่อดึงดูดความสนใจของเขา มิใช่อยากให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางทำเพื่อเขาพวกนั้น เขาก็พยายามอดทน นิ้วเรียวกำแน่น กล่าวเย้ยหยันว่า “ได้ ในเมื่อเจ้าปฏิเสธข้า เช่นนั้นก็ช่างเถอะ อย่าได้เสียใจก็แล้วกัน”“พรุ่งนี้เป็นวันกลับบ้านเดิม พรุ่งนี้เช้าเจ้าตื่นให้เร็วหน่อย จัดของให้เรียบร้อย อย่าให้ข้าต้องรอเจ้า”สีหน้าของเสิ่นหรูโจวแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไรกัน ท่านจะกลับบ้านเดิมกับข้า?”“ดวงตาของเขามืดมิด แววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง” “หืม เจ้าไม่ต้องการ?”เสิ่นหรูโจวลุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน ใบหน้าที่เดิมสงบ เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มในเสี้ยววินาที“เซียวเฉินเหยี่ยน ท่านว่างมากใช่หรือไม่? หากท่านไม่มีสิ่งใดทำ สามารถกลับห้องไปนอนได้ สามารถไปเฝ้าที่หัวเตียงของมู่หว่านหรง สวดภาวนาให้นาง ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ อย่ามาเกะกะสายตาข้า”“ข้าขอพูดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ข้าไ
มีบางครั้งเขายิ่งเป็นเป็นบ้า เสียสติถึงขั้นคิดจะล่วงเกินนาง เช่นนั้นยังน่ากลัวกว่าเซียวเฉินเหยี่ยนในยามนี้มากข้อมือบางถูกเซียวเฉินเหยี่ยนกุมจนเจ็บ ทว่าเสิ่นหรูโจวมิได้รีบดึงออก แต่กลับเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แย้มริมฝีปากอย่างแผ่วบาง“เซียวเฉินเหยี่ยน ท่านอยากรู้ว่าข้าต้องการสิ่งใด ข้าสามารถบอกท่านได้ ก็ใช้เงื่อนไขที่ท่านติดค้างข้าอยู่สามข้อ ดูว่าท่านจะสามารถทำได้หรือไม่”“เวลานี้มาต่อรองเงื่อนไขกับเขา ช่างรู้จักเลือกเวลาเสียจริง!”เซียวเฉินเหยี่ยนจ้องนาง สีหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัว สะกดกลั้นไฟโทสะ น้ำเสียงทุ้มต่ำแสดงอาการหมดความอดทน พ่นออกมาคำหนึ่งว่า “พูด”เสิ่นหรูโจวกล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ข้าต้องการหย่า”เซียวเฉินเหยี่ยนพลันตกตะลึงไป เขาคิดว่านางจะเอ่ยถึงการร่วมหอ คิดไม่ถึงว่ายังคงเป็นการหย่าร้าง!จากนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกโมโหอย่างไม่รู้ที่มา พลันความโกรธเกรี้ยวที่ต้องการจะทำลายล้างสายหนึ่งก็โหมกระหน่ำเข้ามา “ไม่ได้”เนตรหงส์ของเสิ่นหรูโจวเลิกขึ้น ที่จริงแล้วนางก็ไม่ได้ตั้งความหวังสูงนัก การหย่าร้างมิใช่จะทำได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น“เช่นนั้นเงื่อนไขในการหย่าร้างต้องเปลี่ยนแปลง ทองคำล
ดวงตาใสกระจ่างของเสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างแน่วแน่“เงื่อนไขที่สอง ยามนี้ข้ายังคงเป็นพระชายา ดังนั้นเมื่อข้าอยู่ในจวนอ๋อง ก็ควรมีฐานะเฉกเช่นที่พระชายาควรมี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉินเหยี่ยนก็เลิกคิ้วขึ้น มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน “เจ้ายังไม่มีฐานะ? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องใช้อำนาจทำตามอำเภอใจ ไม่มีผู้ใดโอหังยิ่งไปกว่าเจ้าแล้ว!”เหอะ นางมีฐานะอย่างนั้นหรือ?แต่ไรมาเซียวเฉินเหยี่ยนล้วนคิดไปเองว่าได้มอบสิ่งต่างๆ ให้นางมากมาย นางเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ไม่เห็นความไม่เป็นธรรมทั้งมวลที่นางได้รับอยู่ในสายตา ไม่รู้แม้แต่น้อยว่า นางต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดบนใบหน้าดวงน้อยที่ประณีตงดงามของเสิ่นหรูโจวไร้ซึ่งรอยยิ้มอีกต่อไป กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ที่ข้าต้องการ คือให้เหล่าข้ารับใช้ในจวนอ๋อง รวมถึงมู่หว่านหรงที่มีฐานะเป็นชายารอง ปฏิบัติต่อข้าตามมารยาทที่ควรปฏิบัติต่อพระชายา ไม่อาจล่วงเกินข้า ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่มู่หว่านหรงจับข้าขังคุกใต้ดินในวันนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นอีก”“อีกอย่าง ในเมื่อข้ามีฐานะเป็นพระชายา เยี่ยงนั้นท่านอ๋องเช่นท่านก็ควรอยู่ร่วมกับข้าอย่างให้เกียรติ อย่างน้
“ไม่รู้จักดีชั่ว” เขาแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเห็นสีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ดีนัก เมี่ยวตงตัวสั่น รีบเข้าไปดูเสิ่นหรูโจว“พระชายาท่านไม่เป็นไรกระมัง?” นางสำรวจเสิ่นหรูโจวรอบหนึ่งด้วยความเป็นห่วงยิ่งเซิ่นหรูโจวทอดตามองเงาหลังของเซียวเฉินเหยี่ยน หัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับเมี่ยวตงว่า “ข้าไม่เป็นอันใด พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านเดิมแล้ว เจ้าไปเตรียมการเถิด”เมี่ยวตงเห็นนางไร้รอยขีดข่วนแม้เพียงปลายผม จึงได้วางใจ “เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว”รุ่งเช้าวันถัดมา เสิ่นหรูโจวตื่นมาชำระกายแต่เช้าวันนี้นางสวมอาภรณ์สีแดงเจิดจ้าตลอดเรือนร่าง นางมีผิวขาว ชุดกระโปรงสีแดงยิ่งขับให้ผิวของนางดูขาวยิ่งกว่าหิมะ ดวงหน้าที่งดงามโดยกำเนิดเป็นสีชมพูจางๆ ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่แตกต่าง ทั่วทั้งร่างราวกับโบตั๋นดอกตูมที่ผลิบาน งดงามแต่ไม่ยั่วเย้า เฉิดฉายแต่ไม่ทิ้งรสนิยมเมี่อเมี่ยวตงได้เห็นก็อดตะลึงค้างไปไม่ได้ แม้ว่านางจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายเสิ่นหรูโจวมานานหลายปี แต่ยังคงถูกรูปโฉมของนางทำให้ตกตะลึง“พระชายา ท่านงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ”รูปโฉมเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับไม่ชอบ รอจนท่านอ
ทหารยามตอบอย่างเคารพว่า “ท่านแม่ทัพกับท่านแม่ทัพน้อยไปเข้าเฝ้าแล้วขอรับ แต่ว่า น่าจะใกล้กลับมาแล้วขอรับ”เสิ้นหรูโจวส่งเสียง “อ่อ” ครั้งหนึ่ง ก้นบึ้งของดวงตามีความผิดหวังวาบผ่านถึงขนาดเคยเอ่ยปากด้วยตนเองว่า ยินยอมแม้กระทั่งตัดขาดกับตระกูลเสิ่น แต่จะต้องแต่งงานกับเซียวเฉินเหยี่ยนให้ได้นางกล่าวคำพูดหนักเช่นนั้น จะต้องทำร้ายจิตใจของพวกเขาแน่ วันนี้พวกเขาไม่อยู่ก็เป็นเรื่องปกติ“เจ้าไปทำงานเถิด ข้าจะไปพบท่านย่าก่อน”ทหารยามคารวะอย่างเคารพ เสิ่นหรูโจวนำเมี่ยวตงเดินเข้าไปในเรือนนานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน มองดูเครื่องใช้และสิ่งของตกแต่งทั้งหลายในจวน ในใจของเสิ่นหรูโจวรู้สึกซับซ้อน คัดจมูกขึ้นมาข้ารับใช้ในจวนเมื่อเห็นนางก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจและยินดีขึ้นมา ต่างพากันเข้ามาคารวะ นางล้วนยิ้มให้บางๆ เป็นการตอบรับเดิมนางคิดจะใช้ทางลัด เดินทะลุผ่านสวนดอกไม้ไปที่เรือนของท่านย่า คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเข้าในสวนดอกไม้แล้วแสงอาทิตย์เจิดจ้า บุพชาติเบ่งบานราวภาพปักหลากสีสัน เงาร่างสองสายหนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยเดินมาจากทางพุ่มดอกกุหลาบหญิงชราท่านนั้นมีผมขาวโพลนเต็มศีรษะ ใบหน้าแดงระเรื่อ บุคลิกงามส